“มันเป็นเพียงความฝันเช่นนั้นหรือ”หลินเฟิงพึมพำกับตนเองด้วยน้ำเสียงโศรกเศร้า
หลินเฟิงมองไปรอบๆบ้านด้วยสีหน้าซับซ้อน หลากหลายอารมณ์ เขาตัวต้องอาศัยอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อโตขึ้นจึงเคยชินกับการอยู่คนเดียวจนไม่รู้สึกอันใดอีก
แต่ทว่าตอนนี้หลินเฟิงกลับไม่สามารถสงบจิตสงบใจของตนเองได้เมื่อนึกถึง ครอบครัวของเขาที่เขาได้พานพบ ครอบครัวที่คอยเป็นห่วง กลุ่มเพื่อนที่พูดคุย และคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
แป๊ะๆๆ
ทันใดนั้น ขอบตาของเขาพลันปรากฏน้ำตาหยดลงมาบนพูดราวกับน้ำตก เขาทรุดตัวลงคุกเข่าแล้วโห่ร้องออกมาเสียงดังด้วยความเสียใจ ความโดนเดียว ความว่างเปล่า ที่เขาไม่เคยรู้สึกมาตั้งแต่เด็กจนกระทั้งตอนนี้ เรื่องราวที่ราวกับความฝันทำให้เขาสัมผัสถึงความรู้สึกเหล่านั้นได้อีกครั้ง
“ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงความฝัน แต่ก็ต้องขอบคุณมันที่ทำให้ข้าได้สัมผัสกับความรัก ความห่วงใยที่แสนอบอุ่นเช่นนั้น” หลินเฟิงปาดน้ำตาและลุกขึ้น พร้อมกันนั้นเขาก็ไปกินข้าวแล้วเข้าห้องนอน
หลินเฟิงทำทุกๆอย่างเหมือนปกติ เขาตื่นนอน ไปโรงเรียน ทำงานพาร์ทไทม์ และกลับเข้าบ้าน เป็นเวลาหลายเดือน แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ ตอนนี้เขาพยายามเข้าหาคนอื่นๆจนเริ่มมีเพื่อนบ้างแล้ว เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเช่นครั้งก่อนอีกแล้ว
ในคืนหนึ่ง ขณะที่เขากำลังหลับอยู่นั้นเองเขาก็ได้ฝันถึงโลกที่เขาไปฝึกฝนบ่มเพาะพลังมา มันคือช่วงเวลาที่เขาเพิ่งจะไปปรากฏตัวที่โลกแห่งนั้น ได้พบเจอกับเซี่ยหลัวและหลินเทียนที่กำลังพูดคุยกันด้วยด้วยสายความสนุกสนาน
“ท่านแม่ ท่านพ่อ” หลินเฟิงเรียกทั้งสองคนด้วยความตื่นเต้นดีใจ พร้อมกับวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนเพื่อโอบกอด
แต่หลินเฟิงก็ตกชะงัก พร้อมมองทั้งสองคนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เมื่อสายตาของทั้งสองคนที่มองมาที่หลินเฟิงนั้นเปลี่ยนไป มันไม่ใช่สายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และความห่วงใย มันคือสายตาอาฆาตแค้น ชิงชัง ราวกับไม่ต้องการอยู่ร่วมโลก แม้แต่หายใจร่วมกันก็ยังไม่อยากเลย
“เจ้าไม่ใช่ลูกของเรา แล้วกล้าดีอย่างไรมาอยู่ในร่างของเฟิงเอ๋อร์ เจ้ามันน่ารังเกียจ” เซี่ยหลังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าทำให้เฟิงเอ๋อร์ของเราต้องตาย”หลินเทียนกล่าว
“ข ข้า...” ขณะที่หลินเฟิงพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาพบว่าตนเองไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ เพราะทุกๆอย่างนั้นมันเป็นความจริง เขาไม่ใช่หลินเฟิงบุตรชายของทั้งสองคน เขาไม่ใช้แม้กระทั้งคนของโลกนี้ด้วยซ้ำ
ขอบตาของเขาปรากฏหยดน้ำลงมาบนพื้น และจากนั้นไม่นานก็มีน้ำไหลออกมาจากดวงตาของเขาราวกับน้ำตก พร้อมเสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
ไม่นานภาพเบื้องหน้าหลินเฟิงก็เปลี่ยนไป ครานี้กลายเป็นหลินหลาน เพื่อนสมัยเด็กของเขา ยังมีหลินฮุยแลรุ่นเยาว์ตระกูลหลินคนอื่นๆอีก
“เจ้าไม่ใช่หลินเฟิง เจ้าเป็นใคร เจ้าคืนหลินเฟิงมานะ” หลินหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แม้หลินเฟิงจะเป็นขยะ แต่มันก็เป็นคนตระกูลหลิน เจ้ากล้าดีอย่างไรมาอยู่ในร่างกายของคนตระกูลหลินของเรา” หลินฮุยกล่าว
หลินเฟิงพูดอะไรไม่ออกตอนนี้น้ำตาของเขายังคงไหลลินลงมาอย่างต่อเนื่อง และมันไม่ใช่เพียงแค่สองคนนี้เท่านั้น แม้กระทั้งรุ่นเยาว์คนอื่นๆก็ต่างพูดจาเสียดสี ดูถูก และรังเกียจในตัวของเขากันทั้งหมด
ภาพเบื่อหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ครั้งนี้กลายเป็นหนิงเสวี่ย ผู้อาวุโสหนิง หานจิ้งและซ่งถง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เมื่อมองมาที่หลินเฟิง
“เจ้าไม่ใช่เพื่อนของเรา”
“เจ้ามันไม่ใช้มนุษย์”
“เจ้าเป็นตัวอันใดกันแน่”
พวกเขาต่างพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแลพสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ หลินเฟิงไม่สามารถพูดอะไรได้เลย ตอนนี้ความรู้สึกของเขาราวกับกระจกที่แตกกระจาย มันไม่สามารถกักเก็บน้ำได้อีกต่อไป มันทำให้ดวงตาของหลินเฟิงปรากฏน้ำตาไหลลินลงมาอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นหลินเฟิงพลันลืมตาตื่นขึ้นมา พร้อมกับภาพเบื่อหน้าที่เป็นห้องนอนของเขา ใบหน้าของเขาปรากฏคาบน้ำตา หัวใจเต้นถี่รัว หายใจหอบติดขัด เพราะคนเหล่านั้นทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความรัก ความห่วงใย แต่จะอย่างไรมันก็ไม่ใช่ของๆเขามาตั้งแต่แรก มันเป็นของหลินเฟิงที่เป็นเจ้าของร่างคนก่อนหน้าเขา เขาเป็นคนนอกที่ช่วงชิงของๆคนอื่นไป
หลินเฟิงตอนนี้ไม่สามารถสงบจิตให้ตัวเองนอนหลับได้ เขาจึงเดินออกไปนอกหน้าต่างและมอดูดวงดาวบนท้องฟ้า เขาไม่เคยสังเกตเลยว่าบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนของอีกโลกหนึ่งนั้นเป็นเช่นไร เขาได้แต่เฝ้าปราถาว่าอยากจะไป แต่ก็กลัวการกลับไปด้วยเช่นกัน
ใช่แล้ว หลินเฟิงกลัวการที่จะกลับไป เขากลัวว่าเมื่อทุกๆคนรู้ความจริงแล้วพวกเขาจะรังเกียจหลินเฟิง และสุดท้ายต้องอยู่ตัวคนเดียวอีกครั้ง เขาไม่อยากต้องโดดเดี่ยวอีกแล้ว เขาอยากให้มีคนคอยห่วงใยเขา โหยหาเขา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีความสุขจนลืมไปเลยว่าตัวเขาไม่ใช่คนของโลกใบนั้น ตัวเขาไม่ใช่หลินเฟิงที่พวกเขารู้จัก ตัวเขาเป็นเพียงคนนอกที่เข้าไปแย่งชิงของๆคนอื่นเท่านั้น
ในขณะที่หลินเฟิงกำลังมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนพร้อมกับคิดถึงเรื่องราวต่างๆนั้น จู่ๆทองฟ้าที่มืดสนิท พร้อมกับมีดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนที่ส่องระยิบระยับ ก็เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามจางๆ พร้อมกับแผ่กระจระกายทั่วท้องฟ้า
“หลินเฟิง!!”
ขณะที่กำลังตกตะลึงกับท้องฟ้าที่มืดสนิทที่ปกคลุมไปด้วยสีทองอร่ามจางๆ เขาก็พลันได้ยินเสียงคนเรียกเขา มันค่อนข้างเบา แต่หลินเฟิงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หูแว่วไปเอง
“นั่นใคร” หลินเฟิงไม่สามารถหาที่มาของเสียงได้ ทำจึงทำได้เพียงตะโกนออกไปอย่างส่งๆเท่านั้น
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว