บทที่ 4
ทิศทางของลมที่เปลี่ยนไป
...
เมื่อไลลาเดินเข้ามาภายในรั้วบ้านเจ้าหมาก็เหมือนจะจำกลิ่นของเธอได้ มันวิ่งกรูเข้ามาทางเธอโดยมีคนดูแลวิ่งตามมาด้านหลัง
เป็นภาพที่เหมือนกับตอนที่เธอเจอมันครั้งแรกไม่ผิด
“วันนี้ฉันขอให้ร็อตมานอนที่ห้องได้ไหม?” น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่งแต่แววตากลับมองไปทางเจ้าหมาตัวโตด้วยความเอ็นดู
“นอนได้ครับ แต่มันจะดีเหรอครับ...” หมาที่นี่ถูกฝึกมาอย่างดีแล้วยิ่งเป็นหมาของภวิศยิ่งได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื้อตัวก็สะอาดสะอ้านแถมยังฉลาดราวกับฟังภาษาคนออก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอดีฉันรู้สึกเหงา” ไลลายิ้มบางๆ ให้คนดูแล เขาจึงให้เจ้าร็อตมาอย่างเก้ๆ กังๆ ระคนขัดเขินเล็กๆ
ก็ทั้งหน้าตาและรูปร่างของเธอนั้นราวกับเทพธิดา ยิ่งเวลาที่เธอยิ้มออกมาก็ยิ่งทำให้ความดูดีที่มีทวีมากยิ่งขึ้น
“วันนี้มานอนเป็นเพื่อนฉันนะ หากต้องการอะไรก็เห่าบอกฉันได้เต็มที่” ก่อนจะเข้านอนหญิงสาวนั่งยองๆ ระดับสายตาของเจ้าหมา แต่จู่ๆ ความคิดกลับนึกสนุกขึ้นมา
“ขอมือซ้ายทีสิ” เมื่อมือแบออกร็อตก็ทำตามอย่างง่ายดาย “มือขวาด้วย”
“นั่ง เก่งมากเด็กดี” มันทำตามที่เธอสั่งได้ทุกอย่างจริงๆ สมแล้วที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เด็ก
ไลลาทอดมองไปที่มันอย่างเหม่อๆ พลางนึกถึงเรื่องที่พึ่งเกิดบนดาดฟ้าเมื่อไม่นาน
“เจ้านายของแกเป็นคนอย่างไงกันแน่นะ...” ในขณะที่มือลูบหัวอยู่จู่ๆ ไลลาก็พลั้งปากพูดออกไปโดยยั้งคิด
“โฮ่ง!”
“....นี่ฉันพูดอะไรอยู่เนี่ย นอนกันเถอะ”
เสียงเห่าของร็อตทำให้ภาพรอยยิ้มในความทรงจำจางหาย คำพูดที่ออกมาเธอเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะหลุดจากปากเธอเหมือนกัน มันคงจะเป็นสิ่งในใจลึกๆ ที่เธออยากจะรู้….ล่ะมั้ง?
“วันนี้คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ดูอารมณ์ไม่ดีนะคะ” เสียงหวานของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาในความเงียบ เรียวมือยกขึ้นรวบผมที่ปล่อยลงมายาวถึงกลางหลัง
ชายหนุ่มที่ถูกถามนั่งเงียบจุดบุหรี่ในมืออย่างเยือกเย็น ควันบุหรี่สีเทาถูกพ่นออกมารวดเร็ว เป็นสัญญาณว่าคนที่สูบอยู่กำลังหงุดหงิด
สายตาเฉยชาไร้ซึ่งความรู้สึกหันไปที่สาวร่างบางที่กำลังยืนแต่งตัวอยู่ปลายเตียง ถุงยางที่อยู่บนพื้นเป็นหลักฐานว่าทั้งสองพึ่งจบภารกิจบนเตียงกันมาอย่างร้อนแรง
“แค่ของที่เฝ้ารักษามาเหมือนกับว่ามันถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา” เขายกบุหรี่ขึ้นดูดอีกครั้ง แม้ดวงตาจะดำมืดแต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้มันกลับมีแววความหงุดหงิดที่ไม่อาจซ่อนอยู่ได้ผุดขึ้น
“ถ้าของถูกขโมยไปคุณก็แค่ขโมยกลับมา...คุณน่ะไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาขโมยของไปได้ง่ายๆ นี่”
หญิงสาวรูปร่างดีเดินเข้ามาทางหนุ่มที่กำลังอารมณ์เสีย สายตานั้นดูยั่วยวนราวกับต้องการตัวของเขาอีกครั้ง นิ้วมือลูบวนลงบนแผ่นอกแกร่งเบาๆ ผสานตาให้เขาได้รับรู้ถึงความต้องการ
“ฉันจะกลับแล้ว”
น้ำเสียงเด็ดขาดถูกตัดขาดความรู้สึกหญิงสาว เขาลุกยืนเต็มความสูงขึ้นหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวใส่ มือใหญ่ค่อยๆ ไล่ติดกระดุมอย่างรวดเร็ว เมื่อเสร็จสิ้นในสิ่งที่เขาต้องการเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่แล้ว
“ใจร้ายจังนะคะคุณเนี่ย” เธอยักไหล่ขึ้นเบาๆ เนื่องรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไง แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยเท่าไหร่แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะชัดเจนกับคำพูด
ชุดสูทถูกสวมใส่ร่างใหญ่นั้นจนเรียบร้อย เขาเตรียมเดินออกไปหาได้สนใจหญิงด้านหลังที่กำลังยืนมองเขาอยู่
“เอาไว้ฉันจะรอคุณติดต่อมาอีกนะคะ....คุณกันต์”
ก้าวยาวสาวเดินออกไปราวกับเสียงที่เอ่ยบอกเป็นเพียงเสียงของสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้สำคัญอะไร....
“ต่อให้เธอไม่บอกฉันก็จะเอากลับคืนมาอยู่แล้ว”
กันต์เดินผ่านโถงทางเดินดูดีของโรงแรมแห่งหนึ่งพึมพำเสียงเบาคุยกับตนเอง
โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่อยู่ไกลจากตัวของไลลาและไม่ใช่เครือของตระกูลภาณุมาศ แม้จะไกลไปเสียหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นสถานที่ที่ดีหากเขาต้องการทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อไม่ให้เธอรับรู้....
ว่าคนที่เธอมักจะเชื่อใจอยู่เสมอนั้นไม่ได้ดีเด่อย่างที่เธอคิด
.
.
.
“คุณหนูอาหารเช้าเตรียมเสร็จแล้วค่ะ” เสียงมายาที่เอ่ยบอกลอดช่องประตูเข้ามาในเวลาเจ็ดโมงเช้า
เจ้าหมาตัวโตที่เธอเอามันเข้ามาเมื่อคืนในตอนนี้ได้เวลาที่จะเอามันไปคืนแล้ว ไลลาเดินออกมาพร้อมสายจูงยาว เตรียมไปคืนสัตว์สี่ขาตัวนี้แล้วหลังจากนั้นค่อยกลับมากินข้าวก็ยังไม่สาย
“กรรรร โฮ่งๆๆ!” แต่เมื่อออกมาเจ้าร็อตก็เห่าขู่ไม่หยุด
มันเห่ามายาที่ยืนอยู่หน้าห้อง อาจจะเป็นเพราะพึ่งเคยเจอหน้ามายาเป็นครั้งแรก และการฝึกของมันที่มีไว้เพื่อปกป้องคนเป็นนาย จึงทำให้ร็อตที่เมื่อคืนนี้เธอไม่ได้ยินเสียงมันสักแอะเห่าร้องออกมา
“เดี๋ยวเถอะไม่ได้นะ คนคนนี้เป็นคนที่ดีกับฉันมาตลอดดังนั้นแกต้องใจดีกับพี่เขาเอาไว้ เข้าใจไหม?”
ไลลาพูดเสียงเนิบนิ่งหย่อนนั่งยองๆ ระดับตาเจ้าหมาตัวโต พลางออกคำสั่งอย่างเคร่งครัด แม้ร็อตจะฟังภาษามนุษย์ไม่เข้าใจอย่างไงเสียเธอก็เชื่อว่ามันฉลาดพอที่จะรับรู้สิ่งที่เธอสื่อได้ “โฮ่ง”
“เด็กดี เอาไว้แกกลับไปฉันจะให้คนดูแลให้ขนม” เมื่อร็อตเห่ารับหญิงสาวที่พูดเสียงแผ่วเบาพร้อมลูบหัวมันด้วยความเอ็นดูตอบ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันทำถูกต้องแล้ว
“นี่คุณคุยกับร็อตอยู่งั้นเหรอ?”
เสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากด้านหลัง แม้เธอจะไม่เห็นหน้าแต่เธอก็สามารถบอกได้ทันทีว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังคือใคร
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะเนี่ย?” ไลลารีบลุกขึ้นมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนจะหันถามภวิศที่อยู่ด้านหลัง
“ก็ตั้งแต่...ร็อตมันเห่าคนของคุณน่ะครับ” เขาเอ่ยยิ้มบางๆ ถ้าถามว่ามาตอนไหนก็เป็นตั้งแต่เธอเดินออกมาเลยกระมัง
“มีอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหาถึงที่นี่”
“ฮึฮึ พอดีผมจะไปทำงานด้านนอกสักสองวันน่ะครับ เลยว่าจะมาบอกคุณเอาไว้ก่อน” งานที่เขาพูดก็หนีไม่พ้นธุรกิจที่มืดดำ
ของที่สั่งได้มาถึงจุดหมายแล้ว หากแต่จะให้ลูกน้องจัดการทั้งหมดก็คงไม่ได้ สิ่งที่มานั้นมีมากมายทั้งอาวุธที่อันตรายและสารเสพติด เขาที่เป็นบอสใหญ่ควรที่จะไปดูและติดต่อกับคู่ค้าเองมันคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“แปลกนะคะที่ลงทุนมาบอกกันเองถึงที่นี่” หญิงสาวสง่างามย้อนถามเรียบๆ ด้วยความสงสัย
“การติดต่อตัวต่อตัวช่วงนี้สำคัญมากนะครับ ยิ่งคนที่รู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อตัวเอง”
จริงๆ แล้วมันก็จริงอย่างที่เขาพูด เธอเองก็พอรู้ดีว่าอีกสองตระกูลไม่ค่อยพอใจกับการแต่งงานในครั้งนี้มากนัก
หากตระกูลที่ใหญ่อยู่แล้วได้แต่งงานกับตระกูลที่ใหญ่อีก มันก็เหมือนว่าศัตรูนั้นได้แกร่งขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าศัตรูที่น่ากลัวจะถูกมองอย่างไง หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เสริมอำนาจขึ้นอีกสองตระกูลก็ต้องออกมาเคลื่อนไหวไม่ผิดแน่
ในตอนนี้ก็ไม่อาจจะทราบได้ว่าใครจะเป็นคนเริ่มเปิดศึกในครั้งนี้ก่อน จะเป็นตระกูลนาคราช ตระกูลไกรศรี หรืออาจจะเป็นราพณาสูรเองก็ได้
“นั่นสินะคะ งั้นฉันขอตัวเอาร็อตไปคืนก่อน”
“เอาไว้ให้ผมไปนอนด้วยบ้างก็ได้นะครับ ไม่ต้องคืนเลย” น้ำเสียงทุ้มแข็งกระด้างแต่แฝงความนัย มือนั้นแตะไปที่ไหล่มนเบาๆ และเดินออกไปไม่หันกลับมา ปล่อยให้หญิงสาวยืนนิ่งเม้มปากเข้าหากันแน่น
หลังจากคืนร็อตเสร็จไลลาก็เดินตรงมาที่ห้องอาหาร ในตอนนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เธอนั่งคนเดียว ตั้งแต่แต่งงานกันมาโต๊ะอาหารนี้มีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่เขามานั่งกินกับเธอ แถมเป็นครั้งที่ทำให้เธอรู้สึกว่าศักดิ์ศรีถูกย่ำยี
แต่จะอย่างไงก็ช่างไลลาก็หาได้สนเธอตักอาหารเข้าปากอย่างช้าๆ ด้วยท่าทีมีมารยาท เธอจะคิดถึงเขาทำไมในเมื่อความเป็นจริงทั้งสองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรที่ลึกซึ้ง
งานของไลลาในตอนนี้เหมือนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าใช่เพียงแค่ภวิศเท่านั้น มันก็คงเป็นไปตามที่พ่อแม่ของเธอและเขาคิดเอาไว้จึงได้ให้เธอและภวิศแต่งงานกัน การงานของพวกท่านคงจะเป็นที่พอใจสินะ...
“เฮ้อ” ไลลาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง มือยกขึ้นจับบีบสันจมูก เป็นเวลานานแล้วที่เธอนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานสี่เหลี่ยมนี้
“มายาฉันขอกาแฟหน่อยสิ” หากยังฝืนทำงานในสภาพแบบนี้เธอคงได้ล้มพับลงด้านหน้าคอมฯก่อนงานเสร็จเป็นแน่ เมื่อหญิงรับใช้ได้ยินคำสั่งเธอก็ออกไปเอามาในทันที
ในวันพรุ่งนี้ไลลาก็มีงานที่ต้องเดินทางออกไปติดต่อกับลูกค้า ทางนั้นต้องการพูดคุยกันอย่างส่วนตัว ดังนั้นในวันพรุ่งนี้เธอคงต้องเอาคนติดตามไปไม่มากนัก แม้ในวันนี้เธอจะอยากพักแต่งานนี้เป็นงานที่สำคัญดังนั้นเธอจะพลาดไม่ได้
“...กันต์ในวันพรุ่งนี้ฉันจะพาคนไปไม่มากนะเตรียมให้ฉันสักสองสามคน เดี๋ยวที่เหลือฉันจะขอคนจากคุณภวิศ”
เธอตรึกตรองก่อนจะเอ่ยปากบอกบอดี้การ์ดด้านข้าง กันต์เป็นคนที่มีฝีมือที่สุดในบรรดาคนที่ติดตามเธอ ด้วยความยังหนุ่มยังแน่นแถมเขายังมีประสบการณ์อยู่มากทำให้ไลลาค่อนข้างที่จะไว้ใจเขา
และเนื่องเธออยากเอาคนไปน้อยที่สุด การที่เอาคนมีฝีมือตระกูลราพณาสูรไปคงเป็นคำตอบ
“ครับ” เขาเองก็รู้เรื่องนั้นดีดังนั้นจึงไม่เอ่ยขัดอะไร
มายาเดินเข้ามาเตรียมกาแฟมาให้นายหญิงด้านหน้า กาแฟร้อนๆ ถูกเสิร์ฟให้เธอได้ลิ้มรส กลิ่นหอมชวนให้ผ่อนคลายบวกกับรสที่นุ่มลึกสุดจะหาสิ่งใดเปรียบคลายความเหนื่อยล้าของเธอไปได้มาก
เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนกว่าที่ไลลาจะทำงานเสร็จสิ้น เธอไล่คนรอบกายให้ออกไปพักผ่อน อย่างไงเสียการอยู่บ้านของภวิศก็มีความปลอดภัยสูง
ร่างบอบบางถูกหอบอย่างเหนื่อยล้าเดินโซเซกับห้องนอน แม้มันจะเหนื่อยแต่อย่างน้อยๆ งานก็เสร็จ ในวันพรุ่งนี้ก็เหลือเพียงติดต่องานกับลูกค้าที่นัดไว้หลังจากนั้นงานของเธอก็จะเบาลง
.
.
.
“งั้นเหรอขอบคุณมากค่ะ” เสียงในสายจบลงไลลาก็วางหูโทรศัพท์มือถือ ดวงตาของเธอลุ่มลึกเกินหยั่งรู้แต่สีหน้าที่ปรากฏมันเย็นชาจนรับรู้ถึงความรู้สึกน่ากลัวที่แผ่ออกมา
“กันต์ฉันคงต้องไปบอกคุณสามีเสียหน่อย ว่าฉันจะเดินทางไปทำงานแล้ว เสียเวลาสักแป๊บก่อนไปคงไม่มีปัญหานะคะ”
สิ้นเสียงใบหน้าที่เรียบนิ่งของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป รอยยิ้มที่เผยออกมาราวกับเรื่องที่น่าสนุกกำลังจะเริ่มนับต่อจากนี้ผุดขึ้นมาแทนที่
“ไม่มีปัญหาครับ” เส้นผมดำขลับพลิ้วไหวตามจังหวะการเดินตามหญิงด้านหน้า รอยยิ้มนั้นยังคงไม่ลบหายไป
ไลลานั้นมักจะเป็นคนที่สุขุมเยือกเย็นอยู่เสมอ เธอมักจะทำอะไรออกมาดีจนเหมือนไร้ที่ติ ในชีวิตของเธอทำแต่งานที่ขาวสะอาดและไม่ยุ่งกับสิ่งที่ผิด
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าหากมีคนรุกล้ำเส้นกั้นของเธอขึ้นมา เธอคนนี้ก็เป็นคนที่น่ากลัวคนหนึ่ง
ตัวรถถูกขับเคลื่อนออกจากบ้านอย่างนิ่มนวล แต่คนภายในนั้นช่างแตกต่าง ทางที่เธอมุ่งไปเป็นคนละทิศกับงานที่เธอจะต้องเดินทาง ในตอนนี้ไลลามีสิ่งที่ต้องไปทำก่อนจะไปทำงานนั่นก็คือ...
การไปหาสามีที่สุดแสนจะรักใคร่!
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว