รักหนอ...รักร้าย (พีเรียด)-6.จะเป็นสะใภ้ อรรถพันธ์พงศ์ไม่ง่าย (1)

โดย  รสิตา เพียงพิณ

รักหนอ...รักร้าย (พีเรียด)

6.จะเป็นสะใภ้ อรรถพันธ์พงศ์ไม่ง่าย (1)

ร่างเปลือยเปล่าสองร่างกอดรัดเสียดสี บดเบียดริมฝีปากอย่างเร่าร้อน พลางมือก็ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวอีกฝ่าย อกอวบถูกขยำรุนแรงพร้อมมือบดเร่ากลางร่าวสาว ขณะที่มือบางก็โลมเล้าตัวตนกร้าวร้อนจัดเต็มกำมือ

“อา ผมอยากได้ปากคุณ”

“นายก่อนสิ”

จบคำฝ่ายหญิงก็ถูกดันชิดผนัง ใบหน้าเข้มเลื่อนต่ำซุกไซ้อกอวบใหญ่ ขณะที่มือยังเร่งกระตุ้นหญิงสาว ก่อนจะลากปลายลิ้นต่ำลงเรื่อยมาจนมาถึงความชุ่มฉ่ำส่วนล่าง

“คุณยิ่งหยาดเยิ้มยิ่งน่ากิน”

ปากหนาพึมพำชิดใกล้แล้วบดลงดื่มกิน ขณะที่สะโพกสวยแอ่นเข้าหาใบหน้าอีกฝายอย่างเสนอสนอง ขาเรียวข้างหนึ่งถูกยกสูง เสียงหวานพร่าครวญครางตามอารมณ์ซาบซ่าน นอกจากลิ้นร้อนเล่นงานจนหญิงสาวตัวสั่นแล้ว นิ้วแกร่งยังตามมาสมทบเมื่อปากอุ่นจูบซับเน้นจุดอ่อนไหวเสียงหวานยิ่งพร่าดัง สะโพกอวบขยับ มือบางขยุ้มผมหนาเพราะอาการสยิวฉีดพล่านจนกระตุกเร่าในที่สุด

“อื้อ”

หากชายหนุ่มเพียงลุกขึ้นเพื่อจูบปากอิ่มบวมเห่อ ทว่าปลายนิ้วกลับเพิ่มจำนวนเข้าไปมากขึ้นเร่งถี่ยิบจนร่างสวยดิ้นเร่าสั่นรุนแรง

ขณะหญิงสาวยังหอบเหนื่อยก็ถูกอุ้มมายังเตียงเล็กซึ่งพอเหมาะกับห้องที่เล็ก ร่างสูงหนาคุกเข่า มือข้างหนึ่งเคล้นอกใหญ่สะใจ พลางอีกมือขยับเร้าตนเองต่อหน้าคู่นอน พลางครางเสียงต่ำ

ดวงตาคมสวยจ้องสิ่งกร้าวแกร่งด้วยสายตาเย้ายวน มือบางลูบไล้เนื้อตัวตนเอง บีบขยำหน้าอกพร้อมชายหนุ่ม แล้วเลื่อนมาไล้ต้นขาเต็มไปด้วยมัดกล้าม ค่อยเคลื่อนไปแตะเหนือมือหนาอีกฝ่ายก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่หญิงสาว ร่างอิ่มสวยพลิกตัวคุกเข่าตรงหน้าขาแกร่ง อึดใจต่อมาก็เริ่มกิจของตนอย่างดูดดื่ม

ชายหนุ่มแหงนเงยใบหน้าอย่างเป็นสุข ปากนุ่มนิ่มราวฉุดให้ตนผลักสะโพกเข้าหา ตัวตนเคร่งเครียดยิ่งขมึงตึง ได้ยินเสียงหญิงสาวประท้วงในลำคอเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะผลักหน้าท้องเขาให้เอนกายลงนอน

“อยากควบผมแล้วหรือคนสวย คุณนี่ใจร้อนไม่เคยเปลี่ยน”

พลางเอ่ยมือหนาก็บีบเคล้นหน้าอกหน้าใจของผู้ที่คร่อมตน

หญิงสาวค้อนให้อีกฝ่าย ทว่ากลับบดสะโพกลงหากายแกร่งใหญ่โตจนเต็มรัก เอวบางโยกคลอนเบียดกายแนบสนิทชายหนุ่มพร้อมส่งเสียงพึงพอใจไม่ขาดสาย มือสองข้างขยำสองเต้ากลมกลึงพร้อมกันเมื่ออีกฝ่ายจับเอวตนแน่นพร้อมดันสะโพกขึ้นหา ต่างรู้ดีว่าคู่นอนตนชื่นชอบในสิ่งใด สองกายโผนเบียดอัดเข้าใส่กันและกันหนักขึ้นจนร่างสวยสะท้านแรงอีกครั้ง

“อืม...ท่านชาย”

เสียงพึมพำพร่าหลุดออกมาอย่างหลงลืมตัว ขณะชายหนุ่มกำลังเร่งตนเองตามมาติดๆ สันกรามแกร่งขบเข้าหากัน ทั้งยังจงใจปลดปล่อยภายในร่างอีกฝ่าย

“ออกไปนะ”

เพียะ!

พร้อมแรงผลักใสมือบางก็สะบัดตบใบหน้าเข้มทันที ชายหนุ่มยอมถอยออกหากก็จ้องหญิงสาวอย่างไม่พอใจ

“ความเพ้อฝันของคุณมันเป็นไปไม่ได้”

“ฉันจะคิดอะไรก็เรื่องของฉัน”

“แต่คุณกำลังนอนกับผม”

“แต่ไม่ได้รัก คนที่ฉันรักมีเพียงท่านชาย อย่าคิดฝันลมๆ แล้งๆ ฉันกับนายมันคนละชั้นกัน”

ดวงตาของชายหนุ่มวาววับขณะเอ่ยเสียงขรึม

“คนละชั้น ก็เป็นคนที่ปรนเปรอคุณได้สาสมใจทุกครั้งไม่ใช่หรือ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่แล่นมาระเริงรักกับผมทุกครั้งที่อยากหรอก”

“ไอ้...”

มือบางยกขึ้นจะตบอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มจับไว้ทัน

“คุณกับผมลงเรือลำเดียวกันแล้วอย่าลืมสิ ถ้ายังอยากสนุกอย่างนี้ล่ะก็ อย่าเอ่ยถึงท่านชายเวลาอยู่กับผมอีก”

ริมฝีปากอิ่มขบกัดอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระชากมือตนออกจากอีกฝ่าย เรื่องรสรักเด็ดถูกใจและเข้ากันดีเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่ช่วยกันปกปิดเอาไว้ และจะไม่มีวันยอมให้เปิดเผยออกมา


หนึ่งเดือนผ่านไป แอนนาเบลกับอิซาเบลจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว ท่านชายเองก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกนับแต่คุณอาบอกเธอไปว่าจะขอเวลา หญิงสาวกำลังเริ่มทำงานที่สำนักงานของทนายเดชซึ่งอายุค่อนข้างมากแล้ว ตอนนี้หน้าที่ดูแลเป็นของณรงค์ลูกชาย หากก็ยังปรึกษาผู้เป็นพ่อด้วย แอนนาเบลได้มาเรียนรู้งานที่นี่อีกไม่นานก็จะได้ช่วยทนายณรงค์

ส่วนอิซาเบลสมัครทำงานในสำนักหนังสือพิมพ์ด้วยตนเองโดยไม่ใช้เส้นสายจากคุณอา แม้จะเห็นนามสกุลอยู่แล้วก็ตาม ทว่าหญิงสาวมีภาษีดีในเรื่องของภาษา สามารถเขียนหรือแปลข่าวภาษาอังกฤษได้รวดเร็ว แม้จะเรียนครุศาตร์มาแต่ก็ไม่เป็นปัญหาในการเลือกมาทำงานด้านนี้เพราะเจ้าตัวชื่นชอบ และจะว่าไปแล้วก็ถือว่ามีทางเลือกมากกว่าในเมื่อทางบ้านมีฐานะ ไม่มีข้อจำกัดว่าต้องเป็นงานข้าราชการที่มั่นคงเท่านั้น

“มีแขกมาหาค่ะคุณแอนนาเบล”

หลังจากเคาะประตูแล้ว ร่างอิ่มของช่อพิกุลภรรยาของณรงค์ซึ่งดูแลเอกสารของสำนักงานเป็นหลักก็เข้ามาเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง

“ใครหรือคะ”

แอนนาเบลขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ นับแต่มาทำงานเพิ่งจะมีแขกมาหาตน

“ดิฉันไม่ทราบค่ะ”

แม้ช่อพิกุลจะเป็นพี่สาวของมัลลิกาแต่ไม่ได้ออกงานในสังคมชั้นสูง ทั้งยังถูกให้ออกจากวังคุณารักษ์มาหลายปี รู้สึกเพียงคุ้นหน้าเหมือนจะเคยเห็นบุรุษคนนี้แต่คิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ใด

“ไม่เป็นไรค่ะ เบลตามออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”

เพราะภายในห้องของหญิงสาวมีเอกสารด้านกฎหมายมากมาย การต้อนรับแขกในห้องรับรองซึ่งมีอยู่แล้วย่อมเหมาะสมกว่า

ในห้องรังรองแขก ร่างสูงใหญ่นั่งไขว่ห้างบนโซฟา แม้ว่าจะมีหนังสือพิมพ์ซึ่งอ่านอยู่ปิดหน้าทว่าแอนนาเบลก็รู้ว่าเป็นผู้ใด หญิงสาวชะงักเท้า แต่อีกฝายก็ลดหนังสือพิมพ์ลงราวรู้ว่าเธอมาแล้ว

“สวัสดีค่ะท่านชาย”

หญิงสาวยกมือไหว้ก่อนตามมารยาท

“สวัสดี ฉันทำงานแถวนี้เสร็จแล้วเลยแวะมาหาเธอ บ่ายสี่โมงอย่างนี้ออกไปกับฉันได้ไหม ฉันยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่กลางวันแน่ะ อีกอย่างตั้งแต่เธอเรียนจบฉันยังไม่ร่วมยินดีเลย ถือว่าฉันเลี้ยงอาหารฉลองให้เธอก็แล้วกัน”

แอนนาเบลตั้งตัวไม่ติด แต่ท่านชายอุตส่าห์มาถึงสำนักทนาย จึงเกรงพระทัยหากจะปฏิเสธ

“คงต้องขออนุญาตคุณณรงค์ก่อนน่ะค่ะ”

“ตามสบาย”

แล้วหญิงสาวจึงไปที่ห้องทำงานของณรงค์เพื่อขออนุญาต เมื่อได้รู้ว่าท่านชายเสด็จ ณรงค์ก็ออกมาเฝ้าและอนุญาตให้แอนนาเบลเลิกงานก่อนเวลาได้


“ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง”

ขณะนั่งมาในรถด้วยกันท่านชายก็ตรัสถาม

“ดีค่ะ”

“ดีอย่างไรบ้างล่ะ”

คนถูกถามไปไม่เป็นเมื่อถูกย้ำให้ต้องตอบอย่างเจาะจง

“เอ่อ ก็อ่านศึกษาสำนวนคดีหลายคดี ช่วยตรวจงานเอกสาร สนุกดีค่ะ”

พักตร์คมคายพยักรับ เท่ากับว่าอีกฝ่ายมีความสุขกับงานด้านกฎหมาย

“ฉันได้ยินจากพี่ชายกลางว่าเธอกลับบ้านดึกทุกวัน”

คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ไม่คิดว่าท่านชายจะสนใจถามไถ่เรื่องของตนกับคุณอา

“ออกจากสำนักงานสองทุ่ม ถึงวังประมาณสามทุ่ม ไม่ดึกเท่าไรหรอกค่ะ อีกอย่างรถที่วังก็มารับ”

“อย่างไรก็ดึกไปสำหรับผู้หญิง ความจริง หากเธอสนใจงานในกระทรวง อย่างเช่นทำเอกสารกฎหมาย ฉันก็พอจะช่วยได้อยู่บ้าง แต่พี่ชายกลางอาจไม่สบายใจ เธอเองก็เช่นกัน แต่ทำงานที่กระทรวงเลิกงานไม่ดึก”

“ขอบคุณท่านชาย แต่ดิฉันชอบที่นี่ค่ะ”

ยิ่งอีกฝ่ายแสดงออกราวห่วงใยทั้งยังมีน้ำใจต่อตนแอนนาเบลก็ยิ่งหน้าร้อนวูบวาบ แต่แล้วรถก็หยุดลงริมถนน

“ไม่เจอกันเดือนเดียว ลืมแล้วว่าต้องแทนตัวเองอย่างไรกับฉัน ต้องทำโทษอย่างไรดี”

เสียงทุ้มไม่ได้ขุ่นเคืองสักนิดและยังทำให้หัวใจกระตุกอีกต่างหากทว่ายังไม่ทันได้คิดอะไร ท่านชายก็ตรัสต่อ

“แล้วยังไม่ใส่แหวนของฉันด้วย”

ริมฝีปากอิ่มสวยเผยอค้าง ตนไม่คิดว่าจะได้พบท่านชายกะทันหันเช่นนี้ ทั้งคิดว่าแหวนนั้นไว้ใส่เพื่อให้คนที่วังอรรถพันธ์พงศ์เห็นเท่านั้น

“ดิฉันไม่ได้พกติดตัว เราจะไปที่วังกันหรือคะ”

“ใช่ ฉันสั่งคนเตรียมอาหารที่วังเอาไว้ เธอเป็นว่าที่คู่หมั้นฉัน ไม่ควรหายเงียบไปนาน ถึงตอนนี้ยังไม่ได้หมั้นแต่ฉันก็บอกท่านป้าไปแล้วว่ารักชอบอยู่กับเธอ”

ใจดวงน้อยกระตุกกับคำว่า ‘รักชอบ’ แม้จะเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาก็ตาม ขณะคิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยเมื่อหลุบตาลงมองมือตน แอนนาเบลรู้สึกมือเย็นขึ้นมากะทันหัน แล้วอยู่ร่างสูงใหญ่ก็ชะโงกมาใกล้ทำเอาหญิงสาวผงะ ทว่าท่านชายเปิดลิ้นชักตรงหน้าตน หยิบของบางอย่างออกมา


=====

ตัวละครน่าสงสัยเริ่มโผล่มาแล้ว เอ้…ดูเหมือนท่านชายจะจริงจังกับเบล มีตั้งใจพาไปให้คนที่วังเห็นบ่อยๆ แล้วจะเลี้ยงฉลองเรียนจบให้ด้วย ^^

เฟซบุ๊กเพจ รสิตา เพียงพิณ

https://twitter.com/rasitawriter

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว