จอมยุทธ์ซุปตาร์-ตอนที่ 41 การแสดงของเนี่ยฟงและไป่ฉี 1

โดย  ไป๋หู่

จอมยุทธ์ซุปตาร์

ตอนที่ 41 การแสดงของเนี่ยฟงและไป่ฉี 1


วันนี้ไป่ฉีกลับมาเรียนตามปกติ เมื่อคืนเขาได้อ่านบทวิจารณ์ของเฉียนม่อแล้ว ผลตอบรับค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ


ในสัปดาห์นี้เขาต้องเรียนชดเชยคลาสการแสดงเพิ่มเติม หลังจากขาดคลาสไป 3 วัน ในสัปดาห์ที่แล้ว อีกทั้งวันเสาร์นี้เขาต้องไปงานเปิดตัวหนังสือของตัวเอง และวันอาทิตย์ก็จะต้องเข้าร่วมงานประมูลของสมาคมการค้าตะวันจันทราอีก


“กำหนดการแน่นเอี๊ยดนี่มันอะไรกัน นี่ข้าหาเรื่องใส่ตัวรึเปล่าเนี่ย” ไป่ฉีมองตารางที่เขาโน๊ตไว้ในสมาร์ทโฟนของเขา ระหว่างเดินไปโรงเรียน


เขาพบว่าเมื่อคืนนี้ไป๋กุ้ยอิงโทรมาหาเขา แต่เขานอนหลับไปแล้ว ไป่ฉีจึงโทรกลับ เมื่ออีกฝ่ายรับสายเขาจึงสอบถามถึงสาเหตุที่เธอโทรหาเขา


“พี่กุ้ยอิง พี่มีธุระอะไรรึเปล่า เมื่อคืนผมหลับตอนที่พี่โทรมา” ไป่ฉีกล่าว


“พี่…มีเรื่องอยากจะปรึกษาน่ะ” ไป๋กุ้ยอิง พูดตะกุกตะกัก


“ยินดีครับ ถ้าผมช่วยได้ผมก็จะช่วย” ไป่ฉีกล่าว


จากนั้นไป๋กุ้ยอิงได้เล่าถึงเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลกำลังกดดันพ่อของเธอให้เธอแต่งงานเพื่อเพิ่มฐานอำนาจให้กับตระกูลไป๋


“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ” หลังจากไป๋กุ้ยอิงเล่าปัญหาของเธอจบ ไป่ฉีเงียบไปสักพัก


“ปัญหาใหญ่เลยนะครับ” ไป่ฉีพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ เพราะตระกูลไป๋ของโลกนี้มีอำนาจมาก แม้เขาอยากจะปลอมเป็นอวี้กงไปเป็นคู่หมั้นหลอก ๆ ให้ไป๋กุ้ยอิงก็ตาม แต่ตอนถอนหมั้น เขาจะต้องมีปัญหากับตระกูลไป๋แน่ เขาคิดว่าตระกูลที่เก่าแก่ขนาดนั้นถ้าจะหยุดผู้อาวุโสพวกนั้นได้คงมีแต่บรรพชนของพวกเขาเท่านั้น


'เดี๋ยวนะบรรพบุรุษเหรอ นึกออกแล้ว' ไป่ฉีคิดวิธีแก้ไขปัญหานี้ออกแล้ว


“พี่กุ้ยอิง วิชาของตระกูลพี่ ผู้ชายจะฝึกเคล็ดวิชามังกรวารีใช่ไหม” ไป่ฉีลองถามดูว่าวิชาของตระกูลไป๋โลกนี้เหมือนกันกับตระกูลไป๋ในโลกต้าเซียนรึเปล่า ถ้าเหมือนกันล่ะก็ไป่ฉีสามารถแก้ปัญหาให้ไป๋กุ้ยอิงได้


“นายรู้ชื่อเคล็ดวิชาประจำตระกูลของเราได้ยังไงน่ะ” ไป๋กุ้ยอิงถามด้วยความสงสัย


“เอาเป็นว่าวันอาทิตย์นี้พี่มารอผมที่ด้านหน้าประตูใหญ่ของตระกูลไป๋นะ ผมจะหาคนไปช่วยพี่เอง” ไป่ฉีกล่าว


“นายจะส่งใครมาช่วยพี่ล่ะ นายมีพรรคพวกคนอื่นในยุทธภพด้วยเหรอ” ไป๋กุ้ยอิงถาม


“เรื่องรายละเอียดผมไม่ขอพูดนะครับ ถ้าพี่รู้เดี๋ยวมันจะไม่เนียนน่ะ พี่แค่บอกทางตระกูลว่า อวี้กงจะมาฝึกสอนให้ไป๋หู่ตามที่เขาเคยขอเอาไว้” ไป่ฉีนัดแนะกับไป๋กุ้ยอิง ก่อนจะวางสายไป


ทันทีที่เขามาถึงที่โรงเรียน เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนหญิง มีนักเรียนหญิงหลายคนนำซองจดหมายสีชมพูมายื่นให้เขา ซึ่งไป่ฉีก็ตอบปฏิเสธไปทันที ทำให้พวกเธอคอตกและวิ่งจากไปด้วยความอาย


“ขอโทษทีนะ ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วน่ะ” ไป่ฉีพูดคำนี้ออกไปหลายครั้งกว่าจะถึงห้องเรียนของเขา


ไป่ฉีเห็นมู่ซื่อเฉิงกับเพื่อนของเขากำลังคุยกันอยู่ ส่วนพวกต้าถงเองก็กำลังคุยกับกลุ่มเพื่อนของตนเองอยู่เช่นกัน พอต้าถงเห็นไป่ฉี เขาก็เดินเข้ามาแล้วยื่นมือออกไป


“มาแนะนำตัวกันใหม่ อาจจะสายไปหน่อย ฉันชื่อต้าถง ยินดีที่ได้รู้จัก หวังว่าจากนี้เราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้” ต้าถงพูดและทำตัวสุภาพ นั่นทำให้เขาดูดีจนนักเรียนหญิงหลายคนแอบหน้าแดง เพราะต้าถงจัดว่าหน้าตาดีพอสมควร เพียงแต่ปกติเขามักจะทำหน้าเหมือนหงุดหงิดตลอดเวลาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้


“ยินดีเช่นกัน” ไป่ฉีจับมือตอบ


“ต้าถง นายคิดไว้รึยังเรื่องทัศนศึกษาที่โรงเรียนมัธยมปลายน่ะ นายเลือกที่ไหนเอาไว้” ไป่ฉีถามขึ้น


“ฉันคิดว่าจะเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเมืองข้าง ๆ น่ะ ที่นั่นเป็นโรงเรียนที่เน้นด้านกีฬาเป็นอันดับ 1 พวกนักกีฬาแนวหน้าระดับประเทศจบจากที่นี่จำนวนมาก ดาวรุ่งหลายคนก็เรียนที่นั่นด้วย” ต้าถงกล่าว


“ขอให้โชคดีแล้วกัน วันนี้ต้องส่งใบเลือกโรงเรียนที่จะไปทัศนศึกษาด้วย” ไป่ฉีกล่าว ด้านมู่ซื่อเฉิงพอเห็นต้าถงญาติดีกับไป่ฉี เขาจึงเดินเข้ามากอดคอไป่ฉี


“ไงไป่ฉี ฉันเลือกไปทัศนศึกษาที่โรงเรียนมิดการ์ด แล้วนายล่ะ” มู่ซื่อเฉิงกล่าว


“ซื่อเฉิง งานโฆษณาที่ถ่ายจะเริ่มออกอากาศเมื่อไหร่เหรอ” ไป่ฉีเมินคำถามของอีกฝ่าย แล้วถามความคืบหน้าของโฆษณาแทน


ต้าถงทำหน้างง เพราะเขายังไม่รู้เรื่องของไป่ฉีในช่วงสัปดาห์ที่เขาโดนพักการเรียน


“อ้อ น่าจะออกอากาศวันพุธนี้น่ะ เร็วใช่มะ พ่อบอกว่าตอนแรกจะช้ากว่านี้ แต่การตัดต่อทำได้เร็ว แถมพ่อยังถูกใจโฆษณาตัวนี้มาก ก็เลยเลื่อนให้โฆษณาตัวนี้ได้ออกอากาศเร็วขึ้นน่ะ” มู่ซื่อเฉิงตอบ


“เยี่ยมไปเลย” ไป่ฉียิ้ม


“พวกนายพูดถึงเรื่องอะไรกันน่ะ” ต้าถงถาม


“โอ๊ะ นายยังไม่รู้สินะ สัปดาห์ที่แล้วไป่ฉีไปถ่ายโฆษณาบริษัทของพ่อฉันน่ะ” มู่ซื่อเฉิงตอบ


“เอ๋ นายเป็นดาราเหรอไป่ฉี” ต้าถงรู้สึกงง เขานึกว่าไป่ฉีจะไปเป็นพวกนักกีฬาศิลปะการต่อสู้ซะอีก


“ความฝันของฉันคือการเข้าวงการบันเทิงน่ะ เพราะว่าต้องหาเงินเรียนเอง นายก็รู้ว่าฐานะทางบ้านฉันไม่ค่อยดีนัก ถึงงานในวงการนี้มันจะยากและไม่ค่อยแน่นอน แต่ถ้ามีชื่อเสียงขึ้นมาก็น่าจะมีเงินมากพอที่จะทำให้ครอบครัวฉันสบายขึ้นล่ะนะ” ไป่ฉีกล่าว


“งั้นเหรอ ขอให้นายประสบความสำเร็จนะ” ต้าถงยื่นหมัดมาพร้อมกับรอยยิ้ม ส่วนไป่ฉีเองก็เอาหมัดชนไปที่หมัดของต้าถงเช่นกัน มู่ซื่อเฉิงเองเลยเข้าผสมโรงด้วย ทำเอานักเรียนหญิงในห้องใบหน้าเห่อร้อน เพราะมิตรภาพของเด็กหนุ่มหน้าตาดีทั้ง 3 คนมันดูน่าหลงไหล (อี้หาน : ลืมฉันแล้วเหรอ) มิตรภาพนั้นถึงกับทำให้บางคนจินตนาการแปลก ๆ จนเลือดกำเดาไหลออกมาเลยทีเดียว


ในช่วงโฮมรูม อาจารย์ที่ปรึกษาได้ให้นักเรียนส่งเอกสารการไปทัศนศึกษาโรงเรียนมัธยมปลาย


การเรียนวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แต่สิ่งที่ทำให้เขาลำบากก็คือภาษา ในโลกนี้มีภาษาที่ใช้เป็นสากลคือภาษารูน ซึ่งไป่ฉีนั้นไม่คุ้นเคย ภาษารูนนั้นนิยมใช้กันทั่วโลก หากไป่ฉีอยากรับงานในต่างประเทศ เขาก็จำเป็นต้องชำนาญภาษารูนนี้


พักเที่ยงพวกซื่อเฉิงกับต้าถงไปเตะบอลด้วยกัน ส่วนไป่ฉีกลับนั่งเขียนนิยายเรื่องใหม่ของเขาอยู่ข้างสนาม


“ไป่ฉี นายไปจองที่ในโรงอาหารให้หน่อยสิ เดี๋ยวฉันกับพวกต้าถงจะไปอาบน้ำแบบแมน ๆ กันก่อน เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง” มู่ซื่อเฉิงกล่าว


ไป่ฉีนึกถึงตอนที่อาบน้ำกับพวกมู่ซื่อเฉิงคราวที่แล้ว ความหมายของคำว่า อาบน้ำแบบแมน ๆ ของมู่ซื่อเฉิงคือการอวดกล้ามเนื้อ และแข่งความยาวของน้องชายตัวเอง ครั้งนั้นไป่ฉีพยายามเลี่ยงไม่เข้าใกล้ เพราะเขามองว่าของส่วนตัวของเขาจะเก็บไว้ให้คนที่เขารักดูเท่านั้น


หลังเลิกเรียน ต้าถงชวนมู่ซื่อเฉิงไปเตะบอลกันอีกรอบ ไป่ฉีจึงขอตัวกลับก่อน เพราะเขาต้องไปเรียนการแสดงชดเชย


ระหว่างที่กำลังนั่งบนรถแท็กซี่ ไป่ฉีพบว่ามีสายโทรเข้ามา ซึ่งเป็นเบอร์ของอู๋เจี่ย เขาจึงรีบรับสายของอีกฝ่าย


“เว่ย ไป่ฉีพูดครับ” ไป่ฉีกล่าวทักทายอีกฝ่าย


“ไป่ฉี เธอต้องไม่เชื่อแน่” เสียงของอู๋เจี่ยดูตื่นเต้นมาก


“มีอะไรเหรอครับ คุณอู๋” ไป่ฉีถาม


“หลังบทวิจารณ์ของเหล่าเฉียน เผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของสมาคมนักเขียนแห่งชาติ มีคนสอบถามเข้ามาที่สำนักพิมพ์ของฉันจำนวนมาก และพวกเขาต้องการสั่งจองหนังสือนิยายของนาย ฉันเลยทำการเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า นายรู้ไหม ตอนนี้ยอดสั่งจองทะลุ 5,000 เล่มไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ทำอีบุ๊กติดต่อมาหาฉันเพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์นิยายของนายไปทำเป็นอีบุ๊กด้วย” อู๋เจี่ยกล่าว


“เรื่องนี้ คุณอู๋ช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องสัญญาให้ได้ไหมครับ ช่วงนี้ผมยุ่งมากเลยครับ วันนี้ก็ต้องไปเข้าคลาสการแสดงชดเชยด้วย คงเลิกดึกสัก 2-3 วัน ถ้าสัญญาเสร็จแล้วรบกวนส่งมาให้ผมอ่านก่อน ถ้าผมอ่านแล้วไม่มีอะไรต้องแก้ ผมจะเซ็นมันแล้วส่งให้คุณ คุณจะให้หนังสือของคุณออกไปก่อนกี่เดือน ก่อนจะให้ทางนั้นทำอีบุ๊กออกมาก็แล้วแต่คุณเลยครับ” ไป่ฉีกล่าว


“เข้าใจแล้ว ขอบใจมากนะไป่ฉี ตาแก่ซีดูคนไม่ผิดจริง ๆ” กล่าวจบ อู๋เจี่ยก็วางสายไป


ศูนย์อบรมของ LSA

ทันทีที่มาถึง ไป่ฉีรีบมองหาเมิ่งชิงชิง ก่อนจะพบว่าเธอกับป้าจางกำลังยืนดื่มกาแฟกันอยู่


“ป้าจาง พี่ชิงชิง สวัสดีครับ” ไป่ฉีกล่าวทักทาย


“อ้าวไป่ฉี ชิงชิงเล่าเรื่องเธอตอนถ่ายโฆษณาให้ฟังล่ะ ดีแล้วนะที่ไม่ได้ไปมีปัญหากับโม่เหยียนน่ะ” ป้าจางกล่าว


“ครับ อ้อ พี่ชิงชิง โฆษณาจะเริ่มออกอากาศวันพุธนี้แล้วนะครับ” ไป่ฉีกล่าว


“เอ๋ พวกเขาทำงานกันเร็วจัง” เมิ่งชิงชิงรู้สึกแปลกใจ


“ดูเหมือนประธานมู่จะชอบมัน เขาเลยเร่งให้ออกอากาศเร็วขึ้นน่ะ” ไป่ฉีกล่าว


“โอ้ ยินดีด้วย เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ออกสื่อสินะ” ป้าจางกล่าว ที่เธอพูดมาก็ไม่ผิด เพราะตอนนี้รายการราชานักกินซีซั่นใหม่ยังไม่ออกอากาศ


“ครับ เสาร์นี้ผมมีงานเปิดตัวหนังสือนิยายด้วย ตอนนี้มียอดสั่งจองล่วงหน้าจำนวนมากเลยล่ะครับ” ไป่ฉีกล่าว


“อ๊ะ เรื่องที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงกันในอินเทอร์เน็ตช่วงนี้สินะ เธอเป็นคนเขียนเหรอเนี่ย” ป้าจางแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา


“ครับ” ไป่ฉียิ้ม เขาคุยกับทั้ง 2 อีกเล็กน้อย ก่อนจะเข้าคลาสเรียนของอาจารย์ถง


ห้องเรียนคลาสการแสดง

วันนี้เนี่ยฟงมาเข้าเรียนในคลาสชดเชยด้วย นอกจากนี้ยังมีเด็กฝึกงาน และดาราหลายคนมาเข้าคลาสเรียนนี้ด้วย


บทเรียนวันนี้อาจารย์ถงได้สอนเกี่ยวกับการแสดงโดยไม่ใช้บทพูด ให้ใช้เพียงการเคลื่อนไหวของร่างกาย การแสดงสีหน้า และสายตา เพื่อสื่ออารมณ์แทนการพูด ซึ่งค่อนข้างยากทีเดียว


“เอาล่ะ ภาคทฤษฎีจบแล้ว เราจะมาเริ่มภาคปฏิบัติกัน” อาจารย์ถง กล่าวพร้อมกับหยิบกล่องใบเล็กออกมา ใช่แล้วมันคือกล่องใส่ฉลากนั่นเอง


“ชิ อีกแล้วเหรอ” เนี่ยฟงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก


“เนี่ยฟง นายก่อนเลย” อาจารย์ถงที่เห็นปฏิกิริยาของเนี่ยฟง จึงเรียกเขามาจับสลากเป็นคนแรก


“ได้เลข 4 อัปมงคลชัด ๆ” เนี่ยฟงบ่น แต่สิ่งที่ทำให้เนี่ยฟงหงุดหงิดอีกครั้งคือ….


“เลข 4 ผมได้คู่กับรุ่นพี่อีกแล้วนะครับ” ไป่ฉีใช้นิ้วของเขาคีบกระดาษฉลากที่มีเลข 4 ขึ้นให้เนี่ยฟงดู


“เอาล่ะทุกคน หมายเลขที่เหมือนกันก็จะได้คู่กัน ส่วนตัวเลขก็คือลำดับของคนที่ต้องออกมาแสดงให้เพื่อน ๆ ดู ครูจะให้เวลา 15 นาที ไปคิดพล็อตมา แล้วซ้อมซะ” อาจารย์ถงกล่าว


“แล้วจะให้เป็นแนวไหนดีคะ” ดาราสาวคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม


“แน่นอนว่าต้องเป็นฉากรัก จะง้อ ทะเลาะ หรือฉากเลิฟซีน ได้หมด แต่ไป่ฉีกับเนี่ยฟง ครั้งนี้พวกนายได้หัวข้อซ้ำกับคราวก่อน ฉันจะกำหนดให้เป็นฉากโรแมนติก ตลาดซีรีส์กับนิยายแนวนี้กำลังเป็นที่นิยม พวกนายควรฝึกเอาไว้มาก ๆ” อาจารย์ถงยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา


“อาจารย์นี่มันมากเกินไปแล้วนะครับ ให้ผมกับไป่ฉีเล่นฉากแบบนั้นจริง ๆ เหรอ” เนี่ยฟงโวยวายพร้อมกับชี้ไปที่ไป่ฉี ส่วไป่ฉีไม่ได้สนใจเนี่ยฟงที่กำลังโวยวาย เพราะเขากำลังคิดอยู่ว่าจะแสดงตามโจทย์นี้ยังไง


“เนี่ยฟง แม้เธอจะเป็นนักร้อง แต่ที่เธอต้องมาเรียนคลาสของฉัน เพราะมีงานแสดงเข้ามา ฉัยขอถามหน่อยเถอะ ถ้าเธอเลือกงาน งานนั้นไม่เอา งานนี้ไม่เอา คิดไหมว่าอีกหน่อยจะมีคนจ้างน่ะ” อาจารย์ถงถาม


“มีแน่นอนอยู่แล้ว ก็ผมเป็นถึงนักร้องดังนี่” เนี่ยฟงตอบอย่างภูมิใจ


“เจ้าเด็กโง่ ยังไม่เข้าใจอีก ถ้าเธอเลือกงาน หรือเรื่องมาก นายจ้างหรือทีมงานที่ติดต่อจะมองว่านายหยิ่ง จากความไม่ชอบกลายเป็นแอนตี้ จากนั้นเธอจะไม่มีงานเข้ามาเลย ไอ้ชื่อเสียงที่เธอภูมิใจ ไม่นานมันก็จะหายไป ถ้าเธอไม่มีผลงานออกสื่อ จำเอาไว้ วงการนี้มีเด็กใหม่มากมายพร้อมที่จะมาแทนที่เธอได้เสมอ หากเธอไม่กระตุ้นให้ตัวเองพัฒนาแล้วล่ะก็ นายก็เตรียมถูกคนอื่นใช้เป็นบันไดเหยียบขึ้นไปได้เลย ลองนึกถึงตอนที่เข้าวงการใหม่ ๆ สิ เธอนอบน้อมและปฏิบัติตัวดีแบบไหน ก็ควรที่จะทำตัวให้คงเส้นคงวา เข้าใจไหม” อาจารย์ถงเทศน์เนี่ยฟงไปชุดใหญ่


“ชิ” เนี่ยฟงหันหลังกลับไปหาไป่ฉีทันที


“คุยกับอาจารย์ถงเสร็จแล้วสินะ” ไป่ฉีถาม


“เออ แล้วแกคิดอะไรได้บ้างแล้ว” เนี่ยฟงถาม


ไป่ฉีหยิบกระดาษมาเขียนสคริปแล้วส่งให้เนี่ยฟงอ่าน


“นี่มัน ฉันไม่ทำโว้ย” เนี่ยฟงจ้องไป่ฉีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนไป่ฉีไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนจะยิ้มขึ้น ครั้งนี้เขาจะปั่นหัวเนี่ยฟงสักหน่อย

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว