กลลวงอสูรร้าย

บทที่ 1 (100%)

ผู้ชายในคืนนั้น

ตุ้บ!

กระเป๋าเดินทางใบเก่งถูกโยนทิ้งไว้ข้างเตียง สลิสา เหวี่ยงมันออกไปด้วยแรงอารมณ์ หัวใจในอกเหมือนมีเข็มนับร้อยนับพันทิ่มแทงไม่หยุด เธอเดินไปที่หน้าต่างของบังกะโลหลังน้อย เปิดมันออกรับลมทะเลตอนย่ำค่ำ ให้ลมแรงๆ พัดผ่านใบหน้าจนน้ำตาพรั่งพรู จะได้มีข้ออ้างอันสวยหรูให้ตัวเอง เธอไม่อยากร้องไห้จริงๆ นะ

“เฮ้อ... หวังว่าทะเลจะเยียวยาทุกสิ่งละนะ”

บอกตัวเองอย่างมีหวัง แม้หวังจะริบหรี่ มองออกไปนอกหน้าต่างยังได้เห็นคลื่นลมพัดแรง กลิ่นน้ำเค็มลอยเข้าจมูกมา พอๆ กับไอเย็นที่ลอยละลิ่วตามสายลม ที่นี่เป็นบังกะโลหลังเล็กๆ เธอเช่าด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง กะว่าจะใช้เวลาที่นี่สักอาทิตย์เพื่อรักษาแผลใจ แผลที่ถูกคนที่รักกันถึงสิบปี ทำร้ายกันได้ลงคอ


สลิสานอนพักเหนื่อยจนตะวันใกล้โรยแรง จึงได้ออกมาเดินรับลมที่ชายหาด หาดแถวนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยพลุกพล่าน มีบ้านพักตากอากาศของพวกคนรวยเสียส่วนใหญ่ เธอได้เบียร์กระป๋องจำนวนหนึ่งจากร้านค้าของบังกะโล ถือมันแล้วเดินจิบไปเรื่อยๆ เธออยากลืมเขา ลืมผู้ชายที่รัก แต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์กลับทำให้ภาพเขาผุดพรายชัดเจน เธอลืมไม่ได้หรอก จะลืมได้อย่างไร รักเขามานานขนาดนั้น จะเหลือก็เพียงเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ แต่เธอคงประมาทเกินไป วันเวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน เราเลิกกันเมื่ออาทิตย์ก่อน และตอนนี้ เขา...กำลังจะแต่งงาน

แต่ง...กับน้องของเธอเอง! ก็อยากโกรธจนตัวสั่น อยากจับทั้งสองมาแล่เนื้อเถือหนัง แต่ในความเป็นจริงเธอทำได้แค่อวยพรให้พวกเขามีความสุข แล้วตัวเองมานั่งทุกข์คนเดียว ความรักไม่ผิด ผิดก็แค่...เขาคงรักเธอน้อยเกินไป

ตุ้บ!

ร่างบอบบางหล่นลงแนบผืนทราย หยดน้ำตาหลั่งไหลไม่ขาด ริมฝีปากน้อยกลั่นเสียงสะอื้น สองมือทิ้งกระป๋องเบียร์เปล่าๆ เพื่อมากำเอาเม็ดทราย ความรักที่เธอมีให้เขา ก็เหมือนทรายพวกนี้ ต่อให้กำมันแน่นอย่างไร สุดท้าย...มันก็ไหลออกไปอยู่ดี

สลิสาปาดน้ำตาทิ้งเสีย ยามที่ความมืดมิดคลี่คลุมผืนฟ้า เธอลุกยืนแล้วหันมองรอบกาย มีนักท่องเที่ยวหลายคนเดินผ่านเธอไป อีกคนนั่งอยู่ข้างหลัง และอีกกลุ่มใหญ่กำลังเดินเข้ามา เธอเดินหนีพวกเขาไปช้าๆ เดินลงสู่อ้อมแขนของคลื่นลม

ความเย็นชื้นสัมผัสปลายเท้า แต่กลับมิทำให้เหน็บหนาวเท่าหัวใจ

ไม่รู้เพราะความเจ็บปวด หรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ร่างกาย กำลังแรงใจถึงได้หดหาย เธอยังจำได้ถึงคืนวันดีๆ ที่มีร่วมกันกับชายคนรัก แต่ตอนนี้ เธอไม่สามารถรักเขาได้อีกแล้ว..

“ทำไม ทำไมต้องเป็นน้องของเราด้วย ทำไม...”

ถามไถ่กับคลื่นแรงที่กระทบกับท่อนขา เธอยังเดินสู่ทะเลช้าๆ ราวกับอยากให้ความโกรธเกรี้ยวของคลื่นหนาช่วยโอบรัดร่างกาย บางที...ถ้าเธอสิ้นลมหายใจ ความเจ็บปวดอาจหายไปก็เป็นได้

รอยยิ้มแสนเศร้าของสลิสายังกระจ่างบนหน้าในยามที่ท้องฟ้าไร้แสงตะวัน ร่างของเธอถูกคลื่นหนาม้วนตัวมาโอบรัด แน่นอนว่าในยามที่คลื่นสลาย ร่างกายของเธอก็หายไปจากผิวน้ำ ดำดิ่งสู่เบื้องล่างเหมือนถูกถ่วงไว้ด้วยก้อนหิน ความมืดมิดรายล้อมรอบกาย สลิสารับรู้ได้เพียงความเย็นเฉียบ ไม่มีเสียงใดให้ได้ยินนอกจากเสียงหัวใจตัวเองที่ดังแผ่วลง...แผ่วลง...ทุกวินาที...


กรุ๊งกริ๊งๆ กรุ๊งกริ๊งๆ

เสียงสายลมพัดกระทบโมบายที่ทำจากเปลือกหอย มันดังกรุ๊งกริ๊งๆ กรุ๊งกริ๊งๆ อยู่ใต้หรอหน้าต่าง สายลมแรงพัดผ่านผ้าม่านผืนบาง มันปลิวไสว พาชายยาวๆ มาระรานร่างของคนบนเตียง หญิงสาวที่ซ่อนกายอยู่ใต้ผ้านวมขยับกายอย่างเมื่อยขบ เปลือกตาบางค่อยๆ เปิดขึ้นช้าๆ ยามกระทบกับแสงจ้าจำต้องปิดเปลือกตาลงอีกหน เธอรวมรวมสติ มีบางอย่างกำลังผิดเพี้ยนไป แผ่นหลังเธอสัมผัสที่นอนอ่อนนุ่ม จมูกเธอยังได้กลิ่นน้ำทะเล ผิวของเธอยังรู้สึกอุ่นร้อนยามถูกแสงตะวันลามเลีย นี่เธอ...ตายแล้วหรือยังมีชีวิตกันนะ

ถามตัวเองแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ที่นี่ไม่เหมือนสวรรค์อย่างที่เธอเคยจินตนาการ มากสุดก็ให้ได้แค่บ้านคนรวยเท่านั้น บานหน้าต่างถูกเปิดทิ้งไว้ หัวเตียงมีนาฬิกาตั้งโต๊ะเรือนใหญ่ มีกุญแจพวงเล็กๆ วางอยู่ข้างกัน นี่ไม่ใช่บ้านเธอ ไม่ใช่บังกะโลที่เธอเช่าไว้ ที่นี่ที่ไหน แล้วเธอ...มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

สสิสากุมศีรษะอันปวดหนึบ กวาดตามองไปรอบๆ หรือว่าเธอยังไม่ตาย ยังไม่ตายใช่ไหม

แอ๊ด...

ประดูห้องด้านซ้ายถูกผลักออกมา สลิสาตาเบิกโต ผู้ชายคนหนึ่งในชุดผ้าเช็ดตัวพันล่อนล่างหมิ่นเหม่กำลังเดินออกมา เขาตัวสูงมาก ผิวขาวจัด มีดวงตาวับวาวและรอยยิ้มสดใสส่งมาให้ แต่ว่า...เขาเป็นใคร!?

“ตื่นแล้วสินะ บอกแล้วว่าอย่าดื่มเยอะ”

สลิสาส่ายหน้าช้าๆ อะไรยังไง เธองงนะ

ชายหนุ่มเดินตรงมาหาหญิงสาว มือเขาแตะต้องแก้มนุ่มของคนที่ขยับกายลุกมานั่ง

“นี่ยั่วกันเหรอ?” ถามแล้วลดสายตามองเนินอกอิ่มที่โผล่พ้นชายผ้านวม

สสิสาก้มมองตัวเองอย่างไว ให้ตายเถอะ ทำไมเธอไม่มีเสื้อผ้าติดตัว เธอได้แต่กอดผ้านวมแน่นๆ สมองอันปวดหนึบบอกตัวเองว่าเธอแค่ฝัน แค่ฝันน่ะ!

“ทราย”

“หือ?” สลิสาครางฮือเลยล่ะ นั่น...ไม่ใช่ชื่อเธอ!?

“ทำไม ทำเหมือนว่าธามเรียกชื่อผิด” เขาไม่ถามเปล่าๆ แต่โน้มกายเข้าหาคนร่างบาง ดันหล่อนจนแผ่นหลังสัมผัสผิวเตียงอีกครั้ง

“ดะ...เดี๋ยว นี่มันอะไรกัน อย่านะ อย่า...”

“ชู่ว์...เงียบก่อน”

“ไม่..ยะอย่า..อย่า...อื้อ...”

สาลิสาทำได้เพียงส่งเสียงครางประท้วง สมองของเธอหนักอึ้งราวกับเพิ่งผ่านพ้นความตาย ร่ายกายก็ปวดร้าวราวกับต่อสู้กับคลื่นทะเลมาทั้งคืน แล้วเธอจะเอาแรงไหนไปสู้เขา ยิ่งตอนที่ลิ้นร้อนๆ ตวัดรุกไล้เรียวลิ้นของเธอ เรี่ยวแรงที่มีน้อยนิดก็หลุดล่องลอย ผ้านวมผืนหนาถูกเลิกทิ้ง ผ้าเช็ดตัวที่พันเอวเขาด้วย ตอนนี้ร่างกายอันชื้นด้วยหยดน้ำกำลังทาบทับเธอลงมา ชิ้นส่วนอันแข็งขึงบดเบียดเสียดสีกับส่วนนั้นของเธอยังน่าละอาย เขายังจูบเธออยู่ พรมจูบให้เธอมึนงงแล้วไต่ริมฝีปากลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะหยุดพักที่ตำแหน่งต่ำกว่าสะดือ สองมือเขาแตะต้องแพรไหมบางๆ ที่คลี่คลุมเนินเนื้ออันโหนกนูน ก่อนที่ริมฝีปากจะจุมพิตลงตรงนั้นอย่าอ้อยอิ่งยั่วเย้า ทุกคราวที่เขาวางปลายลิ้นใส่ติ่งเนื้อเล็กๆ อันนุ่มร้อน ร่างเธอก็ได้บิดเร่าด้วยความซ่านสยิว เขาใช้ลิ้นได้ช่ำชองนัก ทั้งตวัดขึ้นลงเร็วรี่ เธอได้แต่ส่งเสียงคราง ครางมากเข้าก็ถึงกับหอบแฮ่กๆ แล้วนาทีถัดมานิ้วแข็งแรงก็ชอนไชเข้ามาในร่างเธอ จำต้องอ้าปากค้างด้วยความเจ็บจุก เธอยัง...ไม่เคย

“ปล่อย..ได้โปรด..ฉันไม่...ใช่ คนที่คุณคิด ไม่ใช่!”

“ไม่เอาน่า ไม่เล่นนะ ตอนนี้มุกไหนก็หยุดกันไม่ได้หรอก ดูผู้หญิงตรงหน้าผมสิ ตาแบบนี้ จมูกแบบนี้ ปากแบบนี้ แล้วเสียงหวานๆ นี่อีก ถ้าไม่ใช่ทรายแล้วจะเป็นใครฮึ”

“แต่ฉัน...อื้อ..”

จะแก้ต่างก็ถูกจูบอีก เขาจูบเร็วมาก บิดชิมริมฝีปากเธออย่างรุนแรง ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องอะไรกัน เธอฝันอยู่ใช่ไหม สลิสา ตื่นสิ ตื่นได้แล้ว!

“โอ๊ย!!! เจ็บ!! ฉันเจ็บ ฮือ...”

“นิดเดียว อีกนิดเดียวที่รัก ขอโทษที รีบไปหน่อย เจ็บมากไหมคนดี งั้นธามจะทำเบาๆ นะ” เขาปลอบโยนแล้วจุมพิตหญิงสาวอีกครา

สาลิสาหลับตาพริ้ม ดื่มด่ำกับความเจ็บปวดที่สอดแทรกความซ่านสยิว มันทรมานเหมือนตกลงไปในนรก ทว่าจู่ๆ ก็ถูกดึงขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ร่างกายของเธอเหมือนตุ๊กตามีชีวิต ที่กำลังถูกเขาบงการ ตรงนั้นของเขาบุกทะลวงเข้ามาไม่หยุดหย่อน เสียงกระซิบผะแผ่วพร่ำบอกขออภัย เขาคงรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญ สายตาเขาที่ทอดมามองมาเต็มไปด้วยไฟปรารถนา ทุกจุมพิตที่แตะต้องร่างนี้เหมือนมนตร์วิเศษที่กำลังปลดปล่อยหัวใจของเธอ เอาเถอะ ไม่ว่านี่จะเป็นความฝันหรือความจริง เธอก็ขอให้มันเป็นไป เธอจะทิ้งหัวใจอันเจ็บปวดไปพร้อมกับดวงตะวันที่สิ้นแสงลงเมื่อวานนี้...ก็แล้วกัน

“อือ...เจ็บนะ...” เธอบอกเมื่อริมฝีปากคมๆ ดูดดึงที่เข้าลำคอ อยากผลักไสก็อยาก อยากกระโดดใส่เขาก็อยากเช่นกัน นี่เธอกลายเป็นมนุษย์ผู้หญิงที่มักมากไปแล้วกระมัง

“พลิกตัวอีกนิดนะ อย่างนั้น...เก่งจัง” เขาชมเปาะเมื่อสตรีตรงหน้าพลิกคว่ำร่างกาย สองเข่าของหล่อนตั้งไว้กับผิวเตียง แอ่นบั้นท้ายงอนงามมาให้เขา ผิวหล่อนขาวโพลนตัดกับสีน้ำเงินเข้มข้นของผ้าปูเตียง “สวย...สวยเหลือเกิน”

เสียงชมเปาะมาพร้อมส่วนอันแข็งขึงที่กำลังบุกรุกเข้ามาอีกครา สาลิสาหลับตาพริ้ม มันทั้งคับแน่นและฝืดตึง เขาสอดใส่เข้ามาช้าๆ ราวกับรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกเช่นไร

“คิดถึงแค่ผม มองแค่ผม รับรู้แค่ตัวตนของผม ได้โปรด...”

สาลิสาไม่แน่ใจว่าที่เขาพูดนั้นมายความว่าเช่นไรแน่ เหมือนเขารู้ว่าเธอเจออะไรมา แต่ไม่สิ ในตอนนี้เธอคือทราย ผู้หญิงของเขาต่างหาก โอ๊ย...ให้ตายเถอะ เรื่องนั้นช่างหัวมัน ตอนนี้ต่างหากที่เธอต้องตั้งสติดีๆ เธอ...กำลังมีเซ็กซ์กับคนแปลกหน้านะ

“อื้อ...” หญิงสาวครางอีกคราวเมื่อถูกจุมพิตแรงๆ สองมือที่อยากผลักไสกลายเป็นว่าคล้องเข้าที่รอบคอ ก็นะ เขาหล่อ เขาดูดี แถมบทรักยังชำนิชำนาญ ช่างหัวเถอะ ถ้านี่จะเป็นแค่ฝัน เพราะหากฝันจริงๆ เธอก็จะตักตวงอย่างอิ่มเปรมแบบที่ตอนตื่นไม่มีวันได้ทำ ขอเพียงแค่ตอนนี้ ตอนที่มีเขาอยู่บนร่างของเธอ โปรดปรนเปรอให้เธอลืมเขาคนนั้น เขาอีกคนที่ทำให้เธอต้องทุกข์ทรมาน...

ธามลุกจากเตียงเมื่อสงครามแห่งราคะสิ้นสุด เขาจุมพิตแก้มเธออย่างอ่อนโยน มีรอยยิ้มขออภัยมาให้ คงเพราะรู้ตัวว่าทำให้เธอเจ็บปวดที่ส่วนไหน เธอพลิกกายช้าๆ ปวดหนึบในหัว และก่อนนี่เขาจะเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง ประโยคคำถามก็เปล่งออกจากปากของเธอ

“คุณ...นี่...ปีพ.ศ. อะไร” ถามออกไปโง่ๆ ช่วยไม่ได้ก็มันคิดอะไรไม่ออก บางทีเธออาจจมน้ำแล้วมาโผล่อีกศตวรรษก็เป็นได้ ใครจะรู้ล่ะ

“อย่าคิดอะไรเพี้ยนๆ คุณแค่เมานะทราย ไม่ได้ตายแล้วเกิดใหม่”

ไม่ได้เกิดบ้าน่ะสิ ฉันไม่ใช่ทรายโว้ย! แล้วที่นี่ที่ไหนกัน!

“แล้ว...ที่นี่ที่ไหน” เธอยังถามต่อ

“บนเกาะ”

“หา!?”

เขาตวัดดวงตามองมา “ก็มาด้วยกันเมื่อวาน นี่เมาค้างใช่ไหม”

เขาถามแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป สลิสามึนหนัก เอาล่ะ เธอควรตั้งสตินะ นอกเหนือจากพรหมจรรย์ที่เพิ่งถูกทำลาย เธอควรสำนึกให้ได้ว่าตัวเองไม่ได้ฝัน!

โทรศัพท์ โทรศัพท์อยู่ไหน! เอ๊ะ...ไม่ใช่สิ เมื่อคืนน่ะ เธอจะฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือ คนฆ่าตัวตายที่ไหนจะพกมือถือกันเล่า โธ่เอ๊ย แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วผู้ชายคนนั้นทำไมเหมารวมว่าเธอคือคนชื่อทราย ผู้หญิงคนนั้นหน้าเหมือนเธองั้นหรือ

แอ๊ด...

ประตูห้องน้ำเปิดออกอีกแล้ว เขาตัวเปียกปอน หยดน้ำเกาะพราวตัวร่าง มีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างหมิ่นเหม่ โอ๊ย...อ่อยแรง!

“อาบน้ำสิ จะได้ไปกินข้าวกัน”

เธอส่ายหน้าดิก ในละครที่เคยดู ถ้าเดินเรื่องมาอีหรอบนี้เธอได้ทำกับข้าวชัวร์!

“ฉันทำกับข้าวไม่เป็น”

“รู้แล้วน่า อยู่ด้วยกันทุกวัน ธามทำเสร็จแล้ว ไปกินเถอะ หรือจะต่ออีกรอบ”

สลิสาเผ่นลงจากเตียงให้ไว ท้องน้อยเจ็บจุกด้วยถูกกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง เธอฝืนกายลุกไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยบุรุษปริศนาหน้าตาดีให้แต่งตัวอยู่ข้างนอกตามลำพัง

ธามจ้องมองเตียงยับย่นที่หญิงสาวเพิ่งลุกจากไป รอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้นที่มุมปาก เขาจัดการดึงผ้าปูเตียงออกเสีย ก่อนจะเปลี่ยนผืนใหม่ที่สะอาดน่าใช้กว่าเดิม


สลิสาสวมเสื้อผ้าที่มีในตู้ ไม่ใช่แนวเธอเลย แต่ดีกว่าใส่ชุดวันเกิด สมองของเธอเริ่มเข้าที่มากขึ้นหลังจากถูกน้ำเย็นๆ ราดรดร่างกาย ดีที่มีชุดชั้นในใหม่ในตู้ด้วย ไม่อย่างนั้นคงลำบากใจที่ต้องสวมใส่ของของคนอื่น เธอเดินออกมาจากห้องนอน บ้านหลังนี้ใหญ่เชียวล่ะ บ้านสองชั้น เหมือนจะมีห้องใต้หลังคาด้วย ด้านล่างกว้างขวางโอ่โถง มีโต๊ะอาหารที่มีเก้าอี้ถึงสิบตัวเชียวนะ แต่เธอไม่เห็นคนอื่นในบ้านเลย

“มองหาใครฮึ ไม่มีคนอยู่หรอก คนงานจะไม่อยู่ตอนที่เรามา ลืมแล้วเหรอ”

สลิสาพยักหน้ารับ เหมือนว่าเขาจะคอยอธิบายให้เธอเข้าใจโดยที่เธอไม่ต้องถาม ก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่ากำลังฝันอยู่หรือว่าตายแล้วมาอยู่ในร่างของทรายกันแน่ แต่ว่า...หน้าตาเธอไม่ได้เปลี่ยนนะ ส่วนสูงก็เหมือนเดิม จะไม่เหมือนเดิมก็ตรงโดนเปิดซิงจากผู้ชายตรงหน้านี่แหละ โอ๊ย...คิดๆ แล้วมันน่าเสียดาย อุตส่าห์ถนอมไว้ตั้งนานนม ดันมาเสียให้กับคนแปลกหน้า แต่ไม่เป็นไร ช่างแม่ง! ตายไปจะได้ไม่เสียชาติเกิด

อาหารเช้าแบบในหนังฝรั่ง ถูกวางลงตรงหน้า ขนมปังปิ้ง ไข่ดาวเยิ้มๆ แบบไม่สุด แฮมบางๆ สองชิ้น กับไส้กรอกโง่ๆ หนึ่งอัน...มีแค่นี้เหรอ? ให้ตายเถอะ ไม่อิ่ม!

“เยอะไปเหรอ วันนี้กินเยอะๆ หน่อย เมื่อคืนใช้พลังงานไปเยอะ” เขาว่าแล้ววางแก้วน้ำส้มลงข้างจานของหล่อน

สลิสามองค้อน หยิบขนมปังปิ้งมากัดกินคำโตๆ

“มี...โทรศัพท์ไหม”

“ไม่มีสัญญาณ” นั่นคือสิ่งที่เขาตอบ “อยากขึ้นฝั่งเหรอ รออีกสามสี่วันเถอะ ถ้าทนไม่ไหวคงต้องเดินอ้อมเกาะไปบ้านพักคนงาน แต่อย่าไปเลย เดินเหนื่อย รออีกหน่อยแล้วกัน” เขาบอกแล้วหยิบแก้วน้ำส้มของตัวเองมาวางก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารบ้าง

สลิสาลอบมองธาม เขาเป็นผู้ชายตัวสูง ผิวขาวราวกับไม่เคยออกแดด หน้าเขาหล่อเหลาไม่น้อย หล่อกว่าอดีตแฟนของเธอเสียอีก

“ธามหล่อเหรอ มองไม่หยุดเลย”

สลิลาทำตาโตเมื่อเขารู้ทัน เวลาที่เขาแทนตัวเองด้วยชื่อนี่ช่างน่าเอ็นดู คนอะไร หน้าหล่อแล้วชื่อยังหล่อได้อีก

“เชอะ...แค่เมาค้างน่ะ” เธอแก้ต่าง

เขายิ้มนิดๆ มองคนที่อยู่ในชุดเดรสน่ารักแล้วสบายใจบอกไม่ถูก

“เราสองคน...”

“เป็นแฟนกัน” เขาช่วยต่อท้ายประโยคนั้นให้

สลิสาอยากตีอกชกหัวเผื่อว่าตัวเองจะตื่นขึ้น แต่ไม่เลย เธอทำได้แค่มองเขาอย่างงงๆ แล้วส่งแผ่นขนมปังเข้าปาก

“แต่งงานกันแล้ว?”

เขามุ่นคิ้วเมื่อเธอเอ่ยคำถามนั้น

“เป็นอะไรไปเนี่ย วันนี้แปลกๆ นะ เรายังไม่ได้แต่งงานกันหรอก แต่ถ้าทรายอยากแต่งละก็ จบทริปนี้เข้าโบสถ์เลยก็ได้” เอ่ยอย่างหนักแน่น มิได้มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย

สลิสาโบกมือไหวๆ

“ทำไมล่ะ ไม่อยากแต่งเหรอ”

“ปะ...เปล่า เรื่องนั้น...เอาไว้ก่อนเถอะ ว่าแต่...เราจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ดี” ถามเขาแล้วภาวนาให้บ้านเขาอยู่กรุงเทพฯ ทีเถอะ

“จนกว่าเรือจะมารับโน่นแหละ บอกแล้วว่าอีกสามสี่วัน”

“แล้วเราจะทำอะไรกันดีระหว่างอยู่ที่นี่”

“ธามก็...ทำอะไรไปเรื่อย” เขาชี้ไปยังอีกฝั่งของตัวบ้าน ผ้าใบผืนหนาถูกขึงกางไว้ มีภาพวาดสีน้ำระบายอยู่

สลิสามองตาม เขา...เป็นศิลปินสินะ

“ทรายชอบทะเลนี่ อยากไปดำน้ำไหม ฝั่งซ้ายของเกาะ เดินไปไม่ไกล ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรหรอก น้ำใสมาก” เขาแนะราวหวังดี

สลิสาลอบพ่นลมออกจากปาก อันที่จริงเธออยากนอนจมเตียง ร้องห่มร้องไห้ให้กับความเจ็บปวดที่แฟนเก่าทำไว้ เธอไม่มีกะจิตกะใจจะไปดำน้ำหรอก ที่สำคัญน่ะ เธอว่ายน้ำไม่เป็น!

“ฉันจะเดินเล่นเก็บเปลือกหอย”

“ก็ดี เอาไว้คืนนี้นอนดูดาวกันนะ เราจะได้ซ้อมไปด้วยไง”

คราวนี้สลิสาเป็นงง

“ซ้อมอะไร”

“ซ้อม...ฮันนีมูน”

“หา!?” ร้องออกไปอย่างนั้นแล้วนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า ให้ตายเถอะ ยังเจ็บอยู่เลย นี่จะซ้อมกันอีกแล้วเหรอ ไม่เอาหรอก ยับเยินกันพอดี

ชายหนุ่มยิ้มขันกับท่าทีขัดเขินนั้น พวงแก้มของทรายขึ้นสีแดงระเรื่อช่างน่าเอ็นดู หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ แต่เขาไม่อาจละสายตาไปได้ วงหน้ารูปไข่พอดิบพอดี ดวงตากลมโตน่ารัก ยิ่งริมฝีปากรูปกระจับกับปลายจมูกเชิดรั้นนั่นชวนให้มองได้บ่อยๆ เพลินตาดี

“เอ่อ...เหมือนว่า...ฉันจะความจำเสื่อมชั่วขณะน่ะ” ตัดสินใจเอ่ยออกไป

“หือ? หมายความว่าไง”

สลิสาเป็นงงเมื่อเขาแทบจะกระโดดข้ามโต๊ะมาหา เขานั่งลงบนพื้น ข้างเก้าอี้เธอ ใช้สองมือประกองแก้มเธอไว้ ใช้ดวงตาแห่งความห่วงใยทอทอดมองมา

“เจ็บหัวเหรอ มีอะไรกระแทกหรือเปล่า ก็แค่เมานี่นา โธ่เอ๊ย ต้องรอเรือมาอีกตั้งสามสี่วัน จะเป็นอะไรไหมนะ”

จู่ๆ สลิสาก็รู้สึกผิด เขาคงเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้มาก เธอไม่น่าพูดแบบนั้นเลย

“ไม่...ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่รู้สึกเหมือนว่าความทรงจำบางส่วนมันหายไปดื้อๆ บางที...”

เขาโบกมือไหวๆ “พอเลย จำไม่ได้ก็ไม่ต้องจำนะ ลืมมันไปให้หมด ไม่ต้องนึกให้ปวดหัวรู้ไหม”

เขาบอกตอนที่ปลายนิ้วไล้อยู่ที่ริมฝีปากของเธอ เธอได้แต่พยักหน้ารับ มองเขาอย่างพิจารณา ดวงตาแสนอ่อนโยนมาพร้อมฝ่ามืออุ่นที่แตะต้องร่างเธอ ทุกสัมผัสทะนุถนอม ราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลายไป ผู้ชายคนนี้...อบอุ่น...ดีจัง

“บางทีอาจกินเหล้าเยอะไปหน่อย”

“นั่นสิ บอกแล้วว่ากินเยอะ แถมกินแล้วยังไปเล่นน้ำทะเลอีก หัวกระแทกหินใต้น้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้ เข้าฝั่งเมื่อไหร่ต้องไปโรงพยาบาลนะรู้ไหม”

เธอพยักหน้าอีก

“ทราย”

“หือ...”

“อย่าเป็นอะไรไปนะ ชอบทำอะไรไม่คิด มันอันตรายไม่รู้เหรอ”

คำพูดนั้นราวกับเขาล่วงรู้ในสิ่งที่เธอเผชิญ ในความคิดเขา ทรายคงประมาทเกินไป กินเหล้าแล้วยังลงเล่นน้ำทะเล แต่ในความเป็นจริง เธอตั้งใจต่างหาก เธออยากจบชีวิต เธออยากทำสิ่งโง่ๆ ที่ตอนนั้นมันผุดขึ้นมาในหัว เหมือนว่าเขากำลังเอาความห่วงใยมาโยนใส่หัวใจเธออย่างไรอย่างนั้น

“อะแฮ่ม! คือ...ขะ...ขอโทษ ฉัน...คงเมามากจริงๆ”

“นั่นแหละ ใจหายหมดเลยตอนที่ไม่เห็นทราย พักนี้มีเรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกกันหรือเปล่าฮึ บอกแล้วไงว่าอย่าเก็บเอาไว้คนเดียว มีอะไรต้องเล่าให้กันฟังสิ หรือไม่จริง”

“อือ...” เธอตอบรับ อีกฝ่ายจึงยิ้มอบอุ่นมาให้

“กินมื้อเช้าซะ เดี๋ยวพาไปเดินเล่น”

ไม่บอกเปล่าๆ แต่ยกมือยีหัวกันอีก นี่เธอน่าเอ็นดูขนาดนั้นเลยหรือ ปีนี้เธออายุ สามสิบสอง แล้วนะ!


มื้อเช้าจบลงในเวลาถัดมา เขาพาเธอมาเดินเล่นดังว่า สองเท้าเปล่าเปลือยกำลังย่ำลงบนผืนทราย แต่มือข้างหนึ่งของเธอนั้นอยู่ในอุ้งมือเขา มันอุ่นจนร้อน เขาจับมือกันไว้แน่นเชียว หากถามว่าเธอชอบอะไรในตัวเขา สิ่งแรกที่ประทับใจก็คือ รอยยิ้ม...

“มองแบบนั้นเดี๋ยวก็จับปล้ำซะหรอก”

“ฮะ?” เธอร้องออกมาอย่างทึ่งๆ ผู้ชายคนนี้นี่น้า คิดแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ คนหื่น!

“ล้อเล่นน่า หึๆๆ แต่ถ้าทรายต้องการละก็ บนหาดนี้ก็ได้นะ เปลี่ยนบรรยากาศไง”

“ทะลึ่ง!”

เขายิ้มแป้นเมื่อโดนด่า ก่อนจะเอ่ยคำถาม “แล้วงานเป็นยังไงบ้าง เหนื่อยหรือเปล่า”

“หือ?”

“ก็งานไง”

สลิสาทำหน้าเลิกลั่ก รีบหันหน้าหนีก่อนที่เขาจะผิดสังเกต

“ก็เอ่อ...ก็ดี ไม่มีปัญหาอะไร”

“งั้นเหรอ ทำไมธามรู้สึกว่าทรายดูเศร้ายังไงก็ไม่รู้”

รีวิวจากผู้อ่าน 7 รีวิว
  • SIRIKULLAYA
    เมื่อ 6 ปี 8 เดือนที่แล้ว
    Thank you ka
    • อ่านถึง : บทที่ 1 (100%)
  • Paku_Chan
    เมื่อ 6 ปี 8 เดือนที่แล้ว
    น่าสนใจจังค่ะ *0*
    • อ่านถึง : บทที่ 1 (100%)
  • 2Sweet2
    เมื่อ 6 ปี 8 เดือนที่แล้ว
    Okkkkkkkkkkk
    • อ่านถึง : บทที่ 1 (100%)
  • Thofa Srivoralakhna
    เมื่อ 6 ปี 9 เดือนที่แล้ว
    Thanks you
    • อ่านถึง : บทที่ 1 (100%)
  • Sirisupa
    เมื่อ 6 ปี 9 เดือนที่แล้ว
    รออ่านนะจ้ะ
    • อ่านถึง : บทที่ 1 (100%)
  • Sirisupa
    เมื่อ 6 ปี 9 เดือนที่แล้ว
    รออ่านนะจ้ะ
    • อ่านถึง : บทที่ 1 (100%)
  • Nionmicro
    เมื่อ 6 ปี 9 เดือนที่แล้ว
    ขอบคุณมากค่ะ
    • อ่านถึง : บทที่ 1 (100%)

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว