ยุทธนานั่งรินเหล้าที่กลางบ้านตอนที่นางปรียาเตรียมกับแกล้มและอาหารเย็นไว้ให้ที่ในครัว สามีวัยเด็กมองตามทุกท่วงท่าของอีกฝ่ายที่กลับจากโรงพยาบาลมาได้สองวันด้วยสีหน้าครุ่นคิด เพราะทางนี้เอาแต่เงียบไม่พูดจาพาทีจ๋าจ๊ะกับตนแบบทุกทีที่อยู่กันตามลำพัง หรือจะรู้จะเห็นว่าตนปลุกปล้ำปราณปริยาเมื่อวันนั้น แล้วเลยตัดสินใจเอ่ยปากออกไป
“นิ่ม ลูกสาวพี่น่ะ”
“ทำไม”
“ผมขอเอาทำเมียได้ไหมพี่ยา”
นางปรียาตาเบิกกว้างอย่างตกใจ หันหน้ามาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง “หมายความว่าไงยุทธ”
“ผมชอบลูกสาวพี่ ยังไงมันก็ต้องมีผัว ให้ผมเป็นผัวมันไม่ได้หรือไง”
“พูดจาหมาๆนะไอ้ยุทธ”
“งั้นก็ออกไปจากบ้านกู มึงสองแม่ลูกออกไปหาที่อยู่ใหม่กันเลย ไปเลยนะอียา!”
ยุทธนาตวาดอย่างหยาบคายใส่ปรียา
“ยุทธ ทำไมพูดกับพี่แบบนี้”
“กูจะพูด มึงจะทำไม แล้วถ้ามึงไม่เสล่อเสนอหน้าออกมาป่านนี้กูได้อีนิ่มเป็นเมียแล้วรู้เอาไว้ด้วย ลูกมึงก็ยั่วกูอยู่นั่น ไม่อย่างนั้นกูไม่อยากได้มันเป็นเมียหรอก”
นางปรียาค้านเสียงแข็ง “นิ่มไม่ได้เป็นแบบนั้น”
“รู้จักลูกมึงน้อยไปแล้วก็จะบอกให้”’
ปรียาหน้าซีดเสียงอ่อนลง นางรักสามีเด็กมากจนไม่อาจตัดใจไปจากบ้านของเขาได้ บวกกับไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนในเมืองหลวงเลย ให้ไปจากที่นี่ก็เหมือนลอยคอคว้างอยู่กลางมหาสมุทรเท่านั้นเอง แม้จะพอระแคะระคายเรื่องที่ยุทธนาพยายามปลุกปล้ำบุตรสาวของตนเองก็ตาม ยุทธนานั่งกินเหล้าต่ออย่างไม่นึกสนใจเมียแก่อีกต่อไป ในเมื่อขอดีดีไม่ให้ มันก็ต้องใช้กำลังหน่อยล่ะวะ คิดอย่างหมายมาดเงียบๆคนเดียว
กว่าหนึ่งเดือนที่ทุกอย่างดูสงบราบรื่น แต่มรสุมมักแฝงตัวมากับความเงียบแบบนี้ไม่ใช่หรือ ปราณปริยาเรียนไปพร้อมกับทำงานที่ร้านของซ้อเสียงไปด้วย
และเธอกลายเป็นแม่บ้านที่ต้องคอยดูแลความเรียบร้อยในชั้นบนไปเรียบร้อยแล้ว ขณะยกเครื่องดื่มขึ้นมาบริการ ก็พบว่าปรานต์กำลังง่วนอยู่กับกองหนังสือบนโต๊ะ
“นิ่มมาพอดี”
ปรานต์เรียกลูกน้องในร้านด้วยชื่อเล่นเช่นนี้ทุกคน ทั้งยังใช้ระยะห่างได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ไม่ได้สนิทจนเล่นหัวกันได้ หรือห่างเหินจนไม่กล้าพูดคุยกัน
รวมถึงปราณปริยาด้วย
“คุณปรานต์มีอะไรจะใช้นิ่มหรือคะ”
“พอดีผมมีปัญหากับหนังสือเก่าในตู้ เลยขนออกมาวางข้างนอก” ปรานต์ว่าจบพเยิดหน้าไปทางของล่อที่สืบรู้มาว่าเจ้าหล่อนเป็นหนอนหนังสือตัวยงคนหนึ่ง
“นิ่มช่วยผมทีได้ไหม”
ปราณปริยาเข้ามาหยิบออกจากกองทีละเล่มก็ให้ตาโตเมื่อเห็นว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับสาขาวิชาที่เธอเรียน รวมทั้งนิยายแปลอีกจำนวนหนึ่งด้วย
“คุณปรานต์จะทิ้งหรือคะ”
ปรานต์ยักไหล่ ก่อนว่า “เสียดายเหมือนกันนะ แต่ผมต้องเคลียร์มันออก ผมฝากจัดการทิ้งให้ผมทีได้ไหม”
หญิงสาวยิ้มจืดเจื่อน อึกอักครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปาก
“ถ้านิ่ม เอ่อ ...นิ่มขอยืมอ่านได้ไหมคะ”
“เอาสิ ได้เลย” ปรานต์บอกอย่างใจดี มองตอบมาด้วยสายตาที่เหมือนคุณครูเวลาเจอเด็กหัวดีในชั้นเรียนที่เต็มไปด้วยเด็กเกรกมะเหรกเกเรทั้งชั้น แล้วถามอย่างให้ความสนใจ
“นิ่มชอบอ่านหนังสือหรือ”
“ชอบค่ะ แต่ไม่ค่อยได้อ่าน”
“ทำไมล่ะ” เขาถามต่อด้วยสีหน้าอยากรู้ ชวนคุยจนปราณปริยาคลายความประหม่าลง บอกไปตามจริงว่า
“คือ หนังสือมันราคาค่อนขางแพงค่ะ ถ้าจังหวะดีเจอหนังสือที่ชอบก็จะยืมมาจากห้องสมุดของมหาลัยค่ะ”
“โอ...ดีจัง ผมเจอคนชอบอ่านหนังสือเหมือนกันแล้ว นี่ผมมีหนังสืออีกเยอะเลยนะที่ห้อง เอาไว้จะให้ตงช่วยหอบมาให้”
ปราณปริยายิ้มอายๆ ก่อนตอบรับเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ”
ปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าของชายผู้กุมบังเหียนของร้านต่อคนตรงหน้า และปรานต์รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าปราณปริยาไม่ได้เสแสร้งทำแบบสาวๆคนอื่นที่เขาเคยพบเห็น
แล้วบอกตัวเองว่าให้ใจเย็น
เขาไม่ได้อยากได้แค่คำขอบคุณ ปรานต์ต้องการมากกว่านั้น อดสำรวจร่างเต็มอิ่มแสนยั่วยวนที่จัดการกับกองหนังสืออย่างใจเย็น ไม่ได้ อีกไม่นานนี้เขาคงได้จัดการกับเธอให้สมกับที่อดใจรอคอยมาเนิ่นนานเสียที
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว