36. ซาตานร้ายเดิมพันรัก

18

“อืม... ขอบใจมากหยก แค่นี้ก่อนนะ เขามองฉันใหญ่เลย”

“มองยังไงเหรอ” สามสาวถามอย่างอยากรู้อยากเห็น ไม่เว้นแม้แต่เกศราที่เงี่ยหูฟังอย่างสนอกสนใจ

“มองเหมือนจะกลืนกินน่ะแก... คิกๆ” ฟ้าใสล้อเล่นกับเพื่อน ก่อนจะหัวเราะเสียงใสและกดปิดโทรศัพท์ หันมาอีกทีก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นเขาทำหน้ายักษ์ใส่เธอ

ชิ! คนบ้าอะไรทำหน้ายักษ์ได้ตลอดเวลา ไม่เมื่อยบ้างหรือไงนะ

เธอนั่งรถไปก็เกิดความเบื่อ ถ้าเธออยู่ร้านก็คงไปส่องเฟซบุ๊กแล้ว เพราะโทรศัพท์ของเธอมันเป็นรุ่นพระเจ้าเหา ใช้ทำอะไรไม่ได้ นอกจากโทรเข้าโทรออกได้อย่างเดียว แต่จะซื้อแพงกว่านี้เธอก็ไม่ค่อยได้ใช้ มันสิ้นเปลือง เสียดายเงินชะมัด เงินทองนั้นหายาก ต้องลำบากทำงานเหนื่อย และเก็บหอมรอมริบกว่าจะได้แต่ละบาทแต่ละสตางค์ นี่เธอกะว่าจะไปซื้อทองแท่งเก็บเอาไว้อีก เค้าบอกว่ามันจะถูกลงไปอีก แล้วเอาไว้เก็งกำไรตอนทองแพงค่อยปล่อยขาย

คอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ปัจจุบันก็เป็นของที่เธอได้จากเพื่อนที่นำมาจำนำและไม่ยอมกลับมาไถ่คืน มันราคาถูกดี เธอเลยยึดเป็นของส่วนตัวไปซะเลย แต่จริงๆ จะบอกว่ายึดก็ไม่ได้ เพราะเพื่อนคงไม่กลับมาเอาอีกแล้ว

เพียงไม่นานรถยนต์คันหรูก็แล่นมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ฟ้าใสถึงกับเบิกตากว้างในความงดงามและโอ่อ่าของคฤหาสน์หลังงาม

“ว้าว...” เธอเผยอริมฝีปากค้าง บ้านคนหรือบ้านพระราชานี่ ทำไมมันใหญ่โตปานนี้ เธอเคยได้ยินว่าเทพประทานรวยมาก แต่ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้

นี่ขนาดรวย ยังคิดราคาค่าเสื้อชั้นในเธอแบบขูดเลือดขูดเนื้ออีก... ชิ! พวกนักธุรกิจค้ากำไรเกินควร พวกหน้าเลือด ไม่สงสารคนที่มีน้อยกว่า

“ลงมาได้แล้ว” เสียงขรึมเข้มทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิด หุบปากฉับ เดินลงจากรถคันหรูทันที ทำสีหน้าเชิดใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ แต่เขาหาสนใจไม่ กลับเดินละลิ่วเข้าบ้านไปอย่างสง่างาม

“รอด้วยสิ จะทิ้งกันหรือไง” เธอรีบวิ่งตามไป ไม่ใช่กลัวอะไรหรอก กลัวหลงทางเสียมากกว่า ตั้งแต่เหยียบขึ้นมาบนพื้นกระเบื้องราคาแพง เธอก็แทบอยากจะลงไปเกลือกกลิ้ง มันถูกขัดเงาวับไม่มีฝุ่นละอองแม้แต่น้อย นอนเล่นได้สบายๆ นี่ขนาดเป็นแค่ทางเท้า

“โอ๊ย!” ฟ้าใสที่วิ่งตามเข้ามาชนกับร่างสูงที่จู่ๆ ก็หยุดเดิน “นี่คุณ จู่ๆ ก็หยุดเดิน เห็นไหมว่าฉันวิ่งตามเข้ามา แย่ที่สุดเลย” ฟ้าใสตำหนิเขาตรงๆ ไม่คิดจะเกรงใจ แต่กลับได้สายตาตำหนิติเตียนเหมือนกับว่าเธอทำความผิดใหญ่หลวงกลับมาแทน ใบหน้าเย็นชานั้นทำให้เธอก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างกลัวเกรง ก้มหน้างุดเหมือนเด็กถูกผู้ใหญ่ดุเพราะทำความผิดเข้าให้ ใบหน้าดุดันอ่อนแสงลงเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าหงอ

“เทพ กลับมาแล้วเหรอลูก น้องรอเทพตั้งนานนะจ๊ะ” คุณนิดาเอ่ยทักลูกชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะหุบยิ้มฉับเมื่อเหลือบสายตาไปเห็นหญิงสาวที่มากับเทพประทาน “ใครกันตาเทพ” น้ำเสียงแข็งของมารดาทำให้เทพประทานดึงร่างบางของฟ้าใสมาโอบไหล่เอาไว้

ฟ้าใสทำสีหน้าตกใจ พยายามแกะมือเขาออกเป็นพัลวัน แต่เขากลับกุมเอาไว้แน่นจนเธอต้องนิ่งไปเอง เพราะยิ่งดิ้นก็จะยิ่งเจ็บจนหัวไหล่แทบจะแหลกออกจากกัน

“พี่เทพกลับมาแล้วเหรอคะ ลิลลี่รอตั้งนานนะคะ” รินลดาเดินออกมาจากบ้านของชายหนุ่ม แทบกรี๊ดเมื่อเห็นเทพประทานกำลังโอบกอดศัตรูตัวร้ายอย่างฟ้าใสเอาไว้

ฟ้าใสเองขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากัน ไม่คิดว่าจะเจอรินลดาที่นี่ แบบนี้ก็สนุกน่ะสิ เธอพอจะรู้อะไรเลาๆ แล้วว่าอะไรเป็นยังไง

“หมายความว่ายังไง พี่เทพไปรู้จักกับแม่นี่ได้ยังไงกัน” รินลดามองมือของเทพประทานที่วางบนไหล่ของฟ้าใสเขม็ง ถ้าเธอทำได้อยากจะเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกัน แล้วก็ตบยัยศัตรูหมายเลขหนึ่งของเธอให้คว่ำไปเลย

“ใช่ หมายความว่ายังไงกันเทพ แม่ไม่ยอมนะ ที่เทพจะไปคว้าผู้หญิงชั้นต่ำหน้าไหนมาเป็นเมีย” คุณนิดากระชากร่างฟ้าใสแล้วผลักออกไปทันควันด้วยความหวงลูกชาย ก่อนที่รินลดาจะเข้าไปกอดแขนเทพประทานเอาไว้แทน

“แล้วคุณแม่กำลังทำอะไรอยู่ล่ะครับ” เทพประทานถามเสียงเย็น

“เดี๋ยวนี้กล้าทำเสียงแบบนี้กับแม่หรือตาเทพ” คุณนิดาสะบัดหน้าใส่ลูกชาย ไม่ชอบน้ำเสียงและกิริยาแบบนี้เลยจริงๆ

“ผมโตแล้วครับแม่” เทพประทานพูดเสียงต่ำลึกอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ เขารู้สึกเหนื่อยที่ถูกมารดาบงการชีวิตแบบนี้เต็มที เมื่อไหร่เขาจะหลุดออกจากกรอบ กรอบที่เขาไม่ต้องการและเบื่อหน่ายอย่างที่สุด

“เทพโตแล้ว แต่ยังเป็นลูกแม่ หรือไม่เห็นหัวแม่แล้ว วันนี้ที่แม่เรียกเทพกลับมาเพื่อมาทานข้าวกับหนูลิลลี่ หนูลิลลี่อุตส่าห์มารอลูกตั้งหลายชั่วโมง แต่ลูกดันไปคว้าผู้หญิงคนนี้มาด้วย บอกมาสิว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ลูกคุณหญิงคนไหน เรียนจบอะไร ที่บ้านทำธุรกิจอะไร” คุณนิดาถามคำถามรัวเร็วจนชายหนุ่มต้องสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์หงุดหงิดของตัวเอง

“ผมไม่ได้ให้ใครมารอผมนี่ครับ” เทพประทานแกะมือรินลดาออกห่าง หญิงสาวหน้าชาเมื่อโดนปฏิเสธ ปกติแม้เธอจะรู้ว่าเทพประทานรำคาญเธอบ้าง แต่ไม่เคยปฏิเสธเธอออกนอกหน้าต่อหน้าคนอื่นๆ แบบนี้ หญิงสาวถึงกับเม้มริมฝีปากแน่นมากขึ้น เมื่อร่างสูงของชายหนุ่มเดินไปยืนเคียงข้างฟ้าใสอีกครั้ง

ฟ้าใสถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคอหลายเฮือกเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของคุณนิดาที่ทำท่าจะเผาเธอให้มอดไหม้เป็นจุณ แม่ลูกคู่นี้ตาดุเหมือนกันเลย

“ดิฉันไม่ได้เป็นลูกคุณหญิงคุณนายหรอกค่ะ ที่บ้านก็ไม่ได้ทำธุรกิจอะไร พ่อแม่เป็นชาวบ้านธรรมดาที่ประกอบอาชีพสุจริต” ฟ้าใสตอบไปตามตรง ไม่ชอบให้ใครมาหยามชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวตัวเอง เธอคิดไปคิดมาก็เหมือนตัวเองกำลังถูกว่าที่แม่ยายสัมภาษณ์คนที่จะมาเป็นว่าที่ลูกสะใภ้อย่างไรอย่างนั้น

“ตาเทพ แกพาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้เข้ามาในบ้านทำไม” คุณนิดาส่งสายตาจิกกัดไปหาฟ้าใส

“คุณแม่วัดจากอะไรล่ะครับว่าฟ้าใสเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ”

“ตาเทพ!” คุณนิดาแทบฟิวส์ขาด แต่พยายามระงับอารมณ์เอาไว้เต็มที่ “ไปทานข้าวกัน แม่รออยู่ เทพคงไม่อยากให้แม่ไส้แขวนหรอกนะ ส่วนหล่อนไม่ต้อง” คุณนิดาหันมาถลึงตาใส่ฟ้าใสที่ถูกดึงเข้าไปด้วย

“ฟ้าใสเป็นแขกของผม ผมชวนเธอมาทานข้าวด้วยครับ”

“เทพ” คุณนิดาเม้มริมฝีปากด้วยความไม่ชอบใจในคำพูดของบุตรชาย ตวัดสายตามองฟ้าใสที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่นาง แล้วเราจะได้เห็นดีกันนังเด็กข้างถนนไร้สกุลรุนชาติ

รินลดาตาเขียวปัดเมื่อเห็นเทพประทานกุมไหล่ฟ้าใสเอาไว้แน่น เธอเกาะแขนคุณนิดาแจ ออกอาการกระฟัดกระเฟียด ตอนนี้เธอยังมีคดีติดตัวอยู่เรื่องที่ตบตีที่ผับ ผู้จัดการส่วนตัวจึงขอให้เธอเก็บตัวเงียบไว้ก่อน รอวันแถลงข่าว ทั้งๆ ที่เธอไม่อยากจะสนใจ แต่เพราะชื่อเสียงที่เสียหายทำให้เธอต้องยอมทนที่จะไม่ออกไปไหนมาไหนตามใจชอบเหมือนก่อน เธอทำท่าจะตามทุกคนเข้าไปรับประทานอาหาร แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน จึงกล่าวขอตัวเบาๆ อย่างขัดใจเล็กน้อย

“มีอะไรยัยทิพย์ ฉันกำลังยุ่งอยู่นะ”

“แกยุ่งยังไงก็ต้องตัดไปก่อน แกรีบเข้าไปดูเฟซบุ๊กแก๊งหวานเย็นเลยแก”

“มีอะไรอีกล่ะ”

“รีบเข้าไปด่วน แล้วแกจะรู้ แค่นี้นะ” ศรินทิพย์รีบวางสาย ก่อนที่ระเบิดลูกใหญ่จะลงเธอแทน

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว