ข้าเป็นเพียงอดีตฮูหยิน- EP : 13 เยาะเย้ย

โดย  Rensaki

ข้าเป็นเพียงอดีตฮูหยิน

EP : 13 เยาะเย้ย





EP : 13 เยาะเย้ย






เมื่อมาถึงนางก็ติดป้ายบอกทันทีว่าตอนเช้ารับตรวจชาวบ้านธรรมดาเพียงห้าสิบคน ตอนบ่ายรับผู้มีวรยุทธ์เพียงยี่สิบคนเท่านั้น เพราะนางจะได้มีเวลาพักบ้าง


คนบางคนเข้าใจบางคนก็ไม่เข้าใจ ซึ่งนางก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป เพราะนางก็เป็นคนซึ่งมันก็ต้องมีบ้างที่เหนื่อย


ถ้าจะให้นางรักษาคนที่เข้ามารักษาหมดเลย มันก็เป็นไปได้ยาก เพราะผู้คนที่เข้ามารักษากับนางนั้นก็มากเกินกว่าที่จะรักษาวันเดียวแล้วให้หมดไป


“ท่านช่วยรักษาแขนข้างนี้ของข้าได้หรือไม่” ช่วงบ่ายมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วกล่าวบอกพลางเลิกชายแขนเสื้อออกให้เห็นแขนที่เน่าเปื่อยของตัวเองให้เว่ยลู่เซียนดู


“วางแขนลงกับโต๊ะ” เว่ยลู่เซียนที่เห็นดังนั้นก็กล่าวบอกก่อนจะเอาเข็มดูดพิษออกมาสิบเล่มก่อนจะจิ้มเข็มบนแขนของชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว


“อยู่นิ่งๆ” นางเอ่ยบอกเมื่ออีกฝ่ายกำลังขยับแขนเพราะถ้าขยับแขนแม้แต่นิดเดียวพิษที่นางทำให้นิ่งอยู่กับที่มันจะหนีหายไป


“ข้าขอเดาอสรพิษสามเศียรระดับลมปราณสวรรค์ขั้นกลาง” เว่ยลู่เซียนกล่าวเมื่อมองแขนของชายหนุ่มและมองการเปลี่ยนแปลงของเข็มเงินของนาง


“ถะ…ถูกต้องขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบอดไม่ได้ที่จะตกใจที่หญิงสาวบอกเช่นนั้น


“รออีกไม่นานก็จะเสร็จแล้ว ทั้งหมดสามสิบเหรียญทอง” เว่ยลู่เซียนกล่าวบอก


ก่อนจะรินน้ำชาใส่แก้วแล้วจิบนิดๆ คนไข้ช่วงบ่ายไม่เยอะอย่างที่คิดเอาไว้ สงสัยเพระไม่ได้เป็นอะไรมากมายก็ไปหาซื้อโอสถตามร้านอื่นๆ มาก็หายแล้ว ซึ่งมันก็ช่วยนางได้มากเหมือนกัน


“ขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบก่อนจะล้วงเอาเงินจากแหวนมิติมาให้กับหญิงสาวตรงหน้า


“เสร็จแล้ว” เว่ยลู่เซียนเอาเงินเข้าแหวนมิติก็ดึงเข็มออกทันที นางเอาเข็มใส่อ่างน้ำก่อนจะจุดไฟด้วยลมปราณเพื่อทำลายพิษออกจากเข็ม


“ขอบคุณท่านหมอมากขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไป


จากนั้นมีคนป่วยเข้ามาใหม่เรื่อยๆ จนหมด เว่ยลู่เซียนที่เห็นว่าวันนี้ไม่มีคนมารักษาต่อแล้วก็ปิดโรงหมอทันที เพราะว่าจะไปเดินแถวนี้ก่อนเผื่อเจออะไรดีๆ


“ยินดีต้อนรับขอรับ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาในร้านอาหารในเมืองนี้ไม่มีใครไม่รู้หรอกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร เพราะงั้นการที่หญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหารของพวกเขาก็ดีใจมากแล้ว


“ไม่นึกว่าจะได้เจอกัน” เดินเข้ามาได้ไม่ทันไร ก็มีเสียงทักแกมเยาะเย้ยดังขึ้นมาทันที


“เจ้าเองหรือ นึกว่าเสียงนกเสียงกา” เว่ยลู่เซียนหันไปมองอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้น ไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่นี่แถมเร็วขนาดนี้ นั้นหมายความว่าโม่ฉิงหลานต้องอยู่ที่นี่ด้วยเป็นแน่ เฮ้อ หนีกลับทันหรือไม่นะ


“เจ้า! หึ! นึกว่าจะหนีกลับแคว้นไปเสียแล้ว ที่ไหนได้มาอาศัยอยู่ที่เมืองนภานี่เอง คงหวังให้ท่านพี่ตามเจ้ากลับมาสินะ อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย ท่านพี่ไม่เคยรักเจ้า จำเอาไว้ว่าท่านพี่รักข้าต่างหาก” หลินปิงหญิงสาวที่ได้หัวใจของโม่ฉิงหลานไปครอบครอง กล่าวบอกเว่ยลู่เซียนอย่างเหนือกว่า


แค่นางได้แต่งงานกับโม่ฉิงหลานก็ดีใจแทบแย่ แล้วไหนจะเว่ยลู่เซียนที่หนีออกจากตระกูลนั้นยิ่งทำให้นางชอบใจอย่างมาก


เพียงแค่โม่ฉิงหลานแต่งนางเข้าตระกูลเว่ยลู่เซียนถึงกับทนรับไม่ไหวจนต้องหนีออกมา เรื่องนี้เขาลือกันไปทั่วเมืองกันหมดแล้ว


“เรื่องนั้นข้ารู้ดี” เว่ยลู่เซียนกล่าวบอกก่อนจะเดินจากไปไม่ต่อปากต่อคำกับหลินปิงอีกเพราะรู้ดีว่านางกำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนอยู่


“เจ้าไม่มีวันได้หัวใจของท่านพี่ไปได้หรอกจำเอาไว้” หลินปิงที่เห็นว่าเว่ยลู่เซียนเดินจากไปโดยไม่สนใจนางก็เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้


“เอะอะอะไรกันหลินปิง” โม่ฉิงหลานที่ทำธุระเสร็จก็เดินเข้าร้านอาหารมาทันที มาทันได้ยินเสียงของหลินปิงเข้าพอดี


“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ พอดีข้าถูกเดินชนนิดหน่อย” หลินปิงหันไปกล่าวเสียงหวานกับผู้เป็นสามีของนางทันที


“ไม่มีอะไรก็ไปนั่งเถอะ เจ้าบอกว่าหิวไม่ใช่หรือ” โม่ฉิงหลานกล่าวบอกเสียงนุ่ม


“เจ้าค่ะ” หลินปิงเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะตั้งใจเดินไปนั่งโต๊ะใกล้ๆ กับเว่ยลู่เซียนที่นางทำแบบนี้ก็เพื่อจะตอกย้ำและเยาะเย้ยอีกฝ่ายไปด้วย คิดว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่แล้วจะอยู่เหนือนางได้อย่างนั้นหรือ ไม่มีทางเสียหรอก


“เว่ยลู่เซียน” ทันทีที่เห็นว่าใครนั่งอยู่ข้างๆ โม่ฉิงหลานก็เอ่ยขึ้นมาทันทีอย่างตกใจ นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน


เว่ยลู่เซียนที่รู้อยู่แล้วว่าหลินปิงต้องทำแบบนี้ก็เลยนั่งนิ่งไม่สนใจคนทั้งคู่ และไม่สนใจสายตาของโม่ฉิงหลานที่จ้องมองมาที่นางตลอดเวลา


“ช่วยห่ออาหารพวกนี้ให้ข้าได้หรือไม่” ทันทีที่ชายหนุ่มพนักงานเอาอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ เว่ยลู่เซียนก็เอ่ยบอกทันที


“ได้ขอรับ” ชายหนุ่มพนักงานเอ่ยตอบก่อนจะไปจัดการอย่างรวดเร็ว


“ลู่เซียนเจ้าไม่อยู่ทานอาหารกับพวกเราก่อนเล่า อย่างน้อยเราก็เคยเป็นครอบครัวเดียวกันนะ” หลินปิงเอ่ยขึ้นพลางยิ้มนิดๆ ราวกับดีใจมากที่ได้เจอเว่ยลู่เซียน


เว่ยลู่เซียนที่ได้ยินดังนั้นก็กระตุกยิ้มทันทีแล้วเอ่ยส่วนกลับอีกฝ่ายไป


“พอดีข้ามีคนรออยู่ที่บ้าน” กล่าวจบก็รับอาหารจากพนักงานแล้วจ่ายเงินไปทันที จากนั้นก็เดินออกจากร้านไปโดยไม่ได้หันกลับไปมองหน้าของหลินปิงว่าจะเป็นอย่างไรต่อ


“พึ่งหย่ากับท่านพี่ได้ไม่ทันไร นางก็หาสามีได้แล้วนางไม่ไว้หน้าท่านพี่เลยสักนิด” หลินปิงกล่าวขึ้นพลางแสดงท่าทางโมโหนิดๆ


โม่ฉิงหลานที่ได้ยินหลินปิงกล่าวเช่นนั้นก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ที่นางยอมหย่ากับเขา นั้นก็เพราะว่านางมีคนใหม่อย่างนั้นหรือ ไม่ได้! เขาต้องตามนางกลับตระกูล ท่านพ่อย้ำกับเขาว่าอย่างไรก็ต้องพานางกลับตระกูลให้ได้ไม่อย่างนั้นตระกูลของเขาต้องล้มสลายเป็นแน่


“ปานนี้สองคนนั้นจะทานอะไรหรือยังนะ” เว่ยลู่เซียนพึมพำเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าที่บ้านไม่มีอะไรให้ทาน


แถมหลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นดื่มโอสถไปก็ต้องสลบไปหนึ่งวันเต็มถึงจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง


ที่เมื่อเช้าไม่ได้บอกเอาไว้นั้นเป็นเพราะหมั่นไส้รอยยิ้มอย่างอีกฝ่ายเท่านั้น ร่าเริงไม่รู้เวลาเลยจริงๆ




พระเอกเรามาแบบไม่มีบทน่า มาตอนแรกเลย แล้วก็จะมาอีกตอนจบภาคแรก พระเอกของเราขะมาจริงๆ จังๆ ก็ภาคสองน่า ใครที่ถามหาพระเอก หรือคิดว่าเมื่อไรพระเอกจะมา ก็ต้องรอต่อไปค่ะ





รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว