บทที่ 312 หยุดรังควานสักที และการโจมตีอย่างอุกอาจท่ามกลางฝูงชน!
"ดูโน้นสิ นั่นมันราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินไม่ใช่เหรอ!"
"ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินกำลังเดินมาหาเรา หรือว่าเขาต้องการรับใครกคนในหมู่พวกเราเป็นศิษย์อย่างนั้นเหรอ"
"ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินเป็นราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 8 ดาว อีกทั้งยังมีกองกำลังส่วนตัวที่สร้างขึ้นมาเอง และลือกันว่าเขาใกล้จะทะลวงขั้นไปเป็นราชันย์เทพยุทธ์ระดับระดับ 9 ดาวในอีกไม่ช้า เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะกลายเป็นมหาอำนาจชั้นนำของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และก็คงเป็นโชควาสนามาก หากใครสักคนได้เป็นศิษย์ของเขา!”
“เขากำลังมา เขากำลังมาทางฉัน เขาคงอยากจะรับฉันเป็นศิษย์แน่ ๆ!”
ผู้ปลุกพลังกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันอย่างสนุกปาก คำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
มีผู้ปลุกพลังมากมายเข้าร่วมงานประลองหาสุดยอดอัจฉริยะแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ ไม่เพียงเพราะมีรางวัลล้ำค่ามากมายล่อตาล่อใจ สำหรับผู้มีรายชื่อติดสิบอันดับแรก
หากมีเพียงแค่นั้น ผู้ปลุกพลังหลายคนที่รู้ถึงขีดความสามารถของตัวเองดีว่าไม่อาจขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรกได้ก็คงเมินเฉยต่องานประลองครั้งนี้ และจำนวนผู้คนที่เข้าร่วมก็คงลดลงเหลือเพียงหยิบมือ
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังคงลงทะเบียนสมัคร!
มันเพราะอะไรกันล่ะ?
คำตอบนั้นง่ายมาก ก็เพราะพวกเขาต้องการแสดงความสามารถและความแข็งแกร่งต่อหน้าทุกคน ผ่านการประลองขันครั้งนี้ เพื่อให้เหล่าบุคคลระดับสูงได้เห็นถึงพรสวรรค์และรับเขาเป็นศิษย์
แม้ผู้ปลุกพลังหลายคนที่เข้าร่วมจะเป็นอัจฉริยะ ซึ่งเป็นตัวแทนจากกองกำลังหลักของฐานใหญ่ แต่ก็ยังมีผู้ปลุกพลังที่ไร้สังกัดอีกจำนวนมาก และคนเหล่านี้ต้องพึ่งพาความพยายามของตนเองเท่านั้นเพื่อดิ้นรนหาหนทางในการได้รับทรัพยากรการฝึกฝนเพิ่มขึ้น
ในงานประลองครั้งนี้ หากพรสวรรค์ของพวกเขาไปเตะตาบุคคลระดับสูงบางคนเข้า ก็จะสามารถพลิกชะตาชีวิตได้ทันที มิหนำซ้ำ หากมีบุคคลที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลังพวกเขา ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทรัพยากรการฝึกฝนที่ไม่เพียงพออีกต่อไป
ณ ขณะนี้
ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอิน เดินตรงมายังกลุ่มผู้ปลุกพลังที่ติด 100 อันดับแรก
แม้ตอนนี้เขาจะเป็นเพียงราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 8 ดาว แต่ก็ถือว่าอยู่ไม่ไกลจากราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 9 ดาวแล้ว มิหนำซ้ำยังเป็นถึงบรรพชนของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ท่ามกลางผู้ปลุกพลังระดับสูงเหล่านี้ นับว่าเขามีสถานะที่สูงส่งและอิทธิพลกว้างขวาง
เมื่อฟังคำซุบซิบของผู้คนรอบข้าง
หลี่โย่วเวยและหลี่เสวียนจีก็เผลอมองตามไปเช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ เพียงเหลือบมองมันแล้วหันไปทางอื่น
แต่สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ
หลังจากที่ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินเดินมาถึง เขาไม่แม้แต่ชายตามองผู้ปลุกพลังคนอื่นใดเลย เพียงจ้องตรงมายังสองพี่น้องเท่านั้น
"ชายชราผู้นี้ขอเสียมารยาทแนะนำตัว ฉันคือราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอิน เป็นบรรพชนสูงสุดของตระกูลอิน แห่งสุดยอดฐานไท่อาน ฉันเห็นว่าพรสวรรค์ของเธอสองคนไม่เลว จึงอยากมายื่นข้อเสนอดู พวกเธออยากมาเป็นลูกศิษย์ของฉันไหม?"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
เป็นเพียงคำพูดที่แฝงไปด้วยความสูงส่ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
แววตาของผู้ปลุกพลังทั่วไปที่อยู่รอบ ๆ แสดงความอิจฉาริษยาอย่างชัดเจน
"ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอิน หมายตาสองคนนี้ไว้จริงด้วย!"
"พวกเขาโชคดีมากที่ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินเอ่ยปากเชื้อเชิญเองโดยตรง ฉันต้องทำบุญกี่ชาติถึงจะมีวาสนาแบบนี้บ้าง…เฮ้อ!"
"ฉันจะไปรู้เหรอ"
"เห็นแล้วอิจฉาชะมัด ฉันไม่รู้จะพูดอะไรอีก!"
ผู้คนต่างคุยซุบซิบนินทา
ทั้งภายในและภายนอก บรรยากาศเต็มไปด้วยการพูดคุยเรื่องนี้
ทันใดนั้น
หลังจากหลี่โย่วเวยและหลี่เสวียนจีได้ฟังคำขอนี้ พวกเขาพลันส่ายหัวและปฏิเสธ
"ขอขอบคุณท่านราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินที่สนใจพวกเรา แต่ฉันกับน้องชายนั้นมีอาจารย์อยู่แล้ว ขออภัยด้วยที่พวกเราไม่สามารถตอบรับคำเชิญได้ โปรดพิจารณาท่านอื่นนะคะ!"
"อะไรนะ มีอาจารย์แล้วงั้นเหรอ"
ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินผงะเล็กน้อย ก่อนจะถามออกไปว่า "เธอสองคนมาจากสุดยอดฐานจงไห่ ดังนั้นเป็นไปได้ไหมว่าอาจารย์ของพวกเธอคือราชันย์เทพยุทธ์ชิงชาง?"
"ไม่ใช่ครับ”
ทั้งสองส่ายหัว
"งั้นหรือจะเป็นราชันย์เทพยุทธ์มังกร ราชันย์เทพยุทธ์ดับดารา ราชันย์เทพยุทธ์แท้จริง หนึ่งในสามคนนี้"
ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินถามขึ้นอีกครั้ง
“ก็ยังไม่ใช่อีกค่ะ”
ทั้งสองส่ายหัวอีกครั้ง
"อะไรกัน สี่คนเหล่านี้คือผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในฐานจงไห่แล้วนะ หากไม่ใช่พวกเขาทั้งสี่ ฉันขอทำนายเลยว่า ในอนาคต… ไม่มีทางที่พวกเธอจะไปได้ไกลเกินกว่าผู้ปลุกพลังขั้นราชันย์เทพยุทธ์ทั่วไปหรอก จะดีกว่าไหมที่กราบฉันเป็นอาจารย์ ฉันรับรองเลยว่าภายภาคหน้าพวกเธอจะต้องกลายเป็นผู้ปลุกพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน!”
ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินกล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น
ชายชราหยุดเงียบไปชั่วครู่ แล้วกล่าวต่อว่า "สำหรับชายชราผู้นี้นั้นไม่เหมือนใคร นามของฉันคือราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอิน ฉันมีกองกำลังขนาดใหญ่ที่ก่อตั้งขึ้นด้วยตัวเอง และขั้นพลังในตอนนี้ก็อยู่ที่จุดสูงสุดของราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 8 ดาว อีกเพียงไม่นานก็จะไปถึงระดับ 9 ดาวแล้ว ตราบใดที่พวกเธอกราบฉันเป็นอาจารย์ ไม่ว่าจะอยากได้อะไร ฉันจะให้การสนับสนุนช่วยเหลือทุกอย่างจนพวกเธอพอใจเลยละ!”
“เป็นยังไงบ้างกับข้อเสนอนี้ ลองทบทวนดี ๆ นะ?”
ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินกล่าวอย่างถือตัว
เหตุผลที่เขาต้องการรับทั้งสองเป็นลูกศิษย์ในครั้งนี้ ก็เพราะพรสวรรค์อันโดดเด่น
แม้ว่าขั้นพลังของทั้งคู่จะค่อนข้างต่ำ แต่พรสวรรค์ที่ประจักษ์ออกมานั้นน่ากลัวมาก... ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขายังเด็ก และเพิ่งเริ่มต้นฝึกฝนได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทั้งคู่กลับมีพรสวรรค์อันแข็งแกร่งจนสามารถต่อสู้ข้ามระดับกับเหล่าราชันย์ยุทธ์ได้ หรือแม้กระทั่งเอาชนะอย่างขาดลอย แทบจินตนาการได้เลยว่าหากเข้าสู่ขั้นราชันย์ยุทธ์ หรือแม้แต่ราชันย์เทพยุทธ์ เมื่อถึงเวลานั้นตัวตนพวกเขาจะน่าพรั่นพรึงถึงเพียงใดกัน?
ถ้าสามารถรับทั้งสองเป็นศิษย์ได้ในตอนนี้ ภายภาคหน้าอนาคตเขาจะมีผู้ติดตามที่ทรงพลังถึงสองคนเลยทีเดียว
ด้วยความคาดหวังในใจเช่นนั้น
ชายชราแทบรอไม่ไหวที่ทั้งสองจะกราบเขาเป็นอาจารย์
แต่เดี๋ยวก่อน
ในเรื่องนี้เขายังมีความรู้สึกตะหงิดใจอยู่บ้าง
ด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่นเป็นพิเศษของสองพี่น้องที่ประจักษ์ออกมาอย่างชัดเจน แล้วทำไมกันนะ? ราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 9 ดาวพวกนั้นตาต่ำกันหรืออย่างไร ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใดกัน ถึงไม่มีใครลงมารับพวกเขาเป็นศิษย์ มันนับว่าแปลกมาก
แต่ก็ดีแล้ว ชายชราไม่ได้สนใจมากนัก
เขาคาดเดาว่าบางทีราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 9 ดาวพวกนั้น อาจจะสงวนท่าทีจนเกินไป จนเขาชิงลงมือตัดหน้าก่อน
เมื่อคิดดูตามเหตุผลนั้น
ก็รู้สึกตื่นเต้นจนเกือบจะเก็บอาการไม่อยู่ เขาอดใจรอให้สองพี่น้องตอบรับคำเชิญจนจิตใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แต่ชายชราคงไม่ทันได้สังเกต
เพราะทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ สองพี่น้องก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
ถ้าราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินมาที่นี่เพียงเพื่อคัดเลือกศิษย์เท่านั้น พวกเขาก็จะปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป
แต่ประเด็นสำคัญคืออีกฝ่ายแอบดูแคลนอาจารย์ของพวกเขาทางอ้อม!
ในใจของสองพี่น้องนั้น อาจารย์ของตนคือคนที่เก่งที่สุดในโลก จนไม่อาจหาผู้ใดมาเทียบได้ แม้จะเป็นสุดยอดราชันย์เทพยุทธ์ทั้งเก้าก็ตาม
หัวใจของเด็กน้อยจึงรู้สึกไม่พอใจ พร้อมสีหน้าที่บูดบึ้ง
แต่อีกฝ่ายเป็นถึงราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 8 ดาว ซึ่งอาจสร้างปัญหาให้กับอาจารย์ได้ ทั้งคู่จึงสะกดระงับความโกรธบนสีหน้าลง แต่น้ำเสียงที่แข็งทื่อของพวกเขาก็ไม่อาจหลบซ่อนมันไว้ได้
"นั่นมันก็เรื่องของเราที่จะฝากตัวกับใครเป็นอาจารย์ ไม่ว่าเขาจะมีอนาคตหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!"
"คุณไม่ต้องมาคิดแทนพวกเรา!"
เมื่อพูดจบ
ทั้งสองเบือนหน้าหนี ไม่มีท่าทีสนใจจะสนทนาต่อกับราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอิน
เมื่อคำพูดของเด็กน้อยสิ้นสุดลง ทำให้ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินผงะด้วยสีหน้าเหยเกทันที
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า แค่การมารับลูกศิษย์ด้วยตัวเอง พร้อมข้อเสนอที่เย้ายวนเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธเท่านั้น กลับโดนเด็กน้อยพวกนี้พูดจาหมิ่นใส่ด้วย
เป็นเวลาครู่หนึ่ง
ก่อนที่ของราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินจะแสดงสีหน้าบึ้งตึงออกมา
ต้องทราบก่อนว่า
นี่คือสถานที่จัดงานประลองหาสุดอัจฉริยะแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ ท่ามกลางผู้ปลุกพลังมากมายหลายล้านคนที่มารวมตัวกัน และเขาซึ่งมีฐานะสูงส่งเฉกเช่นราชันย์เทพยุทธ์ก็ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดที่มากราบขอร้องเขาเพื่อเป็นศิษย์ แต่ตรงหน้าเขาในขณะนี้ กลับถูกปฏิเสธโดยสองพี่น้องอย่างเย็นชา นี่ราวกับเป็นการตบหน้าเขากลางที่สาธารณะ ทำให้เขาโกรธจนแทบอยากจะลงมือสั่งสอนเด็กน้อยในตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น เขาต้องสะกดข่มความโกรธไว้ในใจ
เพราะตอนนี้สุดยอดราชันย์เทพยุทธ์ทั้งเก้า ต่างกำลังเฝ้ามองอยู่จากด้านบนอัฒจันทร์ มิหนำซ้ำยังมีราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 9 ดาวที่เขานับถือต่างเฝ้าดูอยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่อาจหาญลงมืออย่างหุนหันพลันแล่นได้
"ให้ตายเถอะ ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างเลย!"
"ในเมื่อพวกเธอไม่รับข้อเสนอ ชายชราผู้นี้ก็จะไม่บังคับ ถือว่าพวกเธอไม่เคยได้ยินก็แล้วกัน!"
หลังจากพูดจบ เขาก็มีท่าทางฮึดฮัด ก่อนจะเดินจากไปอย่างเย็นชา
เห็นได้ชัดเลยว่าเขาผิดหวังมาก
ท่ามกลางบรรยากาศของผู้ปลุกพลังบริเวณรอบ ๆ ที่อึมครึมและนิ่งเงียบกันในขณะนี้
ไม่มีใครคาดคิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้
ฉากตรงหน้าทุกคนตั้งแต่ราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินได้ออกหน้ามายื่นข้อเสนอเชื้อเชิญด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการแสดงออกด้วยความจริงใจของชายชรา แต่เขากลับถูกสองพี่น้องปฏิเสธอย่างห้วน ๆ ตอกหน้า และผลลัพธ์ท้ายสุดคือราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินต้องเดินจากไปอย่างเจ็บปวดเสียหน้า
นี่ทั้งสองไม่กลัวถูกราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินหมายหัวบ้างเลยเหรอ?
"ผู้ปลุกพลังธรรมดาตัวเล็ก ๆ ที่กล้าจะปฏิเสธคำเชิญของราชันย์เทพยุทธ์เสวียนอินแบบไม่ไว้หน้ากันเลย ฉันเกรงว่าจากนี้พวกเขาคงอยู่ไม่สุขอย่างแน่นอน!"
"ใช่ ฉันเห็นด้วย แค่ผู้ปลุกพลังธรรมดา ๆ ที่ไร้ภูมิหลังสนับสนุน แม้ว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์อยู่บ้าง แต่จะไปเทียบกับราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 8 ดาวได้ยังไง?”
“ฉันว่าบางทีพวกเขาคงหลงตัวเองมากเกินไป คิดว่ามีพรสวรรค์สูงกว่าคนอื่นนิดหน่อย ก็จะทำตัวเย่อหยิ่งไม่สนโลกแบบนี้ได้!”
“ไม่ไหวจริง ๆ ทำตัวไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”
ผู้ปลุกพลังที่อิจฉาริษยาจำนวนหนึ่ง กล่าวอย่างเสียดสีถากถาง มิหนำซ้ำยังเยาะเย้ยสองพี่น้องราวกับว่าพวกเขาเป็นคนโง่เขลา
ผู้คนไม่ได้มีความทุกข์จากความอดอยาก แต่เกิดจากความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียม
หลายคนเพ้อฝันถึงโอกาสที่ไม่อาจไขว่คว้าได้ แต่สองคนนี้กลับโยนมันทิ้งทั้งที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ยุติธรรม?
“พะ… พวกแก กล้าดูหมิ่นเราสองพี่น้องอย่างนั้นเหรอ!”
หลี่เสวียนจีโกรธจัด
“แกจะทำอะไรได้? แน่จริงก็เขามาสิ?”
“ที่นี่คืองานประลองอันยิ่งใหญ่ ถ้ากล้าสร้างปัญหา ฉันจะให้ยามมาลากตัวออกไป!”
"เจ้าพวกเด็กบ้านนอกป่าเถื่อนไร้การศึกษาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไปไกล ๆ ฉันเลยนะ!"
"ถ้าอยากจะลองดีก็เข้ามา ฉันพร้อมเสมอ!"
ผู้ปลุกพลังธรรมดาคนหนึ่งยังคงพูดใส่ไฟหาเรื่องไม่หยุด
แม้หลี่เสวียนจีจะมากพรสวรรค์และมีโอกาสเป็นยอดฝีมือในอนาคตค่อนข้างสูง แต่เขาก็ไม่กลัว และยังคงพูดยั่วยุต่อไป
เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นผู้ปลุกพลังธรรมดา ๆ คนหนึ่ง และไม่ได้อยู่ฐานเดียวกับหลี่เสวียนจี
หลังจากจบงานประลองอันยิ่งใหญ่นี้ หลี่เสวียนจีกับเขาคงไม่ได้เจอกันอีกอยู่แล้ว ถ้าเขาจะพูดหาเรื่องให้เด็กน้อยโกรธเคืองเล่น ๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรตามมา
แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสุ่มหาตัวเขาเจอจากฐานใหญ่ที่มีอยู่หลายแห่ง เพียงเพื่อแก้แค้นกับเรื่องพรรค์นี้
นอกจากนั้น
เขายังสนุกกับการพูดหาเรื่องหลี่เสวียนจี
และถ้าเด็กนี่กล้าทำร้ายเขาจริง ๆ ทีมลาดตระเวนจะรีบเข้ามาจับกุมทันที กระทั่งลงโทษทำลายจุดตันเถียนจนพิการก็เป็นไปได้!
"แกอย่าอยู่เลย… ไปตายซะ!"
หลังอดกลั้นฟังคำยั่วยุของผู้ปลุกพลังคนนี้มาสักพัก หลี่เสวียนจีก็ไม่อาจระงับความโกรธในใจได้อีกต่อไป! เลือดและอณูแห่งชีวิต ของเขาถูกกระตุ้นทันที ก่อนจะเคลื่อนร่างไปอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่ายในพริบตา แล้วปะทุพลังโจมตีใส่ทันที!!
หมัดของเขาถูกปล่อยออกไป
ตู้ม!
ราวกับเสียงระเบิดของฟ้าผ่า ผู้ปลุกพลังธรรมดาคนนั้นถูกหมัดของหลี่เสวียนจีซัดกระเด็นลอยไป ก่อนจะล้มลงพื้นด้วยสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยกองเลือด
การโจมตีอันรุนแรงนี้ ดึงดูดความสนใจของทุกคนบนอัฒจันทร์ทันที
ที่ชั้นบนสุดของอัฒจันทร์ สุดยอดราชันย์เทพยุทธ์ทั้งเก้า และเหล่าราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 9 ดาวต่างก็จ้องมองไปยังเหตุการณ์เช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าร่างนั้นเป็นหลี่เสวียนจี พวกเขาทั้งหมดก็เบนสายตามองไปทางอื่นราวกับว่าไม่เคยเห็นมาก่อนทันที
เดิมทีทีมลาดตระเวนของงานประลองกำลังวางแผนจะเข้าไปจับกุม แต่จู่ ๆ หัวหน้าทีมที่มีพลังขั้นราชันย์เทพยุทธ์ก็พลันเปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะโบกมือขึ้นแล้วพูดว่า "ช่างมัน พวกคุณไปดูแลที่อื่นต่อเถอะ"
...
ณ บริเวณที่เกิดเหตุ
ฉากการโจมตีอย่างอุกอาจของหลี่เสวียนจีทำให้หลายคนตกใจ
ส่วนฝั่งผู้ปลุกพลังที่ล้มลง
ในขณะนี้ เขานอนจมกองเลือดด้วยสีหน้าเจ็บแค้น แม้จะมีเลือดไหลออกจากมุมปากไม่หยุด แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ มิหนำซ้ำกลับหัวเราะและตะโกนขึ้น "แกเสร็จแน่ แกจะต้องโดนลงโทษขั้นสูงสุด ไม่มีใครสามารถปกป้องแกได้หรอก!"
"อีกเดี๋ยวทีมลาดตระเวนก็จะมาลากคอแก และทันทีที่คนพวกนั้นมา แกจะถูกโยนออกไปข้างนอก... ส่วนฉันจะอยู่ตรงนี้ เพื่อรอดูจุดจบของแก!"
เขาหัวเราะเสียงดังลั่น
ผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ หันมองที่หลี่เสวียนจีอย่างเสียดาย
แม้หลี่เสวียนจีจะมีพรสวรรค์ที่ไม่เลว
แต่นิสัยหุนหันพลันแล่นเกินไป
ผู้ปลุกพลังคนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าอิจฉาตาร้อน จึงจงใจพูดยั่วยุ แต่หลี่เสวียนจีกลับไม่อาจระงับความโกรธได้เอง จนทำผิดพลาดครั้งใหญ่
เมื่อทีมลาดตระเวนมาถึง เขาจะถูกจับกุมอย่างแน่นอน
เขาทำลายอนาคตตัวเองกับมือ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!
ทุกคนถอนหายใจยาว
ระหว่างรอทีมลาดตระเวนมา
เมื่อเวลาผ่านไป
จนทำให้ทุกคนเริ่มเอะใจ
หลังจากรออยู่พักใหญ่ ๆ ก็ยังไม่มีใครจากทีมลาดตระเวนมาสักที แม้แต่ยามที่คอยรักษาความสงบ หรือแม้แต่ผู้นำระดับสูงที่นั่งอยู่หลายท่านบนอัฒจันทร์ ก็ยังไม่มีใครสนใจสถานที่เกิดเหตุตรงนี้
"นี่..."
เมื่อเห็นฉากเหล่านี้
ทุกคนเริ่มปะติดปะต่อ และพลันตกตะลึงไป! เด็กเส้นงั้นเหรอ?!
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว