True World โลกแท้จริง-ตอนที่ 3 ค่าสถานะ

โดย  Blackest Fantasy

True World โลกแท้จริง

ตอนที่ 3 ค่าสถานะ

ตอนที่ 3 ค่าสถานะ

นทีพยายามหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ เพื่อทำให้ตัวเองใจเย็นลง แต่เสียงหุ่นยนตร์ที่ดังขึ้นในหัวก็ทรยศความตั้งใจของเขาส่งให้เขาแทบจะหงายหลัง

คำนวณไอเท็มเริ่มต้นตามค่าสถานะของผู้เล่น

ตรวจพบค่าความฉลาดสูงที่สุด

คุณได้รับไอเท็ม คทาเวทมนตร์ ระดับ F

ขนมปัง 5 ชิ้น

น้ำยาฟื้นฟู MP เล็ก 5 ขวด

ริสแบนแสดงตัวตนผู้เล่น

หลังจากที่เสียงของระบบสิ้นสุดลง กล่องสีดำขนาดเล็กลอยออกมาจากวงกลมสีฟ้าที่เหมือนประตูมิติ นทีไม่ได้สังเกตเห็นวงกลมนั้นเพราะมันปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีและหายไปและเขาก็กำลังจดจ้องไปยังกล่องสีดำสนิทตรงหน้าที่ลอยค้างอยู่ในอากาศอย่างไม่อาจกะพริบตา

เขารวบรวมความกล้าแล้วยื่นนิ้วชี้ไปกดปุ่มที่นูนออกมา ทันใดนั้นกล่องก็เรืองแสงสีขาวสว่างจ้าแล้วพุ่งเข้าไปในร่างกายของนที วินาทีถัดมาก็ปรากฏริสแบนสีดำโผล่ขึ้นที่ข้อมือ ลักษณะของมันเหมือนรอยสักสีดำสนิทที่แนบกับผิวหนังราวกับรอยสักทีเกิดจากช่างสักฝีมือยอดเยี่ยม เมื่อเขาลองนำมือไปลูบริสแบนนั้นก็เกิดแสงสีฟ้าวาบทะลุขึ้นมาจากริสแบน

นที รบูลย์กิจวินิตร อายุ 18 ปี

LV1 อาชีพ ไม่มี

HP 80/80 MP 25/25

ความแข็งแกร่ง: 6

ความว่องไว : 11

ความฉลาด : 49 [15+34]

พลังวิญญาณ : 5

แรงกาย : 8

ทักษะใช้งาน 0/5

ทักษะติดตัว 0/5

Master Skill : Reading Master

Passive : จำนวนหน้าหนังสือที่อ่านแล้ว 345,600 หน้า ค่าความฉลาดที่เพิ่มขึ้น 34

ช่องเก็บไอเท็ม 3/20

คทาเวทมนตร์ ระดับ F

ขนมปัง 5/99 ชิ้น

น้ำยาเพิ่ม MP เล็ก 5/99 ขวด

นทีอ่านค่าสถานะตัวเองทั้งหมด เขาเริ่มทำความเข้าใจทุกอย่างทีละบรรทัดเพื่อไม่ให้ตกหล่นรายละเอียดสำคัญ เริ่มจากชื่อและอายุแล้วเลื่อนสายตาลงไปถึงเลเวลและอาชีพ หากสิ่งเหล่านี้เหมือนกับเกม RPG เก็บเลเวลทั่วไปที่เขารู้จักแล้วละก็ มันก็คือหน้าต่างตัวละครตอนจะแตกต่างก็เพียงแค่อาชีพ ที่เกมปกตินั้นจะมีทั้งนักดาบ นักธนู นักเวทย์ หรือแม้กระทั้งพ่อค้าให้เลือกตั้งแต่ต้น แต่เขากลับไม่มีอาชีพใด ๆ เลย

นทีคาดว่าเขาคงต้องเก็บเลเวลให้ถึงเงื่อนไขขั้นต่ำเหมือนกับเกมออนไลน์เกมนึงที่เคยเล่นสมัยเด็ก ๆ มันเริ่มต้นด้วยการไม่มีอาชีพแล้วเมื่อเก็บค่าประสบการณ์ถึงเลเวลที่กำหนดถึงจะได้เปลี่ยนอาชีพไปเป็นตัวละครที่เก่งขึ้น หรือเฉพาะทางมากขึ้น

นั่นเป็นเพียงสิ่งที่นทีคิด แต่ในโลกที่แท้จริงนั้น สิ่งเหล่านี้มันจะง่ายดายเหมือนในเกมหรือไม่นั้น เขาไม่มีทางรับรู้ได้เลย เขาอาจจะติดอยู่กับการไม่มีอาชีพตลอดไปหรืออาจจะไม่สามารถเพิ่มเลเวลได้ด้วยซ้ำ เขายังไม่รู้แม้กระทั่งโลกที่เปลี่ยนไปว่ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ตอนนี้มันไม่ใช่โลกใบเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่อีกต่อไปแล้ว

นทีเลื่อนสายตาต่อมายังช่องที่เขียนว่า HP และ MP พร้อมกับตัวเลข 80 และ 25 ตามลำดับ ค่าเหล่านี้หากเปรียบเทียบกับเกมที่เคยเล่นแล้วมันก็คือค่าพลังชีวิต ซึ่งที่แสดงอยู่ตรงหน้านั้นคือ 80/80 หน่วย และค่าพลังมานาของเขาที่อยู่ที่ 25/25 หน่วย พลังชีวิตจากตรรกะของเกมเมื่อเราโดนมอนสเตอร์โจมตีพลังชีวิตของเราก็จะลดลง

หากมอนสเตอร์เหล่านั้นมีค่าพลังโจมตีที่เยอะมากกว่า 80 เขาก็อาจจะโดนมอนสเตอร์เหล่านั้นโจมตีทีเดียวแล้ววิญญาณออกจากร่างหรือที่เรียกว่า Game Over เลยก็เป็นได้

‘ถ้านี่เป็นเกม ถ้าเราตายหรือ HP หมด เราก็ควรจะฟื้นคืนชีพที่จุดเกิด แต่ที่ไหนล่ะจุดเกิด? อพาร์ทเม้นหลังนี้? เราจะเริ่มใหม่ได้ไม่จำกัดหรือเราจะตายจริง ๆ กันแน่ ' นทียกมือขึ้นมาจับที่คางระหว่างที่พยายามทำความเข้าใจ

หากพลังชีวิตหมดลงปกติแล้วเขาก็ควรจะตายเพราะนี่ไม่ใช่เกม มันคือชีวิตจริง แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้า ทักษะที่ได้รับ ทำให้นทีไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่าหากพลังชีวิตของเขาเหลือ 0 แล้วนั้นจะตายในทันทีหรือไม่ หรือเขาจะได้ชุบชีวิตแล้วเริ่มต้นใหม่ แต่เขาก็ไม่บ้าพอที่จะทดลองทำให้มันลดลงเป็น 0 เพื่อทดสอบทฤษฎีพลังชีวิตนี้

ด้วยความไม่รู้เพราะข้อมูลไม่มากเพียงพอ ความหวาดระแวงของนทีนั้นเป็นเรื่องปกติ การที่จะให้ยอมรับสิ่งใหม่ได้ในทันทีนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะน่าเหลือเชื่อสักแค่ไหน ระบบที่อยู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นนั้น มันทำให้เขาไม่สามารถจะไว้วางใจได้ ใครจะไปรู้ว่านี่อาจเป็นแค่การทดลองของรัฐบาลหรือกลุ่มก่อร้าย แล้วเขาก็แค่หนูตัวทดลองตัวหนึ่งในโครงการก็ได้ เขาไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเลยสักนิด

นทีปล่อยให้เรื่องของ HP หมด หรือการตายเป็นเรื่องของอนาคต โดยที่สัญญากับตัวเองอย่างแน่วแน่ว่า เขามีเพียงชีวิตเดียวและโอกาสในการใช้ชีวิตครั้งเดียวเดียว การใช้ชีวิตโดยที่คิดว่ามีโอกาสที่สองที่สามเหมือนกับในเกมนั้นเป็นความคิดที่อันตรายเป็นอย่างมาก การใช้ชีวิตเดียวให้คุ้มค่าที่สุดโดยไม่เสียใจต่างหากคือหนทางที่เขาตั้งใจจะเลือกเดิน เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงมองไปยังค่าถัดไป

ค่า MP นั้นหากเป็นในโลกของเกม มันคือสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายมาก เพราะในเกมก็จะมีสกิลหรือทักษะพิเศษของตัวละคร ที่จะต้องใช้มานาในการร่ายหรือการใช้ทักษะเหล่านี้เพื่อโจมตีมอนสเตอร์ มันเป็นการโจมตีแบบพิเศษกว่าปกตินั่นเอง ตัวเลข 25 ของมานาที่เขามีคือตัวเลขที่นทีไม่สามารถรู้ได้ว่ามันน้อยหรือมากกันแน่

เขาเหลือบมองไปยังช่องที่เขียนว่า Active Skill ที่มีตัวเลขกำกับว่า 0/2 หากเขามีทักษะเพื่อใช้อ้างอิงว่ามานาของเขาจะเยอะหรือน้อยก็คงจะดี แต่ทักษะเดียวที่เขามีในตอนนี้คือ Reading Master ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องใช้มานาในการใช้งาน เขาจึงเลือกที่จะปล่อยเรื่องของมานาเอาไว้ก่อน

'คงไม่ใช่ว่าทักษะนึงต้องใช้ถึง 50 มานาหรอกนะ ฮะ ๆ'

นทีคิดเล่น ๆ ในใจ หากว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงคงน่าหงุดหงิดเป็นแน่

'ไม่ ไม่ ไม่ควรจะคิดแบบนั้น แบบนั้นมันปักธงชัด ๆ !'

นทีบ่นกับตัวเองแล้วพยายามสลัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัว จากประสบการณ์อ่านนิยายแนวแฟนตาซีมาหลายเรื่อง เขารู้ดีว่าเมื่อไรที่ตัวละครคิดเรื่องแย่ ๆ มันมักจะเกิดขึ้นจริง!

เมื่อนทีเลื่อนสายตามาพบกับ 5 ค่าสถานะตั้งแต่ความแข็งแกร่ง ความว่องไว ความฉลาด พลังวิญญาณและอย่างสุดท้ายก็คือแรงกาย มีค่าสถานะหนึงที่สะดุดตาในทันที เพราะค่าตัวเลขสถานะนี้กับสถานะอื่น ๆ นั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด มันก็คือค่าความฉลาดที่ตัวเลขของมันพุ่งสูงถึง 49! ในขณะที่ค่าอื่น ๆ นั้นส่วนใหญ่ยังอยู่ในเลขหลักเดียวเสียด้วยซ้ำ

‘15+34 ... หากดูจากตัวเลขนี้แล้วค่า 34 คงมาจาก Reading Master และ 15 คือค่าความฉลาดพื้นฐานของเรางั้นสินะ’ นทีตั้งข้อสังเกตจากตัวเลขที่เหมาะเจาะ เมื่อพิจารณาจากจุดนี้แล้วจึงค้นพบว่าค่าความฉลาดพื้นฐานของเขาสูงกว่าค่าสถานะอื่น ๆ อยู่เกือบครึ่งเท่าตัวเลยทีเดียว

หากมีหนึ่งสิ่งที่นทีมั่นใจในตลอดช่วงชีวิตของเขาแล้วล่ะก็ นั่นก็คือความรู้มากมายที่ได้รับจากการอ่านหนังสือ เพียงแค่เปรียบเทียบระหว่างคนที่อ่านหนังสือหนึ่งเล่มกับคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือเลย ก็เปรียบดั่งคนธรรมดากับกบในกะลา แล้วเมื่อนำคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือมาเทียบกับตัวเขาเองที่อ่านมามากถึง 345,950 หน้า ด้วยการอ้างอิงจากทักษะ Reading Master แล้วล่ะก็ เขาก็เปรียบดั่งเทพเจ้าแห่งการอ่านนั่นเอง

ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้หรอกว่าเขาอ่านหนังสือไปเยอะเท่าไร แต่เมื่อมีทักษะนี้ เขาก็ได้รับรู้ว่าเขาอ่านไปมากเพียงใด หากนทีตีเป็นตัวเลขกลม ๆ ว่าหนังสือหนึ่งเล่มมีจำนวน 350 หน้า นั่นเท่ากับว่าหนังสือเกือบหนึ่งพันเล่มได้อยู่ในเซลล์สมองของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว! ก่อนหน้านี้เขาอาจจะมีปัญหากับเรื่องไม่สามารถจดจำรายละเอียดได้ แต่การได้รับทักษะ Reading Master นั้น เปรียบดั่งการที่เขาได้เกิดใหม่!

‘Knowledge is Power’ นทีอมยิ้มเมื่อเผลอนึกถึงคำพูดอันโด่งดังที่ไม่ว่าผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ยังมีคนพูดถึง ที่ดันมาตรงกับค่าสถานะที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า หากค่าความฉลาดโดด ๆ ถึง 49 ของเขาเมื่อเทียบกับค่าสถานะอื่น ๆ เป็นอย่างที่เขาคิดแล้วล่ะก็ เขาก็เหมือนกับได้รับพลังที่โกงที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้

นทีเลื่อนมามองความแข็งแกร่งที่มีอยู่แค่ 6 ก็ทำได้แค่ยิ้มแหย จากตัวเลขในแต่ละค่าสถานะที่เขาทำความเข้าใจมานั้น เขาก็เริ่มตั้งสมมติฐานขึ้นโดยอัตโนมัติแล้วว่า คนปกติธรรมดาน่าจะมีค่าสถานะพื้นฐานต่าง ๆ อยู่ที่ 10 เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วเขาก็สำรวจรูปร่างกายของตัวเองที่เขาไม่ค่อยใส่ใจมันมากนัก

หากจะหาคำใด ๆ มาอธิบาย รูปร่างของเขาแล้วล่ะก็ เขาคิดว่า 'โครงกระดูกที่มีชีวิต' คงจะเข้ากับตัวเขาได้อย่างพอดิบพอดีด้วยสีผิวที่ขาวซีดบวกกับความผอมแห้งที่เป็นเหมือนหนังหุ้มกระดูกนั่นเอง เขาไม่ได้มีรูปร่างแบบนี้ตั้งแต่แรก แต่หลังจากที่ถูกเนรเทศให้มาอยู่เพียงลำพัง เขาก็แทบจะอดมื้อกินมื้อทำให้รูปร่างที่เคยสมส่วนก็กลายเป็นผอมแห้งเหมือนโครงกระดูก

นทีไม่ได้แปลกใจกับตัวเลขที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปในเวลาสามปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยออกกำลังกายหรือพยายามใช้กล้ามเนื้อเลยสักนิด หากมีตอนไหนที่เขาจะต้องใช้กล้ามเนื้อแล้วล่ะก็ ก็คงเป็นตอนที่เขาวิ่งหนีจากเจ๊ร้านหนังสือเท่านั้น เขาใช้เวลาว่างทั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือ

จากส่วนสูงของเขาเขาจึงคิดว่าต่อให้พยายามออกกำลังกายหรือปั้นหุ่นอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถที่จะแข็งแรงพอเพื่อไม่ให้ถูกรังแกได้ มิหนำซ้ำการทำให้ร่างกายเติบโต อ้างอิงจากหนังสือ ' กล้ามล่ำบึกไม่ได้มาจากการออกกำลังกายหนักนะ! โดย นักเพาะกล้ามมือฉมัง' การมีกล้ามเนื้อนั้นต้องการโปรตีนที่เพียงพอและเขาก็ไม่มีสิทธิประโยชน์เหล่านั้น เพราะแค่ข้าวไข่ดาวก็ถือว่าหรูมากแล้วสำหรับชีวิตเขา

‘เก็บเงินไปซื้อไก่งั้นเรอะ เฮอะ! เก็บไว้ซื้อแท็บเล็ทยังดีดีซะกว่า!’ นทีคิดในใจ

หากเขาต้องเจียดเงินไปกับเรื่องไร้สาระในมุมมองของเขาอย่างการหาโปรตีนมาใส่ร่างกายแล้วละก็ การเก็บเงินเพื่ซื้อแท็บเลตที่สามารถมี E-book ให้อ่านได้อย่างไม่จำกัด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะเลือกอย่างไหน เมื่อนทีมองไปยังค่าความว่องไวที่สูงถึง 11 สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก็เผยออกมาจากใบหน้าของนที

‘ความว่องไวที่มากกว่าคนปกติทั่วไป? ด้วยร่างกายแบบนี้น่ะเหรอ?’ นทีคิดพร้อมมองแขนขาที่ลีบเหมือนตะเกียบ

นทีนึกถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความว่องไว ชุดสมการเหล่านี้ก็ผุดขึ้นมาในสมอง การมีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว การเคลื่อนที่อย่างว่องไว การทำงานร่วมกันและพลังของกล้ามเนื้อ นี่คือหลักการของความว่องไวที่นทีรู้จัก ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา กลุ่มวัยรุ่นที่วิ่งไล่กระทืบแต่เขาก็หนีรอดมาได้หลายหน หมาข้างถนนที่พยายามจะงับขาของเขาแต่เขาก็ขยับหลบอย่างว่องไวแล้วใช้เท้าเสยคางมันจนร้องเอ๋งหรือแม้กระทั่งกิจกรรมประจำวันอย่างการที่เขาต้องวิ่งหนีจากเจ๊ร้านหนังสือทุกครั้ง

‘ ความว่องไว 11 ก็ดูจะสมเหตุสมผลแล้วล่ะนะ หากเราหนีได้ก่อนที่จะโดนกระทืบ มันก็แปลว่าเรารอด หากเราไวพอ การหลบหนีก็ยังดีกว่าการโดนกระทืบอยู่ดีนั่นล่ะ บางทีการมีกล้ามเนื้อที่เบาหวิวก็อาจจะเป็นข้อดีก็ได้?’

นทีคิดถึงเหตุการณ์เอาชีวิตรอดในอดีตเหล่านั้น ยังไม่ทันที่นทีจะได้หายข้องใจจากค่าสถานะความว่องไวคิ้วของเขาก็เริ่มขมวดเป็นปมต่อ

‘พลังวิญญาณ...คืออะไร ? ผีมีอยู่จริง? หรือตอนนั้นที่เราเดินเข้าห้องน้ำแล้วขนลุกซู่เป็นเพราะเจอผี?’ สมองที่แล่น พร้อมกับความความคิดที่เตลิดเปิดเปิงของนทีกำลังทำงานอย่างบ้าคลั่งกับคีย์เวิร์ด 'พลังวิญญาณ' นี่เป็นค่าสถานะแรกที่ทำให้เขามึนงงอยู่พักใหญ่ ๆ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสถานะถัดไป ทำให้เขาพอจะเริ่มจับต้นชนปลายได้

‘พลังวิญญาณ 5 อาจจะทำให้เรามี มานา 25 ค่าแรงกาย 8 เท่ากับพลังชีวิต 80 บิงโก!’ นทีคิดว่าเขาไขปริศนาค่าพลังวิญญาณออกแล้ว เมื่อค่าแรงกาย 8 ผ่านเข้ามาในสายตาของเขาไอเดียนี้ก็เกิดขึ้นในทันที

ถ้าหากสมมติให้พลังวิญญาณ 1 แต้ม เท่ากับ มานา 5 หน่วย และแรงกาย 1 แต้ม เท่ากับ พลังชีวิต 10 หน่วย เพียงเท่านี้มันก็จะดูลงล็อคอย่างพอดิบพอดี ถึงแม้ว่านี่จะเป็นแค่การอนุมานของนทีแต่เขาก็เก็บทฤษฎีนี้ไว้ในใจ เมื่อเลเวลหรือค่าสถานะของเขาเพิ่มขึ้น เขาก็สามารถยืนยันได้อย่างง่ายดายว่าทฤษฎีที่เขาคิดไว้เป็นจริงหรือเท็จด้วยการเปรียบเทียบค่าพลังชีวิตกับแรงกาย และค่าพลังวิญญาณกับมานานั่นเอง

‘แรงกาย 8 แค่เท่ากับพลังชีวิต 80 เฉย ๆ หรือมันเกี่ยวข้องกับอย่างอื่นอีกหรือเปล่านะ?’ นทีตั้งคำถามกับค่าสถานะนี้

เพราะโดยปกติแล้ว ค่าแรงกายจะเป็นค่าสตามิน่าในเกมหรือก็คือค่าที่เกี่ยวกับการใช้แรง การวิ่ง การปีนป่าย หรือการต่อสู้ มันจะค่อย ๆ ลดลง เมื่อเราทำสิ่งเหล่านี้ หากค่านี้สัมพันธ์กับสิ่งเหล่านี้ด้วย เขามองว่าแรงกายจึงเป็นค่าสถานะที่ค่อนข้างสำคัญมาก การมีพลังชีวิตที่เพิ่มขึ้นสามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ปางตายและสามารถใช้ค่าแรงกายนี้ในการหลบหนีได้ดีขึ้น

‘ถ้าเราเลเวลอัพ แล้วมีแต้มให้เพิ่มค่าสถานะได้ แรงกายจะเป็นอย่างแรกที่ต้องเพิ่มอย่างไม่ต้องสงสัย หากเพิ่มความอึดได้แล้วล่ะก็จะมีผู้หญิงที่ไหนต่อต้านสเน่ห์ของเราได้อีก!’ เหมือนสมองของนทีโอเวอร์โหลดแล้วไฟฟ้าลัดวงจรหลังจากที่ได้รับข้อมูลมหาศาล

แทนที่นทีจะคิดถึงเรื่องการเอาตัวรอด แต่สมองของเขากลับคิดถึงเรื่องบนเตียง! บางทีอาจจะเพราะข้อมูลที่เข้ามากระทบต่อจิตใจมากเกินไปสมองจึงสั่งการเปิดระบบป้องกันการล้มเหลวโดยส่งเรื่องที่ผ่อนคลายอย่างกิจกรรมบนเตียงเข้ามาแทรกบ้างเพื่อไม่ให้สมองทำงานหนักเกินไป

หรือแท้จริงแล้ว นทีก็แค่เป็นพวกลามกที่ชอบคิดถึงเรื่องใต้สะดือเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เป็นได้ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีนอกจากตัวเขาเองว่าหนังสือเกือบพันเล่มที่เขาใช้เวลาทั้งชีวิตซึมซับนั้นเป็นหนังสือผู้ใหญ่ไปแล้วกี่เล่ม แล้วสิ่งเหล่านั้นจะค่อย ๆ ปลุกตัวตนที่หลับใหลของเด็กหนุ่มที่กำลังเติบใหญ่กลายเป็นผู้ชายเต็มตัวขึ้นมามากน้อยเพียงใด


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว