บทที่ 95 ศูนย์ใหญ่ของสัมพันธมิตรพ่อค้าหอการค้าหยกแก้ว กับสถานะที่แท้จริงของหมัวซานซาน
ใช้เวลาไม่นาน
ในที่สุดเสี่ยวจินก็บินมาถึงฐานจินหลิง
ยิ่งเข้าใกล้ฐานแห่งนี้มากเท่าไร พวกเขาสามารถเห็นได้ชัดว่าฐานจินหลิงมีขนาดใหญ่เพียงใด แล้วยิ่งเป็นเหล่าตึกระฟ้าที่ได้เห็นชัด ๆ แล้ว มันเทียบเท่าได้กับตึกสูงสมัยที่ยังเป็นอารยธรรมมนุษย์ยุคก่อนได้จริงอย่างที่สีอิ้งเล่าให้ฟัง
ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนก็น่ามองไปหมด
แม้จะเป็นเพียงด้านนอกฐานเองก็มีการป้องกันอย่างหนาแน่นตลอดแนวกำแพงฐาน สมเป็นฐานที่มีขนาดใหญ่
การป้องกันบางรูปแบบ เช่น ค่ายกล ที่เคยเห็นมาก่อนหน้าที่ฐานลู่หยางนั้นเทียบไม่ติดเลย
ค่ายกลของฐานแห่งนี้ฉู่โม่วสามารถรับรู้ได้ว่ามันมีอยู่จริง แต่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าถูกติดตั้งไว้เป็นระยะทางกว้างไกลขนาดไหน เพราะลำพังเพียงหันมองตามแนวกำแพงฐาน เขาไม่อาจหาจุดเริ่มหรือจุดจบได้เลยและนี่ก็ทำให้ฉู่โม่วอดตกตะลึงไปพักใหญ่ ๆ ไม่ได้
“ผู้ปลุกพลังที่นั่งอยู่บนนก รีบลงพื้นมาแล้วรับการตรวจตราซะ!”
ขณะที่ฉู่โม่วกำลังเพลิดเพลินกับการชื่นชมบรรยากาศฐานตรงหน้านั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงมาจากภาคพื้นดิน
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังตะโกนเรียกเขาจริง ๆ เขาก็ไม่รอช้าที่จะสั่งให้เสี่ยวจินพาลงไปยืนบนพื้นตรงหน้านั้น
“นายไม่รู้กฎหรือไง? จะบินเข้าเมืองตรง ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ!”
ที่ประตูเมือง ผู้ปลุกพลังในชุดเครื่องแบบกำลังต่อว่าฉู่โม่ว
“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ เพื่อน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้มาที่ฐานจินหลิงนี้ เลยยังไม่รู้กฎน่ะ” ฉู่โม่วรีบอธิบาย
ได้ยินเช่นนั้น
ผู้ปลุกพลังคนเดิมก็เหลือบมองฉู่โม่วกับเฉินซีเวย ก่อนจะหันมองเสี่ยวจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะถามออกมา “พวกนายมาจากข้างนอกเหรอ?”
“ใช่แล้ว”
ฉู่โม่วพยักหน้า
“ถ้าเป็นคนต่างถิ่น การจะเข้ามาในฐานจินหลิง พวกนายต้องจ่ายค่าเข้าเมืองคนละหนึ่งพันหกร้อยหินปฐมกาล พวกนายถึงจะสามารถลงทะเบียนข้อมูลและสามารถอยู่อาศัยในเมืองนี้ได้”
“อ้อ! แล้วก็เจ้านกยักษ์นี่… สัตว์เลี้ยงของนายสินะ? นายต้องลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงแล้วจ่ายค่าเข้าเมืองให้มันด้วยเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นถ้าผู้พิทักษ์กฎหมายในเมืองมาเจอเข้า นายจะถูกถือว่าเป็นผู้นำเข้าสัตว์อสูรแบบผิดกฎหมาย ดีไม่ดีเจ้านี่อาจจะถูกจับไม่ก็ถูกฆ่าไปด้วย”
หลังจากที่รู้ว่าฉู่โม่วนั้นเป็นคนต่างถิ่น ผู้ปลุกพลังคนนี้ก็ยืดอกและเชิดหน้า ระหว่างที่พูด เขาก็ทำทีราวกับว่าตนเองอยู่เหนือกว่าอีกฝ่ายไปด้วย
“แพงชะมัด!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเฉินซีเวยอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ
หนึ่งพันหกร้อยหินปฐมกาลนี้หากเป็นภายในฐานลู่หยาง ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ยังต้องใช้เวลาร่วมปีเลยกว่าจะหามาได้
แต่ที่ฐานจินหลิงนี้ เงินร่วมปีนั่นกลับถูกผลาญให้กับค่าเข้าอยู่อาศัยง่าย ๆ เช่นนี้เลยงั้นหรือ?
“เธอจ่ายเท่าไรก็จะได้มาตรฐานความปลอดภัยที่ดีคืนกลับไปเท่านั้นแหละน่า ไม่เห็นค่ายกลด้านนอกนี่หรือไง? ค่ายกลขนาดใหญ่นี่น่ะก็เพื่อปกป้องฐานจากสัตว์อสูรด้านนอก การมีอยู่ของมันทำให้ฐานจินหลิงมีค่าใช้จ่ายหนักหน่วงในทุกปีเลยนะ ฉันคงไม่ต้องมาแจกแจงให้ฟังหรอกมั้งว่าปีหนึ่งฐานจินหลิงต้องใช้เงินไปกับอะไรบ้าง? เพราะงั้นในเมื่อพวกเธอเป็นคนที่มาจากข้างนอก แล้วคิดจะมาหาประโยชน์ภายในฐานนี้มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาน่า!”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้ ฐานจินหลิงจะมีแต่พวกคนจากฐานอื่นเข้ามาอาศัยหวังพึ่งใบบุญเต็มไปหมดน่ะสิ”
หลังจากที่พูดออกไปแล้ว ผู้ปลุกพลังในคราบทหารยามก็หยุดให้คิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปถามฉู่โม่วอีกครั้ง “ว่ายังไง? พวกนายจะลงทะเบียนหรือเปล่า? ถ้าใช่ ฉันจะได้พาไปยังจุดลงทะเบียน”
มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังไงฉู่โม่วก็ต้องตกลงรับกฎข้อนี้
เพราะงั้นเขาจึงไม่พูดอะไรมาก และขอให้อีกฝ่ายพาไปยังจุดชำระค่าเข้าเมืองแต่โดยดี
ทั้งสองคนรวมกับสัตว์เลี้ยงอีกสามตัวจ่ายค่าเข้าเมืองรวม ๆ กันแล้วมีมูลค่าสูงลิบลิ่ว พวกเขาถูกพาตัวไปลงทะเบียน หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่โม่วก็ได้บัตรประชาชนสองใบพร้อมกับบัตรสัตว์เลี้ยงอีกสามใบมาไว้ในมือ
บัตรประชาชนในมือเขาค่อนข้างจะเหมือนกับบัตรประชาชนใบก่อนหน้าของเขามากเลยทีเดียว
ส่วนของบัตรสัตว์เลี้ยงจะเป็นปลอกคอที่มีข้อมูลของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นประเภทหรือระดับ
ด้วยปลอกคอนี้ สัตว์อสูรที่เป็นสัตว์เลี้ยงจะสามารถเดินทางไปทั่วทั้งฐานจินหลิงได้ เพราะถ้าปราศจากสิ่งนี้ พวกมันจะถูกมองเป็นสัตว์อสูรที่บุกรุกเข้ามา หากใครจะกำจัดทิ้งก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว
ฉู่โม่วและเฉินซีเวยจึงได้รับสิทธิ์ให้เข้าฐานจินหลิงได้เสียที
…
หลังเดินไปตามถนนหนทางภายในฐานยักษ์ใหญ่ พวกเขาก็ได้พบว่า ถนนที่นี่กว้างใหญ่มาก อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าร้อยเมตรแน่ ๆ ตลอดทางนั้นชายหนุ่มจะสามารถเห็นรถที่วิ่งด้วยพลังงานอณูแห่งชีวิตไปมา หรือไม่ก็ผู้คนที่เดินไปเดินมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา
ถนนถูกขนาบไว้ด้วยตึกสูงที่มีแสงสว่างวิบวับอยู่ให้เห็นตลอดสองฝั่งทาง
นอกจากนี้ยังมีร้านค้ามากมายทอดยาวจนดูมีชีวิตชีวาสุด ๆ
“พวกเราจะไปทำอะไรกันต่อดีล่ะ?”
เฉินซีเวยถามขึ้นมาด้วยเสียงเบา
ฉู่โม่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ถ้ายังไงเราคงต้องหาที่อยู่กันก่อน… แต่จะหาซื้อบ้านวันนี้เลยคงไม่ทันแล้ว ไว้เดี๋ยวเราค่อยหาซื้อบ้านพรุ่งนี้ดีกว่า”
“เข้าใจแล้ว”
หญิงสาวตอบอย่างเชื่อฟัง
ซึ่งเมื่อพูดออกมาเช่นนั้น ระหว่างทางทั้งสองก็พบโรงแรมพอดี พวกเขาไม่รอช้าที่จะตัดสินใจเข้าพักที่นั่นไปก่อน
…
ตัวเมืองชั้นในของฐานจินหลิง
พนักงานขายสาวในชุดสุภาพเปิดประตูเข้าไปใต้คฤหาสน์ ก่อนจะเริ่มพูดแนะนำ “เชิญค่ะ ที่นี่เป็นบ้านที่ตรงกับความต้องการของพวกคุณมากที่สุดค่ะ ทั้งเงียบสงบ และมีการรักษาความปลอดภัยในระดับสูง… มันเคยเป็นที่อยู่อาศัยของจอมยุทธ์ระดับสูงมากก่อน แต่หลังจากที่คนคนนั้นได้รับการบรรจุเข้าไปในหอการค้าหยกแก้ว เขาก็ย้ายออกจากที่นี่ไป”
ที่ด้านหลังของพนักงานผู้นี้ มีชายหนุ่มที่ดูไม่ธรรมดากับหญิงสาวที่มีหน้าตาสละสลวยและรูปร่างที่งดงามตามมาด้วย
ทั้งสองคนที่ตามมาคือฉู่โม่วและเฉินซีเวยที่ซึ่งเพิ่งจะมาถึงฐานจินหลิงได้วันเดียว
ภายหลังจากที่พวกเขาพักผ่อนในโรงแรมไปแล้วหนึ่งคืน ฉู่โม่วก็ติดต่อหาตัวแทนจำหน่ายบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อจะได้รีบหาที่อยู่อาศัยตั้งแต่เนิ่น ๆ
พนักงานขายถามเขาเกี่ยวกับประเภทบ้านและเรทราคาที่เขาต้องการจะซื้อ จากนั้นถึงได้ส่งคนพาฉู่โม่วมาดูบ้านตามที่ต้องการ
ระหว่างที่ฟังพนักงานสาวอธิบาย ฉู่โม่วและเฉินซีเวยก็หันดูรอบ ๆ ไปด้วย
ที่นี่เป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่ไม่ได้หรูหราอะไรมากนัก แต่ก็มีสภาพแวดล้อมที่ดีมากเลยทีเดียว
ภายในสวนของคฤหาสน์หลังนี้มีบ่อน้ำเล็ก ๆ อยู่ ซึ่งบ่อน้ำนี่ได้รับน้ำมาจากลำธารที่อยู่ไม่ไกล
“ฉนวนกั้นเสียงของคฤหาสน์นั้นมีประสิทธิภาพที่ดีมาก ๆ ความเป็นส่วนตัวเองก็สูงสุด คฤหาสน์หลังอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ที่สุดยังอยู่ห่างกันอย่างน้อยก็ร่วมร้อยเมตร แต่ถึงอย่างนั้นที่นี่ไม่ได้เปลี่ยวแต่อย่างใด เช่นนี้แล้วคงพูดได้ว่า คฤหาสน์ที่สุดแสนจะหายากนี้ เป็นพื้นที่แสนสงบท่ามกลางความวุ่นวายภายนอกเลยค่ะ! มันตรงตามความต้องการของคุณลูกค้ามาก ๆ เลยล่ะ!”
ตลอดเวลาที่เธอพูด พนักงานขายสาวผู้นี้ก็พาฉู่โม่วและเฉินซีเวยเดินชมบ้านหลังโตนี้ไปด้วย
“เธอคิดว่ายังไง? ชอบมันหรือเปล่า?”
ฉู่โม่วหันไปถามเฉินซีเวย
“อื้อ ชอบสิ!”
เธอพยักหน้ารับ
“งั้นก็ตามใจเธอ เอาหลังนี้แล้วกัน”
นี่เป็นบ้านหลังแรกที่พวกเขาได้ดู ถึงแม้ว่าจะยังมีตัวเลือกให้เลือกอีกมาก แต่ฉู่โม่วไม่ได้อยากจะดูให้ครบทุกตัวเลือกอยู่แล้ว เขาหันกลับไปพูดกับพนักงานขาย “ผมชอบบ้านหลังนี้ เรื่องราคาละครับ ว่ายังไง?”
“ราคามันค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกันค่ะ เอ่อ… แปดสิบเก้าล้านหินปฐมกาล…”
หลังจากที่ได้บอกราคาออกไปแล้ว ราวกับกลัวว่าฉู่โม่วจะมองว่าราคานี้แพงเกินไป พนักงานสาวจึงรีบพูดเสริม “จริง ๆ ที่ราคาดูสูงนั้น มันไม่ได้สูงอะไรเลยนะคะ ลูกค้าจะได้ทุกอย่างคุ้มค่าเงินอย่างแน่นอน! ในฐานราคาเดียวกันนี้ ฉันรับประกันเลยว่าจากทั่วทั้งฐานจินหลิง ไม่มีคฤหาสน์หลังไหนที่ดีเทียบเท่าหลังนี้อีกแล้วละค่ะ!”
“แล้วก็… ถ้าคุณลูกค้าอยากจะเซ็นสัญญาซื้อขายตอนนี้เลย พวกเราจะมอบชุดค่ายกลรักษาความปลอดภัยสำหรับป้องกันไม่ให้คนอื่นมาสอดรู้สอดเห็นให้แบบฟรี ๆ เลยนะคะ!”
ฟังราคาแล้วฉู่โม่วก็เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ
เขาค่อนข้างจะพึงพอใจมากกับคฤหาสน์หลังโตนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกว่าราคามันแพงเกินไปแต่อย่างใด
“โอเค ตกลงครับ!”
เขาตัดสินใจและเลือกที่จะซื้อมันอย่างไม่ลังเล
ตอนที่จะออกมาจากฐานลู่หยาง ฉู่โม่วขายวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ไม่คิดว่าจะได้ใช้อีกต่อไป และเปลี่ยนมันเป็นหินปฐมกาลได้หลายสิบล้านก้อนอยู่ นอกจากนี้เมื่อตอนกำจัดนายน้อยคนนั้น เขายังได้เก็บเอาหินปฐมกาลของอีกฝ่ายมาได้ไม่น้อย เพราะงั้นในตอนนี้ ฉู่โม่วมีหินปฐมกาลอยู่มหาศาลทีเดียว
ในตอนนี้ เขานำหินปฐมกาลแปดสิบเก้าล้านก้อนออกมาใช้ซื้อคฤหาสน์ บวกกับอีกห้าล้านก้อนสำหรับจดทะเบียน มันทำให้หินปฐมกาลภายในมิติพกพานั้นเหลือไม่ถึงสิบล้านก้อนเท่านั้น
แต่ยังไงเสีย
ภายในมิติพกพา เขาก็ยังมีเลือดสัตว์อสูรกับซากสัตว์อสูรที่สูงกว่าระดับ 4 อยู่อีกมากมาย ผนวกกับสมบัติบรรพกาลอีกหลายชิ้น แม้กระทั่งหญ้าหรือผลวิญญาณเองก็ยังมีให้ขายมากมายนับไม่ถ้วน
หากเขานำสิ่งเหล่านี้ไปขายแลกเป็นหินปฐมกาล มันก็น่าจะมีค่ามหาศาลอย่างแน่นอน
หลังจากที่จ่ายค่าคฤหาสน์และกรอกข้อมูลในทะเบียนบ้านเรียบร้อย คฤหาสน์หลังโตนี้ก็ถือเป็นของฉู่โม่วไปในที่สุด
ขั้นต่อไปก็คือการหาซื้อเฟอร์นิเชอร์
เวลานี้ ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ยังคงว่างเปล่าและไม่มีอะไรอยู่เลย
ฉู่โม่วนำหินปฐมกาลที่เหลือมอบให้เฉินซีเวยและขอให้เธอไปเลือกซื้อเอาเฟอร์นิเชอร์มาตกแต่งบ้านตามที่เธอชอบได้เลย
ส่วนตัวเขาก็เลือกที่จะออกไปเดินเล่นข้างนอก เขาตั้งใจว่าจะไปหอการค้าหยกแก้วเผื่อว่าจะสามารถติดต่อหมัวซานซานได้เสียหน่อย
เขากับหมัวซานซานได้ให้คำสัญญากันเอาไว้ว่า ถ้าเมื่อไรฉู่โม่วมายังฐานจินหลิง เขาจะรีบติดต่อไปหาเธอให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้
ฉู่โม่วเองก็ตั้งใจจะถามหมัวซานซานด้วยว่าเธอพอจะมีคัมภีร์วิธีกระตุ้นจิตวิญญาณขายให้บ้างหรือเปล่า!
นี่เองก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะรีบมายังฐานจินหลิง เพราะเขาอยากจะซื้อคัมภีร์กระตุ้นจิตวิญญาณเพื่อทลายขีดจำกัดของขั้นจอมยุทธ์!
หลังจากที่ได้สอบถามจากร้านค้าอื่น ๆ ถึงที่ตั้งของหอการค้าหยกแก้วแล้ว ฉู่โม่วก็ไม่รอช้าที่จะรีบไปยังปลายทางของตนทันที
…
ฐานจินหลิง ถนนที่รุ่งเรืองที่สุด
ตรงหน้าอาคารขนาดใหญ่
ฉู่โม่วหยุดเดินและอ่านป้ายที่ประกอบไว้ด้วยคำว่า ‘เครือหอการค้าหยกแก้ว’ ที่แสดงเด่นหราอยู่ด้านหน้าอาคาร มันอดไม่ได้เลยที่จะรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่
แม้ว่าเมื่อตอนที่อยู่ในฐานลู่หยาง เขาจะได้รู้มาจากหมัวซานซานแล้วว่าเครือหอการค้าหยกแก้วนั้นมีอิทธิพลขนาดใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเบื้องหลังของอิทธิพลที่ว่านั้นจะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
บนถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด และอาคารหลังโตทั้งหลังนี้ คือสถานที่ตั้งของหอการค้าหยกแก้วสาขาหลัก!
นอกจากนี้ ในหลาย ๆ ย่านการค้าที่อยู่ในฐานเองก็ยังมีสาขาย่อยของหอการค้าหยกแก้วตั้งให้เห็นอยู่กว่าสิบสองสาขาด้วย
ช่างเป็นอำนาจที่ทรงพลังจริง ๆ
หลังจากได้มองมาพักหนึ่ง
ฉู่โม่วก็ตัดสินใจเดินเข้าไป
“ท่านแขกผู้มีเกียรติ มีอะไรให้ฉันรับใช้ไหมคะ?”
พนักงานสาวรูปร่างสวยสง่าคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานบนใบหน้า
“ผมมาพบคุณหนูหมัวซานซานน่ะครับ เธออยู่ที่นี่ไหม?”
ชายหนุ่มกล่าวถามพร้อมกับหยิบเอาบัตรที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นพันธมิตรกับหอการค้าหยกแก้วออกมาจากมิติพกพา
ในตอนแรกเมื่อพนักงานสาวได้ยินคำขอของฉู่โม่ว เธอตั้งใจจะปฏิเสธอย่างรวดเร็ว นั่นเพราะด้วยระดับตัวตนของคุณหนูหมัว จะให้คนนอกเข้าพบได้ง่าย ๆ ได้อย่างไร?
ทว่า…
ก่อนที่จะได้พูดอะไรกลับไป พนักงานสาวที่เห็นบัตรประจำตัวที่ฉู่โม่วนำมาแสดงให้เห็น ก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าไปทันที
“คุณเป็นพันธมิตรของหอการค้าของพวกเรางั้นเหรอคะ?”
ใบหน้าของเธอแสดงความตกตะลึง ก่อนจะรีบพูดต่อด้วยความเคารพ “ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะมาหาพวกเราถึงที่นี่ ถ้าหากฉันทำอะไรไม่ดีลงไป ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ!”
หลังกล่าวขออภัยเช่นนั้น หญิงสาวก็รีบพูดต่อ “เดี๋ยวฉันจะช่วยติดต่อคุณหนูหมัวให้ทันทีเลยค่ะ ต… แต่ถ้าคุณหนูไม่สะดวกที่จะออกมาพบ ก็ได้โปรดอย่าต่อว่าฉันเลยนะคะ!”
“ไม่เป็นไร แค่ช่วยบอกไปว่า ฉู่โม่วมาขอพบ แล้วมาแจ้งว่าเป็นอย่างไรบ้างก็พอแล้วครับ”
ชายหนุ่มปัดมือไปมาและพยายามไม่ให้เธอกังวล
พนักงานคนสวยรีบพยักหน้าแล้วไปทำหน้าที่ทันที
แต่ก่อนจะไป
เธอพาตัวพนักงานขายสองคนมาคอยดูแลรับรองฉู่โม่วระหว่างนั้นด้วย
ภายหลังจากที่พนักงานภายในหอการค้าหยกแก้วนี้รับรู้ว่ามีพันธมิตรมาเยือนด้วยตนเอง พวกเธอทั้งหมดล้วนตื่นเต้นและหวั่นกลัวกันเล็กน้อย ขนาดที่หนึ่งในผู้บริหารยังต้องลงมาหาเขาหลังรู้เรื่องนี้ คนเหล่านี้กล่าวทักทายและพาฉู่โม่วไปยังโซนสำหรับพักผ่อนพร้อมทั้งปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพ
‘ไม่คิดเลยว่าสถานะพันธมิตรนี่จะมีประโยชน์ขนาดนี้ ขนาดเป็นสาขาหลักยังดูแลอย่างกับลูกในไส้เลย!’
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดคาด
แต่ในขณะเดียวกัน
เขาก็เริ่มอยากจะรู้ถึงสถานะของทางฝั่งหมัวซานซานมากขึ้นไปอีก
เพราะลำพังเพียงสถานะของพันธมิตรที่เขาครอบครองยังมีอำนาจมากขนาดนี้ ในขณะที่หมัวซานซานนั้นเป็นผู้ที่สามารถมอบสถานะนี้ให้ใครก็ได้
แบบนี้แล้ว…
เธอคนนั้นจะมีสถานะที่สูงส่งขนาดไหนในเครือหอการค้าหยกแก้วแห่งนี้?
ฉู่โม่วคิดกับตนเอง
ขณะนั้นเอง
เสียงหนึ่งก็ดังมาจากทางด้านนอกประตู
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว