ร่ายรักกับดักใจ-ตอนที่ 8 วันแห่งการเปลี่ยนแปลง

โดย  วนาลักษณ์ ลาเวีย บรรพกาล นักเขียน

ร่ายรักกับดักใจ

ตอนที่ 8 วันแห่งการเปลี่ยนแปลง

คนตัวใหญ่ลุกยืนอย่างยากเย็น อาการปวดแล่นพล่าน กว่าจะดีขึ้นเล่นเอาเหงื่อตก ทีมงานเซ็ทกล้องสำหรับถ่ายภาพ ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกตามตัวมาถ่ายภาพ

“ภาพนี้ผมขอให้เจ้าบ่าวโอบเอวเจ้าสาว แล้วก้มลงเหมือนจะหอมแก้มนะครับ”ช่างกล้องสั่ง

ชายหนุ่มยกยิ้มตอบรับคำสั่ง สาวเท้าหยุดข้างกายเจ้าสาว แล้วรั้งเอวบางเข้าหา เมริยาชะงักดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

“อุ้ย!”เธอร้อง เมื่อเขาเล่นรัดเสียแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

“อยู่นิ่งๆ ช่างบอกให้กอดกันไม่ใช่หรือไง”เขาบอกเสียงรอดไรฟัน

“ฉันอึดอัดคุณกันตธร ปล่อยเดี๋ยวนี้”ว่าที่เจ้าสาวกระซิบ

“ปล่อยให้โง่สิ ผมยังเจ็บไม่หายคราวนี้ถึงทีผมบ้างล่ะ”

จมูกโด่งเป็นกดลงบนแก้มนวล คนถูกหอมตระหนกกับการกระทำของอีกฝ่าย มือบางยกดันแผงอกให้ออกห่างแต่ทว่าเขากลับรัดแน่นเสียยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าเรียวเริ่มมีเลือดฝาดเพราะความอาย คนตัวใหญ่เลยย้ายจมูกตนเองไปสูดความหอมตรงซอกคอขาวแทน

คราวนี้เจ้าสาวขนลุกเกรียว เม้มริมฝีปากข่มอารมณ์ไว้ สีหน้าตื่นตระหนกทำให้เขานึกสนุก แต่ใครจะคิดว่าซอกคอขาวๆ จะหอมละมุ่นจนไม่อยากละไปไหนเช่นนี้

“คุณจะบ้าไปแล้วหรือไง!”เธอดุเสียงเบา

“มันถึงทีผมบ้างล่ะเมริยา คุณทำอะไรผมเอาไว้คงจำได้ใช่ไหม”

ช่างภาพยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ เจ้าบ่าวให้ความร่วมมืออย่างดีโดยไม่ต้องสั่งอะไรเสียด้วยซ้ำ แบบนี้คงไม่ต้องทำงานเหนื่อยทั้งวัน

สุดท้ายการถ่ายภาพแต่งงานก็สำเร็จไปได้ด้วยดีทันก่อนตะวันแรงขึ้น เมริยาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องมองสายตาเอาเรื่อง แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สนใจ เมื่อจบการถ่ายพรีเวดดิ้งสองคนได้เวลาเดินทางกลับ เมริยาเปิดประตูรถขึ้นนั่งเบาะหน้าคู่เขา ระหว่างทางเธอจ้องมองเขาตาเขียวปัดอารมณ์ขุ่นมัว ยิ่งเห็นคนขับรถทำหน้าเฉยเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งหมั่นไส้ สองคนไม่เอ่ยวาจาใดจนกระทั่งรถจอด

เจ้าของบ้านรีบเดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พอเห็นว่าที่ลูกเขยจึงโอบไหล่ทักทายกันอย่างสนิทสนม เมริยาเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้

“เป็นยังไงบ้าง ยัยเมดื้อไหมครับคุณกันตธร”เจ้าสัวถามแล้วยิ้มกว้าง กันตธรเข้าใจมันเป็นความรู้สึกเอ็นดูมากกว่าการถามอย่างจริงจัง

“ไม่ครับคุณเมไม่ดื้อเลย เอ่อ...” ชายหนุ่มอึกอักเล็กน้อย “เรียกผมว่าธรเฉยๆ ก็ได้ครับ อีกหน่อยเราจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”

“งั้นเหรอ ดีเลย อาขอแทนตัวเองว่าพ่อเลยก็แล้วกันนะธร”

เสียงหัวเราะของเขาผสานกับบิดายิ่งทำให้สุดจะทน ก้าวฉับๆ หนีเข้าห้องนอนเพราะไม่อยากฟังคนเสแสร้งแกล้งทำสุภาพ ทันทีเห็นเตียงกว้างเธอทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้าอย่างหมดเรี่ยวแรงอีกไม่กี่วันก็ถึงวันแต่งงาน ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินเข้าแดนประหารก็ไม่ปาน

ตอนนี้ขอเพียงแค่ผ่านงานแต่งไปอย่างไม่มีปัญหาก็พอ เวลาล่วงเลยสักพักเธอคงขอหย่าจากเขาด้วยดี คนสองคนไม่ได้รักกันคงไม่มีทางใช้ชีวิตคู่ได้หรอก เธอ... แค่ต้องการใครสักคนที่รักกันจริงๆ


กันตธรเร่งฝีเท้าเข้าบริษัท หลายวันมานี้เขาต้องจัดการงานแต่ง จนแทบไม่มีเวลาเข้ามาทำงาน จนนภดลต้องหอบเอาเอกสารบางส่วน ไปให้เขาเซ็นถึงที่ แถมด้วยปากช่างเย้าตลอดเวลา เลยทำให้รำคาญน่าดู พอว่างเลยถือโอกาสเข้าบริษัท เขายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ใกล้เวลาประชุมบอร์ดบริหาร ชายหนุ่มจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จนชนกับใครบางคน

“อุ้ย!”เธอร้องออกมา แล้วช้อนสายตามอง

แฟ้มมากมายกองอยู่ที่พื้นเขารวบขึ้นมา กันตธรมองดูหญิงสาวร่างบอบบาง กำลังมองเขาแววตาหม่นเศร้า พอเห็นสีหน้าทำเอาพูดไม่ออก

“อิง... มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ ตรงนี้เป็นส่วนของผู้บริหาร”กันตธรถามเสียงเบา

“อิงมาหาธรค่ะ อิงแค่อยากจะมาแสดงความยินดีที่ คุณกำลังจะแต่งงาน”เธอบอกเสียงสั่นเครือ

กันตธรชะงักยกนาฬิกาขึ้นดูอีกครั้ง ขบคิดชั่งใจมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกอึดอัด

“อิงผมขอโทษนะวันนี้มีประชุม ไว้เราค่อยคุยกันดีกว่า”กันตธรหลีกห่างออกมา ปล่อยให้อีกคนมองตามแผ่นหลังด้วยแววตาเศร้าสร้อย ในอกเหมือนกำลังจะแตกสลาย เจ็บเสียจนไม่อาจอธิบายได้

เกือบสามชั่วโมงที่เขาต้องเข้าร่วมประชุมและจัดการงานคั่งค้างอีกมากมาย แฟ้มกองอยู่หน้าโต๊ะทำงานจนแทบล้มทับเจ้าของ เสียงประตูห้องเปิดออกตามด้วยร่างสันทัดก้าวเข้ามา นภดลยิ้มกว้างทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน

กันตธรขบกรามมองหน้าเพื่อนอย่างหัวเสีย ระหว่างที่เขาวุ่นวายกับงานแต่งไอ้เพื่อนตัวดีมันทำอะไรบ้าง งานกองมากมายขนาดนี้หมายความว่ายังไงกัน

“ไอ้ดลระหว่างที่ฉันไม่อยู่แกทำอะไรบ้าง ทำไมงานมันมากมายขนาดนี้!”กันตธรถามเพื่อนเสียงแข็ง แววตาดุ

“ก็ทำแล้วไง ไม่เห็นหรือไงฉันอุตส่าห์เอาไปให้แกเซ็นถึงที่”นภดลรีบแก้ตัวทันที

คำตอบเพื่อนยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้ แต่เขาไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เคลียร์งานให้เสร็จเสียก่อนดีกว่า ไม่งั้นอาจกลายเป็นปัญหาภายหลังได้ เอื้อมหยิบแฟ้มตรงหน้าแล้วอ่านทุกตัวอักษร

“อ้าว! นี่จะเมินกันเลยเหรอ”นภดลร้อง

“ทำไม แกมีเรื่องอะไรอีกล่ะ”ชายหนุ่มเริ่มหัวเสีย เงยหน้ามองเพื่อน

“ก็แค่... อยากจะรู้ว่าแกกับคุณเมเป็นยังไงบ้าง”

สีหน้ากรุ่มกริ่มกับยิ้มระรื่น ทำเอาเขาแทบอยากจะลุกขึ้นไปแตะสักทีให้หายโมโห แต่ติดตรงที่ตนเองไม่ได้ว่างขนาดนั้น

“ออกไปเลยไปไอ้ดลถ้าจะมาถามเรื่องนี้ ฉันไม่ว่าง!”

“นี่ไอ้ธร!”

เสียงเรียกของเพื่อนทำให้ชายหนุ่มชะงักอีกครั้ง ความหงุดหงิดเริ่มมาเยือนเมื่อเพื่อนตัวดีมันยังวนเวียนไม่ไปไหนเสียที

“มีอะไรอีกไอ้ดล นี่แกเป็นอะไรนักถ้าจะกวนกันก็รีบออกไปเลยก็เห็นอยู่ว่าฉันยุ่ง”เขาบ่น

“เปล่าฉันแค่อยากรู้ว่าแกได้คุยกับอิงบ้างหรือยัง?”

กันตธรนิ่งครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่าอิงนภาคิดเช่นไร แต่ตนเองยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นแม้จะรู้สึกดีบ้างก็ตาม

“เย็นนี้ฉันจะไปคุยกับอิงเอง”

“อืม จัดการให้เรียบร้อยล่ะป่านนี้ร้องไห้น้ำท่วมบ้านแล้วมั้ง”นภดลบอกลอยๆ แต่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับสะอึกพูดไม่ออก “งั้นฉันไปก่อนล่ะ” บอกลาเพื่อนแล้วลุกยืนหันหลังเดินออกจากห้อง

กันตธวางมือจากแฟ้มเอกสาร ลุกออกจากโต๊ะทำงาน ก้าวยาวชิดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ สายตาเหม่อมองยังทิวทัศน์ภายนอก ใจพลางคิดเมืองหลวงนี่ช่างวุ่นวาย ไม่ต่างกับจิตใจเขาในเวลานี้เลย เห็นทีเรื่องระหว่างเขากับอิง คงต้องจัดการเสียให้เรียบร้อย ก่อนงานแต่งจะเกิดขึ้น

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว