บทที่ 33
ตอน บันทึกเล่มนั้น
ท่านแม่ทัพนั่งพิงเสา ฝ่ามือคอยประคองบันทึกเล่มเก่าอย่างถนุถนอมดั่งกับว่ามันเป็นสิ่งล้ำค่า สายตาคมไล่อ่านตัวอักษรจับใจความอย่างตั้งใจ
ย่อหน้าแรกในบันทึกนั้นเขียนไว้ว่า
"บันทึกนี้ตัวข้าจะเริ่มเขียนตั้งแต่วัยเยาว์ ไม่ต้องเอ่ยถามถึงชื่อเสียงลือนาม เพราะอย่างไรเมื่อข้าเกิดมาอยู่ภพมาร ผู้คนย่อมเห็นข้าเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง
ความจำความรู้สึกของข้ามันไม่เคยลืมเลือน ข้ายังจดจำ 'ท่าน' ได้ จำได้แม้กระทั่งคำพูดทุกคำที่ท่านเคยเอ่ยกับข้า
จวบจนร่างวัยเยาว์ของข้าก้าวเดินออกจากจวน จึงได้พบเห็นว่าเด็กชายอายุไล่เลี่ยกับข้านั้นมีหน้าตาน่ารักยิ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้าจะได้เห็นท่านตอนยังเป็นวัยเยาว์ด้วย แต่ก็มีอีกเรื่องดีๆที่มีจวนหลังใหญ่อยู่ข้างบ้านข้าก็คือจวนบ้านท่าน ช่างดีเสียจริง
ปีนี้ เดือนนี้ วันนี้เป็นฤดูเหมันต์ ข้าจำได้ว่าท่านชอบอากาศหนาวเป็นที่สุด แต่เหตุผลข้ากลับไม่รู้ต้องขออภัยด้วย
ตอนที่ข้ากำลังยืนมองเข้าไปในจวนท่านแม่ทัพข้าเห็นท่านถือกระบี่ไม้แล้วหันมามองข้าด้วย ข้าอยากจะตะโกนถามท่านออกไปว่า...ท่านจำข้าได้หรือไม่?
แต่อาเตี่ยของข้าดันจับแขนแล้วพาข้าเข้าไปในจวนท่านแม่ทัพเสียได้! ไม่ให้ข้าสงบจิตสงบใจสักนิด!
สองครอบครัวได้พบเจอกัน ข้าไม่ยักรู้ว่าอาเตี่ยจะเป็นสหายสนิทของบิดาท่าน ยามที่ข้าแนะนำตัวท่านดูไม่ตื่นตระหนกเหมือนกับว่าจำข้าไม่ได้ ต่างจากข้าที่ยืนอึ้งพูดไม่ออกอยู่นานหลังจากที่ท่านแนะนำตัวแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าข้าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุใดท่านถึงมีนามที่ลงท้ายด้วย ‘หลิว’ แต่นั้นมันไม่ใช่นามของท่านอยู่แล้วมิใช่หรือ แต่เป็นของบุตรบุญธรรมที่ท่านชุปเลี้ยงมากับมือ ข้าจำได้ว่าเขาตายในอ้อมกอดท่านในกาลก่อน
ทว่า...ช่างเถิด...อย่างไรก็เป็นท่านไม่ว่าจะมีนามว่าอะไรก็เป็นท่านอยู่ดี…
สามฤดูผันผ่าน
วันนี้ข้าไปหาท่านที่จวนดั่งเช่นทุกครั้ง รอเล่นเป็นเพื่อนท่านอย่างเช่นทุกวัน แต่หนนี้ท่านกลับเดินออกมาปิดประตูจวนต่อหน้าข้าก็เท่านั้น ข้าคิดอยู่นานว่าทำไมวันนี้ท่านถึงมีสีหน้าหม่นหมอง ตาบวมแดงเหมือนร้องไห้มาครึ่งค่อนคืน แววตาสีแดงเข้มของท่านมองข้าเหมือนจะฉีกเนื้อกันไม่มีผิด...ข้าไปทำอะไรให้ท่านไม่พอใจรึ?
หลังจากวันนั้นข้าออกไปไหนมีแต่ผู้คนเอ่ยปากไล่โยนของใส่ เข้าจวนทีไรก็ต้องปิดประตูลงกลอน อาเหนียงของข้าถึงขั้นไม่กล้าออกจากห้อง จนข้าต้องแอบปีนต้นไม้เพื่อข้ามรั้วไปบ้านท่าน
สิ่งที่ข้าเห็นเป็นสิ่งแรกในห้องโถ่งก็คือ พิธีศพ ท่านสวมชุดอาภรณ์สีขาวนั่งซึม โลงศพถูกวางตั้งไว้กลางห้องอยู่สองโลง ข้าก้าวเท้าเดินไปหาท่านปลายนิ้วยังไม่ทันได้แตะถึงตัวท่านสักนิด ท่านกลับจับข้อมือของข้าบิดอย่างไม่ใยดี ใบหน้าของท่านเดิมทีที่เคยยิ้มให้กันไยถึงได้แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงมากโทสะ
ความเจ็บตรงข้อมือ อารมณ์หวาดกลัวของข้ามันแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แต่กาลก่อนท่านไม่ชอบเห็นใครร้องไห้ ข้าจึงกลั้นมันไว้ จนท่านตวาดใส่ให้ข้าได้รู้ความ
ท่านบอกว่าอาเตี่ยของข้าเป็นกบฏลอบสังหารท่านแม่ทัพใหญ่บิดาของท่าน และยังสังหารมารดาของท่านโดยการยิงลูกธนูพิษจากระยะไกล ทุกอย่างที่เอ่ยได้เต็มปากเช่นนี้ย่อมตรวจสอบมาอย่างดี หลักฐานที่ท่านเอาให้ข้าดูนั้น ลูกธนูเป็นของอาเตี่ยของข้า...จริงอย่างที่พูด แต่ข้ามั่นใจว่าอาเตี่ยของข้าไม่มีวันทำเช่นนั้นแน่...เขาทั้งสองคนเป็นสหายสนิทร่วมรบเป็นตายร่วมกันอยู่หลายปี...จะทำไปเพื่ออะไร
เพื่อตนเองจะได้ในสิ่งที่ตกลงกับศัตรูไว้รึ? ไม่มีทางอาเตี่ยไม่หัวอ่อนขนาดนั้น ถ้าตกลงอะไรกันไว้สุดท้ายเป็นอาเตี่ยเองจะไม่เหลืออะไรเลย เผลอๆเหมือนเอาชีวิตของตนเองและครอบครัวไปทิ้งเสียเปล่า
แต่หลักฐานที่ท่านมีทั้งหมดมันกลับทำให้ข้าพูดไม่ออก ยิ่งท่านลากข้าไปหลังจวนเพื่อให้ดูอะไรบางอย่าง ท่านเลิกผ้าขาวถึงเผยร่างบุรุษของคนผู้หนึ่ง
สองขาที่เคยยืนมั่นคงของข้าทรุดล้มลง ข้านิ่งมองร่างไร้วิญญาณ เขาคือบิดาของข้าที่ตามท่านแม่ทัพใหญ่ไปออกรบ...ศพไร้ใบหน้าเหมือนถูกดึงหนังหน้าออกไปก็ไม่ปาน...สภาพร่างของบิดา ข้าไม่อยากจะเขียนละเอียดมากนัก
พอท่านพาข้ามาดูร่างของบิดา ท่านกลับไม่พูดอะไรมากนักทำเพียงลากข้าโยนออกไปประตูด้านหลังจวน คำพูดต่อจากนั้นของท่านมันทำให้ข้าแน่ใจว่า ท่านรู้อะไรบางอย่างแต่แค่ไม่อยากให้ข้าเข้ามายุ่ง
“วันพรุ่งนี้ทางการจะมาหาครอบครัวที่เหลือของเจ้าที่จวน...ฝ่าบาทสั่งให้ประหารยกตระกูล มีโอกาสก็หนี ถ้าไม่หนีก็ตายเสีย แล้วก็...อย่าคิดก่อเรื่อง”
แน่นอนว่าวันนั้นข้าทำตามที่ท่านบอกจึงรีบพาครอบครัวที่เหลือหนีออกนอกเมือง ข้าจึงไม่ค่อยมีเวลาว่างเขียนบันทึกต่อเลยจะมาเขียนรวบยอดในหน้านี้ให้จบ ประโยคในวันนั้นยังคาใจข้ามิใช่น้อยว่าท่านไยถึงช่วยครอบครัวข้าทั้งที่ท่านบอกเองว่า อาเตี่ยของข้าเป็นคนสังหารบิดามารดาท่าน และยังสั่งคนของท่านให้ช่วยครวบครัวข้าหนีออกไปนอกเมืองอีก สรุปแล้วท่านคิดอะไรอยู่กันแน่
หานอิงหลิวพยายามผ่อนลมหายใจ นั่งลูบหน้าตนเองไปพลาง ตอนนั้นเขากับนางยังเยาว์แต่พอเกิดเรื่องขึ้นกลับทำให้เขาต้องตั้งสติคิดให้มากเอ่ยปากให้น้อย หลังจากส่งครอบครัวตระกูลฝูออกจากเมืองได้เสร็จสรรพ แน่นอนว่าเขาหวังให้ซื่อฝานไม่ต้องกลับมาอีก
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นหานอิงหลิวตั้งใจลบล้างความผิดให้ตระกูลฝูอย่างแน่นอน เพราะดูจากบาดแผลบนร่างของบิดามารดาเกิดขึ้นไม่กี่วัน แต่สำหรับบาดแผลบนร่างบิดาของซื่อฝาน มันเกิดขึ้นมาแล้วสิบกว่าวันได้ เรื่องที่ได้เจอร่างของคนตระกูลฝูมีคนรู้เพียงสามคนเท่านั้น คือ เขา เลี่ยงหวง และนาง ที่จริงเรื่องนี้มีผู้อยู่เบื่องหลังมากกว่าสามตระกูล แต่ปัจจุบันนี้เหลือเพียงสามตระกูลนอกนั้นเขาได้สังหารทิ้งไปนานแล้ว
ท่านแม่ทัพนั่งเหม่อมองไปยังท้องนภาที่มืดสนิทเพราะแสงจันทร์ถูกก้อนเมฆบดบัง ก่อนจะหันมองเข้าไปในห้อง เห็นร่างบางนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม ปลายเท้าทั้งสองข้างอยู่นอกผ้าห่มนั้นช่างแดงก่ำหนาวสั่นไม่หยุด
คนร่างสูงปิดบันทึกเล่มเก่าคร่ำครึพร้อมผายฝ่ามือเก็บไว้กับตัว ก่อนลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องดังเดิม
เสียงประตูไม้ค่อยๆปิดสนิท ชายหนุ่มยืนอยู่หน้าโต๊ะพยายามวางกระบี่ในมือพร้อมใช้พลังปราณปลดวิชาก่อนหน้าที่ตนโดนแกล้งแต่ก็...เสียเวลาป่าว
หานอิงหลิวพ่นลมหายใจเดินคอตกไปหน้าเตียง ร่างสูงเริ่มเอียงกายลงนอนหันข้างเข้าหานาง
"ซื่อฝาน เจ้าตื่นอยู่หรือไม่?..."
ร่างบางนอนหลับลึกกระชับผ้าห่มพร้อมเหวี่ยงขาพาดกอดคนร่างสูงดั่งกับว่า เขาเป็นผ้าห่มผืนใหม่ที่ให้ความอบอุ่นแก่นาง ซ้ำยังกอดไว้เหมือนหมอนข้าง ตอนอยู่บ้านกับอยู่หอมีสิ่งหนึ่งที่ซื่อฝานมักจะพกไปด้วยตลอดคือหมอนข้าง
"สงสัยเจ้าคงยังไม่ตื่น"
ถ้านางตื่นอยู่นางคงไม่ทำเช่นนี้กับข้าแน่ นางคงจะยันข้าลงเตียงมากกว่า
ชายหนุ่มไม่ได้ขยับกายหรือปลุกซื่อฝาน เขาทำเพียงแค่นอนอยู่ข้างกายพลางเหม่อมองใบหน้างามที่อิงซบอกแกร่ง ลมหายใจของนางเข้าออกสม่ำเสมอไร้เรื่องกังวล ต่างจากเขาที่ยามนี้กลับหลับไม่ลงกังวลหนักใจยิ่งกับความรู้สึกของนางในบันทึกเล่มเก่า หานอิงหลิวนอนนึกเหตุการณ์ที่นางเคยเจอมากกว่านี้ถึงกับต้องกุมขมับ
“ความรู้สึกของเจ้าในบันทึกนั้น...ตัวข้ามีความสำคัญกับเจ้ามากใช่หรือไม่...ทุกอย่างที่เขียนไว้ย่อมเกี่ยวกับข้า แต่ไยตอนนี้เจ้ากลับหลงลืมความรู้สึกทุกอย่างที่มีให้ข้าไปแล้วเล่า” มือขวาเอื้อมสัมผัสข้างแก้มนวลอย่างแผ่วเบา “จะโกธรหรือจะเกลียดกันย่อมดีกว่าที่เจ้าไม่ชัดเจนเหมือนตอนนี้”
หานอิงหลิวพยายามข่มตาหลับทว่าจนแล้วจนรอดก็ต้องลืมตาตื่น ม่านตาขยายกว้างแววตาสีแดงก่ำเหม่อมองคนข้างกายก่อนผายมือเผยบันทึกเล่มเก่าอีกหน ฝ่ามือซ้ายที่กำกระบี่ไม่สามารถปล่อยได้ยังคงโอบกอดร่างอรชรไม่ห่าง มือขวาถือบันทึกไว้มั่นพลางรองศีรษะคนงามให้นอนหลับสบาย ชายหนุ่มพลิกหน้ากระดาษเปิดอ่านต่อ
ข้ากับท่าน เราจากกันกี่ร้อยปีที่ไม่ได้เห็นหน้า ข้าทำตามที่ท่านบอกออกไปใช้ชีวิตนอกเมืองไม่กลับไปอีก แต่ในเมื่ออาเหนียงของข้าสิ้นใจนอนตายตาไม่หลับ นางยังคงคิดถึงอาเตี่ยของข้าอยู่ทุกลมหายใจ เป็นไปได้ข้าอยากจะเอาร่างบิดามาฝังเคียงข้างมารดาคู่ชีวิต
ปีนี้ วันนี้ข้าจึงตั้งใจกลับไปหาท่าน
แต่เหมือนสวรรค์เล่นตลกกับข้าเสียอย่างงั้นที่ทำให้ข้าได้บังเอิญเจอท่านที่กำลังนำกองทัพไปชายแดน
บุรุษเกราะเหล็กสีทมิฬน่าเกรงขามอยู่บนหลังอาชาศึก เส้นผมสีดำรวบครึ่งศีรษะปล่อยยาวไว้เบื้องหลัง ข้าไม่เคยเห็นท่านสวมชุดเกราะพร้อมออกรบมาก่อน ยิ่งอย่าพูดถึงเมื่อกาลก่อนเลย...ข้าเห็นแต่ท่านสวมเสื้อผ้าอาภรณ์สีขาวฝึกวิชากับข้าเป็นประจำ เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้วช่างแตกต่างจนข้าทำตัวไม่ถูก
ข้ายังจำคำของตนเองในกาลก่อนได้ว่า “ข้าจะปกป้องท่านไปทุกที่” หยกว่ายเหมิงอวี้ที่ข้าชอบพกติดตัวไว้แต่เดิมท่านให้ข้าเพราะจะให้ผู้อื่นเห็นว่า ข้าเป็นแม่ทัพของท่านมีสิทธิสั่งการกองทัพของท่าน ซึ่งตอนนี้กองทัพที่ว่ามาก็คงไม่เหลือแล้ว...หลังจากศึกครั้งนั้น...ช่างมันเถิด แต่เพลานี้สำหรับหยกว่ายเหมิงอวี่เป็นยิ่งกว่าป้ายสั่งกองทัพเสียอีก
มันทำให้ข้าอุ่นใจเหมือนกับว่าท่านยังอยู่กับข้าเสมอและทำให้ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่ท่านทำในนามของ ‘บุตรบุญธรรมของท่านในกาลก่อนนั้น’ เป็นเพียงการแสดงงิ้วฉากหนึ่ง อย่างไรข้าก็จะไม่ลืมเป้าหมายที่ท่านวางไว้ตั้งแต่เมื่อกาลก่อน
ในเมื่อท่านนำทัพข้าก็จะขอติดตามไปทุกที่ สตรีร่างบางอย่างข้าย่อมมีวิธีติดตามท่านอยู่แล้ว...ท่านจงหายห่วงมีข้าอยู่ท่านสบายใจได้…
หานอิงหลิวรีบปิดสมุดบันทึกทันใดก่อนผายมือเก็บดังเดิม แววตาสีแดงเข้มพลันเหลือบมองหน้านางที่ยามนี้นิ่งสงบหลับสนิท ทว่าใจเขากลับเต้นแรงแทบจะกระโดดออกจากอกรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ
สิ่งที่เขาได้อ่านนั้นช่างแตกต่างจากที่ตนคิดไว้ยิ่งนัก ตอนนั้นเขามักคิดเสมอว่านางมาเพื่อเกาะติดอยากได้ตนเป็นคู่ชีวิตก็เท่านั้น แต่ซื่อฝานหาได้คิดอย่างที่เขาคาดไว้ทว่านางกลับคิดไปไกลกว่านั้น
ชายหนุ่มดึงมือกลับพร้อมลูบอกตนเองเหมือนปลอบใจว่าสิ่งที่อ่านมานั้น...เขาต้องยอมรับเสียว่านางคงไม่ใช่สตรีธรรมดาทั่วไปในแดนมารที่ก่อกบฏเพื่อสร้างชื่อเสียง แต่ดูเหมือนว่านางจะเป็นกบฎของฝ่ายสวรรค์อย่างแท้จริง หานอิงหลิวคอยๆเอื้อมมือเข้าสาบเสื้อเพื่อหยิบหยกว่ายเหมิงอวี้ออกมาดูให้เต็มตา หยกชิ้นนี้งดงามยิ่ง ถ้าดูผิวเผินดั่งของแทนใจแต่ถ้าลองออกแรงบีบมันกลับแข็งยิ่งกว่าหยกทั่วไป หยกชนิดนี้มีอยู่ที่เดียวที่มีคือบนสวรรค์ ทีแรกเรื่องนี้หานอิงหลิวก็ไม่อาจกล้าตัดสินนางทันทีว่าเป็นฝ่ายสวรรค์เพราะอะไรน่ะหรือ...ก็เพราะว่านางอยู่ใกล้ตนแทบจะตลอดเวลาไม่มีท่าทีจะนัดพบกับคนของสวรรค์ชั้นฟ้าเลยสักนิด
ฝ่ามือเรียวพลันคลายมือซ้ายอย่างลืมตัว กระบี่ในมือถูกปล่อยวางบนที่นอนทันใด หานอิงหลิวไม่ได้ใส่ใจเรื่องกระบี่แต่กลับกุมขมับกับเรื่องราวที่นางเขียนถึง ‘ใครบางคน’ ที่ทีแรกเขาคิดว่าเป็นตนเองแต่ดูเหมือนว่า...ก็เป็น ‘ตนเอง’ จริงๆ ทว่าเป็นตนเองในกาลก่อนเสียมากกว่า
“แล้วนี่อะไร...นามของบุตรบุญธรรม ชื่อหานอิงหลิวไม่ใช่ชื่อจริงๆของข้ารึ?”
เสียงกระซิบกับตัวเองดังเข้าริมโสตหญิงสาวอย่างแผ่วเบาเหมือนแมลงบินผ่าน ซื่อฝานปัดมือพลาดถูกใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเคร่งเครียดนอนไม่หลับ หนำซ้ำนางยังสอดมือโอบกอดอีกฝ่ายแน่นไม่คลาย ใบหน้างามซุกฝังซอกคอสูดกลิ่นกายของชายหนุ่มนำพาตนเองหลับลึกอีกครา
หานอิงหลิวนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกและถึงขั้นไม่กล้าคิดให้มากความ กลัวว่านางจะได้ยินจนตื่น ช่างเป็นการทำลายฝันยามค่ำคืนเสียจริง แต่อีกใจหนึ่งเขาก็อยากจะเขย่าให้นางตื่นแล้วเอ่ยปากถามให้จบเรื่อง ทว่าตั้งสติคิดอีกหนเมื่อได้พบซื่อฝานอีกครั้ง ถ้านางมีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับตนต้องแสดงออกมาบ้างแล้วแต่ไยกลับไม่มีวี่แววสักนิด…
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะลองใช้พลังปราณตรวจดวงจิตของคนข้างกายอย่างถี่ถ้วน
นาง...ดวงจิตก็มีครบ ทุกอย่างไม่ผิดปกติ...แต่ทำไมจำเรื่องราวก่อนๆไม่ได้กันนะ...
“ซื่อฝาน!!! ท่านแม่ทัพหาน!!!”
เสียงตะโกนเรียกดังสนั่นลั่นจวน จนหญิงสาวเด้งตัวเบิกตากว้าง คนทั้งสองจ้องสบตากันอยู่บนเตียง ถ้ามีผู้อื่นพบเห็นคงคิดได้ไม่กี่อย่างว่าเมื่อคืนเป็นมาอย่างไร “ท่านแม่ทัพอยู่กับเจ้าหรือไม่ ซื่อฝาน! ถ้าอยู่ก็พากันลุกออกจากเตียงได้แล้ว มาทานข้าวทุกคนรออยู่นะ!”
ทุกคนเลย!!! จริงดิ!!!
“เวรล่ะ!”
หานอิงหลิวคิ้วขมวดถามนางกลับทันใด “อะไรนะ!”
----------------------------
ไรท์กลับมาแล้วจ้าาาาา กลับมาพร้อมท่านแม่ทัพจอมซื่อบื้อกับยายแก่จอมมึน
ฝากติดตามด้วยนะคะ
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว