“ดื้อนักนะเธอ ฉันจะต้องทำยังไงกับเธอดี มีไข้อยู่ยังอาบน้ำ แช่น้ำเป็นนานสองนาน ดูสิตัวสั่นไปหมดแล้ว”
ริมฝีปากอิ่มได้เพียงเผยอค้าง ยังไม่ทันหาข้อแก้ตัวก็ถูกช้อนจนตัวลอยพาออกไปด้านนอกกระทั่งถูกวางลงบนเตียง และผ้าเช็ดตัวก็ไม่ได้ช่วยปกปิดร่างกายงดงามได้มิดชิดนัก ท่านชายจึงรีบผละไปเอาผ้าห่มมาคลุมทั้งร่างบอบบาง หัตถ์ที่จับผ้ายังวางนิ่งข้างไหล่สองข้างของหญิงสาว ร่างสูงใหญ่โน้มอยู่ไม่ห่างนัก
“ฉันไม่อยากดุเธอเลยนะเบล แต่เธอควรใส่ใจตัวเองบ้าง นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเตือน หากยังดื้อ ฉันจะใช้สิทธิ์ที่ฉันมีกับเธอ”
“สิทธิ์?”
คนที่ยังเปลือยใต้พาห่มหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก
“สิทธิ์ของสามี ฉันรับปากว่าจะดูแลเธออย่างดี แต่เธอกลับไม่ให้ความร่วมมือ คงต้องมีมาตรการลงโทษกันบ้าง”
แอนนาเบลถึงกับตาโต ทั้งท่านชายยังเคลื่อนกายลงมาจนปลายจมูกโด่งแทบชนจมูกเธอทำเอาต้องกลั้นหายใจอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อย่าให้ฉันต้องทำอย่างนั้น ฉันไม่อยากผิดคำพูด”
เนตรคมกริบฉายแววจริงจัง หญิงสาวอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ผิดคำพูดที่ท่านชายหมายถึงคือเรื่องใด ยังคิดไม่ออกอีกฝ่ายก็ยืดกายขึ้น แล้วเลื่อนหัตถ์มาแตะใกล้แผลที่หน้าผากลูบผมอย่างอ่อนโยนระมัดระวัง
“ฉันเป็นห่วงเธอนะเบล”
ท่านชายปกรณ์เพิ่งได้เห็นรอยช้ำที่ไหล่บอบบางชัดในวันนี้ ทันทีที่เห็นภรรยาตนบาดเจ็บ หัวใจก็หนักอึ้งราวถูกบางอย่างกดทับ ทว่ายิ่งได้มาเห็นหลักฐานกับตายิ่งเหมือนถูกตีแสกหน้า
ทั้งที่รับปากว่าจะดูแลแอนนาเบลอย่างดีแต่หญิงสาวกลับเจ็บตัวตั้งแตกวันแรกที่เป็นคนของอรรถพันธ์พงศ์ แม้โทรไปขอโทษคุณชายหฤษฎ์และย้ำเป็นมั่นเหมาะว่าจะไม่ให้ภรรยาตนต้องเจ็บป่วยอีก ทว่ากลับมาพบเจอเจ้าตัวนอนหลับในอ่างอาบน้ำทั้งที่ยังป่วยทำให้ท่านชายโกรธมาก แต่แล้วรอยช้ำที่ได้เห็นในตอนอุ้มหญิงสาวยิ่งตอกย้ำว่าตนรับผิดชอบอีกฝ่ายได้ไม่ดีพอ
“เบลคิดว่าเดี๋ยวแป้งร่ำก็เข้าไป เผลอหลับนิดหน่อยคงไม่เป็นไร”
เพราะคำว่า ‘เป็นห่วง’ กับหัตถ์อุ่นที่ลูบผมราวต้องการทะนุถนอม แอนนาเบลจึงอยากให้ท่านชายหายเคืองตน
“ต่อไปจะระวังกว่านี้ค่ะ”
“ฉันกลับมาพอดี ก็เลยให้แป้งร่ำไปดูอาหารที่เรือนครัวว่ามีข้าวต้มหรือซุปอาหารอ่อนๆ ให้เธอไหม”
ท่านชายได้พบโสภิตที่มารอหน้าตึก ทราบถึงรับสั่งของท่านป้าแล้ว ในส่วนค่าจ้างของแป้งร่ำนั้นไม่เป็นปัญหา ท่านชายจัดการได้
‘อย่างไรหม่อมฉันก็ต้องดูแลมื้อเสวยถวายท่านชายอยู่แล้วเพคะ พระองค์หญิงรับสั่งเพราะขัดพระทัยไปอย่างนั้นเองเพคะ’
โสภิตบอกเรื่องที่ท่านป้าทรงบ่นว่าแอนนาเบลไม่เข้าไปจัดการงานบ้านงานครัว ท่านชายจึงอยากรู้ว่าในเรือนครัวจัดอาหารอย่างไรไว้สำหรับตนกับภรรยา
เรื่องงานในวังนั้น ท่านชายปกรณ์ไม่ได้คิดให้แอนนาเบลรับผิดชอบอยู่แล้ว เข้าพระทัยว่ามีโสภิตจัดการอยู่ หากภรรยาตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวอาจขัดเคืองไปถึงท่านป้า แต่กลับเป็นประเด็นให้ไม่พอพระทัยเสียได้
ระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตู เมื่อท่านชายอนุญาตแป้งร่ำก็เข้ามาแล้วทูล
“กับข้าวมีแกงจืดลูกเงาะ กับไข่เจียวหมูสับสำหรับหม่อมเพคะ”
พักตร์คมคายพยักรับ ยังนับว่าโสภิตทำหน้าที่ได้ดี
“มาช่วยหม่อมแต่งตัว ฉันจะไปอาบน้ำ”
“เพคะ”
แอนนาเบลนึกแปลกใจที่ท่านชายรับสั่งให้แป้งร่ำช่วยตน หากก็นับว่าเป็นดีผลดีกับตนที่ไม่ต้องอายจนแทบม้วนยามท่านชายแตะตัวอีก
‘นายดื่มมากไปแล้วนะวัต’
‘ไม่เป็นไรๆ เพื่อนแต่งงานทั้งที ต้องดื่มฉลองให้เต็มคราบสิ’
ฉัตรฤดีได้เพียงมองพสวัตดื่มหนักคืนในแต่งงานของแอนนาเบล พวกตนไปร่วมงานแล้วออกมากินเลี้ยงกันต่อ เพราะในวังเต็มไปด้วยเจ้านายทั้งไม่มีการดื่มฉลองยามค่ำคืนเนื่องจากงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย
แล้วจนวันนี้ก็ได้ฟังจากนภาพรซึ่งเริ่มคบหากับสุเมธเพราะทำงานที่เดียวกัน ว่าพสวัตกลายเป็นคนดื่มหนัก ดื่มหลังเลิกงานทุกวันเตือนอย่างไรก็ไม่ฟัง ด้วยความเป็นห่วงหลังจากเลิกงานแล้วหญิงสาวจึงมาเยี่ยมอีกฝ่ายที่ห้องเช่าซึ่งชายหนุ่มเคยอยู่กับเพื่อนร่วมคณะ ไม่ไกลจากบ้านสวนหลังเล็กของตนที่อยู่กับยาย แต่ตอนนี้เพื่อนร่วมห้องเรียนจบก็ย้ายออกไปอยู่ใกล้ที่ทำงาน
ฉัตรฤดีนั่งรอพสวัตด้านหน้าบ้านไม้ซึ่งแบ่งเป็นห้องเช่าจนดึกกำลังคิดว่าจะกลับก็เห็นอีกฝ่ายมาพอดี แต่ก็เมาเดินโซเซจึงเข้าไปพยุง
“วัต เมาขนาดนี้เชียว ดีนะยังกลับบ้านถูก”
“หืม? ใคร? อ้อ...ฤดี”
เสียงชายหนุ่มอ้อแอ้หากก็จำได้
“ใช่ ค่อยๆ เดินนะ”
“เราเดินได้ ไม่เป็นไร”
คนเมาดูยังมีสติครบถ้วน หากฉัตรฤดีก็ช่วยพยุงขึ้นไปด้านบนกระทั่งเข้าไปในห้องเช่าของพสวัต เป็นห้องแบบเรียบง่ายตามประสาผู้ชาย มีเพียงเตียงกับตู้เสื้อผ้าหลังเล็ก
ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้าบนเตียงเล็กของตนทันที หญิงสาวยืนมองอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจ ก่อนจะหาผ้าขนหนูผืนเล็กไปชุบน้ำมาเพื่อเช็ดหน้าให้อีกฝ่าย ร่างบางนั่งลงบนเตียงพลางแตะไหล่หนา
“เช็ดหน้าหน่อยนะวัต”
พสวัตนอนยอมพลิกตัวนอนหงายตามที่เพื่อนสาวบอกแล้วเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือเปล่า ถึงมาหาเรา”
“มาเยี่ยมน่ะ นภาเล่าให้ฟัง ว่ารู้จากเมธว่าวัตกินเหล้าทุกวันเลย”
ฉัตรฤดีพูดพลางค่อยๆ ซับหน้ากับลำคอหนา
ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่งก็จับมือบางไว้ จ้องหน้าคนที่เอาใจใส่ตนมากเกินปกตินิ่ง
“ทำไม เป็นห่วงเราหรือ”
ริมฝีปากอิ่มเม้ม มองตอบพสวัตด้วยแววตาหม่นหมองแล้วตอบสั้นๆ
“ใช่ เป็นห่วง”
ทั้งคู่มองหน้ากันราวซึมซับบางอย่างที่ถ่ายทอดสู่กันและกัน แต่แล้วพสวัตก็ปล่อยมือบางเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงหันหน้าไปอีกด้าน
“เราไม่เป็นไรหรอก กลับไปเถิด”
“ไม่เป็นไร แล้วจะเมาหัวราน้ำอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
“ช่างเราเถิดน่า”
“วัต”
ฉัตรฤดีจับไหล่หนาให้หันกลับมา
“ไม่เมา มันก็มีแต่โมโห เจ็บใจ ไม่เป็นเราไม่เข้าใจหรอก”
“การแอบรักใครสักคนน่ะหรือ เข้าใจสิ เข้าใจดีเลยล่ะ ได้เห็นคนที่เรารักลงเอยอย่างมีความสุขกับคนอื่นมันปวดใจก็จริง แต่ในเมื่อเขาไม่ใช่ของเรา ก็คือไม่ใช่”
“เรารัก เรามองมาตั้งนาน สารภาพสักคำก็ยังไม่ได้พูด ท่านชายนั่นมากจากไหนก็ไม่รู้ ฉกเอาไปต่อหน้าต่อตา มันน่าหงุดหงิด”
“ทำตัวให้เป็นลูกชายหน่อยสิวัต เบลรักท่านชาย ไม่ได้รักวัต”
อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ยอมพลิกตัว รั้งให้ร่างบอบบางล้มลงบนเตียงแล้วขยับขึ้นมาอยู่เหนือหญิงสาว
“เราหรือไม่เป็นลูกผู้ชาย เราให้เกียรติเบลมาตลอด เอาใจใส่ดูแล ไม่เคยคุกคาม ไม่เป็นลูกผู้ชายยังไง”
=====
ท่านชายจะไม่ทนแล้วนะเบล ^^ ฝากตามลุ้นให้สองพระ-นางของเราใจตรงกันเร็วๆ ด้วยนะคะ
แอบมีเรื่องความรักของเพื่อนๆ มาด้วย เบลแต่งงานแล้ว พสวัตอกหัก แล้วจะเป็นยังไงต่อไปน้า?
เฟซบุ๊กเพจ รสิตา เพียงพิณ
https://twitter.com/rasitawriter
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว