The Miracle of Wisarut (ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ)-ทฤษฏี ‘ความตาย’

โดย  Watcharakarn

The Miracle of Wisarut (ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ)

ทฤษฏี ‘ความตาย’

บทที่ 432 สู้กับพลังแห่งขั้นเทียมเทพ!


“ตายซะ!”


ฉู่โม่วไม่เสียเวลาพูดอีกและตอบสนองชายชราด้วยการตั้งกระบวนท่าของตน


“โอหัง แน่จริงก็เข้ามา!”


เห็นฉู่โม่วตั้งใจจะฆ่าเขาจริง ๆ แววตาของชายชราก็ลุกโชนไปด้วยความโกรธที่ลุกโชน


แต่ถึงอย่างนั้น ภายในใจของเขาก็ยังมีความตื่นเต้นแฝงอยู่


มองย้อนกลับไป เหล่ามนุษย์ถ้ำไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยอมเซ็นสัญญาเลือดและยอมให้มนุษย์กดพลังของตนไว้อย่างช่วยไม่ได้ ภายใต้สัญญาที่บ่งบอกว่า ห้ามไม่ให้นักรบจากฝั่งมนุษย์ถ้ำที่มีพลังเทียบเท่าขั้นเทียมเทพเป็นฝ่ายโจมตีมนุษย์ก่อนนั้น เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ในคราแรกที่ชายชราโผล่ออกมา เขาเลือกที่จะประนีประนอมกับฉู่โม่วแทน


ตราบใดก็ตามที่มนุษย์ไม่เปิดฉากโจมตีก่อน ไม่ว่าพลังใด ๆ เขาก็ไม่อาจจะใช้มันได้เลย ไม่เช่นนั้นแล้ว หากเข้าฝืนใช้พลัง มันจะทำให้สัญญาเลือดทำงานและกำจัดเขาไปแทน!


ทว่าตอนนี้


ฉู่โม่วดูจะเป็นฝ่ายโจมตีเขาก่อนจริง ๆ ซึ่งนั่นหมายความว่า สัญญาเลือดจะหมดฤทธิ์ลงและเขาสามารถโต้กลับได้!


“ทั้ง ๆ ที่เจ้าดูจะเป็นความหวังของมนุษยชาติได้แท้ ๆ ทั้งที่ควรจะไปใช้ชีวิตกับอนาคตที่ไร้ขีดจำกัดแท้ ๆ!”


“แต่เจ้ากลับเลือกที่จะหันคมดาบใส่ข้า เช่นนั้นแล้วข้าก็จะให้เจ้าได้ทำตามสิ่งที่หวัง! เมื่อไหร่ที่เจ้าโจมตีข้าเรียบร้อยแล้ว ข้าจะมอบความตายที่เจ้าต้องการให้เอง!”


“หลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าได้แล้ว มนุษยชาติก็จะสูญเสียแสงแห่งความหวัง และตอนนั้นข้าก็จะนำเหล่ามนุษย์ถ้ำกลับมาแสดงพลังแล้วฆ่าราชันย์เทพยุทธ์ระดับสูงสุดของพวกเจ้าให้หมด มนุษยชาติจะต้องสูญสลาย ปัญหาคาราคาซังของพวกข้าจะสูญหายไป อนาคตที่เรืองรองที่ข้าเฝ้ารอมานานจะกลับมาอยู่ในกำมือของข้าอีกครั้งหนึ่ง!”


เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น


แววตาของชายชราก็เปล่งแสงออกมา


“สหายตัวน้อย ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะไม่เดินตามทางสวรรค์ หนทางที่รอเจ้าอยู่ก็มีแต่นรกเท่านั้นนะ!”


“เช่นนั้น ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าผู้นี้ก็จะช่วยสนองให้เจ้าเอง และก่อนที่เจ้าจะตาย ข้าจะมอบบทเรียนให้เจ้าได้รู้ด้วยว่า ความแตกต่างระหว่างปุถุชนและขั้นเทียมเทพมันเป็นอย่างไร!”


ขณะที่พูดเช่นนั้น ลมหายใจของชายชราก็ปลดปล่อยพลังระดับสูงสุดออกมาด้วย พลังที่ไร้ซึ่งขีดจำกัดท่วมท้นออกมาจากทั่วร่างกาย ก่อตัวเป็นคลื่นกระแทกกระจายวงกว้างเข้าหาทุกสรรพสิ่งรอบตัว


ครืน!


ไม่ว่าจะเป็นผืนฟ้าหรือผืนแผ่นดิน ทุกแห่งหนล้วนสั่นสะเทือน!


สายฟ้านับหมื่นพันร้องคำราม ราวกับสวรรค์และผืนโลกกำลังพิโรธเปี่ยมกำลัง


พลังอันน่ากลัวแผ่รัศมีออกมาพร้อมกับแสงสว่างบนฟากฟ้าเสมือนดวงอาทิตย์ขนาดย่อม ไม่ว่าแสงนั้นจะผ่านไปทางไหน พลังที่ยิ่งใหญ่ก็จะส่งผ่านไปยังสิ่งที่อยู่บริเวณนั้นให้ตระหนักได้ถึงความยิ่งใหญ่และทรงพลังนี้ด้วย!


นี่คือพลังแห่งขั้นเทียมเทพ!


แม้ในยามนี้ ชายชราผู้นี้จะเป็นเพียงขั้นเทียมเทพ ไม่ใช่ขั้นเทวะยุทธ์ แต่พลังระดับนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเลยหากจะมีคนมองว่าเขานั้นทัดเทียมเทวะยุทธ์ได้!


“ทัณฑ์สวรรค์!”


ชายชรากล่าวประกาศิตออกไป ทันทีที่ถ้อยคำนั้นเงียบลง แรงกดดันมหาศาลก็พุ่งลงมายังร่างของเขา ก่อนจะลามไปยังร่างของฉู่โม่วอีกคราหนึ่ง ราวกับเป็นแรงกดดันจากฟากฟ้าที่พยายามกดมนุษย์ให้ลงไปยืนอยู่บนพื้นอีกครั้ง


พริบตาเดียว


ฉู่โม่วก็รู้สึกได้ถึงแรงปะทะอันหนักหน่วงและรุนแรงที่พยายามกดเขาลงไป มันทำให้ร่างกายของเขาหนักอึ้งเสมือนว่าถูกมหาบรรพตกดทับเอาไว้


แม้ฉู่โม่วอยากจะหนีออกด้วยการเทเลพอร์ต เขาก็ไม่สามารถทำได้


เห็นได้ชัดเจนว่าพลังปริศนานี้มีผลแม้กระทั่งในช่องว่างของมิติ ราวกับว่ามันไม่สนใจพลังแห่งห้วงมิติเลย…


‘ไม่…นี่ไม่ใช่พลังแบบมิติขวางกั้น… นี่มัน… เขตกักกัน!’


‘พลังนี้กักกันฉันไว้ไม่ให้ใช้พลังแห่งห้วงมิติได้!’


เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้ว


‘หรือว่านี่คือ…พลังของขั้นเทียมเทพงั้นเหรอ!?’


การคาดเดาเกิดขึ้นในใจ


พลังศักดิ์สิทธิ์ที่จะมีเพียงขั้นเทียมเทพเท่านั้นที่สามารถครอบครองได้


อันที่จริง สิ่งนี้จะเรียกว่าความแข็งแกร่งก็ไม่เต็มปากนัก มันค่อนไปทางพลังเสริมหรือตัวช่วยเสียมากกว่า


เมื่อผู้ปลุกพลังคนหนึ่งสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นเทียมเทพและจิตวิญญาณ ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนแปลงและบริสุทธิ์มากขึ้น รวมไปถึงจะได้พลังศักดิ์สิทธิ์นี้มาครอบครองด้วย ในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกาย พลังศักดิ์สิทธิ์ก็จะพัฒนาตนเองให้หยั่งลึกมากขึ้น


จนกว่าผู้ปลุกพลังคนนั้นจะเผาไหม้เพลิงสวรรค์ในขั้นเทียมเทพได้ เมื่อนั้นถึงจะเรียกได้ว่าเขาเป็นขั้นเทียมเทพอย่างแท้จริง เป็นผู้ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์


ในตอนนี้


ลำพังเพียงพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ ขั้นเทียมเทพก็สามารถกดเหล่าผู้ปลุกพลังทั่ว ๆ ไปให้ไม่สามารถมองหน้าตนได้แล้ว หรือแม้แต่กดให้คุกเข่าลงไปกับพื้นราวกับมีชีวิตเป็นข้อแลกเปลี่ยนก็ทำได้ง่าย ๆ


ในส่วนของพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ ฉู่โม่วเคยพบเจอมาแล้วเมื่อครั้งที่เผชิญหน้ากับจระเข้ยักษ์และเหล่าสัตว์อสูรระดับ 7 ที่เป็นแม่ทัพอสูร แต่ถ้าเทียบระดับพลังแล้ว สัตว์อสูรเหล่านี้เทียบชั้นไม่ติดเลย แม้บางตนจะทำให้ฉู่โม่วรู้สึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ได้บ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ผิดกับชายชราตรงหน้านี้ เขาคือผู้ที่มีพลังระดับเทียมเทพจริง ๆ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่พุ่งออกจากร่างของชายคนนี้แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบได้ยาก ไม่เพียงเท่านั้น เขายังปลดปล่อยพลังแห่งสรวงสวรรค์ออกมาตลอดเวลาที่ขยับกายด้วย เมื่อเทียบกับเหล่าราชาอสูรแล้ว มันคนละโลกกันเลย


ฉู่โม่วพยายามขัดขืน ทว่าเขาก็พบว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังครอบงำร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งจนไม่อาจจะขัดขืนได้


‘พลังของฉันยังอ่อนไปจริง ๆ ด้วย เทียบชั้นไม่ได้เลยกับขั้นเทียมเทพนี้ หากฉันฝึกฝนอวัยวะภายในทั้งห้าให้ดีขึ้นกว่านี้และก้าวขึ้นเป็นราชันย์เทพยุทธ์ระดับสูงสุดได้ละก็ ผลกระทบจากพลังศักดิ์สิทธิ์นี้คงจะต้องลดลงไปเยอะกว่านี้อีกแน่ ๆ!’


คิดได้เช่นนั้น


เขาก็สลัดทิ้งซึ่งความหวาดหวั่นและแทนที่ด้วยจิตวิญญาณแห่งนักสู้ที่เปี่ยมล้นแทน


ในเมื่อหลบไม่ได้ ก็พยายามสู้ให้เต็มที่ แล้วดูเอาว่าพลังแห่งขั้นเทียมเทพนั้นจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงไหน!


ด้วยเหตุนี้ ฉู่โม่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ


ซู่ม!


คลื่นสั่นสะเทือนผุดขึ้นมาจากร่างกายของฉู่โม่ว


อณูแห่งชีวิตและเลือดที่ไร้ขีดจำกัดก่อตัวเป็นคลื่นลูกใหญ่หลั่งไหลไปทั่วร่างกาย อณูแห่งชีวิตเองก็หลั่งไหลเสมือนเป็นลาวาที่กำลังหลั่งออกจากปากปล่องภูเขาไฟพลัง 50 ล้านพลังมังกรกำลังตื่นขึ้น!


“กายาอัสนีบาตคงกระพันระดับตะวัน!”


“กายากระบี่เทวะระดับตะวัน!”


“ธาตุไฟระดับตะวัน!”


“ธาตุเหล็กระดับตะวัน!”


“กระบี่สะบั้นดาราสวรรค์!”



ในชั่วพริบตา พรสวรรค์ต่าง ๆ ก็ถูกสั่งใช้งานออกมาติด ๆ กัน จนกระทั่งครบ!


มันทำให้ความแข็งแกร่งของฉู่โม่วเพิ่มขึ้นไปสูงถึง 50 ล้านพลังมังกรในชั่วพริบตา!


“ฟาดฟัน!”


ชิ้ง!


มือที่กำด้ามกระบี่ทมิฬเอาไว้แน่น ปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณอันน่าพิศวงออกมา มันห่อหุ่มจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เอาไว้ ร่างของเขาเปล่งประกายแสง ภายใต้กลิ่นอายอันสูงส่ง คมกระบี่อันเกิดจากกระบี่สีดำทมิฬขนาดยาวร่วมเมตรก็ถูกฟาดฟันออกไป โดยมีเป้าหมายเป็นชายชราเบื้องหน้า


ถึงแม้ว่าคลื่นกระบี่นี้จะมีความยาวเพียงเมตรนิดหน่อย เทียบไม่ได้เลยกับคลื่นกระบี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าแสนเมตร


แต่มันอัดแน่นด้วยพลังที่น่ากลัวมาก ๆ


ในวินาทีที่มันพวยพุ่งออกมา มิติโดยรอบก็ถูกทำให้แตกออกจนเกิดเป็นช่องว่างมิติ แรงสั่นสะเทือนระดับห้วงมิติเกิดไปทั่วราวกับอยู่ท่ามกลางพายุ ก่อนที่มันจะกลายเป็นหายนะ พายุเหล่านั้นก็ถูกเจตจำนงแห่งกระบี่ตัดขาดและแทนที่ด้วยคมกระบี่ที่เฉียบคมแทน


ไม่เพียงเท่านั้น ในทุกเส้นทางที่คมกระบี่เคลื่อนผ่านไป มันยังได้ทำให้ช่องว่างมิตินั้นปั่นป่วนและกลายสภาพเป็นวังวนมิติอยู่ภายในแทนด้วย วังวนเหล่านั้นสร้างแรงดูดกลืนมหาศาลออกมา และดูดเอาคลื่นประหลาดที่อยู่ภายนอกมิติเข้าไป


“นี่น่ะหรือ อัจฉริยะแห่งมวลมนุษยชาติ เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์น่าทึ่งจริง ๆ!”


มองไปยังวิชากระบี่อันแปลกประหลาดนี้ ชายชราก็เผลอกล่าวชื่นชมออกมา


ทว่าหลังจากนั้น…


บทสนทนาก็เปลี่ยนไป “ยังไงก็ตาม… ยิ่งได้เห็นว่าเจ้าเก่งกาจขนาดไหน ข้าก็ยิ่งยินดีที่จะได้ฆ่าเจ้ามากเท่านั้น!”


“ตายซะ!”


พูดไปเช่นนั้น เจ้าตัวก็กำหมัดแน่น


แม้จะดูเหมือนมันเป็นเพียงการปล่อยหมัดแบบทั่ว ๆ ไป


แต่ในยามที่แขนของชายชรายืดออกสุดแรง มันก็ก่อเกิดเป็นคลื่นวงกลมที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าพุ่งตามออกมาด้วย เสมือนว่ามันถูกหมัดกระทบเป็นแรงขับเคลื่อน คลื่นวงแสงนั้นก่อตัวชัดเจนและพุ่งตรงไปตามทางในชั่วพริบตา


ตู้ม!


จังหวะนั้น


ทั่วทั้งดาวเคราะห์สีน้ำเงินสั่นสะเทือนและเกิดเสียงดังกังวานราวกับมีอุกกาบาตสองลูก… ไม่สิ เหมือนดาวเคราะห์สองดวงเพิ่งจะพุ่งชนกันในอวกาศเสียมากกว่า ผลของมันทำให้เกิดแสงระยิบระยับละลานตาไปทั่ว


ด้วยพลังที่รุนแรงจนไม่อาจอธิบายได้นี้ เสมือนว่าท้องฟ้าได้แยกออกและท้องทะเลก็ได้แห้งเหือดไปด้วย


มันทำให้คนอื่น ๆ ไม่รู้จะสรรหาถ้อยคำใด ๆ มาอธิบายกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเช่นนี้ดี


ภายในสายตาของคนอื่น ๆ พวกเขาเห็นคมกระบี่ปะทะเข้ากับกำปั้นอย่างรุนแรง


จากนั้น


มันกลับไม่ได้ก่อให้เกิดเสียงระเบิดที่ดังกังวานแต่อย่างใด กลับกัน บรรยากาศมันกลับเงียบสงบมาก ๆ


สงบเสียจนเกือบจะได้ยินเสียงเข็มตกเลย


ทุกคนหยุดนิ่งไปจนหากเวลามันผ่านไปร่วมพันปีก็อาจจะไม่มีใครรับรู้ได้เลย


ครืน!


ตู้ม!


แรงระเบิดที่สะท้อนออกมาจู่ ๆ ก็ดังกังวานขึ้น คลื่นสั่นสะเทือนจากการปะทะกันของสองกระบวนท่าที่รุนแรงกระจายตัวออกไปไกลกว่ายี่สิบกิโลเมตรในพริบตา มันทำให้ผู้ปลุกพลังมากมายที่ไม่ทันระวังตัว ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นราชันย์เทพยุทธ์หรือราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 9 ดาว ต่างก็กระเด็นลอยออกไป บางคนถึงกับกระอักเลือดกันเลย


หลังจากที่กระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร บางคนเผลอ ๆ ไปไกลถึงหลักกิโลเมตร พวกเขาก็เริ่มจัดสมดุลร่างกายใหม่อีกครั้ง


สีหน้าของพวกเขาคล้ายกระดาษชุบทอง เห็นได้ชัดว่าคลื่นกระแทกเมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บหนักเอาการอยู่


ทว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับอาการบาดเจ็บของตนเองกันนัก กลับกันก็รีบหันไปมองสถานการณ์ ณ จุดศูนย์กลางของการต่อสู้ต่อ


คมกระบี่ของฉู่โม่วแตกสลาย ในขณะที่ร่างของเขาก็กระเด็นออกไปไกลกว่าพันกิโลเมตร เลือดสีทองไหลออกจากร่างจนเห็นเป็นหยาดละอองทองกระจายไปตลอดทาง


หลังจากคลื่นกระแทกอันน่าหวาดผวากระจายออกไปหลายล้านกิโลเมตร ทำให้พื้นดินในรัศมีแสนกิโลเมตรเกิดรอยแตกกว้าง และลึกกว่าร้อยกิโลเมตร มันเทียบเท่าได้กับภูเขาไท่หัวที่พลิกด้านกลับลงมาบนดินจนเกิดหลุมลึกเช่นนี้ได้


ทั้งเมฆและมวลอากาศบนท้องฟ้าเองก็พลอยถูกแหวกออกไปด้วย เกิดเป็นวงหลุมบนท้องฟ้าที่กินพื้นที่กว้างไกล ราวกับมีคนมาขุดผืนฟ้าเอาไว้จริง ๆ


ด้วยปรากฏการณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคนในที่นี้


ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งจากเผ่ามนุษย์ถ้ำ หรือผู้แข็งแกร่งจากมนุษยชาติ ทุกคนต่างพากันอ้ำอึ้งกันอยู่นาน ดวงตาที่จับจ้องเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและตกตะลึง


“น่ากลัวจริง ๆ!”


“แข็งแกร่งเกินไป! พลังนี่แข็งแกร่งเกินกว่ามนุษย์จะควบคุมไหวแล้ว!”


“นี่น่ะเหรอพลังของขั้นเทียมเทพ?”


เหล่าผู้ปลุกพลังต่างพากันบ่นพึมพำโดยไม่สามารถอดใจได้ พวกเขารู้สึกได้ถึงขนทุกเส้นบนร่างกายที่กำลังลุกชันขึ้นมาด้วยความหนาวเหน็บ


พลังพวกนี้น่ากลัวจริง ๆ!


แม้จะอยู่ห่างจากจุดเข้าปะะกันไกลแล้วก็จริง แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงความน่ากลัว ไม่ว่าเวลามันจะผ่านไปนานขนาดไหน ก็ยังไม่สามารถระงับความกลัวที่เกิดขึ้นได้


ไม่เพียงแต่เหล่าผู้ปลุกพลังที่เสียขวัญกำลังใจไปเท่านั้น


ตอนนี้ฉู่โม่วเองก็อยู่ในสภาวะย่ำแย่เช่นกัน


แรงปะทะเมื่อครู่นี้ทำให้ร่างกายเขาเสียหายอย่างหนัก อวัยวะภายในของเขาหลายส่วนบาดเจ็บขึ้นในทันที


หากเป็นผู้ปลุกพลังทั่ว ๆ ไป อาจจะได้รับบาดเจ็บหนักจนกลับมาต่อสู้ใหม่ไม่ได้อีกแล้วก็เป็นได้


แต่โชคยังดี ที่พรสวรรค์ธาตุไม้ก็ช่วยรักษาฉู่โม่วในทันที มันทำให้ร่างกายที่บาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายในต่างก็ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้นแล้ว บาดแผลส่วนใหญ่จึงถูกรักษาแทบจะในพริบตานั้นเลย


การที่พรสวรรค์ธาตุไม้สูงถึงระดับตะวัน มันทำให้ความเร็วในการรักษาตนเองของฉู่โม่วเพิ่มขึ้นชนิดที่ว่าน่าสะพรึงกลัวเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าบรรพบุรุษของมนุษย์ถ้ำคนนี้จะมีพลังที่น่ากลัว แต่จากการโจมตีหลาย ๆ รูปแบบ ปัจจุบันอีกฝ่ายก็ยังไม่สามารถสังหารฉู่โม่วได้


ภายหลังจากที่สูดหายใจเข้าไปแล้ว เขารวบรวมอณูแห่งชีวิตใหม่อีกนิดหน่อย บาดแผลทั้งหมดบนร่างของฉู่โม่วก็หายไปจนหมด ราวกับเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลยทั้งสิ้น


“อะไรกันน่ะ?”


ผู้นำของเหล่ามนุษย์ถ้ำตระหนักได้ว่ากลิ่นอายพลังของฉู่โม่วฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วและกลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจ


ชายชราตระหนักได้ดีว่าหมัดนั้นโดนฉู่โม่วแน่ ๆ และเขายังมั่นใจด้วยว่าต่อให้ฉู่โม่วจะไม่ตาย ฉู่โม่วก็จะต้องบาดเจ็บมากอย่างแน่นอน ทว่าใครจะไปคาดคิด ว่าในอีกไม่กี่พริบตา บาดแผลทุกอย่างจะหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย


“ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ธาตุไม้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”


เขาได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วและกล่าวชมด้วยความตื่นเต้น


“แย่หน่อยนะที่ตายยากน่ะ!”


ฉู่โม่วไม่พูดพร่ำทำเพลงไร้สาระ เขากระชับด้ามกระบี่ให้มั่นแล้วพุ่งเข้าหมายโจมตีต่อในทันที




รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว