36. ซาตานร้ายเดิมพันรัก

22

เมื่อกล่าวขอบคุณแล้ว เห็นเขาบอกว่าไม่เป็นไร แถมยังนิ่งเฉยทำให้เธอเงอะงะเล็กน้อย วางตัวไม่ถูกว่าควรจะยังไงต่อไปดี คนอะไรหน้านิ่งไร้อารมณ์ชะมัด ในเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรกันอีก ฟ้าใสจึงเปิดประตูก้าวลงจากรถ เธอไม่คิดหันกลับไปมองเขาอีก มือบางเปิดประตูร้านกาแฟ ก่อนที่จะอุทานอย่างตกใจ

“อุ๊ย!” ร่างบางสะดุ้งเมื่อหันไปเจอกับร่างสูงของเทพประทานที่เดินตามเธอมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เขาเดินเบามาก และเธอก็ไม่ได้สังเกตว่าเขาเปิดประตูรถออกมาเมื่อไหร่ “คุณเดินตามฉันมาทำไมนี่” ฟ้าใสถามอย่างหวาดระแวง

เทพประทานไม่ตอบแต่ถือวิสาสะเดินแทรกเข้าไปในร้านกาแฟ เขากวาดสายตามองโดยรอบที่จัดอย่างเรียบร้อย วันนี้ร้านคงหยุดเพราะเขาเห็นเก้าอี้ถูกยกขึ้นวางบนโต๊ะทุกตัว ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองหน้าหญิงสาวที่มองเขานิ่งไม่ยอมขยับไปไหนเหมือนหวาดระแวง

“ไม่คิดจะเชิญผมดื่มน้ำดื่มท่าบ้างหรือไง” เขากอดอกมองเธออย่างตำหนิ ฟ้าใสหน้าร้อนเห่อ สะบัดหน้าให้คนหน้านิ่งมาดเยอะ แต่แสนเย็นชาสุดกำลัง

ชิ! ฟ้าใสย่นจมูกใส่ แต่ก็จำต้องผายมือให้ชายหนุ่มไปนั่งที่มุมพักผ่อนของร้าน ซึ่งเป็นมุมที่เธอกับเพื่อนชอบนั่งคุยปรึกษาหรือสนทนากัน วันนี้ไม่มีใครอยู่ ลูกน้องที่จ้างเอาไว้ก็หยุด และพวกเค้าก็มาทำงานแบบเช้ามาเย็นกลับ ไม่ได้พักค้างที่นี่นั่นเอง

เทพประทานนั่งยืดตัวอย่างสบาย ด้านนอกฝนเริ่มตกแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขายกนาฬิกาขึ้นดู ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดโทรออกสั่งงานกับเลขาส่วนตัว และแจ้งไว้ว่าเขาจะไม่กลับเข้าไปที่ทำงานอีก

...ถ้าคนในสังคมมีน้ำใจช่วยเหลือกัน เราก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข...

สายฝนกับสองเรา


ฟ้าใสเหลือบสายตามองคนหน้านิ่งที่นั่งอยู่ที่มุมพักผ่อน รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ยอมรับว่ารู้สึกประทับใจเขามากๆ ที่เขามาช่วย อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจ ไม่ได้นิ่งดูดายปล่อยให้คนพวกนั้นทำร้ายเธอ วันนี้เป็นวันปิดร้านของ COFFEE HOUSE เธอกับเพื่อนๆ ทำข้อตกลงกันแบบประชาธิปไตยว่าอาทิตย์หนึ่งจะต้องปิดร้านหนึ่งวัน ซึ่งหมุนเวียนกันไปแล้วแต่ว่าจะหยิบฉลากได้วันไหน เพราะเพื่อนๆ สามสาวของเธออยากไปเที่ยวพักผ่อนหรือมีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างจัดเต็มในหนึ่งวันของแต่ละอาทิตย์ ข้อตกลงนี้ไม่มีใครซีเรียส เพราะแต่ละคนก็มีงานประจำของตัวเอง เธอกับเกศราก็ต้องทำขนมเอาไปส่งให้ร้านประจำ ส่วนราศีนั้นมีงานประจำด้านวาดรูปส่ง ปาริชาติเองมีงานเดินแบบและแสดงละครบ้าง แต่พักหลังหญิงสาวไม่ค่อยรับงานละครเหมือนก่อน เลือกเฉพาะงานเดินแบบหรือเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา งานอีเวนต์เสียมากกว่า

“ฝนอะไรมาตกตอนนี้นี่” หญิงสาวมองสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างเซ็งนิดๆ เธอคิดว่าบรรยากาศเช่นนี้เป็นบรรยากาศที่น่านอนมากที่สุดในสามโลก หรือไม่ก็เป็นเวลาที่เธอจะได้ใช้สมาธิกับการคิดเงินในบัญชีและจัดสรรเงินเพื่อการลงทุนในเรื่องต่างๆ

“น้ำค่ะ” ฟ้าใสยกน้ำมาเสิร์ฟชายหนุ่มที่นั่งพิงพนักโซฟาเนื้อดีอยู่อีกด้านของมุมร้าน ด้านหน้าเป็นกระจกที่สามารถมองออกไปเพื่อชมทัศนียภาพได้อย่างชัดเจน บริเวณรอบๆ จัดตกแต่งด้วยภาพเขียนที่เพื่อนสาวอย่างราศีวาดเอาไว้ และมีกระถางไม้ดอกไม้ประทับวางเรียงรายจัดตกแต่งอย่างสวยงามตามไอเดียเก๋ๆ ของเธอเอง

“อากาศแบบนี้ดื่มน้ำเย็นๆ ก็หนาวแย่สิ”

ฟ้าใสตาโต หน้าร้อนเห่อเมื่อโดนตำหนิเข้าให้แบบนี้ ก็เขาเป็นคนบอกเองว่าจะเอาน้ำดื่มยังไงเล่า สีหน้าของหญิงสาวทำให้เทพประทานเผลอกระตุกริมฝีปากเล็กน้อย ฟ้าใสขยี้ตา ถ้าเธอไม่ได้ตาฝาดเขากำลังยิ้มที่มุมปาก แต่มันจางหายไปเร็วมาก

“ผมต้องการกาแฟ” เขาเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย กอดอกจ้องมองเธอ

“ฉันคิดค่ากาแฟกับขนม” ฟ้าใสโพล่งออกไป หาเรื่องเขาเล็กๆ อยากรู้ว่านอกจากอารมณ์เฉยชาแล้ว เวลาโกรธเขาจะโมโหแค่ไหนกัน ไม่ใช่ว่าอยากกวนอารมณ์เขาให้ขุ่น แค่ไม่ชอบที่เขาดูวางอำนาจเอากับเธอ

“แค่กๆๆๆ” เทพประทานถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง มองตามร่างโปร่งบางของเจ้าหล่อนไปอย่างตำหนิเช่นเคย

ไม่นานร่างโปร่งของฟ้าใสก็กลับมาพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่นและขนมหน้าตาน่ารับประทาน เทพประทานขมวดคิ้วเข้าหากัน มองขนมตรงหน้าอย่างครุ่นคิด เขารู้สึกคุ้นกับกลิ่นของมัน รวมถึงหน้าตาของมันเหมือนญาติสนิท ยิ่งพิศมองใกล้ๆ ยิ่งคุ้น เขาหยิบขนมขึ้นมาทานด้วยความสนใจใคร่รู้ รสชาติที่แสนอร่อยทำให้เทพประทานเงยหน้ามองหญิงสาวที่ทรุดนั่งลงตรงหน้าเขา

“มองฉันทำไมคะ” ฟ้าใสทำหน้างุนงงที่เห็นเขามองเอาๆ

“คุณเป็นคนทำขนมพวกนี้เหรอ” เทพประทานถามพร้อมกับหลุบสายตาสนใจขนมตรงหน้า รสชาติแบบนี้มีเพียงขนมของป้าแม่บ้านที่ห้างสรรพสินค้าเท่านั้นที่เขาเคยทาน เพราะเขาไม่เคยทานขนมอะไรที่อร่อยเท่านี้มาก่อน

“ใช่ อุ๊บ!” ฟ้าใสรีบเอามือปิดปากตาโตทันที อย่าบอกนะว่าเขาจำรสชาติขนมของเธอได้ ตายแล้วฟ้าใส เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท คงไม่มั้ง เธอไม่ได้ส่งขนมไปให้เขาทานหลายวันแล้วนี่นา หลังจากที่ได้กินข้าวกับเขาวันนั้น จริงๆ เธอคิดว่าการเอาขนมที่ตัวเองทำไปฝากเขาจะทำให้เขาอยากเห็นหน้าเธอขึ้นมา และเธออาจจะสานสัมพันธ์ไปถึงขั้นกินข้าวด้วยกัน แต่เพราะเธอทำสำเร็จแล้ว จึงเลิกแผนการนั้นไปและไม่เคยได้ถามป้าลำไยอีกเลย

“แสดงว่าขนมนั่นเป็นของคุณ” เขาถามอย่างอยากรู้ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย

“ขนมอะไรคะ” ฟ้าใสลุกจากโซฟาหันหลังให้เขาทันควัน ถ้าเธอเผลอสบตากับเขา รับรองความแตกแน่ๆ เลยทีนี้

คนบ้า! ทำไมความจำแม่นแบบนี้

“ทำไมต้องหลบหน้าหลบตา แสดงว่าที่คุณเจอผมไม่ใช่เหตุบังเอิญใช่ไหม” เขาเห็นเธอแสดงพิรุธออกมาอย่างชัดเจน

“เอ๊ะ! คุณนี่ยังไง จะบอกว่าฉันตั้งใจหรือไง อย่าหลงตัวเองนักเลย มันแค่เรื่องบังเอิญ” ฟ้าใสหันมาแหวใส่ ใจกล้ามองสบสายตาคาดคั้นของเขา ในที่สุดก็ต้องเสมองไปทางอื่น

“ตั้งใจอะไร” เขาถามอย่างจับผิด น้ำเสียงเรียบขรึมเหมือนคาดคั้นนักโทษให้สารภาพความจริง

“ก็เอาขนมไปให้คุณไง” เธอตอบเสียงสะบัดๆ

“ผมบอกเมื่อไหร่ว่าคุณเอาขนมมาให้ผม” เขารีบรุก

คราวนี้ฟ้าใสอ้าปากหวอ ใช่... เขาแค่บอกว่าขนมนี้เธอเป็นคนทำใช่ไหม ไม่ได้บอกว่าเธอเอาขนมไปให้ เธอหลวมตัวหลงกลพูดออกไปให้เขาจับได้ น่าอายที่สุด อยากจะบ้าตาย คนอะไรพูดวกไปวนมาทำให้เธอสับสนเผลอหลุดปากออกไปแบบนี้

“ว่าไง” เขาเริ่มคาดคั้น ดวงตาคมกริบนั้นมีแววรู้เท่าทันจนเธอก้มหน้าก้มตา เม้มริมฝีปากเข้าหากัน

“อุ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งรีบหันมา เขาเข้ามายืนอยู่ด้านหลังในระยะกระชั้นชิด ลมหายใจร้อนระอุยังมาเป่ารดที่ต้นคอเธออีก

“นี่คุณ ถอยไปห่างๆ เลย” เธอแหวใส่เขา รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

“คุณชอบผม” เขาถามคาดคั้น มองสบตาหญิงสาวอย่างค้นคว้า

“คุณนี่หลงตัวเองที่สุด ใครจะไปชอบคุณกันเล่า” ฟ้าใสตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“แต่ผมว่าคุณชอบผม” เทพประทานรุกเข้าประชิดร่างโปร่งของคนตรงหน้า

“เอ๊ะ! บอกว่าไม่ก็ไม่สิ” ฟ้าใสถอยหนีหันรีหันขวาง เขาตามติดกักเธอไว้กับกำแพงด้านหลัง

“คุณกำลังโกหก” เขาจ้องตา ส่ายหน้าไปมาคล้ายไม่เชื่อ ท่าทางกวนๆ ของเขาทำให้เธอแทบสติหลุด คนมาดนิ่งกวนอารมณ์ได้ขนาดนี้เชียวหรือ

“คุณนี่ ถอยไปเลยนะ ใครโกหก ไม่มี ฉันไม่ได้โกหก” ฟ้าใสรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด เขาเหมือนผู้ทรงอิทธิพลที่มีอำนาจเหนือเธอ คุกคามและรู้เท่าทันเธอไปหมด หญิงสาวรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงกลับมา

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว