รักหนอ...รักร้าย (พีเรียด)-2.คนรักหายสาบสูญ (2)

โดย  รสิตา เพียงพิณ

รักหนอ...รักร้าย (พีเรียด)

2.คนรักหายสาบสูญ (2)

‘ไม่มีใครหาเรื่องใช่ไหม’

อิซาเบลโทรมาในช่วงสายของวันก่อนเริ่มงานของเจ้าตัว ได้ยินคำถามที่ราวคนที่นี่เป็นนักเลงทำให้แอนนาเบลยิ้มออกมาได้

“ถ้ามีคนหาเรื่องเราจริง ตัวจะรีบมาทันทีเลยหรือไง”

‘ตกลงว่ามีหรือ’

“ไม่มี ไม่ต้องห่วง อยู่ที่นี่ท่านชายให้อยู่เป็นเพื่อนเรา”

‘อ๋อ ก็ดีเหมือนกัน แบบนี้ค่อยสมกับที่ตัวบอกว่าท่านชายรักนักรักหนา แต่ไม่พูดตรงๆ หน่อย’

คนฟังแทบทำโทรศัพท์หลุดจากมือทีเดียว

‘เดี๋ยวค่ำๆ ถึงบ้านแล้วเราโทรหาอีกที วันหยุดถ้าว่างจะไปหานะ’

“จ้ะ”

เพราะงานสำนักหนังสือพิมพ์เวลาไม่ค่อยแน่นอน วันหยุดบางวันอิซาเบลก็ต้องออกไปที่ทำงานเพื่อแปลข่าวด่วนรายงานให้ทันสถานการณ์

หลังวางสายพี่สาวจิตใจแอนนาเบลก็กลับมาห่อเหี่ยวอีกครั้ง หนังสือในมือที่หยิบติดมานั่งอ่านในศาลายังสวนดอกไม้ข้างตำหนักใหญ่ไม่เข้าหัวแต่อย่างใด กระทั่งมื้อกลางวันจึงได้พบท่านชายอีกครั้ง

“มีงานด่วนเข้ามา ฉันต้องช่วยดู เธอเหงาไหม”

“ไม่ค่ะ พี่แป้งร่ำก็อยู่ด้วย”

เธอถามอีกฝ่ายแล้ว รู้ว่าเจ้าตัวอายุมากกว่าตนสองปี เป็นลูกสาวของแม่ครัวใหญ่ในวังอรรถพันธ์พงศ์ รับใช้ตำหนักใหญ่เป็นหลัก

ท่านชายดูพอพระทัยที่เธออยู่ได้อย่างไม่มีปัญหา แน่นอนว่าสำหรับแอนนาเบลแล้วอยู่ห่างท่านชายตนอึดอัดน้อยกว่า ฉะนั้นท่านชายทรงงานถือเป็นเรื่องดี

จบมื้อกลางวันก็มีสายตาเพื่อนๆ โทรมา ทั้งฉัตรฤดี นภาพรเพื่อนสองคนต่างเสียงอ่อนเสียงหวานเรียกเธอว่า ‘หม่อม’ ไม่หยุด นภาพรยังถามซักไซ้ในเรื่องที่ทำให้หน้าร้อนผ่าวและสะท้อนใจระคนกัน ในเมื่อไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งสิ้น

‘แล้วท่านชายจะพาไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ไหนหรือคะหม่อม’

ความขี้เล่นของนภาพรกลับทำให้คนตอบลำบากใจ

“ไม่ไปกระมัง”

‘แหม ระดับท่านชายปกรณ์มีหรือจะไม่ไป’

“ท่านชายงานยุ่งน่ะ”

เธอตัดบทเรื่องงาน คุยต่อกับอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะวางสายแล้วถอนหายใจยาว หญิงสาวนั่งหน้าหม่นหมองอยู่ที่เดิมเป็นนานกระทั่งแป้งร่ำที่รออยู่ห่างๆ เข้ามาใกล้

“หม่อมเบื่อหรือคะ”

“แค่ไม่รู้จะทำอะไรน่ะ”

แป้งร่ำคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ถามขึ้น หากสีหน้าดูเกรงอกเกรงใจ

“บ่ายนี้บ่าวจะไปช่วยคนอื่นๆ เก็บมะม่วง หม่อมอยากไปดูไหมคะ แต่อาจจะร้อนหน่อย”

แอนนาเบลไม่เสียเวลาคิด ได้ไปเดินดูนั่นนี่ดีกว่านั่งเฉยๆ ชวนให้ง่วง

“ไปสิ เดี๋ยวฉันไปหยิบหมวกแป๊บนึงนะ”

ร่างโปร่งอรชรลุกขึ้นทันที ขึ้นไปด้านบนไม่นานก็ลงมา ตอนนี้ท่านชายอยู่ในห้องทรงงานด้านล่าง ทว่าหญิงสาวตรงออกไปหน้าประตูไม่เดินไปทางนั้น

“เอ่อ ไม่ทูลท่านชายก่อนหรือคะหม่อม”

แป้งร่ำท้วงทว่าแอนนาเบลยักไหล่

“ท่านชายยุ่ง ไม่กวนดีกว่า”

บอกแล้วก็พยักหน้าเร่งอีกฝ่าย แป้งร่ำไม่ค่อยสบายใจแต่ก็ทำตามที่หม่อมตัดสินใจ


“มะม่วงเยอะเลย เอาไปขายหรือ”

แอนนาเบลคุยกับแป้งร่ำเพียงเท่านั้น เพราะคนอื่นต่างเมียงมองมายังตนแล้วไม่ได้เอ่ยอะไร แม้แต่ผู้หญิงที่ชื่อโสภิต เจ้าตัวเหมือนเป็นคนสั่งการงานทั้งหมดนี้

“ค่ะ สุกมากหน่อยก็กวนแล้วค่อยส่งขายค่ะ”

“มีร้านรับซื้อหรือ”

“ค่ะ มีร้านที่คุณโสภิตต่อไว้หลายร้านค่ะ แต่ละร้านก็รับผลไม้ ขนมต่างกันออกไปค่ะ ขนมชาววังคนสนใจโขทีเดียว”

แอนนาเบลคิดว่าที่นี่ได้รับการจัดการในระบบแบบแผนที่ดีมาก วังกว้างใหญ่คนอยู่กันเยอะ ค่าใช้จ่ายย่อมต้องตามมาไม่น้อย ที่คุณารักษ์ผู้คนน้อยกว่านี้ น้อยลงกว่าตอนที่ตนเพิ่งมาอยู่เพราะคนที่อายุมากก็จากไปหลายคนเช่นกัน ลูกหลานบางคนก็ขอออกไปทำมาหากินด้วยตัวเองซึ่งคุณอาก็อนุญาต

“แป้งร่ำ ทำงานให้คล่องเหมือนปากที่คุยด้วย”

เสียงดุของโสภิตทำให้แป้งร่ำหน้าเสีย เจ้าตัวก้มหน้าแยกมะม่วงตรงหน้า แอนนาเบลจึงลงมือช่วยเพราะไม่อยากยืนเฉยๆ อีกฝ่ายมองอย่างเกรงใจ ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดเสียงโสภิตก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“มะม่วงตรงนั้นไม่กี่ลูก ทำคนเดียวไม่ได้หรือแป้งร่ำ”

“ได้ค่ะ”

หันไปตอบแล้วแป้งร่ำก็หันมาส่งสายตาขอร้องตน แอนนาเบลคิดว่าจะวางเฉยแต่รู้สึกเหมือนปล่อยคนอื่นรังแกคนของตน หญิงสาวจึงเอ่ยขึ้น

“ฉันแค่อยากช่วย แป้งร่ำไม่ได้ขอ”

“อย่าให้มือบอบบางถูกยางกัดเลยค่ะ งานแบบนี้ปล่อยให้คนใช้ทำไปเถิด”

คนพูดเองก็ยืนกอดอกสั่งเพียงอย่างเดียวเช่นกัน แอนนาเบลมองโสภิตพลางขมวดคิ้วมุ่น อีกฝ่ายทำตัวแตกต่างจากคนอื่น เสื้อผ้าที่ใส่ก็ต่างออกไป ไม่ใช่ผ้าถุงยาวกรอมเท้ากับเสื้อสีพื้น เป็นกระโปรงกับเสื้อแขนยาวที่ดูเรียบร้อยเหมือนอาจารย์

“ดิฉันว่าหม่อมกลับไปเถิดค่ะ คนงานจะได้ทำงานกันจะสะดวก เผื่อมีใครพลาดทำมะม่วงหล่นใส่หม่อมเข้าจะเป็นเรื่อง”

ถูกไล่ตรงๆ อย่างนี้แอนนาเบลไม่อยากอยู่ต่อ รับรู้ได้ถึงน้ำเสียงแข็งไม่เป็นมิตรชัดเจนยามเอ่ยคำว่า ‘หม่อม’

“ฉันกลับก่อนนะแป้งร่ำ”

บอกคนของตนแล้วหญิงสาวก็เดินออกมาจากสวนลำพัง พื้นที่สวนผลไม้นี้กว้างใหญ่ มีผลไม้หลากหลายชนิดให้ผลแต่ละฤดูต่างกัน ทำให้ที่นี่มีผลไม้ส่งออกขายทั้งปี หญิงสาวได้ฟังคำบอกจากแป้งร่ำ พลางคิดในใจว่ารั้วของวังอยู่ไกลแค่ไหนกัน

วังอรรถพันธ์พงศ์เป็นวังที่อยู่รอบนอกของฝั่งธนบุรีห่างไกลออกมาจากถนนเส้นหลักค่อนข้างมาก จะว่าไปแล้วแอนนาเบลก็ชอบความเป็นบ้านสวนของที่นี่อยู่ไม่น้อย

ตุบ!

“โอ๊ย!”

ร่างโปร่งอรชรแทบทรุดเมื่อที่กำลังเดินผ่านต้นมะพร้าว อยู่ๆ ก็มีลูกหล่นลงมาโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว เพราะรอบกายมีเสียงลมพัดใบไม้ตีกันไปมา รู้อีกทีลูกมะพร้าวแห้งก็เฉียดศีรษะตกใส่ไหล่อย่างจัง

ความรวดร้าวแผ่ซ่านไปทั้งไหล่ หันมองลูกมะพร้าวบนพื้นแล้วกลืนน้ำลาย หากโดนเข้าที่ศีรษะเต็มๆ จะเป็นอย่างไรไม่อยากคิดเลย ทว่าอาการแปลบตรงหน้าผากทำให้แอนนาเบลยกมือแตะแล้วก็เห็นว่ามีเลือดติดมาที่ปลายนิ้ว ลูกมะพร้าวคงโดนถากๆ

หญิงสาวหันมองโดยรอบด้วยความรู้สึกประหลาด ราวเหมือนมีคนจับจ้องอยู่ ก่อนจะรีบก้าวเร็วๆ ออกไปจากสวนเต็มฝีเท้า

ไม่เคยขนลุกชันตรงท้ายทอยและอยู่ๆ ก็หนาวยะเยือกเช่นนี้มาก่อน


=====

โอ้โห…เฉียดฉิว อันตรายมาก บังเอิญไปไหม? เบลต้องเจ็บมากแน่เลย T^T

เฟซบุ๊กเพจ รสิตา เพียงพิณ

https://twitter.com/rasitawriter

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว