คืนที่สามผ่านไปอย่างไร้ผล ถังเซียวซวนถูกหลงเหยี่ยนจับมัดกับเสาเตียงเหมือนเมื่อคืนวานเช่นเคย แม้ว่าครั้งนี้นางจะใจกล้าถึงขั้นล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อลูบแผงอกของเขา ขณะที่เขานั่งคัดตำราอยู่ ส่วนนางก็อยู่ในชุดเสื้อคลุมเนื้อบางที่ยามเดินสาบเสื้อจะแหวกออกพะเยิบพะยาบ เห็นเนื้อตัวขาวผ่องวับๆแวมๆพอให้น้ำลายไหล แต่คนกินผักก็ยังไม่น้ำลายไหลอยู่ดี
วันนี้เป็นวันที่หลงเหยี่ยนต้องกลับไปสอนหนังสือแก่เหล่าลูกศิษย์ที่มีจำนวนยี่สิบคน ล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานขุนนาง ชนชั้นสูงและพระญาติฝ่ายฮ่องเต้
หลงเหยี่ยนเดินทางไปสำนักศึกษาหลวงตั้งแต่เช้า ถังเซียวซวนรู้สึกใจคอไม่ดีด้วยไหน้ำส้มกำลังใกล้แตกเพียงคิดว่าลูกศิษย์สาวของเขาจะได้เห็นรูปลักษณ์อันงดงามของเขาแทนที่จะเป็นตาลุงหนวดขายถังหูลู่ตามท้องถนน ยิ่งรับรู้เรื่องราวของคุณหนูเซียวที่จะได้แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินรองก็เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของหลงเหยี่ยน ถังเซียวซวนก็แทบทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เขาต้องอยู่ใกล้กับสตรีเหล่านั้น
ดังนั้น...ถังเซียวซวนจึงลงมือเข้าครัว เตรียมมื้อเที่ยงไปกินกับเขาด้วยกันที่สำนักศึกษาหลวง โดยไปขอป้ายอนุญาตเข้าสำนักจากพ่อสามี
หลงฮูหยินรู้ใจลูกสะใภ้ว่ากำลังจะไปกีดกันบรรดาลูกศิษย์สาว จึงให้เจียวเจียวติดตามไปเป็นเพื่อนอีกคน เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ดีจะได้ช่วยเหลือกันได้
หลงเหยี่ยนในชุดสีขาวปราศจากลวดลาย สวมหมวกบัณฑิต ถือตำราไว้ในมือเล่มหนึ่งเดินเข้ามาในสำนักศึกษาหลวงก็ตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าบรรดาลูกศิษย์ที่เดินเล่นไปมาในสำนักเพราะยังไม่ถึงเวลาเรียน
“นั่นใครน่ะ นักศึกษาคนใหม่เหรอ หล่อมาก”
“กรี๊ด พวกเรามาดูคนหล่อกัน หล่อแบบนี้ข้าเพิ่งเคยเจอ”
“เซียวเซียว...มาดูนี่ นี่คือชายในฝันแบบที่เจ้าปรารถนามิใช่หรือ?”
เป็นเสียงซุบซิบนินทาอย่างออกรสออกชาติของฝ่ายลูกศิษย์หญิง
ส่วนฝ่ายลูกศิษย์ชาย...
“เฮอะ...หล่อแล้วไง จะปัญญาดีไปกว่าพวกข้าหรือเปล่า”
“ท่าทางบอบบางแบบนั้น พวกตัดแขนเสื้อแน่นอน...”
“ชวนมันมาเล่นงัดข้อสิ...ถ้าแพ้ก็เรียกมันว่าไอ้ลูกเต่า”
“สาวๆนี่ก็แปลก ชอบคนที่หน้าตา เกิดมันเป็นยาจกขึ้นมา ข้าจะหัวเราะให้ฟันหัก”
“มันจะเป็นยาจกไปได้ยังไง สำนักศึกษาหลวงมีแต่ลูกหลานผู้ดีเรียนกัน อาจารย์หลงคงไม่ยอมรับนักศึกษาจนๆง่ายๆหรอก นอกจากฮ่องเต้จะมีรับสั่งลงมา”
“ก็ใช่ไง มันอาจเป็นคนที่ฮ่องเต้ทรงส่งมาให้เรียนกับพวกเรา พวกยาจกที่อวดดีอวดฉลาด เฮอะ...พวกเราคอยกลั่นแกล้งไม่ให้มันได้อยู่เป็นสุขกันดีกว่า เห็นหน้ามันแล้วหมั่นไส้ชะมัด!”
ขณะกำลังนินทากันอย่างสนุกปาก ลูกศิษย์น้อยใหญ่ก็สังเกตเห็นว่าบุรุษหน้าตาหล่อเหลาหมดจดผู้นั้นเดินตรงไปยังเรือนพักของหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงหรือก็คืออาจารย์ใหญ่ ก่อนพวกเขาจะเห็นอาเฮ่อหิ้วกล่องใส่ตำราวิ่งพลางปาดเหงื่อพลางตามหลังหลงเหยี่ยนเข้าไปในเรือนพักทีหลัง
ถึงตอนนั้นดวงตาทุกคู่ก็เบิกกว้าง ทั้งลูกศิษย์ชายลูกศิษย์สาวต่างหันมามองหน้ากันและพูดเกือบจะพร้อมกันว่า
“อาจารย์ใหญ่หลงหรอกเหรอ!!!”
พอเห็นอาจารย์หลงเหยี่ยนในมาดใหม่ ลูกศิษย์สาวก็สงบเสงี่ยมเรียบร้อยขึ้นมากเพราะเอาแต่นั่งตาลอยมองใบหน้าหล่อเหลาหมดจดของอาจารย์ ส่วนลูกศิษย์ชายก็เริ่มมีอคติขึ้นมาบ้างเล็กน้อย พลางแอบบ่นกันว่า
“แต่ก่อนอาจารย์ชอบไว้หนวดเคราเหมือนโจรป่า เหตุใดจึงโกนหนวดเสียได้ ดูสิ...เซียวเซียวเอาแต่เพ้อมองอาจารย์ตลอด” หนึ่งในลูกศิษย์ที่หลงชอบเซียวจิ่วเซียวพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“หรือเป็นเพราะถูกอาจารย์หญิงจับโกนหนวด” ศิษย์ชายอีกคนแสดงความคิดเห็นที่น่าเชื่อถือ
“อ้อ จริงสิ อาจารย์เพิ่งแต่งงานนี่นา มีความเป็นไปได้สูง”
ป๊อก ป๊อก ป๊อก!
เสียงไม้เคาะโต๊ะดังขึ้น ทำให้เหล่าลูกศิษย์หันมามองอาจารย์ใหญ่หลงกันอย่างพร้อมเพรียง
“พูดคุยซุบซิบเรื่องอะไร นี่เป็นเวลาเรียน พรุ่งนี้อาจารย์จะทดสอบวิชาที่เพิ่งเรียนจบไป หากทำคะแนนไม่เกินครึ่ง จะต้องลงเรียนใหม่ในเทอมถัดไปนะ!”
“หา...โหดร้ายเกินไปแล้ว ไม่ให้โอกาสได้อ่านหนังสือเลย” เหล่าลูกศิษย์พากันบ่นระนาว มีเพียงเซียวจิ่วเซียวที่พยักหน้าอย่างแข็งขัน แต่ตามองหลงเหยี่ยนปรือปรอย
พอเลิกเรียน...ลูกศิษย์ก็พากันไปยังโรงอาหารเพื่อกินมื้อเที่ยงก่อนจะกลับมาเรียนต่อกับอาจารย์อีกคน
แต่เซียวจิ่วเซียวที่ไม่เคยสนใจหลงเหยี่ยนมาแต่ไหนแต่ไร มาวันนี้นางถึงกับยืนดักรอเขาที่ทางไปยังเรือนพักอาจารย์ใหญ่
พอเห็นเขาเดินมาแต่ไกลโดยมีอาเฮ่อหิ้วกล่องตำราตามหลัง เซียวจิ่วเซียวก็รีบส่งเสียงทักมาแต่ไกลว่า
“อาจารย์หลงเจ้าคะ วันนี้ข้าทำมื้อเที่ยงมากินเยอะกว่าทุกวัน มิสู้ข้าขอแบ่งปันอาหารที่ข้าทำให้อาจารย์หลงกินจะได้หรือไม่เจ้าคะ เผื่ออาจารย์...” เซียวจิ่วเซียวยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็มีเสียงสดใสเสียงหนึ่งตะโกนดังโหวกเหวกอยู่เบื้องหลังหลงเหยี่ยนจนเขาต้องเหลียวไปมอง ไม่สนใจเซียวจิ่วเซียวแม้แต่น้อย
“ท่านพี่...มื้อเที่ยงมาแล้วเจ้าค่ะ ข้าอุตส่าห์เข้าครัวตั้งแต่เช้าเพื่อทำอาหารโปรดของท่านพี่เชียวนะเจ้าคะ” ถังเซียวซวนพูดพลางปรายตามองเซียวจิ่วเซียวด้วยสายตาเป็นอริ
เซียวจิ่วเซียวเห็นท่าทีของถังเซียวซวนแทนที่จะรู้สึกย่ำแย่ นางกลับเชิดหน้าขึ้นอย่างจองหอง พูดออกมาว่า
“อ้อ ที่แท้ก็อาจารย์หญิงนี่เอง แต่เอ๊...ข้ารู้มาว่าอาจารย์หญิงเป็นลูกสาวลูกหนี้รายใหญ่ของท่านราชครู ไม่มีความรู้ความสามารถอันใด สามารถตบแต่งกับอาจารย์หลงได้นับว่าเป็นวาสนาจริงๆ”
ถังเซียวซวนได้ยินคำพูดเหน็บแหนมก็กัดฟันยิ้ม ถามอีกฝ่ายกลับไปว่า
“มิทราบว่าแม่หนูชื่อแซ่อันใด”
พอถูกเปรียบเปรยว่าตนยังเป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่ง เซียวจิ่วเซียวก็ชักสีหน้า กัดฟันตอบว่า
“เซียวจิ่วเซียว บุตรสาวคนโตของเจ้ากรมกลาโหมเจ้าค่ะ”
“อ้อ เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าหน่อยนะ แต่เจ้าต้องตอบภายในสามวินาที กู้เงินพันคน ดอกเบี้ยเดือนละสามสิบ ใช้หนี้เก้าวัน ดอกเบี้ยเท่าไหร่?”
“อ่า...” เซียวจิ่วเซียวกำลังคำนวณตัวเลข แต่เกินเวลาที่ถังเซียวซวนให้ นางจึงเดินถือโถอาหารเข้าไปตบไหล่เซียวจิ่วเซียวดังป๊าบ ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก มองนางตาขุ่นขวาง
“เกินเวลาแล้วจ้ะ คำตอบคือหกเฉียนเจ็ดหลีห้าหาว”
ถังเซียวซวนหยักยิ้มเย็นชา ก่อนพูดต่อว่า “ข้ารู้มาว่าตระกูลเซียวก็ทำการค้ากับเขาเหมือนกัน แต่คิดไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่จะคิดเลขช้าถึงเพียงนี้...”แล้วนางก็หันไปหาหลงเหยี่ยนที่ยืนจ้องนางด้วยสายตาคู่คม เข้าไปเกาะแขนเขาแล้วเบียดกระแซะเนื้อตัวเล็กน้อยเพื่อแสดงออกถึงความสนิทสนม
“ไปกินอาหารฝีมือข้ากันเถอะเจ้าค่ะ ท่านพี่ยังจำขนมไป๋เหอกับชามะลิวันนั้นได้หรือไม่ ที่ท่านพี่บอกว่าชอบมากน่ะเจ้าค่ะ ข้าทำมาด้วยนะเจ้าคะ”
แล้วนางก็ออกแรงลากหลงเหยี่ยนให้เดินตามนางลุ่นๆตรงไปยังเรือนพักอาจารย์ใหญ่โดยมีอาเฮ่อนำทาง ส่วนอาจูกับเจียวเจียวเดินรั้งท้าย
ถังเซียวซวนไม่สนใจเซียวจิ่วเซียวแม้แต่น้อย แม้จะได้ยินเสียงกระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจของนาง
หัวสมองของถังเซียวซวนมีอยู่เพียงความคิดเดียวว่า “นี่น่ะหรือ คุณหนูใหญ่ตระกูลเซียวที่พ่อสามีข้าคิดจะให้นางแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินรอง ท่าทางของนางดูร้ายกาจมิใช่เล่น เฮอะ...ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ข้าก็พร้อมสู้รบตบมือกับนางเต็มที่เหมือนกัน!”
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว