EP : 52 รู้จักหลิ่วหมิงจื่อหรือไม่
“คืนถุงเงินอะไรกัน นี่มันถุงเงินของข้า” ชายหนุ่มทำหน้างงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่เด็กน้อยกล่าว
“ถ้าเป็นของท่านลุงจริงงั้นท่านลุงก็รู้นะสิว่าในถุงเงินมีเงินเท่าไร” เซียวจิ่งยู๋เอ่ยถามเสียงดัง คนผ่านไปมาก็พากันหยุดอยู่อย่างสนใจเมื่อเด็กน้อยนั้นเพิ่งจะมีเรื่องไปเมื่อวานนี้เอง ก็มีเรื่องกันอีกแล้ว
“เอ่อ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ข้าไม่เคยนับมันมีเยอะจนข้านับไม่หมดหรอก” ชายหนุ่มหยุดชะงักไปนิดหนึ่งเพื่อคิดหาทางออก ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“มีเรื่องอะไรกัน หือ ทำไมถุงเงินเจ้าไปอยู่ในมือชายผู้นี้ได้ละ” เซียวป้อจ้านเมื่อเห็นว่าทั้งสองมาช้าก็เลยออกมาตามแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้
“นี่มันถุงเงินของข้าต่างหาก” ชายหนุ่มบอกพลางชูถุงเงินให้ดูไปด้วย
“ถุงเงินเจ้าแต่มีชื่อลูกของข้างั้นหรือ” เซียวจิ่งยู๋ชี้นิ้วไปยังถุงเงินพลางร่ายวิชามายาให้ทุกคนเห็นว่านั่นมีชื่อของลูกชายของเขาอยู่ที่ถุงเงินไปด้วย
“เป็นไปไม่ได้! ข้าดูดีแล้วนี่!” ชายหนุ่มร้องขึ้นอย่างตกใจเพราะเขาสังเกตมานานแล้วว่ามันไม่มีชื่อหรืออะไรเลย
“อ้าวท่านหมอมีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่ขอรับ” เฉินกู้เสียเอ่ยขึ้นเมื่อเดินผ่านมาทางนี้พอดี และก็ดูเหมือนเว่ยลู่เซียนกำลังมีเรื่องพอดี
“ท่านลุงๆ เขาขโมยถุงเงินของข้าขอรับ” เซียวจิ่งยู๋เมื่อเห็นว่าใครมาก็ร้องบอกทันทีตัวช่วยของเขามาได้จังหวะพอดี
“อะไร! นี่จับเจ้านี่ไปให้ทางการเลย แล้วเอาถุงเงินของหลานข้ามาด้วย” เฉินกู้เสียร้องบอกลูกน้องของตัวเองทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น
“ไม่นะ! ปล่อยข้า!!” แล้วชายหนุ่มก็ถูกจับตัวไป
“นี่ของเจ้าจิ่งยู๋” เฉินกู้เสียเอ่ยบอกพลางส่งถุงเงินไปให้กับเซียวจิ่งยู๋ไปด้วย
“พวกเจ้าเตรียมตัวกันพร้อมแล้วใช่หรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบเรื่องที่เขาต้องสูญเสียลูกน้องไปที่แคว้นฉงเหลียงนั้นเขาจะไม่ปล่อยพวกนั้นเอาไว้แน่ๆ
เขาได้ให้ลูกน้องฝีมือดีของเขาพันคนไปที่เมืองนภาแล้วโดยที่เขาส่งคนออกไปรอบละหนึ่งร้อยคน เพื่อไม่ให้เป็นที่จับสังเกตได้ง่าย
“เรียบร้อยดีขอรับ” ชายหนุ่มผู้เป็นลูกน้องเอ่ยตอบ
“ดี! ข้าอยากจะเห็นสีหน้าของพวกมันนักว่าจะเป็นยังไง ส่วนหญิงสาวที่เป็นนักหลอมโอสถนั้นจับตัวนางมาให้ได้” ชายหนุ่มเอ่ยย้ำลูกน้องของตัวเองอีกรอบ
“ได้ขอรับ” ชายหนุ่มรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปสั่งงานลูกน้องต่อ
“ข้าอยากจะรู้นักว่าพวกเจ้าจะเอาชนะพวกข้าได้อย่างไร”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเพราะที่เขาส่งไปนั้นมีระดับเซียนขั้นต้นสามสิบคนขั้นกลางอีกยี่สิบคนขั้นปลายอีกสิบคนที่เหลือเป็นระดับจักรพรรดิขั้นปลายกันทั้งนั้น พวกนั้นคงรอดยากเสียแล้วละ
การที่เขาส่งลูกน้องไปเยอะขนาดนี้ก็เพื่อกันพลาดเพราะขนาดที่ทำให้สาขาเล็กๆ ของเขาหายไปได้นั้นหมายความว่าฝีมือต้องไม่ธรรมดาและพวกนั้นต้องเอาคนมาเยอะเป็นแน่ถึงได้จัดการสาขาเล็กของเขาได้อย่างง่ายดาย
คิดจะมาเล่นงานพวกเขาก็ต้องเตรียมใจกันหน่อย คิดว่าพวกนอกกรีตอย่างเขาจะกระจอกอย่างนั้นหรือ
บอกเอาไว้ก่อนพวกนอกกรีตอย่างพวกเขานั้นมีไปทั่วไม่ว่าจะแคว้นไหนๆ เขาก็ส่งลูกน้องของเขาเข้าไปแทรกซึมและก่อตั้งสำนักนอกรีตเอาไว้ตามแคว้นต่างๆ ทำให้พวกเขานั้นไม่ต่างจากเจ้าของแคว้นดีๆนี่เอง
“ข้าอยากจะเห็นหน้าของเจ้าจริงๆ ว่าจะงดงามตามที่เจ้าพวกนั้นกล่าวกันเอาไว้หรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสายตาเรียบนิ่งเกินกว่าที่จะเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่
“นี่เจ้าพอจะรู้จักคนที่ชื่อหลิ่วหมิงจื่อหรือไม่” ชายหนุ่มที่อยู่โต๊ะข้างๆ ของเว่ยลู่เซียนเอ่ยถามกลุ่มของพวกนางพอดี
“ทำไมหรือเจ้ามีปัญหากับเขาหรือ” เป็นหลิ่วหมิงจื่อเองที่หันไปเอ่ยถามชายคนนั้น
ทำไมพักนี้มีแต่คนมาตามหาเขาบ่อยกันนักนะ หรือคนคนนั้นสั่งให้ตามหาเขากัน ไม่จริงน่า นี่เขาหนีมาตั้งเป็นเดือนแล้วนะ ทำไมเพิ่งมาตามหาปานนี้ล่ะ
“ก็ใช่นะสิ เจ้านั้นนะ ติดเงินของข้ายังไม่ยอมคืนเลย” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยบอกด้วยท่าทางจริงจังสุดๆ กะจะหลอกถามอีกฝ่ายว่ารู้จักหลิ่วหมิงจื่อหรือไม่
“งั้นหรือ แล้วหน้าตาเขาเป็นอย่างไร พอจะบอกข้าได้หรือไม่” หลิ่วหมิงจื่อเอ่ยถามต่ออย่างอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายไหนกันแน่ระหว่างมิตรและศัตรู แต่มาแบบนี้คงเป็นศัตรูของเขาเป็นแน่
“หน้าตาหรือ หน้ากลมๆ เหมือนซาลาเปาตัวโตท่าทางหน้ากลัวหน่อย อืม และที่สำคัญเลยนะ ไม่มีคิ้ว” ชายหนุ่มเอ่ยบอกซึ่งประวัติอันนี้เขาฟังมาจากเพื่อนๆ ของเขาที่ทำสายงานเดียวกัน
ซึ่งเขาไม่เคยได้เห็นคนที่ชื่อหลิ่วหมิงจื่อจริงๆ หรอกจำมาจากเพื่อนของเขาทั้งนั้น เพื่อนของเขาบอกว่าใครพาตัวหลิ่วหมิงจื่อมาได้จะได้เงินตอบแทนราคาแพง
“ฮ่าๆ งั้นหรือๆ หน้าตาแบบนั้นคงหาไม่ยากหรอก” หลิ่วหมิงจื่อได้แต่หัวเราะ เพราะไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่คนพวกนี้คิดว่าเขาเป็นแบบนั้น
“ฮ่าๆ ท่านอาๆ ข้าเพิ่งรู้ว่าท่านไม่มีคิ้ว” เซียวจิ่งยู๋หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อได้ยินชายหนุ่มคนนั้นบรรยายถึงหลิ่วหมิงจื่อที่ไปกันคนละทางกัน
“อย่าบอกนะว่า…ท่านคือ” ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็ได้แต่เบิกตากว้างพลางเอ่ยถามชายหนุ่มที่เขาเพิ่งหลอกถามไปเมื่อครู่
“มานี่เลย!” หลิ่วหมิงจื่อกล่าวขึ้นพลางคว้าคอของอีกฝ่ายติดมือแล้วพาเดินออกจากร้านอาหารไปทันที
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว