กลลวงอสูรร้าย

5.4

สามเดือนผ่านไป

หลังจากย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในจวนเดียวกันร่วมกับเฟยหรง ในทุกเช้าของทุกวันจนกระทั่งเย็นในวันนั้นๆ เธอต้องเข้ารับการฝึกอันหฤโหดที่แสนสาหัสและเข้มงวดเหมือนกำลังการฝึกลงสนามรบอย่างไรอย่างนั้น โดยแรกเริ่มเดิมทีเธอไม่คาดคิดว่าการฝึกวรยุทธ์อย่างจริงจังจะหนักหนายากเย็นถึงเพียงนี้


แต่ที่ไหนได้ การฝึกของเขานั้นเล่นงานเธอเสียจนแทบไม่มีแรงขยับตัวในทุกครั้งหลังจากการฝึกเสร็จสิ้นกันเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อกินข้าวอาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็มักจะพุ่งตรงไปยังห้องนอนและทิ้งตัวลงนอนทันทีอย่างไร้เรี่ยวแรงและหลับสนิทไปในทุกๆวันและเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ


จนกระทั่งเข้าสู่เดือนที่สอง

เธอจึงไม่ค่อยเหนื่อยมากนักอย่างที่เคยเป็นและเริ่มรู้สึกคุ้นชินจนกับการฝึกจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปซะแล้ว หลังจากที่เธอมาอยู่ที่นี่มาได้สามเดือนเธอจึงได้รู้ว่าเฟยหรงผู้ที่เคยก่อกวนเธอในอดีตได้หายไปจากโลกนี้แล้ว เหลือไว้เพียงครูฝึกสุดโหดในชีวิตประจำวันของเธอเท่านั้น


ในตอนแรกเธอยังคิดว่าเมื่อย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เธอยิ่งต้องระวังตัวให้มากยิ่งกว่าเดิมด้วยกลัวว่าจะเจอลวนลามหรือเอาเปรียบได้ง่ายๆดั่งเช่นตอนไปแช่น้ำที่บ่อน้ำแร่ของเขาในครั้งนั้น แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตรเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง


ไม่ได้มีความหวือหวาหรือการลวนลามใดๆเกิดขึ้นกับเธอแม้แต่น้อย และแม้กระทั่งการหยอกเย้ากันธรรมดาๆให้เธอได้เห็นในสามเดือนที่ผ่านมา ราวกับว่าชายที่ชื่อเฟยหรงได้กลายเป็นคนละคนไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งยามนี้มีเพียงครูฝึกสุดโหดผู้เข้มงวดและลูกศิษย์อย่างเธอเท่านั้น เมื่อย้อนกลับไปในช่วงเดือนแรกของการเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่แล้วนั้น


ในยามเช้าตรู่ของทุกๆวัน


‘เม่ยเอ๋อนี่มันยามใดแล้วเหตุใดเจ้ายังไม่ตื่น หากชักช้าไปกว่านี้ข้าจะให้เจ้าวิ่งสี่สิบรอบ’


และในยามกลางคืนที่เงียบสงัด


‘เม่ยเอ๋อหากเจ้าไม่ระวังตัวเช่นนี้ ในยามวิกาลหากมีผู้ใดบุกเข้ามาลอบทำร้ายเจ้าจะทำเช่นไร? ต่อไปจงฝึกสมาธิแม้แต่ในยามหลับเพ่งสัมผัสทั้งหกของเจ้าให้ตื่นตัวอยู่เสมอ’


ในยามรับประทานอาหาร


‘เม่ยเอ๋อเหตุใดจึงกินอาหารโดยไม่สังเกตหรือตรวจสอบก่อน? หากข้าลอบวางยาพิษลงในอาหารของเจ้าจะทำเช่นไร’


ในยามอาบน้ำ


‘เม่ยเอ๋อข้ามายืนอยู่ด้านหลังของเจ้าตั้งนาน เหตุใดจึงยังไม่รู้สึกตัว? หากข้าลอบจู่โจมเจ้าในยามนี้จะทำเช่นไร’


ในยามทดลองฝึกปรุงยาและวิชาแพทย์กับสัตว์ทดลอง


'จงจำไว้ว่าข้อผิดพลาดของผู้เป็นหมอนั้นเกิดขึ้นได้เสมอจากการมองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆเพราะขาดความใส่ใจ หากไม่ทันตรวจผู้ป่วยให้ดีว่าสาเหตุที่แท้จริงขิงโรคเริ่มจากที่ใดแล้ว เจ้าอาจจะคร่าชีวิตของผู้ป่วยได้โดยไม่รู้ตัว’


ในยามฝึกพรางตัว


‘ถึงเจ้าจะพยายามพรางตัวให้เข้ากับต้นไม้ใบหญ้าอย่างไร แต่หากเจ้าไม่สามารถที่จะควบคุมลมปราณ จังหวะหายใจหรือการผ่อนชีพจรให้แผ่วเบาลงได้นั้น เจ้าอาจจะไม่โชคดีรักษาชีวิตให้รอดได้เสมอไปเมื่อเจอกับผู้เยี่ยมยุทธ์กว่า’


นี่เป็นแค่บางส่วนเท่านั้น ในตอนนั้นเธอรู้สึกอยากจะกระโดดน้ำตายให้รู้แล้วรู้รอดไปจริงๆ ฝึกได้ทุกเวล่ำเวลา ทำเอาเธอที่ในช่วงแรกๆยังจับจุดไม่ถูกถึงกับระแวงไปรอบด้านเลยทีเดียว ว่าต่อไปนอนๆอยู่เกิดวันดีคืนดีเขาพรางตัวเป็นจิ้งจกบนเพดานห้องขึ้นมาจริงๆ เธอจะจัดการซัดมันให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวเลยดีหรือไม่


ในตอนนี้จึงได้แต่นอนสองตาจ้องมองจิ้งจกที่ส่งเสียงร้องบนเพดานอย่างแค้นใจ แม้มันจะร้องเสียงไม่ดังมากแต่ด้วยการฝึกฝนอย่างหนักตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ทำให้ประสาทสัมผัสทั้งหกของเธอทั้งเฉียบคมและฉับไวอย่างจนน่ากลัว


แม้เธอนอนนิ่งๆอยู่ภายในห้องในยามวิกาลที่เงียบสงัดเช่นนี้ แต่ประสาทสัมผัสการฟังยังคงได้ยินทุกเสียงความเคลื่อนไหวภายในห้องและรอบตัวอย่างชัดเจน เรื่องน่าขันกว่านั้นคือเธอเคยเคลื่อนไหวตอบโต้โดยสัญชาตญาณกับขี้จิ้งจกที่กำลังจะตกลงมาบนหน้าผากของเธอด้วยความเร็วสูง


โดยการสะบัดมือปัดขี้จิ้งจกโต้กลับไปใส่จิ้งจกที่น่ารังเกียจตัวนั้นที่กล้าปล่อยลงมาใส่เธอโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำเอาเจ้าจิ้งจกที่โชคร้ายตัวนั้นเลอะขี้ของตัวเองจนต้องรีบวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนกสุดชีวิต


‘มนุษย์ผู้นี่ช่างน่ากลัวยิ่งนัก จิตใจนางทำด้วยอะไร! แม้แต่หลับตาอยู่ยังเล็งเป้ามาถูกข้าได้ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน’ นี่คือความในใจของจิ้งจก


แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองได้ใช้เวลากับฝึกวรยุทธ์อย่างคุ้มค่าจริงๆ วรยุทธ์ของเธอในตอนนี้หากเทียบกับเมื่อก่อนหน้านี้แล้วตอนนี้ดีขึ้นเสียจนเทียบไม่ติด อยู่ดีๆเธอก็นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เขาเคยกล่าวไว้ว่า


"เจ้าจะได้ฝึกวรยุทธ์กับข้าทุกเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน..."



"ช้าก่อน ฝึกตอนกลางวันข้ายังพอเข้าใจ แต่เหตุใดจึงมีฝึกยุทธ์ในตอนกลางคืนด้วย"



หญิงสาวงุนงงเล็กน้อย แววตาฉายแววไม่ไว้ใจคนข้างหลังที่ยังคงโอบเธอไว้



"แน่นอน นี่เป็น 'สิทธิพิเศษ' สำหรับเม่ยเอ๋อ"



"พิเศษอย่างไรกัน" คนผู้นี้ชักน่าสงสัยเกินไปแล้ว



"แน่นอน ว่ามันย่อมพิเศษกว่าตอนกลางวัน มันทั้งตื่นเต้นและเร้าใจยิ่งกว่าจนเจ้าไม่อาจข่มตานอนได้สนิท" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมประกายเจ้าเล่ห์ในดวงตา



ในวันนี้เธอจึงได้เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่าความตื่นเต้นและเร้าใจที่ว่านั้นมันหมายถึงอะไร ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี้เอง! หญิงสาวนึกในใจพร้อมนอนกัดผ้าห่มอย่างแค้นเคืองราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาต

ในขณะที่รันกำลังพยายามอย่างหนักในการข่มตาหลับแต่ก็ยังไม่ลดการระวังตัวลง แม้ว่าเธอจะหลับแต่ประสาทสัมผัสในการฟังที่ฝึกฝนมาตลอดสามเดือนยังคงทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ระหว่างนั้นเองในค่ำคืนอันเงียบสงัดที่มีเพียงเสียงของจั๊กจั่นเรไร คืนที่แสงจันทร์ส่องแสงสีนวลอร่ามตาลอด แสงนั้นลอดผ่านผ้าม่านผืนบางๆที่กำลังปลิวไสวไปตามแรงลม


ฝีเท้าอันแผ่วเบาของใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวดุจเงาเงาและค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามายังภายในห้องนอนของหญิงสาวอย่างเงียบเชียบและว่องไว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคลื่อนตัวเข้าไปประชิดยังเตียงนอนของหญิงสาวโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายได้รู้ตัว


ในมือลอบโปรยผงบางอย่างที่มีกลิ่นหอมบางเบาลงบนร่างของหญิงงามบนเตียง สายตาของเขาจับจ้องร่างของหญิงงามตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนตรงหน้าแล้ว ชายหนุ่มจึงผ่อนลมหายใจและเอ่ยหยั่งเชิงว่า


“เม่ยเอ๋อ หลับแล้วหรือ”


“….”


มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนงามตรงหน้าเป็นคำตอบ พร้อมทั้งกลิ่นกายอันหอมกรุ่นเฉพาะตัวของคนตรงหน้าที่ลอยมาเข้าสู่จมูกของเขา


“เม่ยเอ๋อ”


เฟยหรงส่งเสียงเรียกอีกทีเพื่อความแน่ใจ เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายหลับลงแล้วฝ่ามือหยาบของชายหนุ่มจึงยกขึ้นลูบไล้ไปมาอย่างแผ่วเบาบนใบหน้าของคนงามอย่างอ่อนโยน สัมผัสที่ฝ่ามือนี้มันช่างนุ่มละมุนและลื่นมือดีจริงๆ ผิวหน้าของนางทั้งกระจ่างใสอมชมพูและนวลเนียนดุจใยไหมก็ไม่ปาน


เขาสัมผัสใบหน้างามตรงหน้าด้วยความรักใคร่ และนี่ก็เป็นเช่นหลายๆครั้งในสามเดือนที่ผ่านมาที่เขาต้องลอบเข้ามาในยามวิกาลเพื่อให้ได้มานั่งมองใบหน้างามนี้ก่อนเข้านอน แต่เหตุใดจึงต้องทำลับๆล่อๆนะหรือ? ชายหนุ่มเพียงยิ้มมุมปากบางเบา สายตาจ้องมองไปยังดวงหน้างดงามที่ตนหลงใหลและปักใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ


ใบหน้าที่แม้ไม่ได้ทาเสริมเติมแต่งแต่ก็ยังคงดูงดงาม เขาลูบคิ้วที่ปลายหางเฉิดขึ้นนิดๆบ่งบอกถึงนิสัยที่ดื้อรั้นของนางได้เป็นอย่างดี ก่อนจะไล่ลงมาเป็นแพขนตาที่ดกดำเป็นแพดุจปีกผีเสื้อ จมูกโด่งรั้นที่น่าหมั่นเขี้ยว และริมฝีปากบางแดงระเรื่อที่อวบอิ่มเย้ายวนชวนให้รังแก


สายตาเจ้าลึกซึ้งของเขาหยุดจ้องมองที่ริมฝีปากของนางอยู่เนิ่นนานก่อนจะใช้นิ้วมือของตนลูบไล้ริมฝีปากอวบอิ่มไปมา สัมผัสจากปลายนิ้วที่หยาบกร้านของเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มจากริมฝีปากของนาง เขาจึงเอ่ยหยอกเย้ากับเจ้าของริมฝีปากนี้ว่า


“ให้ข้าได้ดู…ว่าเจ้าบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือไม่”


ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเขาวางท่าทีเคร่งขรึมไม่ยุ่งเกี่ยวกับนางมาตลอด แต่เมื่อตกดึกแล้วเขามักจะแอบเข้ามาดูอาการและสำรวจว่าหญิงสาวบาดเจ็บที่ใดบ้างหรือไม่ในแต่ล่ะวัน แต่แน่นอนเขาย่อมเข้ามาแบบเงียบๆไม่ให้นางรู้ตัว


ดังนั้นการมาของเขาในแต่ล่ะครั้งจึงมักจะโปรยยานอนหลับเสมอเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันรู้ตัว จากนั้นชายหนุ่มจึงสำรวจตามตัวของหญิงสาวไปตามแขนขาและลำตัวทีละจุด ต่อมาเมื่อมองดูทั่วร่างจนไม่พบบาดแผลและความผิดปกติใดๆแล้วจึงค่อยวางใจแล้วจากไป


แน่นอนว่าเขาไม่ได้จับหญิงสาวเปลื้องผ้าสำรวจแต่อย่างไรเพียงแต่รักษาบาดแผลภายนอกให้นางเท่านั้น หากแต่พบว่ามีบาดแผลที่ใดเขาจะได้รีบทายาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้นางทันที โดยที่หญิงสาวก็ไม่เคยรู้ว่าทำไมอาการบาดเจ็บหรือเจ็บปวดใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นกับเธอจึงหายไปเมื่อตื่นนอน


เธอคิดแค่ว่าบางทีร่างกายของเธอคงจะแข็งแรงจากการฝึกวรยุทธ์ทั้งที่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ แม้นางจะสนใจในการปรุงยาหรือวิชาการแพทย์ก็จริงแต่นางหาได้ใส่ใจที่จะดูรักษาร่างกายของตัวเองไม่ ดังนั้นจึงเป็นเฟยหรงที่ต้องคอยสังเกตและจับตาดูอยู่เงียบๆทุกครั้งและคอยเข้ามาดูแลและรักษาอาการเหล่านี้ให้


เมื่อเขาตรวจร่างกายอีกฝ่ายจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอันใดผิดปกติจึงค่อยว่างร่างของหญิงสาวลงอย่างนุ่มนวลบนเตียงอีกครั้งพร้อมกับจัดท่านอนที่สบายให้แก่อีกฝ่าย โดยไม่ลืมที่จะห่มผ้าให้อย่างเอาใจใส่และก่อนจะจากไปเขาก็นั่งนิ่งจ้องใบหน้างามอีกครั้ง ฝ่ามือหยาบลูบศีรษะหญิงสาวอย่างอ่อนโยนเบาๆก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากมนของร่างที่นอนหลับอยู่เบาๆอย่างรักใคร่ จากนั้นนั่งดูอีกฝ่ายต่ออีกสักพักจนพอใจแล้วจึงจากไป


หลังจากเงาร่างของชายหนุ่มจากไปแล้วร่างที่คิดว่าหลับสนิทไปแล้วพลันลืมตาทั้งสองข้างขึ้นทันที รันนอนมองเพดานอย่างโง่งมอยู่สักพักจึงรู้สึกว่าใจของตัวเองกำลังเต้นรัวราวกลับจะหลุดออกมาจากอกเสียอย่างไรอย่างนั้น ในยามนี้ใบหน้างามจึงปรากฏเป็นสีแดงระเรื่ออย่างไม่รู้ตัว เธอลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับลูบใบหน้า ริมฝีปากและหน้าผากของตนเองเบาๆ คล้ายยังคงรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาที่ยังคงอยู่


ตั้งแต่แรกรันไม่ได้โดนผงของยานอนหลับของเขาเข้าไปเพราะเธอรู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เฟยหรงกำลังลอบเข้ามาแล้วจึงรีบแกล้งทำเป็นหลับและกลั้นหายใจอย่างตื่นเต้นเพราไม่รู้ว่าเค้าจะมาไม้ไหน ผลจึงทำให้รู้ว่าที่แท้เขาแอบโปรยผงยานอนหลับใส่เธอ


ด้วยความสงสัยว่าเพราะอะไรเขาต้องทำเช่นนี้เธอจึงแกล้งหลับต่อไปด้วยอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไร รอจนกระทั่งเขาจากไปแล้วจึงค่อยตื่นขึ้นมา ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าที่ผ่านมาทำไมบาดแผลหรือความเจ็บปวดต่างๆเมื่อตื่นเช้ามาจึงหายไปที่แท้ก็เป็นเช่นนี้


“คนบ้าทำแบบนี้ทำไมกัน…อยากเป็นคนดีก็แสดงออกมาให้เห็นสิ ไม่ใช่แอบทำโดยที่คนอื่นไม่รู้”


รันบ่นเขาเบาๆ ตอนนี้หัวใจของเธอกำลังเต้นเป็นจังหวะอันอบอุ่นและหอมหวานและเริ่มหวั่นไหวเพราะเขาไปซะแล้ว อยู่ด้วยกันตั้งนานสามเดือนแต่เธอกลับเพิ่งจะเคยได้รับรู้ถึงด้านที่ดีๆของเขา ที่นอกจากกดขี่ข่มเหงมาโดยตลอด…ที่แท้ก็ยังมีมุมที่น่ารักและอ่อนโยนเช่นนี้อยู่


“มาทำให้ข้ารู้สึกเช่นนี้แล้ว ต่อไปก็อย่าได้คิดจะหนีไปจากข้าพ้น”


หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งและหลับไปอย่างฝันดี พร้อมบรรยากาศอันหอมหวานที่ห้อมล้อมอยู่ในใจไปยันเช้า


“เม่ยเอ๋อ เจ้าตื่น…”


ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะกล่าวจบ พลันปรากฏร่างของคนงามตรงหน้าพร้อมกับบานประตูที่เปิดออก


“ข้าเตรียมพร้อมนานแล้ว”


“โอ้ดี วันนี้เจ้าดูกระตือรือร้นนัก” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว


“ข้าแค่รู้สึกว่าวันนี้อากาศดียิ่งนัก จึงตื่นเช้ากว่าทุกวัน”


“เป็นเช่นนี้”


หลังกล่าวจบเฟยหรงก็เดินนำเธอมายังลานทุ่งหญ้ากว้างที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้และภูเขาอันตั้งอยู่ทางด้านหลังจวน เมื่อรันมาถึงเธอก็เลือกสถานที่ฝึกให้กับตนเองอย่างเหมาะๆเป็นใต้ร่มไม้ แล้วก็เริ่มฝึกฝนร่างกายต่อไปดังเช่นทุกวันที่ผ่านมาทันที


ทางด้านเฟยหรงเมื่อเห็นว่าอรกฝ่ายสามารถฝึกตามที่ตนเคยสอนมาก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดีจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังจากเวลาผ่านไปพอสมควรแล้วเขาที่เห็นควรแก่เวลาในฝึกขั้นต่อไปให้นางได้แล้วจึงเอ่ยขึ้นเตือนหญิงสาว


“นี่ก็สมควรแก่เวลาแล้ว จงลุกขึ้นเพื่อเตรียมฝึกขั้นต่อไป”


“ได้” รันตอบรับ


“ครั้งนี้ข้าต้องการกระตุ้นความสามารถที่แท้จริงและสัญชาตญาณในการหลบหนีของเจ้าเพิ่มอีกสักเล็กน้อย ดังนั้นเจ้าต้องคิดหาวิธีเอาตัวรอดด้วยตนเองให้ได้ในการฝึกฝนครั้งนี้”


“อย่างไรกัน” คราวนี้เขาจะทรมานเธอด้วยวิธีไหนอีก แต่ช่างเถอะวันนี้อารมณ์ดี


“เดี๋ยวเจ้าก็รู้”


กล่าวจบเขาทำเพียงผิวปากเป็นเสียงแหลมยาวออกมาเสียงหนึ่ง หลังจากนั้นพลันปรากฏร่างของม้าสีขาวอันงดงามกระจ่างตามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธอในพริบตา รันตกตะลึงจนอ้าปากค้างด้วยไม่รู้ว่ามันมาได้อย่างไรด้วยความเร็วที่เธอมองแทบไม่ทัน


ม้าตัวนี้รูปร่างสูงสง่างามแข็งแรง มีนัยน์ตาสีน้ำตาอ่อนที่ตัดกับสีขนบนลำตัวอันเป็นสีขาวบริสุทธิ์ทั่วทั้งร่าง ท่าทางของมันดูทั้งพยศและเย่อหยิ่งเอาแต่ใจเป็นที่สุด ยิ่งเมื่อยามมันมองมายังเธอและทำราวกับเธอเป็นเพียงมดแมลงในสายตาของมันเท่านั้น


แต่เมื่อทันทีที่มันหันไปมองยังเฟยหรงท่าทางของมันกลับดูเชื่องราวกับเด็กน้อย พร้อมทั้งยังเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มพลางออดอ้อนออเซาะด้วยการเอาหน้าถูไถไปมากับฝ่ามือของเขาที่ยื่นออกมาลูบหัวมันอย่างรักใคร่ หญิงสาวมองดูภาพตรงหน้าอย่างหมั่นไส้


“เจ้าอาชาหมอกตัวนี้ ที่จะช่วยเป็นคู่ฝึกวิ่งให้เจ้าในวันนี้”


“ท่านล้อข้าเล่นใช่หรือไม่”


จะบ้าบอเกินแล้วให้เธอไปแข่งวิ่งกับม้าเธอไม่ใช่รถยนต์เฟอร์รารี่นะที่จะเร็วแข่งกับม้าได้


“ข้าเคยพูดเล่นหรือ หากเจ้าอยากแข็งแกร่งก็ต้องไม่ยอมแพ้และเชื่อฟังที่ข้าสอน”


ชายหนุ่มยังคงเอ่ยอย่างไม่ยีหระพร้อมกับหันไปลูบอาชาหมอกอย่างเบามือ


“เข้าใจแล้ว” รันตอบรับ ก่อนจะหันไปมองเจ้าอาชาหมอกที่ทำท่าจองหองใส่เธอ


“เอาล่ะ ข้าเห็นว่าเจ้าฝึกมานานพอควรแล้ว วันนี้ก็ให้อาชาหมอกตัวนี้วิ่งเล่นเบาๆเป็นเพื่อนเจ้าไปแล้วกัน เมื่อคุ้นชินกันแล้วจะได้วิ่งเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน”


เขาช่างกล้ากล่าวที่ว่าให้คนกับม้าไปวิ่งเล่นด้วยกันมันมีที่ไหนเล่า! หากให้ขี่ก็ว่าไปอย่าง เมื่อนึกได้เช่นนี้เธอจึงเอ่ยอย่างท้าทายว่า


“ถ้าหากว่าข้าทำให้มันยอมให้ข้าขี่มันได้เล่า ท่านจะว่าอย่างไร”


เมื่อรันพูดจบ ราวกับอาชาหมอกตัวนั้นฟังที่เธอพูดออกมันจึงหันหน้ามาทางเธอพร้อมกับส่งสายตาอย่างเหยียดหยามมาทางเธอราวกับจะบอกว่า ‘มดแมลงเช่นเจ้าหนะหรือที่จะสามารถขึ้นมาขี่ข้าผู้สูงส่งได้ ฝันไปเถิด!’ เท่านั้นไม่พอยังพ่นหญ้าที่เคี้ยวอยู่ในปากใส่เธออย่างอย่างหยาบคาย เหมือนว่าเธอไปทำให้มันหมดความอยากอาหารซะอย่างนั้น ช่างเป็นม้าที่หยาบคาย!


“ฮ่าๆ พูดได้ดี เช่นนั้นข้าจะตั้งตารอ”


เฟยหรงกล่าวพร้อมหัวเราะร่าหลังจากเห็นเจ้าอาชาหมอกผู้เย่อหยิ่งของตนพ่นหญ้าใส่หน้าหญิงสาวอย่างไม่ไว้หน้า ทำเอานางต้องปัดหญ้าออกจากตัวจนมือเป็นระวิงก่อนจะทำท่าทางฮึดฮัดขัดใจที่มองดูแล้วน่ารักน่าชังปนขบขัน


“เช่นนั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า เจ้าหมอกเจ้าก็ไปวิ่งเล่นเบาๆเป็นเพื่อนหญิงงามสักหน่อย อย่าให้นางได้เหน็ดเหนื่อยจนเกินไป”


เฟยหรงหันไปกำชับอาชาหมอกด้วยท่าทีหยอกเย้าทำเอารันรู้สึกขัดเคืองในใจเล็กน้อยที่ตนทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงออกวิ่งไปก่อนโดยไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้าในทันที เฟยหรงที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่ว่ากระไรเพียงแต่ตบข้างลำตัวอาชาหมอกเบาๆทีนึงทันใดนั้นมันก็ออกตัววิ่งตามหญิงสาวไปทันทีแม้จะไม่เต็มใจในตอนแรก เมื่อเขามองดูภาพหนึ่งคนกับหนึ่งม้าวิ่งแข่งกันแล้วช่างน่าสุนทรีย์เสียจริง


“อย่าได้โกรธเคืองกันเลยเม่ยเอ๋อ ข้าเพียงแต่อยากช่วยเหลือเจ้าเท่านั้น” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม


ทางด้านรัน ในขณะที่กำลัง ‘วิ่งเล่น’ เบาๆอย่างเอาเป็นเอาตายตามคำสั่งของเฟยหรง ขณะนี้เธอกำลังคิดว่าจะทำยังไงให้อาชาหมอกหยาบคายตัวนี้ยอมจำนนต่อเธอได้ จึงเอ่ยตีซี้กับมันว่า


“นี่พ่ออาชาหมอกรูปงามเจ้ากินแต่หญ้าไม่เบื่อหรือ ถ้าเจ้ายอมให้ข้าขี่ข้าจะให้เจ้าได้กินอาหารที่พิเศษกว่านั้นเป็นอย่างไร”


แต่มีหรือที่อาชาหมอกผู้เย่อหยิ่งจะสนใจ มันยังคงวิ่งต่อไปไม่แม้แต่หันมามองมดแมลงเช่นเธอ


“หรือเอาเช่นนี้ดีข้าเห็นว่าเจ้ามีขนสีขาวน่าจะยากต่อการทำความสะอาด ไม่สู้ข้าช่วยอาบน้ำทำความสะอาดหวีขนให้เจ้าเป็นอย่างดีเป็นข้อแลกเปลี่ยน เช่นนี้ดีหรือไม่”


เหอะ อาชาหมอกยังคงคิดในใจว่าผู้หญิงนางนี้นอกจากหน้าตาที่พอดูได้แล้ว เห็นทีว่าคงจะไม่มีสมองกระมัง


“ก็ได้ๆ เช่นนั้นหากว่าข้าสามารถปราบพยศเจ้าได้ เจ้าจะยอมให้ข้าขี่ใช่หรือไม่”


อาชาหมอกหันมามองหญิงสาวด้านข้างที่วิ่งตามกันมาอย่างดูถูกดูแคลน ดูท่าหญิงนางนี้คงจะชอบเพ้อเจ้อฝันลมๆแล้งๆเป็นแน่ แค่จะวิ่งให้นำมีนให้ได้ยังไม่สามารถแล้วนับประสาอะไรกับการถือดีจะมาขี่ตัวมันผู้สูงส่งเล่า อาชาหมอกยังคงไม่สนใจและเริ่มรู้สึกรำคาญที่หญิงสาวคอยพูดพร่ำเพรื่ออยู่ด้านข้างไม่หยุดแล้ว มันจึงเพิ่มความเร็วโดยการวิ่งนำหน้าเธอขึ้นไปอีก เหอะหากแน่จริงก็ตามมาขี่ข้าให้ได้สิ!


“หนอยแน่ นี่เจ้ากำลังท้าทายอำนาจมืดของข้าอยู่หรือ”


ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอาชาหมอกตัวนี้กำลังดูแคลนเธออยู่ เดี๋ยวเถอะเดี๋ยวได้รู้กัน! ในตอนนี้รันกำลังใช้ความคิดและนึกถึงประสบการณ์การขี้ม้าของเธออยู่ว่าจะทำอย่างไรให้ม้าที่แสนเย่อหยิ่งตัวนี้ยอมจำนนต่อเธอ ได้ในเมื่อพูดดีๆไม่ชอบเดี๋ยวเจ๊จัดให้!




ตอนนี้นิยายเรื่องนี้เปิดขายเป็น E-book แล้วนะคะ สามารถติดตามอ่านอีบุ๊คได้ที่ dek-d.com แล้วเสิร์ชชื่อเรื่อง "เหนือมวลบุปผา" ขอบคุณค่ะ

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว