EP : 59 ไม่เห็นด้วย
รุ่งเช้าร่างบางที่ถูกร่างสูงใหญ่โอบกอดก็พลันรู้สึกตัวขึ้นมา นางตัวแข็งทื่อเมื่อรับรู้ว่าถูกกอด นางพยายามกวาดสายตาไปรอบๆ โดยไม่มีการขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
เว่ยลู่เซียนกำลังคิดทบทวนอยู่ว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร จำได้ว่านั่งดื่มกับทั้งสามอยู่นี่น่าจำได้ว่าพวกนางพูดคุยกันว่าจะพากันไปหาสมุนไพรเพื่อมาหลอมโอสถ
จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย ที่นางดื่มเหล้าไปขนาดไหนกันนะถึงได้จำอะไรเกี่ยวกับเมื่อคืนไม่ได้เลย
“ปวดหัวชะมัด” นางพึมพำก่อนจะค่อยๆ แกะมือที่โอบเอวของนางแน่นออกไปอย่างเบาๆ
เว่ยลู่เซียนไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าเซียวป้อจ้านนั้นรู้สึกตัวแล้ว เขารู้สึกตัวตั้งแต่ที่นางตัวแข็งทื่อ
เพราะก่อนหน้านี้นางยังนอนดิ้นเบียดเขาอยู่เลย พอจู่ๆ นางตัวแข็งทื่อแบบนั้นเขาก็รู้ได้เลยว่านางตื่นแล้วเพียงแต่เขาไม่ได้พูดอะไร
เขาเพียงแค่อยากดูอาการของเว่ยลู่เซียนว่านางจะทำตัวอย่างไรเมื่อรู้ว่าตัวเองมานอนกับเขาที่นี่
“ต้องรีบออกไปแล้ว” เว่ยลู่เซียนกล่าวขึ้นเมื่อหลุดออกมาจากอ้อมกอดของเซียวป้อจ้านได้สำเร็จ
“จะไปไหน”
ยังไม่ทันที่เว่ยลู่เซียนจะได้หายตัวออกไปห้อง เสียงของคนข้างหลังก็เอ่ยขึ้นมาทันที
“ตะ…ตื่นแล้วหรือ” เว่ยลู่เซียนที่คิดคำพูดไม่ออก ก็ได้แต่ถามออกไปแบบสุ่มๆ เอา ซึ่งเมื่อหลุดคำออกไป
นางก็รู้สึกว่านางนั้นโง่มากที่ถามเขาแบบนั้น ก็เห็นๆ อยู่ว่าเซียวป้อจ้านตื่นแล้ว
“อืม” เซียวป้อจ้านครางตอบขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างช้า เสื้อของเขาหลุดออกจากบ่าไปข้างหนึ่ง ซึ่งมันดูดีมากทีเดียว เขาเหมือนกับชายหนุ่มเจ้าสำราญไม่มีผิด
“ข้าทำให้ตื่นหรือ” เว่ยลู่เซียนถามไปเรื่อย อันที่จริงนางไม่ได้ต้องการคำตอบจากอีกฝ่าย
เพียงแต่ตอนนี้นางอยากออกไปจากห้องนี้เร็วๆ จะแย่อยู่แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็ยังอยากจะรู้ว่าตัวเองมานอนที่ห้องนี้ได้ยังไง ปกติถ้าหากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นนางต้องเอ่ยถามอีกฝ่ายตรงๆ ไปแล้วเป็นแน่
แต่ว่าครั้งนี้นางรู้สึกไม่กล้าถามอีกฝ่ายเสียอย่างนั้นราวกับว่านางกลัวคำตอบของอีกฝ่ายที่ตอบนางมา
หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่นางคิดหรอกนะ พวกนางคงไม่ได้มีอะไรกันมากกว่าการนอนกอดกันเป็นแน่
“อืม” เซียวป้อจ้านครางกับพลางจ้องมองอาการทำตัวไม่ถูกของเว่ยลู่เซียนไปด้วยความชอบใจ เขาไม่เคยเห็นมุมนี้ของนางเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อ งั้นข้าขอตัวก่อน” เว่ยลู่เซียนรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ก็พูดขึ้นมาก่อนจะหายตัวออกไปจากห้อง นางไม่ได้กลับห้องแต่นางตรงไปที่โรงหมอเลยจะบอกให้ถูกก็คือนางกำลังหลบหน้าทุกคนอยู่ต่างหาก
“เดี๋ยวนะ ข้าจำได้ว่าข้าไม่ได้ใส่ชุดนี้ไม่ใช่หรือ” เว่ยลู่เซียนที่เพิ่งสังเกตเห็นว่าตัวเองใส่ชุดของใครก็ไม่รู้ก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ นางจำได้ว่าตอนไปดื่มเหล้านั้นใส่ชุดสีน้ำเงิน แต่ตอนนี้นางใส่ชุดสีเหลือง
“อะไรนะ พวกนอกกรีตถูกจัดการหมดแล้วหรือ” เสวี่ยซานเฟยเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้เมื่อได้รับรายงานจากลูกน้องตัวเองมาว่าพวกนอกกรีตถูกจัดการไปหมดแล้ว
“เป็นไปได้อย่างไรที่วันเดียวพวกนอกกรีตจะถูกจัดการหมด” เสวี่ยซานเฟยพึมพำอย่างอดไม่ได้ เขาล่ะสงสัยจริงๆ ว่าใครเป็นคนจัดการพวกนอกกรีตนั้นได้อย่างง่ายดาย
จะเป็นพวกเว่ยหมิงหย่งก็ไม่น่าจะใช่เพราะไม่น่าจะจัดการพวกนอกกรีตที่ขนาดพวกราชวงศ์ยังไม่สามารถจัดการได้เลย
“ใครกันนะ ที่เป็นคนจัดการพวกนั้น” เสวี่ยซานเฟยเอ่ยพลางอยู่ดีๆ ก็นึกถึงใบหน้างามของเว่ยลู่เซียนไปด้วย
“นางจะเป็นอย่างไรบ้างนะ” กล่าวจบก็หวนนึกไปถึงอดีตไปด้วย นางยังจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้ คงต้องรอต่อไป เขาจะไม่ยอมให้เซียวป้อจ้านพรากนางไปจากเขาอีกเป็นครั้งที่สองแน่
“พวกเผ่าพยัคฆ์ทำงานไปถึงไหนแล้วนะ” เสวี่ยซานเฟยเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาได้สั่งให้พวกพยัคฆ์ทำงานให้กับตัวเอง
“อะไรนะ!! เจ้าบอกว่าจะไปตามหาสมุนไพรเพื่อหลอมโอสถงั้นหรือ”
ในช่วงเย็นเว่ยลู่เซียนที่กลับมาที่บ้านก็ได้บอกเรื่องที่ตัวเองจะไปหาสมุนไพรเพื่อเอามาหลอมโอสถ
“เจ้าค่ะ” เว่ยลู่เซียนตอบเว่ยเฉินเทียนที่ทำหน้าตกใจ และมีความไม่เห็นด้วยอยู่ในแววตา
นั่นเป็นเพราะไอ้เรื่องหาสมุนไพรนี่แหละที่ทำให้น้องสาวของเขานั้นความจำเสื่อม แล้วจะให้เขาเห็นด้วยได้อย่างไรกัน
“ไม่ได้เด็ดขาดพี่ไม่เห็นด้วย” เว่ยเหลียงฉางกล่าวขึ้นเขาก็เป็นอีกคนที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเว่ยลู่เซียนที่จะไปหาสมุนไพรในครั้งนี้
มันอันตรายเกินไป ถ้าหากมันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีกจะทำอย่างไร
“พี่ก็ไม่เห็นด้วย” เว่ยเซี่ยวป้อเอ่ยพลางมองผู้เป็นน้องสาวเขม้น
“พี่ก็เหมือนกัน” เว่ยหมิงหย่งพูดพร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับพี่ชายของเขา
“เจ้าจะไปตามหาสมุนไพรเพื่อทำโอสถทะลวงเทพใช่หรือไม่” เซียวป้อจ้านที่นั่งเงียบอยู่ก็พูดขึ้น เมื่อไล่ดูสมุนไพรที่บอกต้องการเอามาหลอมโอสถ
“รู้ได้อย่างไร” เว่ยลู่เซียนเอ่ยอย่างตกใจเพราะโอสถตัวนี้นางได้มันมาจากตำราลับที่นางเคยเก็บได้และไม่มีทางที่ใครจะรู้ได้อย่างแน่นอน
“ก็ตำราสมุนไพรของข้ามันอยู่ที่เจ้านี่” เซียวป้อจ้านเอ่ยยิ้มๆ นางจะรู้อะไรตำรานั้นมันก็เป็นของเขาที่แอบให้ลูกน้องเอาไปให้นางนั่นเอง
“อะไรกัน ตำรานั่นมันเป็นของข้าต่างหาก” เว่ยลู่เซียนเถียงกลับอย่างไม่ยินยอมมันจะไปเป็นของเซียวป้อจ้านไปได้อย่างไรกัน
“เจ้ามั่นใจ?” เซียวป้อจ้านกล่าวถามยิ้มๆ วันนี้นางหลบหน้าเขาทั้งวัน แต่เขาก็ไม่ได้ตามไปหานางแต่อย่างใด
เพราะรู้ดีว่านางกำลังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเผลอๆ นางอาจจะลืมเรื่องเมื่อคืนไปแล้วก็ได้ เพราะสีหน้าของนางมันบ่งบอกว่าจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้
เว่ยลู่เซียนเมื่อเห็นสีหน้าของเซียวป้อจ้านก็เริ่มไม่มั่นใจขึ้นมาเพราะตำราเล่มนี้นางก็ไม่รู้ว่ามันเป็นของใคร
แต่ตำราเล่มนี้มันพิเศษคือรายละเอียดมันเยอะแถมยังมีโอสถแปลกๆ ที่นักหลอมโอสถทุกคนไม่รู้จักและไม่เคยมีใครหลอมันมาก่อน
“เดี๋ยวนะ เจ้าบอกลู่เซียนจะหลอมโอสถทะลวงเทพอย่างนั้นหรือ” เว่ยหมิงหย่งเอ่ยถามอย่างตกใจเมื่อได้ยินว่าเว่ยลู่เซียนจะหลอมโอสถทะลวงเทพ
หากคนนอกรู้เข้ามีหวังเกิดเรื่องวุ่นวายเป็นแน่ ยิ่งพวกที่กำลังหาทางทะลวงระดับเทพอยู่นั้น พวกมันต้องสนใจโอสถทะลวงเทพเป็นแน่
“อืม” เซียวป้อจ้านครางเบาๆ สายตาไม่ได้ละไปจากเว่ยลู่เซียนเลยสักนิด ภาพนั้นทำให้ทุกคนอดที่จะหมั่นไส้เซียวป้อจ้านไม่ได้
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว