วันนี้มีเรื่องให้จัดการหลายเรื่อง ช่วงเช้าไปที่ร้านอาหารพฤกษาเพื่อพูดคุยกับผู้จัดการว่าอัสมาจำเป็นต้องลาออก สาวเจ้ากระดากปากเหลือเกินที่ต้องพูดถึงเหตุผลจริงๆว่าปราชญาธิปแค่ไม่อยากให้ทำงานหนัก ตอนเข้าไปคุยถึงไม่ได้มีเพียงเธอและแฟนหนุ่ม แต่ยังลากเพื่อนสนิทอย่าสุวพิชชาและเพื่อนร่วมงานคนที่คาบข่าวมาบอกถึงภยันตรายเพื่อมายืนยันว่าเธอออกด้วยเหตุผลนี้ ซึ่งผู้จัดการวัยกลางคนก็ตะลึงไปเลยในเรื่องที่มีคนจ้องเล่นงานลูกน้องตน
หล่อนคิดจะรั้งไว้ในทีแรก เพราะเรื่องแค่นี้ไม่คณามือด้วยซ้ำ เพียงแต่คนที่มาด้วยกันกับอัสมานั้นทำให้จำต้องสงบปากสงบคำ อย่างไรก็คงจะให้ลาออกให้ได้ จึงทำเรื่องเบิกเงินเดือนในส่วนของเธอให้อย่างไม่อิดออด
เสร็จจากร้านอาหารก็ตรงไปที่บ้านเนื่องจากไม่ได้กลับมาหลายวัน พลันเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็ได้แต่ยืนกะพริบตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ซ้ำยังแกล้งหยิกแขนตัวเองจนสะดุ้งด้วยรู้สึกเจ็บ ภาพตรงหน้าไม่ใช่ความฝันอย่างนั้นหรือ
สิ่งที่ปรากฏเด่นชัดเป็นสิ่งแรกคือร้านโจ๊กที่อยู่หน้าบ้าน ก่อไปเธอจำได้ว่าสภาพมันไม่พร้อมใช้งานเลยสักอย่าง แต่บัดนี้กลับมีข้าวของชิ้นใหม่วางไว้อย่างเป็นระเบียบ ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์ทุกอย่างราวกับเป็นของที่ไม่เคยผ่านการใช้งาน สิ่งที่โดดเด่นในสายตาเธอไม่แพ้ร้านโจ๊กเลยเห็นจะเป็นรอบๆ บ้านที่ไม่มีหญ้าขึ้นรกหูรกตา มันถูกตัดจนเตียนต่างจากตอนที่เธอเคยเห็นจนชินตา
มองไปไม่นานก็สะดุดกับบางสิ่งบางอย่างที่ทำเอาคนมองตาโต “คุณโปรด นั่น!”
“ชอบหรือเปล่า”
คนถูกถามมีหรือจะส่ายหน้า สาวเจ้าพยักหน้าให้แฟนหนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ พลางโน้มใบหน้าไปหาความหอมของดอกกุหลาบสีแดงสด ความสูงข้องต้นกุหลาบนั้นไม่มากนัก เลยเข่าของเธอมาเพียงนิด ซึ่งดูด้วยตาเปล่าก้พอจะทราบได้ว่าเพิ่งลงดินได้ไม่นาน และไม่ได้มีเพียงต้นสองต้น แต่มันไม่ต่างกับสวนหย่อมขนาดย่อมเลยด้วยซ้ำ เหมือนจะมีมากกว่าที่บ้านของปราชญาธิปอีก
“เอ๋ แบบนี้หนูก็ไม่ต้องตัดที่บ้านของคุณแล้วสิคะ”
“ตัดไม่ตัดไม่รู้ แต่สิบสองดอกที่เสียไปฉันยังไม่ลืม”
อัสมาทำหูทวนลม “ไปหาแม่ดีกว่า คิดถึงจังเลย” แล้วร่างบางก็ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามโดยที่ทำอะไรไม่ได้ เขาจึงเดินตามเข้าบ้าน “โอ้โห เตียงใหม่ ชุดที่นอนใหม่ ทีวีใหม่อีก ใจป้ำสุดๆ”
เธอจำเป็นต้องเอ่ยชมเพราะเขาทุ่มให้มากเหลือเกิน เตียงที่แม่เธอนอนก่อนหน้านี้เป็นเตียงทั่วๆ ไปที่ที่บ้านมีอยู่แล้ว แต่บัดนี้กลายเป็นเตียงพิเศษที่เหมาะแก่ผู้ป่วย ส่วนเตียงเดิมนั้นเป็นของป้าติ๋มไปโดยปริยาย โทรทัศน์หน้าจอมหึมานั่นก็ของใหม่ เธอจำได้ อันเก่ามันแค่สามสิบสิงนิ้วเท่านั้น
เรื่องเครื่องปรับอากาศนั้นรู้อยู่แล้ว แต่พอเห็นจริงๆ ก็อดตะลึงไม่ได้ บ้านเธอน่าอยู่ขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ!
“เธอได้แฟนดีจริงๆ นะอัส”
สาวเจ้าหันมองคนพูด “ค่ะ”
คำตอบแสนสั้นทำให้คนหลงตัวเองหลุดยิ้ม อัสมาดึงสายตากลับไปมองยังมารดา พลางเดินไปหาอย่างไม่รอช้า “แม่ หนูมาแล้ว ไม่ได้คุยกันตั้งหลายวัน คิดถึงหนูไหม อ่า หนูก็คิดถึงแม่มากๆ เหมือนกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะไปรับน้องที่พะเยานะ ไปกับคนนี้” ไม่ต้องรอให้อัสมาเรียก ปราชญาธิปก็เดินไปหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วยกมือไหว้บุพการีของแฟนสาว “คนนี้ คุณโปรด แฟนหนูเอง นิสัยดีมากด้วย แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะ น้องๆ ด้วย ทุกคนสบายดี”
เสียงอ้อแอ้ของมารดาพยายามตอบกลับมา เธอจึงยื่นมือไปจับมือ น้ำตาราวจะไหลทว่าก็กลั้นไว้สุดใจ
“รักแม่นะ อยากได้ยินเสียงแม่เหมือนกัน อยากคุยด้วย”
มือแกร่งยื่นไปกุมมือบางไว้อีกที “ผมจะดูแลอัสเป็นอย่างดีครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ทำใจให้สบาย ปาฏิหาริย์มีจริงเสมอครับ ส่วนน้องๆ อีกสองคนผมก็จะดูแลให้ ไว้ใจผมได้เลยครับ”
แม่จะขยับตัวไม่ได้ แต่ก็สามารถแสดงความรู้สึกให้ผู้อื่นได้รับรู้ เช่นหยดน้ำสีใสที่ไหรรินจากหางตา ทำให้ได้รู้ว่าแม่ของเธอก็ร้องไห้เป็น อัสมาที่กลั้นน้ำตาไว้จึงยุติความอดทน ปราชญาธิปต้องปลอบอยู่พักใหญ่กว่าแฟนสาวจะหยุดร้อง คนตัวเล็กสะอื้นตัวโยนด้วยทั้งคิดถึงและสงสารผู้ให้กำเนิด
ภาพความทรงจำที่ได้พูดคุย หยอกล้อ ได้ไปเที่ยวกับแม่ กินอาหารฝีมือแม่ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทำได้อร่อยเท่านี้ เธอจึงยิ่งเสียใจ ปราชญาธิปไม่อยากให้คนป่วยต้องทนฟังลูกสาวร้องไห้จึงพาอัสมาหลบมาอยู่ในห้องนอน
แค่ให้มาเยี่ยมบ้านเพราะจากไปหลายวัน กะมาเอาซีนพระเอกใจป้ำ ที่ไหนได้ โดนเด็กขี้แยแย่งซีนจนต้องมานั่งปลอบซึ่งกว่าจะหยุดร้องก็นานเอาเรื่อง
“เรื่องนั้นไม่น่าเกิดขึ้นกับครอบครัวหนูเลย”
ไม่ใช่เพียงแต่มารดา บิดาก็เป็นคนหนึ่งที่สาวเจ้าคิดถึง
ปราชญาธิปไร้คำพูด เพราะเรื่องที่เธอประสบพบเจอนั้นนับได้ว่าเป็นแผลในจิตใจ ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรูจะช่วยได้ เขาจึงทำเพียงนั่งอยู่ข้างๆ ลูบแผ่นหลังบอบบางเพื่อบอกให้เธอรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้
ชายหนุ่มเข้าใจดี พ่อแม่ของเขาก็ไม่อยู่ดูเขาเติบโตเช่นกัน แต่มีหรือที่พวกท่านจะอยากละทิ้งไป ไม่มีใครอยากให้เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเองทั้งนั้น แต่มันเหนือความสามารถจะหยุดยั้งได้
เดิมทีปราชญาธิปตั้งใจว่าจะไปจัดการเรื่องของคนพวกนั้นที่บังอาจคิดจะทำร้ายอัสมา แต่เพราะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นจึงไม่คิดจะห่างไปไหน สุดท้ายมือที่ยังว่างก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พิมพ์ข้อความเพื่อสั่งงานกับอรัณย์และชยางกูรที่วันนี้คงจะเข้ารีสอร์ทไปแล้ว
แต่แล้วอย่างไร มีเรื่องอันใดที่สำคัญกว่าอัสมาด้วยหรือ
‘ทำยังไงก็ได้ให้มันไม่กล้าแม้แต่จะคิดแตะต้องอัส’
‘ถ้ามันยังไม่หยุด กูจะทำให้มันไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน’
อันที่จริงมากกว่านั้นเขาก็กล้าทำ
อรัณย์อ่านข้อความที่เจ้านายส่งลงมาในกลุ่มซึ่งมีกันทั้งหมดห้าคนแล้วเกิดความสงสัยก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป ที่ปราชญาธิปเลือกใช้กลุ่มแทนแชทส่วนตัวเพราะต้องสั่งงานลูกน้องถึงสองคน จึงขี้เกียจพิมพืหลายครั้ง ครั้นจะให้โทร. ก็ไม่ได้ ขืนอัสมาได้ยินคงรับความเถื่อนของเขาไม่ได้
‘สรุปว่านายจะไม่ไปเองเหรอครับ’
‘เห็นเมื่อเช้าบอกผมว่าไม่ต้องยุ่ง’
เจ้านายหนุ่มถอนหายใจ ก็เพราะมันเป็นเรื่องของอัสมาโดยตรงเลยอยากจัดการเอง เดี๋ยวนี้ลูกน้องเขาก็ยอกย้อนเก่งยิ่งกว่าอะไร สั่งๆ ไปก็ต้องมีคำถามให้รำคาญ
‘ยุ่งได้แล้ว ไม่ว่างไป’
‘ทำไมครับ หรือนายมีธุระด่วน’
‘ปลอบเมีย มึงอยากรู้อะไรอีกไหม เป็นพ่อกูหรือไงถึงถามมากนัก’
‘ไม่แล้วครับ เดี๋ยวผมกับเฮียเฉื่อยจะจัดการให้ เชิญนายปลอบเมียต่อได้เลยครับ’
ไอ้นี่!
เขตปลอดพ่อไอ้จัด
แต่ก่อนไม่ได้ใช้ชื่อนี้ เป็น เขตปลอดนาย มีกันอยู่สี่คน ชยางกูร อรัณย์ ดิฐากรและจีรกิตติ์ เพียงแต่หลังน้องเล็กอย่างจีรกิตติ์คิดเล่นของสูงจนได้เป็นน้องเขยเจ้านาย ชื่อกลุ่มจึงถูกเปลี่ยนเพื่อสดุดีให้แก่ผู้กล้า
ปราชญาธิป พ่อของไอ้จัดมัน โดนต่อยหน้าหงายมาแล้ว สงสัยจะเป็นการแสดงความรักของพ่อลูกกระมัง
‘จัด พ่อมึงหาแม่ให้แล้วว่ะ’
ข้อความจากดิฐากรถูกอ่านครบทั้งสามคน เรียกรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี ก่อนน้องเล็กจะตอบกลับ
‘ครอบครัวสุขสันต์ครับ’
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว