เนื้อหายังไม่ผ่านการอีดิธคำผิดจ้า
------------
Chapter 28
คุณว่าผมยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?
หนิงเจียวตื่นนอนอีกครั้งก็เป็นเช้าตรู่ของวันถัดมาจากวันเปิดงานแสดงเทคโนโลยีสมัยใหม่ เธอมองไปยังห้องที่คุ้นเคยจากในชาติก่อนอยู่สักพักเธอจึงค่อยได้สติ ว่าตอนนี้เธอไม่ใช่ตัวตนเก่าอีกต่อไป
หลังจากลุกออกไปอาบน้ำแต่งตัวในห้องเสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเธอเปิดประตูกลับออกมา คิงส์ตันก็ยืนปรากฏกายอยู่ในห้อง พร้อมโต๊ะนั่งเล่นที่เต็มไปอาหารเช้าและกลิ่นของเนยอุ่นๆ อันหอมหวาน
“เชิญครับคุณผู้หญิง” คิงส์ตันเผยรอยยิ้มสุภาพแล้วผายมือมาที่เก้าอี้
“ถ้านายยังเป็นพ่อบ้านฉันของอยู่ การบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้ไม่นับเป็นความผิดนะ” หนิงเจียวเอ่ยแซะ แต่ก็ยอมเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่อีกฝ่ายเลื่อนให้แต่โดยดีก่อนเอ่ยถามต่อว่า “แล้ววิดีโอที่ฉันส่งไปล่ะ เรื่องหลังจากนี้ราบรื่นดีหรือเปล่า?”
คิงส์ตันเดินไปนั่งที่อีกด้าน ในสายตาเฝ้ามองเพียงท่าทางงามสง่าของคนตรงหน้าที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยตามความเคยชิน จากนั้นเขาเอื้อมตัวออกไปรินน้ำผลไม้เย็นๆ จากขวดคริสทัลใส่แก้วให้อีกฝ่าย เป็นจังหวะของการเริ่มรับประทานอาหาร
“พูดสิ” หนิงเจียวไม่สนใจมารยาทการไม่พูดคุยระหว่างทานอาหาร ตอนนี้เธอโฟกัสอยู่กับเรื่องที่กำลังสนใจเท่านั้น
คิงส์ตันจึงเอ่ยตอบ “ระเบิดที่คุณโยนออกไปใส่ในงานมันค่อนข้างที่จะเป็นลูกใหญ่ก็จริง แต่ทว่าผลกระทบหลักๆ ของมันในสายตาผม มันกลับมีไม่มากนักหรอกครับ”
หนิงเจียวที่ก้มดูอาหารในจานพลันเงยหน้าขึ้นมองเขา เป็นเชิงบอกให้เขาเอ่ยต่อ
คิงส์ตันระบายยิ้มจางๆ ออกมาก่อนจะพูด “โดยเฉพาะภายในบ่ายวันเดียวกันนั้น ผลงานของคุณที่น่าตื่นตาของคุณถูกโค่นโดยบริษัทวิจัยพลังงานที่สร้างแบตเตอรี่แห่งหนึ่งในประเทศ N ที่ซุ่มมาเปิดตัวกลายเป็นหน้ามืดในงานครั้งนี้ เพราะผลงานของพวกเขาสามารถพัฒนาประสิทธิภาพได้เป็นสามเท่าจากมาตรฐานของแบตเตอรี่ในปัจจุบัน ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่และความสนใจของสื่อล้วนเทไปทางฝั่งนั้นเกือบทั้งหมดแล้ว”
หนิงเจียวได้ยินดังนั้นก็ยักไหล่พร้อมเอ่ยเสียงนิ่งว่า “ถ้าแค่เรื่องนั้นฉันไม่สนใจหรอกนะ ขอแค่งานของฉันส่งให้ฉันสามารถกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมบันเทิงได้ก็พอ”
คิงส์ตันมอง ‘คนไม่โลภ’ ตรงหน้า
“ความสนใจของคุณไปหยุดที่วงการบันเทิงตั้งแต่เมื่อไหนกันครับ” ถ้าเป็นธุรกิจแฟชั่น เครื่องประดับ หรือหนังสือเขายังพอเข้าใจได้มากกว่า เพราะมันเป็นสิ่งของจำเป็นและเป็นงานอดิเรกของหญิงชนชั้นสูงซึ่งหล่อหลอมอีกฝ่ายมาตั้งแต่เด็ก
หนิงเจียวนึกถึงการเข้าซื้อกิจการของไหวคังและการร่วมมือผลิตภาพยนตร์กับผู้กำกับไฉรุ่ย
“ก็แค่เรื่องบังเอิญที่ถอนตัวไม่ได้ ถึงฉันจะไม่อาจจะเคยกินหมูแต่ก็เห็นหมูวิ่งมาก่อน ยังไงธุรกิจนี้ก็ทำเงินได้ไม่ยากนัก ขอแค่มีทุนและความสามารถก็พอ” เธอส่ายหน้าพลางกล่าวยิ้มๆ
คิงส์ตันเลิกคิ้วใส่หนิงเจียว สีหน้าที่แสดงออกค่อนข้างโอเว่อร์มาก “เดี๋ยวก่อนคุณผู้หญิง โดยสรุปแล้ว เมื่อก่อนคุณไม่สนใจธุรกิจที่คุณครอบครองเอาไว้จริงๆ ด้วย”
หนิงเจียวกะพริบตาใสใส่ “จริงเหรอ? พวกเขาไม่น่าจะสนใจธุรกิจบันเทิงนะ”
“หรือผมอาจจะทำงานดีเกินไปหน่อย” คิงส์ตันถอนหายใจ
“ธุรกิจของเขาไม่ใช่ของฉัน ต่อให้นายยึดมันมาให้ฉันทั้งหมดโดยที่ฉันไม่ได้ร้องขอ ฉันก็แค่รับรู้ว่าในตู้เสื้อผ้าของฉันมันมีคอลเลคชั่นเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับเพิ่มเข้ามาใหม่จนหัวหน้าสาวใช้ต้องยื่นเรื่องขอขยายพื้นท่ในคฤหาสน์”
“แต่คุณไม่เคยสงสัยผมเหมือนคนพวกนั้น เรื่องที่ผมทรยศเจ้านาย เป็นไอ้ชั่วช้าที่ฮุบกลืนอำนาจและทรัพย์สินของตระกูลใหญ่อย่างลาร์มาเซย์และเอมเมรัลมาไว้ที่ตัวเองทั้งหมด” คิงส์ตันเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน แต่ดวงตากลับเฉยเมยและจืดชืดเป็นอย่างมาก
หนิงเจียวไม่ได้มองเขาอยู่ตลดอเวลา หลังจากทานขนมปังในมือหมดไปหนึ่งชิ้นแล้ว เธอก็เงบหน้าขึ้นแล้วพูดคุยต่อว่า “แล้วฉันจะทำยังไงได้? นายเล่นเปลี่ยนทุกอย่างเป็นชื่อของฉันทั้งหมด ทำให้ฉันกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วย เหอะๆ ฉันก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่านายเป็นคนที่มีความแค้นกับเอมเมรัลและลาร์มาเซย์หรือเปล่า ทั้งที่มีความสามารถมากมายขนาดนั้น แล้วหลังจากยึดเอาทุกอย่างจากครอบครัวทั้งเก่าทั้งใหม่ของเจ้านายมาได้แล้ว ฉันก็จะร่วงลงมาจากบัลลังก์สูงศักดิ์แล้วต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนหรือเปล่านะ”
ได้ยินความในใจของอีกฝ่ายเช่นนี้ แผ่นหลังของคิงส์ตันถึงกับเหยียดตรง “อะไรทำให้คุณคิดแบบนี้ คนพวกนั้นเป่าหูคุณลับหลังใช่มั้ย”
คนพวกนั้นที่ว่าก็คือบรรดาเครือญาติจากทั้งครอบครัวเธอและสามี รวมไปถึงภรรยาน้อยและลูกเลี้ยงของเธอด้วย
หนิงเจียวนึกถึงพวกเขาแล้วก็รู้สึกขุ่นเคือง พวกเขาไม่เคยปล่อยให้เธอมีชีวิตสุขสงบ และมักคอยรังควาน คอยรบกวนเธอเสมอ เธอไม่ภาพความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับพวกเขาเลย
“นายอย่าไปพูดถึงพวกเขาเลย ฉันมีช่วงเวลาอยู่นอกสายตานายด้วยเหรอ? อ้อ จะว่าไปก่อนตายก็พอมีเวลาอยู่บ้างนี่นะ” กล่าวจบเธอก็จิบน้ำผลไม้ในแก้ว ความหวานเย็นของมันทำให้อารมณ์ร้อนในใจเริ่มกลับมาผ่อนคลาย “เราอยากกลับมาพูดเรื่องคืนนั้นกันมั้ย คนที่ทำลายกลุ่มธุรกิจและลักพาตัวฉันก็คือเซธ? ลูกเลี้ยงแสนกตัญญูคนนั้นหรือเปล่า”
“...” คิงส์ตันหลบสายตา เขาเริ่มรู้แล้วว่าอีกฝ่ายพอจะเดาอะไรบางอย่างได้
“เขาล่วงเกินนายหลายครั้งตั้งแต่เด็กยันโต และเป็นคนเดียวที่นายยอมถอยให้ตลอดและละเว้นได้ทุกเรื่องกับที่เขาเหยียดหยามนาย แต่ถ้าดูจากพื้นเพความเจ้าคิดเจ้าแค้นของนายแล้ว ขนาดลูกพี่ลูกน้องที่ฉันพอจะพูดคุยด้วยได้เคยพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับฉันอยู่ครั้งเดียว เขายังไม่รอดจากการลงมือคิดบัญชีของนายเลยด้วยซ้ำ”
“บางทีการที่มนุษย์เราหลงลืมเรื่องในอดีตชาติ ก็เพื่อต้องการไม่ให้เกิดการยึดติดและการล้างแค้นที่ไม่จำเป็นยังไงล่ะครับ” ฝ่ายที่กะพริบตาใสเปลี่ยนฝั่งไปที่คิงส์ตันแทน เขาพูดหน้าตายต่อว่า “เรื่องของชาติก่อนคุณก็น่าจะปล่อยวางมันไป นี่ก็เพื่อการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับครอบครัวใหม่ และยังเป็นการแสวงหาเส้นทางใหม่ในการดำรงชีิวิตต่อไปด้วยนะครับ”
หนิงเจียวเอ่ยทะลุกลางปล้อง “หืม? งั้นนายปล่อยฉันไปได้ไหมล่ะ?”
“ไม่ครับ” คิงส์ตันเอ่ยโดยไม่ต้องคิดซ้ำ และไม่กังวลว่ามันจะเป็นการกลืนน้ำลายตัวเอง “เราสองคนเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อยู่นอกกฏแห่งสงสารวัฏอันลึกลับนี้ ทำไมพวกเราต้องไปยึดติดตามกฏของเขาด้วยล่ะ”
หนิงเจียวรู้สึกว่ามีดปาดขนมปังในมือมันกำลังสั่นระริก ชักอยากเอาไปแทงปากคนแถวๆ นี้ซะแล้วสิ
“กลับกลอกเก่งเสียเหลือเกินนะ เอาล่ะ กลับไปที่เรื่องของลูกเลี้ยงฉัน… โอ้ ไม่สิ ลูกชายแท้ๆ ของฉัน? ต้องแบบนี้สินะ”
หัวใจของคิงส์ตันหดเกร็ง เขาหลับตาลงซ่อนความขุ่นมัวและความเจ็บปวดเอาไว้ “ช่วงก่อนที่ผมส่งมอบข้อมูลของสหพันธ์ Z คุณก็ให้โนอาห์ ‘ลุกล้ำ’ เข้ามาในตัวผมสินะ”
“ไม่ต้องพูดสองแง่สองง่ามมาให้ฉันไขว้เขวเลยนะ” หนิงเจียวทำหน้าขรึมพลางหรี่สายตาลง “นายคิดอยู่อะไรกันแน่ นอกจากจะยืนมองดูผู้ชายคนนั้นสลับลูกของฉันที่ยังมีชีวิตกับลูกของภรรยาน้อยที่ตายตั้งแต่ยังเกิดได้หน้าตาเฉย ทั้งที่นายบอกตลอดว่าจงรักภักดีต่อฉัน แล้วทำไมถึงไม่บอก? ทำไมถึงปกปิด? เพราะคำสั่งของเขาหรอกเหรอ นายไม่ได้ซื่อสัตย์กับฉันที่สุด?”
คิงส์ตันนิ่งเงียบไปสักพัก เขาก็พลันชี้ไปที่อาหารที่เหลือบนโต๊ะ “ก่อนที่จะอธิบาย ผมอยากให้คุณทานมันให้หมดก่อน ไม่เช่นนั้นผมกลัวว่าการทานผิดเวลามันจะไปรบกวนระบบการย่อยของคุณได้”
หนิงเจียวได้ยินดังนี้ก็วางช้นลงทันที นับเป็นการต่อต้านอย่างหนึ่ง
สำหรับคิงส์ตัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นอีกฝ่ายแสดงด้านที่ดื้อดึงเช่นนี้
ยังไงเขาก็ดูแลเธอมานาน…
กระทั่งร่างนุ่มนิ่มร่างนั้นลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมานั่งบนตักของเขา นำพากลิ่นหอมเย็นที่เขาชื่นชอบมากที่สุดเข้ามาในระยะใกล้ “ไม่บอกจริงๆ เหรอ” อีกฝ่ายกล่าวพร้อมกับคล้องแขนที่รอบคอของเขา
จะอดอาหาร จะพูดจาเชือดเฉือน จะเมินเฉยไม่สนใจเขา ทุกการต่อต้านที่อีกฝ่ายเคยทำมา เขาค่อนข้างมีประสบการณ์ในการรับมือ แต่ไม่ใช่กับการถูกหว่านเสน่ห์ใส่แบบนี้!
เพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตร ริมฝีปากชมพูแวววาวนั้นก็จะแตะลงที่ปลายคางของเขาแล้ว
ทันใดนั้น มวลความร้อนไหลบ่าลงไปกองที่ช่วงล่าง ความตื่นตัวด้วยความไวดุจกะพริบตานี้ เพราะสติของเขาไม่อยู่กับร่องกับลอย เลยถูกการยั่วยวนระดับเด็กอนุบาลเข้ากล่อมจนเขาเกือบหลุดความควบคุม
โอเค เขายังไม่อยากกลายเป็นสัตว์ร้ายจริงๆ ในตอนนี้
“ก็ได้ครับ” คิงส์ตันตอบออกไป ภายในใจรู้สึกว่าความกังวลที่เขาเก็บซ่อนไว้มานานอาจจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงในระดับที่เขากลัวมาตลอด
จากนั้นเขาเปลี่ยนคำบอกเล่าเป็นคำถาม “คุณรู้มั้ยว่าใจกลางของสมองกลโนอาห์ที่อยู่ซ่อนในสถานที่ลับของลาร์มาเซย์ในโลกก่อน มันคืออะไรกันแน่”
หนิงเจียวส่ายหน้า ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายชี้ไปที่ขมับของตัวเอง
ลางสังหรณ์รุนแรงพลันผุดขึ้นมาในใจ ความสงสัยในอดีตที่เธอกลบฝังไว้เริ่มถูกปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง
จากนั้นเธอได้ยินเสียงทุ้มต่ำกล่าวเสียงเรียบออกมา
“ก่อนที่จะกลายเป็นคิงส์ตันในวันนี้ แต่เดิมผมก็คือสมองกลอัจฉริยะที่กลายเป็นสิ่งมีชีวิต”
เล็บของหนิงเจียวจิกลงบนหลังเสื้อของคิงส์ตัน หลังจากนั้นคำตอบที่เธอเดาได้รางๆ ก็ปรากฏออกมา
“...ผมก็คือโนอาห์ เป็นสมองดั้งเดิมของมันเอง”
หนิงเจียวไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตนเองกำลังแสดงสีหน้าไหนออกไปให้อีกฝ่ายเห็น
คิงส์ตันโอบรอบเอวของหนิงเจียวเอาไว้ ทำให้รู้สึกได้ผ่านนิ้วมมือว่าอีกฝ่ายกำลังสั่นเทาเล็กน้อย
“ไม่ใช่ว่านายกำลังเบี่ยงประเด็นใช่ไหม” หนิงเจียวควบคุมสติและเสียงให้หนักแน่น
โนอาร์… Ai (Artificial Intelligence) สมองกลระดับเทพผู้เป็นหัวใจของโลกยุคใหม่ ในฐานะซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งการประมวลผล และเป็นแกนกลางของมวลความรู้ทั้งมวลที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของมวลมนุษยชาติเอาไว้ทั้งหมด
ซึ่งการคงอยู่ของมันทำให้สหพันธรัฐที่เธออยู่กลายเป็นมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียว โดยที่อำนาจการตัดสินใจของโนอาร์สามารถส่งผลให้ลบดินแดนแห่งหนึ่งหายไปได้ เพราะมันควบคุมสุดยอดอาวุธเลเซอร์และหุ่นยนต์ทหารชั้นสูงนับล้านที่แม้มีเพียงตัวเดียว ก็ไม่ยากเลยที่จะถล่มเมืองเมืองหนึ่ง
และด้วยความสามารถในการควบคุมครอบครองซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ของโนอาห์ มันจึงเป็นทำผลให้ตระกูลลาร์มาเซย์กลายเป็นผู้นำของชนชั้นสูงทางการเมือง กระทั่งตระกูลเอมเมรัลของเธอผู้มีหน้าตาในวงการธุรกิจก็จำต้องยินยอมประจบประแจงพวกเขาทั้งสิ้น
เธอนึกว่าตัวเองนิ่งมากแล้วที่สมองของเธอตอนนี้มีโนอาห์ฝังอยู่ แต่กลับไม่อาจควบคุมความตื่นตกใจที่มีต่อการสารภาพของคิงส์ตันได้
“นายเป็น...สิ่งประดิษฐ์ของนิโคลัสผู้ยิ่งใหญ่งั้นเหรอ งั้นนายยังเป็นมนุษย์อยู่ใช่มั้ย?”
“แล้วคุณคิดว่าผมยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่าครับ?” คิงส์ตันถามย้อนกลับมา แววตาของเขาดูว่างเปล่ามาก
ในเวลานั้นเสียงของโนอาห์ดังขึ้นในหู “ปลดล็อกคำสั่งต้องห้าม ตอบโฮสต์ ขณะนี้ User 000 มีสถานภาพเป็นมนุษย์”
หนิงเจียวไม่ได้ยินเสียงของโนอาห์ในหัวมานานแล้วก็พลันนิ่งงันไปชั่วขณะ
“ขณะนี้?” เธอจำจุดสำคัญได้
คิงส์ตันตอบ “เมื่อก่อนผมเป็นอะไรบางอย่างที่คล้ายกับจิตวิญญาณ เป็นกลุ่มก้อนพลังงานที่หลุดออกมาจากเศษดาวเคราห์ที่ระเบิดตัวเองออกมาในหลุมกาแลคซี่ที่สามสิบเก้า จากนั้นมีกลุ่มนักเดินทางในอวกาศยุคหนึ่งได้เก็บตัวอย่างนั้นไปวิจัย และพัฒนามาหลายศตวรรษจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างซูปเปอร์คอมพิวเตอร์อย่างลับๆ มาโดยตลอด
ต่อมาการที่ผมเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ติดต่อเฉกเช่นมนุษย์ได้ ก็มาจากความบังเอิญที่ผมสามารถพัฒนาทักษะผ่านข้อมูลจำนวนมหาศาลบนโลกของคุณได้ ซึ่งพวกเขาเรียกสถานที่นั้นว่า ‘ทะเลข้อมูลแห่งดวงดาว’ มันเป็นห้วงมิติไซเบอร์ที่หล่อหลอมให้เกิดเป็นจิตใต้สำนึกขึ้น กลายเป็นตัวผมขึ้นมา” กล่าวถึงตรงนี้ คิงส์ตันถอนหายใจไปสักพักแล้วจึงกล่าวต่อ
“เพราะแบบนี้โปรเจกต์โนอาห์จึงถูกสร้างขึ้นและพัฒนาต่อไป โนอาห์กลายเป็นตัวแทนของสติปัญญาที่ข้ามผ่านหมู่มวลมนุษยชาติและเป็นตัวแทนของอารยธรรมชั้นสูง จนเกิดการต่อสู้แย่งชิงในสิทธิของการครอบครองสมองกลนี้ กระทั่งตกอยู่ในเงื้อมมือของลาร์มาเซย์ในฐานะผู้ชนะที่เหลือรอดเพียงหนึ่งเดียวในช่วงเวลาก่อนประวัติศาสต์แห่งดวงดาว”
ถ้าเช่นนั้นโนอาห์ ...ตัวคิงส์ตันก็ถือกำเนิดมากกว่าสามพันปีแล้วเหรอ ตั้งแต่ช่วงยุคเริ่มต้นของมนุษย์อวกาศเลยด้วยซ้ำไป!
“ถ้าเป็นสมองกล...” หนิงเจียวฉุดรั้งเขาไว้ ทำให้คิงส์ตันหยุดพูด “แล้วที่นายดูแลฉันมาตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็กล่ะ? ตอนนั้นนายเป็นพ่อบ้านของฉัน เป็นเพียงมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อคนหนึ่งนี่ ฉันจำได้ว่ามีตอนที่ฉันเคยถูกเกือบถูกลักพาตัวและนายช่วยฉันไว้จนบาดเจ็บ ตอนนั้นเลือดที่แขนของนายออกมาเยอะมากจนฉันหวั่นว่านายจะเสียเลือดจนตายเลยด้วยซ้ำ!”
ภาพความจำของเธอที่มีต่อดีคอนนั้นเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่เธอยังเป็นคุณหนูของเอมเมรัล ตัวเขาในตอนนั้นเข้ามาเป็นพ่อบ้านให้เธอตั้งช่วงที่เธออายุได้ราว 10 ปี และถือเป็นของขวัญที่ทางบ้านมอบให้เธอเพราะเขาประมูลพ่อบ้านอัจฉริยะคนนี้ได้จากตลาดแรงงานชั้นสูง ถือว่ามีประวัติที่ดีและตัวตนมีความชัดเจนมาก
“ก่อนที่จะเล่าว่าทำไมผมถึงกลายไปเป็นมนุษย์ได้นั้น...”
คิงส์ตันหยุดที่คำพูดนี้ก่อนเผยยิ้มละมุน จากนั้นเขาปรายตาไปมองที่มุมหนึ่งอย่างเงียบๆ ชักนำให้หนิงเจียวหันไปมองตาม
ทันใดนั้นเงาร่างสีขาวก็ปรากฏตัวที่มุมมืด ก่อนที่จะกระโดดขึ้นมานั่งบนพนักเก้าอี้ที่วางแขนใกล้ช่วงตัวของสองคนมาก
“นี่มัน...” หนิงเจียวแปลกใจ
“คุณเห็นแล้วคุ้นหรือเปล่า” คิงส์ตันเล่นเกมตอบคำถามอีกครั้ง ในขณะที่ลูบไล้เส้นผมที่ยาวจรดเอวของหนิงเจียวเป็นเชิงปลอบประโลม
หนิงเจียวย่อมต้องคุ้นตาหรือรู้จักมันดี เพราะเจ้าแมวตัวนี้คือแมวสายพันธุ์สกอตติชโฟลด์ ที่มีรูปลักษณ์แบบเดียวกันกับสัตว์เลี้ยงที่เธอเคยเลี้ยงเมื่อสมัยยังเด็กนั่นเอง
ไม่สิ มันมีความคล้ายแค่สามในห้าเท่านั้น
“หมายความว่ายังไง” เธอถามเสียงต่ำกลับไป ภายในใจครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่างที่น่าตกตะลึง
เธอจำได้ว่าตอนที่มีพวกนักเลงบุกบ้านของเธอเมื่อก่อน ตอนนั้นเธอโต้กลับไปได้ไม่นานร่างกายก็ถูกยึดครองโดยคนคนนี้ซะแล้ว
หรือว่า…
“หลังจากที่ทั้งสหพันธรัฐถูกควบคุมการทำงานโดยสมองกลโนอาห์ การทดลองต่อมาของพวกลาร์มาเซย์ ก็คือการทดลองเชื่อมต่อระหว่างสมองกลและสมองของสิ่งมีชีวิต จนการวิวัฒนาการของผมเกินขีดจำกัดของปัญญาประดิษฐ์ในความคิดของพวกเขาไป”
“นายก็คือลัคกี้?” หนิงเจียวเอ่นเสียงสั่น
คิงส์ตันเอียงศีรษะเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววรักใคร่ก่อนจะส่งเสียงตอบรับ “เมี๊ยว”
หนิงเจียวฟังแล้วรู้สึกขนลุก นั่นมันไม่เข้ากันเลยสักนิด ว่าแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกหยอกล้อเสียมากกว่าล่ะ นี่กำลังคุยเรื่องซีเรียสนะ!
“เป็นยังไง ข้อมูลที่คุณแฮ็กออกมาจากสมองของผม ไม่ได้รวมเรื่องต้นกำเนิดของผมด้วยใช่ไหม?”
อีกฝ่ายยังมีใจหยอกล้อเธอต่อ หนิงเจียวได้แต่พยายามแค่นเสียงหัวเราะออกมา
ข้อมูลที่เธอได้จากโนอาห์ของเธอ ไม่ได้เหมารวมถึงเรื่องนี้จริงๆ เธอทราบแค่ว่าเรื่องยุ่งเหยิงในชีวิตเธอทั้งหมดตั้งแต่ตอนเป็นเด็กกระทั่งโตเต็มวัย รวมไปถึงการคลุมถุงชนแต่งงานเข้าตระกูลลาร์มาเซย์ในตอนนั้น ทั้งการหักหลัง การตัดขาดจากสายสัมพันธ์และลูกในไส้ ก็ล้วนเชื่อมโยงถึงตระกูลลาร์มาเซย์และคนตรงหน้านี้ทั้งสิ้น
“นายบอกฉันที ที่ ‘เลียม เดอ ลาร์มาเซย์’ กำหนดมาว่าต้องแต่งงานกับฉันให้ได้ ทั้งที่เขาก็มีผู้หญิงของตัวเองอยู่แล้ว นั่นก็...” เป็นเพราะนาย?
หนิงเจียวยังกล่าวไม่จบประโยคริมฝีปากของเธอก็ถูกหยุดเอาไว้เสียก่อน
เมื่อชื่อของ ‘เลียม’ ผู้เป็นสามีในโลกก่อนของหนิงเจียวนั้นหลุดออกจากปากของเธอ ดวงตาของคิงส์ตันแทบลุกเป็นไฟ ก่อนจะหยัดกายเข้าหาและปิดเสียงเจื้อยแจ้วนั้นด้วยจุมพิตอันแสนเกรี้ยวกราด!
บาดแผลจากความทรงจำที่ถูกสะกิดขึ้นมาจากคนคนนี้ ทำให้ความโกรธ ความเกลียดชัง และพยาบาทในตัวคิงส์ตันคล้ายกับระเบิดปรมานูที่กวาดล้างสติของเขาไปในพริบตา
รู้ตัวอีกที เขารู้สึกเจ็บที่แผ่นหลังจากการถูกจิกอย่างรุนแรง และลิ้นของเขาที่ถูกกัดจนเห้อเลือด ทว่าเขายังคงจูบเด็กสาวตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง บดเบียดริมฝีปากและลากลิ้นพัวพันเด็กสาวอย่างดุร้าย จนลมหายใจของอีกฝ่ายกระท่อนกระแท่นแทบขาดอากาศหายใจจนตาย
ต่อให้เคยเป็นหญิงสาวที่ผ่านการแต่งงานมา เธอก็ยังนับเป็นหญิงสาวที่ไร้ประสบการณ์ด้านความรักอยู่ดีเมื่อเทียบกับคู่แต่งงานทั่วไป เรียกได้ว่าผ่านมาถึงสองโลก เธอไม่เคยเผชิญกับการถูกจูกที่บ้าคลั่งปนลึกซึ้งแบบนี้มาก่อน
การค้นพบนี้ทำให้อุณหภูมิภายในกายของคิงส์ตันพุ่งสูง แต่สติและอารมณ์กลับเย็นลงจนถึงจุดต่ำ
เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกมา เขาก็เจอเข้ากับหนึ่งรอยฝ่ามือบนใบหน้า ตัวคิงส์ตันที่รู้ตัวว่าทำผิดมหันต์ก็จำต้องแสดงสีหน้าขอลุแก่โทษอย่างจริงใจออกมา “ผมขาดสติไปหน่อย ในช่วงเวลาทั้งที่ ‘มัน’ ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว สิ่งที่ผมเกลียดพอๆ กับที่มีคนมาปองร้ายคุณ ก็คือผมไม่อยากได้ยินคุณเอ่ยชื่อของมันออกมาต่อหน้าผม หรือการที่มันมาปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ ตัวคุณด้วย”
หนิงเจียวน้ำตานองเต็มหน้า และแม้แต่ริมฝีปากเองก็บวมเป่ง ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นมาจากพายุอารมณ์ร้ายของอีกฝ่ายที่ทำเอาเธอแทบขาดใจตายจริงๆ เพราะพายุลูกนี้เกรี้ยวกราดยาวนานมากกว่า 20 นาที! เจ้าคนคนนี้ไม่ใช่มนุษย์จริงๆ ด้วย
คิงส์ตันเห็นแววตาดุๆ ของคนตรงหน้าแล้วก็นึกหงอขึ้นมา จึงเอ่ยถามเสียงนุ่มว่า “คุณเจ็บไหม มันจะกลายเป็นแผลในใจของคุณหรือเปล่า”
“ฮึ่ย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ จากนี้ฉันจะพยายามไม่อยู่ใกล้นายเกิน 2 เมตรแน่ๆ” เสียงหวานเอ่ยอย่างขุ่นเคือง พลางดิ้นตัวไปมาเพื่อให้หลุดจากกรงเล็บของอีกฝ่าย
คิงส์ตันกระชับอ้อมแขนของเขาแน่น ก่อนถอนหายใจเฮือกออกมา “คุณรู้ตัวมั้ยว่าท่าทีแบบนี้คือการยอมรับในตัวผมแล้ว โชคดีจริงๆ ที่ในที่สุดคุณก็วางตำแหน่งผมให้เป็นผู้ชายของคุณ มากกว่าที่จะเป็นผู้ดูแลหรือเป็นพี่ชายที่ซื่อสัตย์”
“ห๊ะ?” จู่ๆ สมองของนายคนนี้มันเป็นอะไรไปอีก
“คุณไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อต้านจากสิ่งที่ผมเล่า แต่คุณโกรธที่ผมรุกเร็วไปหน่อย และไม่ปฏิเสธกลายๆ ที่จะอยู่ในอ้อมกอดของผมต่อไปในอนาคต” คิงส์ตันสรุปทุกอย่างให้เข้าข้างตัวเองทั้งหมด
“ฉันแค่ยังฟังเรื่องราวเพียงเสี้ยวเดียว ยังมีสติพอที่จะตัดสินทุกอย่างอย่างยุติธรรมเท่านั้น!” หนิงเจียวกล่าวพลางเบือนหน้าหนี หัวใจก็สั่นระรัวไม่รู้ว่ามีบางประโยคแทงใจดำหรือเพราะประหวั่นกับความยึดติดของอีกฝ่าย
หรือว่าเธอจะถูกหมอนี่วางแผนล้างสมองมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว? และถ้าหากเขาเคยเป็น ‘ลัคกี้’ ของเธอ ก็เท่ากับว่าเกือบทั้งชีวิตของจอร์จิน่า ก็มีตัวเขาที่มีส่วนร่วมในการเติบโตของเธอมาโดยตลอด นี่มันมากกว่าพ่อแม่ของเธอเสียอีกนะ
“นายจะเป็นลัคกี้ไปได้ยังไง...”
เจ้าแมวสกอตติชโฟลด์ที่เธอเลี้ยงในโลกก่อน เป็นแมวที่เธอเก็บได้จากการไปงานเลี้ยงของตระกูลใหญ่โตแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอแน่ใจในตอนนี้ว่าสถานที่นั้นน่าจะเป็นตระกูลลาร์มาเซย์
ตอนนั้นมันมีบาดแผลลึกไปทั่วทั้งตัว ทั้งเกือบตาย ทั้งเกือบกลายเป็นแมวพิการ ตอนนั้นเธอพามันกลับบ้านและเฝ้าติดตามการรักษาของแมวตัวนี้จนเกิดปาฏิหาริย์หลายครั้ง ซึ่งในที่สุดมันก็หายดีและกลายมาเป็นแมวตัวโปรดของเธอหลังจากนั้น
นับแต่นั้นลัคกี้ที่ปกติจะเฉยชาต่อชีวิตมาก มันดูเป็นแมวที่ไม่รู้จักการกิน ดื่มและเล่น ทำให้เธอต้องคอยเอาใจ พะเน้าพะนอมันตลอด
สุดท้ายมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากแมวที่โง่ที่สุดในโลกมาเป็นแมวที่ฉลาดผิดปกติสุดๆ
เริ่มจากการตัวติดกับเธอ สนใจเธอ คอยดูแลระวังภัยเธอมาตั้งแต่ตอนนั้น และต่อมามันก็เริ่มช่วยเธอจากการถูกญาติพี่น้องรังแก ช่วยปัดถ้วยชามอาหารทิ้งเมื่อพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมในอาหาร ช่วยระวังไม่ให้เธอเดินสะดุดสิ่งของต่างๆ หรือที่เหลือเชื่อที่สุดก็คือช่วยเธอจากการถูกลูกหลงการลอบโจมตีของคู่อริทางธุรกิจที่จะมาทำร้ายพ่อแม่ของเธอ
มันมีตัวตนในจิตใจของเธอเป็นอย่างมากมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่สุดท้ายลัคกี้ก็ถูกญาติของเธอรุมทำร้ายจนตาย และจากนั้นเธอก็ไม่เคยมีความคิดที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงตัวไหนอีกเลย
ดวงตาของหนิงเจียวเริ่มปริ่มไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง แต่ก็หักห้ามใจไว้ได้ทัน “ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่านายคือลัคกี้มาก่อน?”
“อยากให้ผมเล่าความลับที่คุณบอกเพียงแค่กับลัคกกี้หรือเปล่าครับ เพราะจนถึงวันนี้ ผมก็ยังรักษาสัญญาไม่เคยบอกกับใครมาก่อนเลย” คิงค์ตันเอ่ยถาม ก่อนที่นิ้วมือคู่สวยข้างหนึ่งจะลูบไล้ไปที่หางตาสลับกับริมฝีปากของอีกฝ่าย
ใบหน้าของหนิงเจียวขึ้นสี เธอเอ่ยตะกุกตะกัก “...กระซิบบอกฉันสิ”
คิงส์ตันดันร่างของอีกฝ่ายให้นอนอิงแผ่นอกของตนเอง ก่อนจะกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูเพื่อเล่าเรื่องราวที่เคยแบ่งปันร่วมกันกับเขาในวัยเด็ก
ความฝันอันแสนงดงาม ความไร้เดียงสาในวัยเยาว์ ทุกเรื่องที่เขาเอ่ยออกมา หนิงเจียวยิ่งฟังก็ยิ่งขดตัวลงเป็นก้อนกลมๆ
มันเป็นท่าของการใฝ่หาความปลอดภัย และสามัญสำนึกของเธอได้เผลอปล่อยตัวให้อยู่ในอ้อมแขนนี้อย่างยินยอมพร้อมใจไปแล้วเสียได้
“คุณไม่รู้เลยว่า การใช้ชีวิตกับคุณในตอนนั้น ได้ปลุกจิตวิญญาณที่แท้จริงของผมขึ้นมา ทำให้โนอาห์ไม่เป็นเพียง Ai ที่ไร้ความรู้สึกอีกต่อไป ผมรู้สึกขอบคุณที่เจ้าบ้านรุ่นก่อนของลาร์มาเซย์ในตอนนั้นเป็นพวกวิปริต เขามีโครงการใหญ่ที่จะทดลองที่จะปลุกชีพสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วขึ้นมาใหม่ โดยการให้ผมคอยกระตุ้นสัญญาณชีวิตของสัตว์พวกนั้น ควบคุมการทำงานของอวัยวะทุกส่วน ผมทำไปเรื่อยๆ ตามคำสั่งของพวกเขา กระทั่งพบว่าตัวเองสามารถแยกจิตใต้สำนึกของระบบเข้าไปยังร่างทดลองตัวหนึ่งได้ และผมก็เลย...หนีออกมาจนเจอคุณที่อยู่ข้างนอกนั่น”
“ที่แท้ห้องทดลองก็อยู่ในบ้านหลังนั้นนี่เอง”
“มันอยู่ถัดลงไปอีกจากจุดที่คุณ...ถูกยิง” เมื่อนึกถึงเรื่องในคืนแห่งการจากลาระหว่างเขาและคนตรงหน้า ทำอย่างไรจิตใจของเขาก็ไม่สงบลงเลยสักที
“จากนั้นล่ะ” หนิงเจียวกระตุ้นถาม
“คุณน่าจะสังเกตอีกสักหน่อย แล้วคุณจะพบว่าในอดีต รอบๆ ตัวคุณมีสัตว์แปลกๆ ที่พยายามเข้าใกล้เป็นจำนวนมาก มันไม่ใช่เพราะคุณเป็นที่รักของพวกสัตว์ต่างๆ อะไรหรอก มันเป็นเพราะผมพยายามกลับเข้ามาหาคุณในทุกครั้งที่มีโอกาส และทุกครั้งที่ผมตายไปว่าจะเป็นเพราะร่างทดลองมีีข้อผิดพลาด หรือตายจากทั้งที่เป็นอุบัติเหตุหรือไม่ใช่ ซึ่งสุดท้ายผมก็จะพบว่าจิตใต้สำนึกของตัวเองถูกพากลับมาที่สมองกลอันเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้ง เหมือนมีโซ่ที่คล้องตัวผมอยู่ รอเวลาที่จะดึงผมกลับไปยังกรงขังนั่นทุกครั้ง
สำหรับเจ้าบ้านคนก่อน เขามีความรู้สึกผิดปกติมากขึ้นว่าการตอบสนองของผมค่อนข้างต่ำเกินเกณฑ์ในช่วงที่ผลัดเปลี่ยนสัตว์ทดลอง ทำให้ผมเริ่มสร้างระบบจำลองใหม่และเพื่อฉีกตัวเองออกจากเซิร์ฟเวอร์หลัก พวกมันถือเป็นลูกข่ายของผมที่ผมสามารถบังคับพวกเขาได้ ภายใต้กฏที่ลาร์มาเซย์ผูกมัดผมเอาไว้อยู่”
“กฏ?” หนิงเจียวพึมพำถาม
“กฏพวกนี้มีเพียงตอนที่ผมแยกจิตสำนึกออกมาหาคุณ ผมถึงจะเป็นอิสระ จนกระทั่งเจ้าบ้านคนนั้นตายไปและ ‘พ่อของมัน’ ก็เป็นคนสืบทอดต่อ การทดลองที่เริ่มทวีความบ้าคลั่งของพวกสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ก็เปลี่ยนไปสู่หัวข้อซากร่างมนุษย์ที่ตายไปแล้ว จนต่อมาอีกไม่กี่ปีหลังจากนั้นตัวตนของดีคอนก็ถือกำเนิดขึ้นมา”
เรื่องราวก็ไหลต่อไปยังจุดเริ่มต้นที่ ‘พ่อบ้านดีคอน’ ปรากฏตัวขึ้น
“ตอนที่ผมพยายามขยับร่างกายของเด็กคนหนึ่ง พวกเขาก็พบตัวผมได้อย่างรวดเร็ว และเรื่องหลายอย่างก็แดงขึ้น เพราะร่างมนุษย์ที่ปัญหามาก ไม่เหลือพวกสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ผมพบจะสลับเปลี่ยนบันทึกได้ และพวกมันก็มีขนาดเล็กมากที่จะหลบหนีออกจากสถานที่นั้น หลังจากนั้นพวกเขาก็ค้นหาศพมาจากที่ต่างๆ และผมก็พบเข้ากับร่างที่ดีที่สุดและกลายเป็นดีคอน ตอนนั้นเมื่อผมสามารถควบคุมร่างนั้นได้ ผมก็ต้องเฝ้ารอโอกาสอย่างสงบที่จะหนีไปและทำลายการทดลองทั้งหมดทิ้ง สร้างความวุ่นวายให้แก่ระบบสมองกลจนทั้งสหพันธรัฐกลายเป็นอัมพาต”
เธอจำได้ว่าสหพันธรัฐในขณะนั้นเป็นอัมพาตไปมากกว่า 3 ปี กว่าระบบสาธารณะต่างๆ จะถูกกอบกู้ขึ้นมาได้ใหม่ ช่วงเวลานั้นมีหลายๆ ประเทศเข้าคุกคาม เศรษฐกิจแทบพังพินาศ ผู้คนเกือบจะย้อนกลับไปสู่ยุคก่อนปฎิทินดวงดาว
“ผมปลอมแปลงทุกอย่าง วางแผนเพื่อเข้าสู่ตระกูลเอมเมรัล เพื่อกลับมาอยู่ข้างๆ คุณ ในฐานะพ่อบ้านดีคอน พ่อบ้านส่วนตัวของคุณหนูจอร์จิน่า เอมเมรัล”
.
.
---------------------
Riordan Talk :
เธอสอนให้ฉันรู้จักคำว่าชีวิต
เธอคือจิตวิญญาณของฉัน
-โนอาห์-
---------------------
แท็กในทวิตเตอร์และเฟส
#ชื่อจริงของเสี่ยวมาว
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว