พอซ่งเจ๋อได้ยินประโยคเหล่านั้นก็รู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่เต้นแรงขึ้น
อันที่จริงหยางเวยพูดถูก
หลังจากที่เธอมาอยู่ในบ้านตระกูลซ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเธอ นึกดูถูกเธอ แต่ก็น่าแปลกที่เขามักจะคอยสังเกตเธออยู่ตลอด เธอพยายามเอาใจเขา ช่วยเขาเขียนการบ้าน แบกกระเป๋า จดเลกเชอร์ และยังช่วยเขาโกหกจ้าวหยางหลาน มีครั้งหนึ่งที่เขาทำผิดเธอยังช่วยพูดแก้ตัวแทนเขา เขาเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ทุกสิ่งที่เธอทำเขาจดจำได้เสมอและก็ย่อมทำดีกับเธอบ้าง
ตอนที่เธอหนีออกจากบ้าน เขาออกตามหาไปทั่วทั้งเมืองตอนแรกเขาตั้งใจจะระเบิดอารมณ์ใส่ แต่พอพบเธอและเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่ในร้านเคเอฟซี เขาก็รู้สึกว่า เอาเถอะ จะไปถือสาอะไรกับแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง
“ฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ เขาก็เข้ามาดึงฉันให้ลุกขึ้นและบอกกับฉันว่า สอบไม่ได้แล้วจะเป็นอะไร เธอสอบได้ดีฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าเธอดี เธอสอบได้ไม่ดีฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าเธอแย่ ครั้งนี้สอบได้ไม่ดีครั้งหน้าก็สอบใหม่ กลับบ้านไปฉันจะคอยดูว่าใครกล้าว่าเธอเดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง”
หยางเวยพูดพลางเผลอยิ้มออกมา
ซ่งเจ๋อหลับตาลงก่อนจะลุกขึ้น เปิดไลฟ์สดในโทรศัพท์พลางหันไปหยิบเสื้อโค้ต เดินออกจากห้องไป
เขาขึ้นนั่งบนรถ วางโทรศัพท์ไว้ด้านหน้า หยางเวยยังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆ
“จากนั้นเขาก็พาฉันกลับบ้าน เมื่อไปถึงบ้านคนอื่นยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็เข้ามายืนขวางอยู่หน้าฉันพร้อมบอกกับทุกคนว่าฉันเก่งมาก ครั้งนี้ฉันสอบได้ที่สองของห้อง ชีวิตนี้เขายังไม่เคยสอบได้คะแนนสูงขนาดนี้ด้วยซ้ำ ก็เลยฉลองด้วยการพาฉันไปกินเคเอฟซี”
“ก็คงจะเป็นตอนนั้นล่ะมั้ง” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน “วินาทีที่เขายืนขวางอยู่หน้าฉันจู่ๆ ฉันก็รู้สึกหวั่นไหว และฉันก็รู้สึกว่า...”
หยางเวยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือเล็กน้อยจนทุกคนต่างฟังออก ไม่ง่ายเลยที่จะพูดประโยคนั้นออกมา
เธอพูดว่า
“ฉันชอบคนคนนี้ ฉันอยากจะชอบเขาคนนี้ไปนานๆ เลย”
คำพูดนี้ของเธอเหมือนค้อนเหล็กขนาดมหึมาที่ทุบลงบนทะเลน้ำแข็งในใจของซ่งเจ๋อ เมื่อน้ำแข็งหนาที่เกาะบนผืนน้ำถูกทุบจนแหลกละเอียด สิ่งที่เหลืออยู่คือมวลน้ำที่ละลายไหลริน
อันที่จริงหลังจากที่หย่ากันมาเกือบเดือนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ประโยคนั้นกลับทำให้จู่ๆ เขาก็รู้สึกคล้ายมีบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอจนเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมา
ความเย่อหยิ่งและทิฐิทำให้เขายังคงรักษาท่าทางสงบนิ่ง แต่ความจริงในใจกลับยอมศิโรราบให้เธอแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเขาน่าจะขอโทษเธอ เขาอยากให้เธอกลับมา เขาได้ยินเธอพูดอีกครั้งว่า “ฉันชอบคนคนนี้”
เขาขับรถอย่างรวดเร็ว ส่วนหยางเวยก็เปลี่ยนไปพูดประเด็นอื่น
เธอพูดติดตลกจนแม้แต่ตัวเขาเองก็อดขำไม่ได้ เขาขับรถมาหยุดที่หน้าตึกของเธอ ตอนนั้นเองไลฟ์สดของหยางเวยก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย เธอเริ่มเกมที่ท้าทายประจำวัน โดยกิจกรรมก็คือผู้ที่เป็นแอดมินจะทำหน้าที่เรียงลำดับผู้ที่ให้ของขวัญมากที่สุดสิบอันดับแรก ให้ทุกคนตั้งกติกาเกมที่เหมาะสมขึ้นมา จากนั้นหยางเวยก็จะสุ่มหยิบกติกาเกมขึ้นมาหนึ่งอย่าง
แอดมินจะเป็นคนคัดกรองกติกาเหล่านี้ก่อน โดยกติกาที่ไม่เหมาะสมก็จะไม่ปรากฏในไลฟ์สด ส่วนใหญ่เป็นกติกาการเล่นแผลงๆ ที่มีให้เห็นทั่วไป หยางเวยดื่มน้ำอึกใหญ่ก่อนจะมองแอดมินสุ่มกติกาวันนี้ออกมา...
แกล้งส่งข้อความเป็นมิจฉาชีพเพื่อยืมเงินหนึ่งร้อยหยวนกับชื่อผู้ติดต่อคนแรกในโทรศัพท์
พอหยางเวยเห็นกติกานั้นก็แทบพ่นน้ำในทันที แต่ว่ากติกานี้ก็ไม่ถือว่าเกินไป เธอกระแอมเล็กน้อยและเอ่ยว่า “เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอดูก่อนว่าชื่อผู้ติดต่อคนแรกในโทรศัพท์ก็คือ...”
เธอเปิดโทรศัพท์หาชื่อผู้ติดต่อคนแรกและเห็นว่าเป็นชื่ออาเจ๋อ
หยางเวยนิ่งไป ตอนนั้นเองถึงนึกขึ้นได้ว่า เธอเคยปักหมุดทุกช่องทางการติดต่อของซ่งเจ๋อขึ้นเป็นอันดับแรก แม้แต่เบอร์โทรศัพท์เธอก็ยังหาวิธีทำให้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง พอแฟนคลับเห็นปฏิกิริยาของเธอก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ใครอะ?”
“เบอร์แรกเป็นเบอร์ของใครหรือ?”
“ฉันว่าต้องเป็นของสามีเก่าแน่ๆ”
“เอ๊ะ เอ๊ะ จริงหรือเปล่าเนี่ย หลอกเขาเร็ว หลอกเร็ว”
“เอ่อ...ไม่ดีมั้ง” หยางเวยเห็นเบอร์โทรศัพท์ของซ่งเจ๋อ พอคิดถึงสีหน้าของซ่งเจ๋อเมื่อได้รับข้อความประเภทนี้เธอก็อดสะท้านไม่ได้ เธอจึงตัดบทว่า “ไม่ได้ ฉันตายแน่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรหรอก”
“กวนประสาทเลยเร็ว ส่งข้อความไปกวนประสาทเขา”
พอทุกคนแน่ใจว่านั่นเป็นเบอร์ของสามีเก่าก็ยิ่งคึกคัก
ในตอนนั้นเองซ่งเจ๋อก็มาอยู่หน้าประตูบ้านของหยางเวย เขาเห็นสีหน้าลำบากใจของเธอก็นึกขำอยู่ไม่น้อย
หยางเวยรู้สึกลังเลที่จะส่งข้อความให้ซ่งเจ๋อ ท่าทีลังเลของเธอทำให้ทุกคนยิ่งนึกสนุก อาหนานแอบเตือนหยางเวยว่า “พี่เวยเวยถ้ารับปากแฟนคลับแล้วทางที่ดีต้องทำให้ได้ นอกจากว่าผลลัพธ์จะร้ายแรงจริงๆ ไม่งั้นเกมก็ไม่สนุกนะพี่”
หยางเวยเห็นประโยคนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติ
เธอคิดว่าที่อาหนานพูดก็ถูก แค่ส่งข้อความให้ซ่งเจ๋อไม่ใช่หรือ
ได้เลย
ต่อไปเขาก็จะเป็นบอสของเธอ ทั้งสองยังมีเรื่องที่ต้องเผชิญหน้ากันอีกมาก ก็แค่ส่งข้อความไม่ใช่หรือ เธอไม่กลัวหรอก ไม่กลัวจริงๆ
เธอพยายามปลุกความกล้าในใจ หยางเวยตะโกนออกไปว่า “มา ฉันขอพลีชีพเล่นกับพวกคุณสักตั้ง”
“พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย” เธอปรับอารมณ์และเอ่ยด้วยเสียงที่ดังขึ้นว่า “วันนี้ฉันจะพลีชีพโดยการไลฟ์สดให้ทุกคนดูว่าจะหลอกผัวเก่าอย่างไร มาเร็วรีบกดไลก์เร็ว เมนต์มารัวๆ เลยจ้า”
พอพูดจบหน้าจอก็เต็มไปด้วยคอมเมนต์เลข 6 หกตัว
จากนั้นก็มีของขวัญลอยอยู่เต็มหน้าจอไปหมด ซ่งเจ๋อยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
แค่คิดว่าตัวเองถูกเอามาล้อเล่นต่อหน้ากลุ่มคนพวกนี้ก็รู้สึกแปลกอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง เขาอยากดูว่าหยางเวยจะทำให้เขาประหลาดใจได้แค่ไหน
ดังนั้นเขาจึงรออยู่เงียบๆ และอาศัยจังหวะนั้นในการเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ซึ่งคิดได้เมื่อสักครู่ว่า “ผัวเก่า” ในตอนนั้นก็มีข้อความจากหยางเวยส่งมาถึงเขา
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นผู้หญิงที่อยากมีลูกมาก แต่สามีของฉันเป็นหมัน มีลูกไม่ได้ ฉันก็เลยขอประกาศทุ่มเม็ดเงิน แค่คุณสามารถทำความฝันในการได้เป็นแม่คนของฉันให้เป็นจริง ฉันจ่ายไม่อั้น ฉันจะโอนเงินสดให้คุณห้าแสนหยวนไม่ให้ขาดแม้แต่หยวนเดียว”
ซ่งเจ๋อเห็นประโยคนั้นก็ทั้งนึกโมโหและนึกขำ เขามองผู้หญิงในไลฟ์สดที่นั่งเท้าคางรอข้อความตอบกลับ แถมยังพูดอวดกับแฟนคลับอีกว่า “ฉันพนันด้วยเงินหนึ่งหยวนว่าเขาต้องไล่ฉันให้ไปไกลๆ แน่ๆ” หยางเวยรออยู่สักพัก ซ่งเจ๋อก็ก้มหน้าตอบกลับไปว่า “ได้”
ข้อความนั้นทำให้หยางเวยนิ่งงันด้วยความตกตะลึง แฟนคลับรีบพากันถามว่า “เขาว่าอะไรหรือ? เวยเวย เขาหลงกลแล้วหรือ?”
หยางเวยรู้สึกถึงอารมณ์ที่ปั่นป่วน เธอรู้สึกว่าโทรศัพท์ของซ่งเจ๋อต้องถูกขโมยไปแน่ๆ จึงตอบไปว่า “แต่ก่อนจะทำเรื่องนี้คุณต้องจ่ายค่าทำเอกสารสัญญาหนึ่งร้อยหยวน”
“ได้” ครั้งนี้ซ่งเจ๋อพิมพ์ตอบอย่างรวดเร็ว “แต่ก่อนที่จะให้เงินคุณ ผมขอถามหน่อยว่า เมื่อไหร่ผมจะได้ทำความฝันในการเป็นแม่คนของคุณให้เป็นจริง?”
หยางเวย “...”
ซ่งเจ๋อบ้าไปแล้วแน่ๆ
สีหน้าของหยางเวยทำให้แฟนคลับประหลาดใจอย่างยิ่ง
“เขาพูดว่าอะไรอะ?”
“อยากรู้จัง เขาพูดว่าอะไรเนี่ย?”
“ขอร้องล่ะ เวยเวยรีบบอกเร็ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หยางเวยไม่ได้พูดอะไร เธอยกมือขึ้นปรามและเอ่ยว่า “ทุกคนรอแป๊บนะ ฉันเกิดปัญหานิดหน่อย ฉันต้องตั้งสติก่อน ตอนนี้รู้สึกว่าสมองไม่ทำงานเลย”
ผ่านไปพักหนึ่งเธอก็เริ่มปรับทุกข์ว่า “ขอโทษนะ อันที่จริงฉันหลอกคุณ ฉันไม่ได้จะทุ่มเม็ดเงินอะไรหรอก ฉันแค่โกหกคุณ”
“อ้อ”
“พอจากคุณมา ฉันไม่มีเงินสักแดงเดียว ไม่มีทางไป ตอนนี้กินข้าวสักมื้อยังยากเลย ฉันจำได้ว่าคุณเป็นคนจิตใจดีงามแถมยังมีคุณธรรม เห็นแก่ที่เราเคยเป็นผัวเมียกันมา คุณพอจะให้ฉันยืมสักหนึ่งร้อยหยวนได้ไหม?”
“เมื่อไหร่ผมจะได้ทำให้ความฝันคุณเป็นจริง?”
“ไม่ต้องแล้ว ฉันเลี้ยงลูกไม่ไหวหรอก”
“ผมเลี้ยงเอง”
“ขอบคุณนะ คุณสูงส่งเกินไป ฉันไม่คู่ควรกับคุณหรอก ตกลงจะให้ยืมเงินหรือเปล่า?”
ซ่งเจ๋อต่อปากต่อคำกับเธอเล็กน้อยและรู้สึกว่าควรจะจบบทสนทนาได้แล้ว เขายืนพิงกำแพงพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบไปว่า “ผมรู้สึกว่าที่คุณชมผมเมื่อกี้ทำให้ผมมีความสุขมากเลย ลองชมอีกสักหน่อยผมอาจให้คุณยืมเงินก็ได้นะ”
ครู่นั้นเองจิตวิญญาณของนักประจบประแจงอย่างหยางเวยก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที เธอสามารถกล่าวชมซ่งเจ๋อได้เป็นวรรคเป็นเวรแม้แต่ตดยังหอม วินาทีนั้นเธอเริ่มพิมพ์อย่างบ้าคลั่งและใช้คำชมทุกอย่างเท่าที่เธอจะคิดออกเขียนลงไปทั้งหมด เธอพิมพ์ข้อความพลางพูดกับแฟนคลับว่า “ฉันกำลังจะยืมเงินได้แล้ว เดี๋ยวอีกแป๊บหนึ่งฉันจะประกาศผลลัพธ์ให้ทุกคนได้รู้ ให้ทุกคนร่วมเฮด้วยกันนะ”
ถ้าสามารถยืมเงินซ่งเจ๋อได้ในสถานการณ์อย่างนี้ ไม่ว่าเขาจะบ้าหรือโง่แต่ก็ถือเป็นเกียรติกับเธออย่างมาก
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่