บทที่ 432 สู้กับพลังแห่งขั้นเทียมเทพ!
“ตายซะ!”
ฉู่โม่วไม่เสียเวลาพูดอีกและตอบสนองชายชราด้วยการตั้งกระบวนท่าของตน
“โอหัง แน่จริงก็เข้ามา!”
เห็นฉู่โม่วตั้งใจจะฆ่าเขาจริง ๆ แววตาของชายชราก็ลุกโชนไปด้วยความโกรธที่ลุกโชน
แต่ถึงอย่างนั้น ภายในใจของเขาก็ยังมีความตื่นเต้นแฝงอยู่
มองย้อนกลับไป เหล่ามนุษย์ถ้ำไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยอมเซ็นสัญญาเลือดและยอมให้มนุษย์กดพลังของตนไว้อย่างช่วยไม่ได้ ภายใต้สัญญาที่บ่งบอกว่า ห้ามไม่ให้นักรบจากฝั่งมนุษย์ถ้ำที่มีพลังเทียบเท่าขั้นเทียมเทพเป็นฝ่ายโจมตีมนุษย์ก่อนนั้น เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ในคราแรกที่ชายชราโผล่ออกมา เขาเลือกที่จะประนีประนอมกับฉู่โม่วแทน
ตราบใดก็ตามที่มนุษย์ไม่เปิดฉากโจมตีก่อน ไม่ว่าพลังใด ๆ เขาก็ไม่อาจจะใช้มันได้เลย ไม่เช่นนั้นแล้ว หากเข้าฝืนใช้พลัง มันจะทำให้สัญญาเลือดทำงานและกำจัดเขาไปแทน!
ทว่าตอนนี้
ฉู่โม่วดูจะเป็นฝ่ายโจมตีเขาก่อนจริง ๆ ซึ่งนั่นหมายความว่า สัญญาเลือดจะหมดฤทธิ์ลงและเขาสามารถโต้กลับได้!
“ทั้ง ๆ ที่เจ้าดูจะเป็นความหวังของมนุษยชาติได้แท้ ๆ ทั้งที่ควรจะไปใช้ชีวิตกับอนาคตที่ไร้ขีดจำกัดแท้ ๆ!”
“แต่เจ้ากลับเลือกที่จะหันคมดาบใส่ข้า เช่นนั้นแล้วข้าก็จะให้เจ้าได้ทำตามสิ่งที่หวัง! เมื่อไหร่ที่เจ้าโจมตีข้าเรียบร้อยแล้ว ข้าจะมอบความตายที่เจ้าต้องการให้เอง!”
“หลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าได้แล้ว มนุษยชาติก็จะสูญเสียแสงแห่งความหวัง และตอนนั้นข้าก็จะนำเหล่ามนุษย์ถ้ำกลับมาแสดงพลังแล้วฆ่าราชันย์เทพยุทธ์ระดับสูงสุดของพวกเจ้าให้หมด มนุษยชาติจะต้องสูญสลาย ปัญหาคาราคาซังของพวกข้าจะสูญหายไป อนาคตที่เรืองรองที่ข้าเฝ้ารอมานานจะกลับมาอยู่ในกำมือของข้าอีกครั้งหนึ่ง!”
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น
แววตาของชายชราก็เปล่งแสงออกมา
“สหายตัวน้อย ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะไม่เดินตามทางสวรรค์ หนทางที่รอเจ้าอยู่ก็มีแต่นรกเท่านั้นนะ!”
“เช่นนั้น ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าผู้นี้ก็จะช่วยสนองให้เจ้าเอง และก่อนที่เจ้าจะตาย ข้าจะมอบบทเรียนให้เจ้าได้รู้ด้วยว่า ความแตกต่างระหว่างปุถุชนและขั้นเทียมเทพมันเป็นอย่างไร!”
ขณะที่พูดเช่นนั้น ลมหายใจของชายชราก็ปลดปล่อยพลังระดับสูงสุดออกมาด้วย พลังที่ไร้ซึ่งขีดจำกัดท่วมท้นออกมาจากทั่วร่างกาย ก่อตัวเป็นคลื่นกระแทกกระจายวงกว้างเข้าหาทุกสรรพสิ่งรอบตัว
ครืน!
ไม่ว่าจะเป็นผืนฟ้าหรือผืนแผ่นดิน ทุกแห่งหนล้วนสั่นสะเทือน!
สายฟ้านับหมื่นพันร้องคำราม ราวกับสวรรค์และผืนโลกกำลังพิโรธเปี่ยมกำลัง
พลังอันน่ากลัวแผ่รัศมีออกมาพร้อมกับแสงสว่างบนฟากฟ้าเสมือนดวงอาทิตย์ขนาดย่อม ไม่ว่าแสงนั้นจะผ่านไปทางไหน พลังที่ยิ่งใหญ่ก็จะส่งผ่านไปยังสิ่งที่อยู่บริเวณนั้นให้ตระหนักได้ถึงความยิ่งใหญ่และทรงพลังนี้ด้วย!
นี่คือพลังแห่งขั้นเทียมเทพ!
แม้ในยามนี้ ชายชราผู้นี้จะเป็นเพียงขั้นเทียมเทพ ไม่ใช่ขั้นเทวะยุทธ์ แต่พลังระดับนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเลยหากจะมีคนมองว่าเขานั้นทัดเทียมเทวะยุทธ์ได้!
“ทัณฑ์สวรรค์!”
ชายชรากล่าวประกาศิตออกไป ทันทีที่ถ้อยคำนั้นเงียบลง แรงกดดันมหาศาลก็พุ่งลงมายังร่างของเขา ก่อนจะลามไปยังร่างของฉู่โม่วอีกคราหนึ่ง ราวกับเป็นแรงกดดันจากฟากฟ้าที่พยายามกดมนุษย์ให้ลงไปยืนอยู่บนพื้นอีกครั้ง
พริบตาเดียว
ฉู่โม่วก็รู้สึกได้ถึงแรงปะทะอันหนักหน่วงและรุนแรงที่พยายามกดเขาลงไป มันทำให้ร่างกายของเขาหนักอึ้งเสมือนว่าถูกมหาบรรพตกดทับเอาไว้
แม้ฉู่โม่วอยากจะหนีออกด้วยการเทเลพอร์ต เขาก็ไม่สามารถทำได้
เห็นได้ชัดเจนว่าพลังปริศนานี้มีผลแม้กระทั่งในช่องว่างของมิติ ราวกับว่ามันไม่สนใจพลังแห่งห้วงมิติเลย…
‘ไม่…นี่ไม่ใช่พลังแบบมิติขวางกั้น… นี่มัน… เขตกักกัน!’
‘พลังนี้กักกันฉันไว้ไม่ให้ใช้พลังแห่งห้วงมิติได้!’
เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้ว
‘หรือว่านี่คือ…พลังของขั้นเทียมเทพงั้นเหรอ!?’
การคาดเดาเกิดขึ้นในใจ
พลังศักดิ์สิทธิ์ที่จะมีเพียงขั้นเทียมเทพเท่านั้นที่สามารถครอบครองได้
อันที่จริง สิ่งนี้จะเรียกว่าความแข็งแกร่งก็ไม่เต็มปากนัก มันค่อนไปทางพลังเสริมหรือตัวช่วยเสียมากกว่า
เมื่อผู้ปลุกพลังคนหนึ่งสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นเทียมเทพและจิตวิญญาณ ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนแปลงและบริสุทธิ์มากขึ้น รวมไปถึงจะได้พลังศักดิ์สิทธิ์นี้มาครอบครองด้วย ในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกาย พลังศักดิ์สิทธิ์ก็จะพัฒนาตนเองให้หยั่งลึกมากขึ้น
จนกว่าผู้ปลุกพลังคนนั้นจะเผาไหม้เพลิงสวรรค์ในขั้นเทียมเทพได้ เมื่อนั้นถึงจะเรียกได้ว่าเขาเป็นขั้นเทียมเทพอย่างแท้จริง เป็นผู้ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์
ในตอนนี้
ลำพังเพียงพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ ขั้นเทียมเทพก็สามารถกดเหล่าผู้ปลุกพลังทั่ว ๆ ไปให้ไม่สามารถมองหน้าตนได้แล้ว หรือแม้แต่กดให้คุกเข่าลงไปกับพื้นราวกับมีชีวิตเป็นข้อแลกเปลี่ยนก็ทำได้ง่าย ๆ
ในส่วนของพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ ฉู่โม่วเคยพบเจอมาแล้วเมื่อครั้งที่เผชิญหน้ากับจระเข้ยักษ์และเหล่าสัตว์อสูรระดับ 7 ที่เป็นแม่ทัพอสูร แต่ถ้าเทียบระดับพลังแล้ว สัตว์อสูรเหล่านี้เทียบชั้นไม่ติดเลย แม้บางตนจะทำให้ฉู่โม่วรู้สึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ได้บ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ผิดกับชายชราตรงหน้านี้ เขาคือผู้ที่มีพลังระดับเทียมเทพจริง ๆ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่พุ่งออกจากร่างของชายคนนี้แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบได้ยาก ไม่เพียงเท่านั้น เขายังปลดปล่อยพลังแห่งสรวงสวรรค์ออกมาตลอดเวลาที่ขยับกายด้วย เมื่อเทียบกับเหล่าราชาอสูรแล้ว มันคนละโลกกันเลย
ฉู่โม่วพยายามขัดขืน ทว่าเขาก็พบว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังครอบงำร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งจนไม่อาจจะขัดขืนได้
‘พลังของฉันยังอ่อนไปจริง ๆ ด้วย เทียบชั้นไม่ได้เลยกับขั้นเทียมเทพนี้ หากฉันฝึกฝนอวัยวะภายในทั้งห้าให้ดีขึ้นกว่านี้และก้าวขึ้นเป็นราชันย์เทพยุทธ์ระดับสูงสุดได้ละก็ ผลกระทบจากพลังศักดิ์สิทธิ์นี้คงจะต้องลดลงไปเยอะกว่านี้อีกแน่ ๆ!’
คิดได้เช่นนั้น
เขาก็สลัดทิ้งซึ่งความหวาดหวั่นและแทนที่ด้วยจิตวิญญาณแห่งนักสู้ที่เปี่ยมล้นแทน
ในเมื่อหลบไม่ได้ ก็พยายามสู้ให้เต็มที่ แล้วดูเอาว่าพลังแห่งขั้นเทียมเทพนั้นจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงไหน!
ด้วยเหตุนี้ ฉู่โม่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ
ซู่ม!
คลื่นสั่นสะเทือนผุดขึ้นมาจากร่างกายของฉู่โม่ว
อณูแห่งชีวิตและเลือดที่ไร้ขีดจำกัดก่อตัวเป็นคลื่นลูกใหญ่หลั่งไหลไปทั่วร่างกาย อณูแห่งชีวิตเองก็หลั่งไหลเสมือนเป็นลาวาที่กำลังหลั่งออกจากปากปล่องภูเขาไฟพลัง 50 ล้านพลังมังกรกำลังตื่นขึ้น!
“กายาอัสนีบาตคงกระพันระดับตะวัน!”
“กายากระบี่เทวะระดับตะวัน!”
“ธาตุไฟระดับตะวัน!”
“ธาตุเหล็กระดับตะวัน!”
“กระบี่สะบั้นดาราสวรรค์!”
…
ในชั่วพริบตา พรสวรรค์ต่าง ๆ ก็ถูกสั่งใช้งานออกมาติด ๆ กัน จนกระทั่งครบ!
มันทำให้ความแข็งแกร่งของฉู่โม่วเพิ่มขึ้นไปสูงถึง 50 ล้านพลังมังกรในชั่วพริบตา!
“ฟาดฟัน!”
ชิ้ง!
มือที่กำด้ามกระบี่ทมิฬเอาไว้แน่น ปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณอันน่าพิศวงออกมา มันห่อหุ่มจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เอาไว้ ร่างของเขาเปล่งประกายแสง ภายใต้กลิ่นอายอันสูงส่ง คมกระบี่อันเกิดจากกระบี่สีดำทมิฬขนาดยาวร่วมเมตรก็ถูกฟาดฟันออกไป โดยมีเป้าหมายเป็นชายชราเบื้องหน้า
ถึงแม้ว่าคลื่นกระบี่นี้จะมีความยาวเพียงเมตรนิดหน่อย เทียบไม่ได้เลยกับคลื่นกระบี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าแสนเมตร
แต่มันอัดแน่นด้วยพลังที่น่ากลัวมาก ๆ
ในวินาทีที่มันพวยพุ่งออกมา มิติโดยรอบก็ถูกทำให้แตกออกจนเกิดเป็นช่องว่างมิติ แรงสั่นสะเทือนระดับห้วงมิติเกิดไปทั่วราวกับอยู่ท่ามกลางพายุ ก่อนที่มันจะกลายเป็นหายนะ พายุเหล่านั้นก็ถูกเจตจำนงแห่งกระบี่ตัดขาดและแทนที่ด้วยคมกระบี่ที่เฉียบคมแทน
ไม่เพียงเท่านั้น ในทุกเส้นทางที่คมกระบี่เคลื่อนผ่านไป มันยังได้ทำให้ช่องว่างมิตินั้นปั่นป่วนและกลายสภาพเป็นวังวนมิติอยู่ภายในแทนด้วย วังวนเหล่านั้นสร้างแรงดูดกลืนมหาศาลออกมา และดูดเอาคลื่นประหลาดที่อยู่ภายนอกมิติเข้าไป
“นี่น่ะหรือ อัจฉริยะแห่งมวลมนุษยชาติ เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์น่าทึ่งจริง ๆ!”
มองไปยังวิชากระบี่อันแปลกประหลาดนี้ ชายชราก็เผลอกล่าวชื่นชมออกมา
ทว่าหลังจากนั้น…
บทสนทนาก็เปลี่ยนไป “ยังไงก็ตาม… ยิ่งได้เห็นว่าเจ้าเก่งกาจขนาดไหน ข้าก็ยิ่งยินดีที่จะได้ฆ่าเจ้ามากเท่านั้น!”
“ตายซะ!”
พูดไปเช่นนั้น เจ้าตัวก็กำหมัดแน่น
แม้จะดูเหมือนมันเป็นเพียงการปล่อยหมัดแบบทั่ว ๆ ไป
แต่ในยามที่แขนของชายชรายืดออกสุดแรง มันก็ก่อเกิดเป็นคลื่นวงกลมที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าพุ่งตามออกมาด้วย เสมือนว่ามันถูกหมัดกระทบเป็นแรงขับเคลื่อน คลื่นวงแสงนั้นก่อตัวชัดเจนและพุ่งตรงไปตามทางในชั่วพริบตา
ตู้ม!
จังหวะนั้น
ทั่วทั้งดาวเคราะห์สีน้ำเงินสั่นสะเทือนและเกิดเสียงดังกังวานราวกับมีอุกกาบาตสองลูก… ไม่สิ เหมือนดาวเคราะห์สองดวงเพิ่งจะพุ่งชนกันในอวกาศเสียมากกว่า ผลของมันทำให้เกิดแสงระยิบระยับละลานตาไปทั่ว
ด้วยพลังที่รุนแรงจนไม่อาจอธิบายได้นี้ เสมือนว่าท้องฟ้าได้แยกออกและท้องทะเลก็ได้แห้งเหือดไปด้วย
มันทำให้คนอื่น ๆ ไม่รู้จะสรรหาถ้อยคำใด ๆ มาอธิบายกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเช่นนี้ดี
ภายในสายตาของคนอื่น ๆ พวกเขาเห็นคมกระบี่ปะทะเข้ากับกำปั้นอย่างรุนแรง
จากนั้น
มันกลับไม่ได้ก่อให้เกิดเสียงระเบิดที่ดังกังวานแต่อย่างใด กลับกัน บรรยากาศมันกลับเงียบสงบมาก ๆ
สงบเสียจนเกือบจะได้ยินเสียงเข็มตกเลย
ทุกคนหยุดนิ่งไปจนหากเวลามันผ่านไปร่วมพันปีก็อาจจะไม่มีใครรับรู้ได้เลย
ครืน!
ตู้ม!
แรงระเบิดที่สะท้อนออกมาจู่ ๆ ก็ดังกังวานขึ้น คลื่นสั่นสะเทือนจากการปะทะกันของสองกระบวนท่าที่รุนแรงกระจายตัวออกไปไกลกว่ายี่สิบกิโลเมตรในพริบตา มันทำให้ผู้ปลุกพลังมากมายที่ไม่ทันระวังตัว ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นราชันย์เทพยุทธ์หรือราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 9 ดาว ต่างก็กระเด็นลอยออกไป บางคนถึงกับกระอักเลือดกันเลย
หลังจากที่กระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร บางคนเผลอ ๆ ไปไกลถึงหลักกิโลเมตร พวกเขาก็เริ่มจัดสมดุลร่างกายใหม่อีกครั้ง
สีหน้าของพวกเขาคล้ายกระดาษชุบทอง เห็นได้ชัดว่าคลื่นกระแทกเมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บหนักเอาการอยู่
ทว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับอาการบาดเจ็บของตนเองกันนัก กลับกันก็รีบหันไปมองสถานการณ์ ณ จุดศูนย์กลางของการต่อสู้ต่อ
คมกระบี่ของฉู่โม่วแตกสลาย ในขณะที่ร่างของเขาก็กระเด็นออกไปไกลกว่าพันกิโลเมตร เลือดสีทองไหลออกจากร่างจนเห็นเป็นหยาดละอองทองกระจายไปตลอดทาง
หลังจากคลื่นกระแทกอันน่าหวาดผวากระจายออกไปหลายล้านกิโลเมตร ทำให้พื้นดินในรัศมีแสนกิโลเมตรเกิดรอยแตกกว้าง และลึกกว่าร้อยกิโลเมตร มันเทียบเท่าได้กับภูเขาไท่หัวที่พลิกด้านกลับลงมาบนดินจนเกิดหลุมลึกเช่นนี้ได้
ทั้งเมฆและมวลอากาศบนท้องฟ้าเองก็พลอยถูกแหวกออกไปด้วย เกิดเป็นวงหลุมบนท้องฟ้าที่กินพื้นที่กว้างไกล ราวกับมีคนมาขุดผืนฟ้าเอาไว้จริง ๆ
ด้วยปรากฏการณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคนในที่นี้
ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งจากเผ่ามนุษย์ถ้ำ หรือผู้แข็งแกร่งจากมนุษยชาติ ทุกคนต่างพากันอ้ำอึ้งกันอยู่นาน ดวงตาที่จับจ้องเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและตกตะลึง
“น่ากลัวจริง ๆ!”
“แข็งแกร่งเกินไป! พลังนี่แข็งแกร่งเกินกว่ามนุษย์จะควบคุมไหวแล้ว!”
“นี่น่ะเหรอพลังของขั้นเทียมเทพ?”
เหล่าผู้ปลุกพลังต่างพากันบ่นพึมพำโดยไม่สามารถอดใจได้ พวกเขารู้สึกได้ถึงขนทุกเส้นบนร่างกายที่กำลังลุกชันขึ้นมาด้วยความหนาวเหน็บ
พลังพวกนี้น่ากลัวจริง ๆ!
แม้จะอยู่ห่างจากจุดเข้าปะะกันไกลแล้วก็จริง แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงความน่ากลัว ไม่ว่าเวลามันจะผ่านไปนานขนาดไหน ก็ยังไม่สามารถระงับความกลัวที่เกิดขึ้นได้
ไม่เพียงแต่เหล่าผู้ปลุกพลังที่เสียขวัญกำลังใจไปเท่านั้น
ตอนนี้ฉู่โม่วเองก็อยู่ในสภาวะย่ำแย่เช่นกัน
แรงปะทะเมื่อครู่นี้ทำให้ร่างกายเขาเสียหายอย่างหนัก อวัยวะภายในของเขาหลายส่วนบาดเจ็บขึ้นในทันที
หากเป็นผู้ปลุกพลังทั่ว ๆ ไป อาจจะได้รับบาดเจ็บหนักจนกลับมาต่อสู้ใหม่ไม่ได้อีกแล้วก็เป็นได้
แต่โชคยังดี ที่พรสวรรค์ธาตุไม้ก็ช่วยรักษาฉู่โม่วในทันที มันทำให้ร่างกายที่บาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายในต่างก็ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้นแล้ว บาดแผลส่วนใหญ่จึงถูกรักษาแทบจะในพริบตานั้นเลย
การที่พรสวรรค์ธาตุไม้สูงถึงระดับตะวัน มันทำให้ความเร็วในการรักษาตนเองของฉู่โม่วเพิ่มขึ้นชนิดที่ว่าน่าสะพรึงกลัวเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าบรรพบุรุษของมนุษย์ถ้ำคนนี้จะมีพลังที่น่ากลัว แต่จากการโจมตีหลาย ๆ รูปแบบ ปัจจุบันอีกฝ่ายก็ยังไม่สามารถสังหารฉู่โม่วได้
ภายหลังจากที่สูดหายใจเข้าไปแล้ว เขารวบรวมอณูแห่งชีวิตใหม่อีกนิดหน่อย บาดแผลทั้งหมดบนร่างของฉู่โม่วก็หายไปจนหมด ราวกับเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลยทั้งสิ้น
“อะไรกันน่ะ?”
ผู้นำของเหล่ามนุษย์ถ้ำตระหนักได้ว่ากลิ่นอายพลังของฉู่โม่วฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วและกลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจ
ชายชราตระหนักได้ดีว่าหมัดนั้นโดนฉู่โม่วแน่ ๆ และเขายังมั่นใจด้วยว่าต่อให้ฉู่โม่วจะไม่ตาย ฉู่โม่วก็จะต้องบาดเจ็บมากอย่างแน่นอน ทว่าใครจะไปคาดคิด ว่าในอีกไม่กี่พริบตา บาดแผลทุกอย่างจะหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
“ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ธาตุไม้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”
เขาได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วและกล่าวชมด้วยความตื่นเต้น
“แย่หน่อยนะที่ตายยากน่ะ!”
ฉู่โม่วไม่พูดพร่ำทำเพลงไร้สาระ เขากระชับด้ามกระบี่ให้มั่นแล้วพุ่งเข้าหมายโจมตีต่อในทันที
…
…
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว