Dear Murderer จดหมายถึงนายฆาตกร-Chapter 12: ครอบครัวของฟ้าใส

โดย  YoungYoung

Dear Murderer จดหมายถึงนายฆาตกร

Chapter 12: ครอบครัวของฟ้าใส

คมกริบขับรถแลนด์โรเวอร์สีดำของเขา มุ่งหน้าไปยังบ้านของนายสมยศ และนางเฟื่องฟ้า พ่อและแม่ของฟ้าใส ร้อยชั่งนั่งเงียบเหมือนนิ่งคิดอะไรอยู่ตลอดทาง ตัวคมกริบเองก็ไม่กล้าเอ่ยชวนพูดคุย

เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เขาได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับร้อยชั่ง อัศวธานี ลูกสาวคนโตของนายชานนท์ อัศวธานี หญิงสาวเป็นหนึ่งในสองคนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ชายคลุ้มคลั่งบุกเข้าไปฆ่าเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังระดับประเทศเมื่อ 10 ปีก่อน อีกคนหนึ่งที่รอดชีวิตคือเช่นชนก อัศวธานี ลูกชายคนเล็กของเหยื่อ ในเหตุการณ์นั้นมีผู้เสียชีวิตสองรายคือนายชานนท์ และกัลยาเพื่อนสนิทของลูกสาวคนโตของนายชานนท์ที่บังเอิญอยู่ในบ้านขณะเกิดเหตุ ตัวร้อยชั่งโดนทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ใช้เวลารักษาตัวร่วมสองอาทิตย์ กว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้

คนร้ายถูกจับตัวได้ไม่นานนักหลังจากทำการหลบหนี ทราบภายหลังว่าชื่อนายอาชา เป็นพนักงานบัญชีบริษัท CH Corp. ของตระกูลอัศวธานี ถูกเชิญออกจากงานเพราะทุจริตในหน้าที่ หลังจากว่างงาน ภรรยาของเขาขอหย่าขาด ตัวคนร้ายเองจึงเกิดความเครียดสะสมและตัดสินใจเข้าไปทำร้ายคนในครอบครัวอัศวธานี นายอาชาสารภาพว่าเลือกเวลาที่แม่บ้านและคนขับรถไม่อยู่ภายในบ้าน เขาตรงเข้าไปทำร้ายกัลยาก่อนเนื่องจากคิดว่าเป็นคนของครอบครัวอัศวธานี จากนั้นจึงทำร้ายนายชานนท์ต่อ เมื่อทำการลงมือเสร็จคนร้ายก็หลบหนีไป ระหว่างหลบหนีเจอเข้ากับร้อยชั่งจึงทำร้ายเธอด้วย

นายอาชาถูกพิพากษาให้ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ไม่นานนักเขาก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตายระหว่างอยู่ในคุก

นี่เป็นเรื่องราวทั้งหมดที่คมกริบพอจะหามาได้จากการค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เนต

เมื่อได้ทราบถึงประวัติของร้อยชั่งบ้างแล้ว คมกริบจึงรู้สึกสงสารและเวทนาหญิงสาวมากกว่าจะรำคาญใจอย่างที่เป็นในตอนต้น ร้อยชั่งผ่านเรื่องราวต่าง ๆ นานามามากมาย กว่าจะมาเป็นร้อยชั่งอย่างที่เขาเห็นทุกวันนี้ได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

ในขณะที่กำลังคิดเรื่องของร้อยชั่งอยู่ในหัว จีพีเอสก็ได้ระบุว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว บ้านหลังใหญ่ของฟ้าลดาตั้งอยู่เบื้องหน้า ประตูรั้วเปิดกว้างรอรับการมาของชายหนุ่ม

คมกริบให้หมู่วินัยโทรแจ้งครอบครัวของฟ้าใสเรียบร้อยแล้วว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ลูกสาวของพวกเขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว และทางตำรวจจะขอเข้ามาสอบปากคำพ่อและแม่ของฟ้าใส ดังนั้นทั้งคู่คงเตรียมพร้อมกับการมาของตำรวจเป็นอย่างดี

บ้านของครอบครัวฟ้าใสมีลักษณะเป็นบ้านสไตล์ยุโรปสองชั้น เนื้อที่กว้างขวาง สมกับเป็นบ้านนักธุกิจที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง หลังจากจอดรถที่ลานจอดรถหน้าบ้าน มีหญิงกลางคนคนหนึ่งคล้ายแม่บ้านเดินเข้ามาเชิญคมกริบและร้อยชั่งให้เข้าไปในบ้าน

“คุณตำรวจคะ คุณยศและคุณเฟื่องรอคุณอยู่ในบ้านแล้วค่ะ” หญิงกลางคนกล่าวพลางเดินนำหน้าคมกริบและร้อยชั่งเข้าไปในบ้าน ระหว่างทางเดินเข้าไปสู่ตัวบ้าน ร้อยชั่งมักจะหยุดดูโน่น ดูนี่ เพราะข้าวของที่ประดับอยู่ในบ้านแต่ละชิ้นล้วนดูเหมือนเป็นของราคาสูง ทั้งแจกันลงรักปิดทอง รูปปั้นม้าจากหยกขาวชิ้นใหญ่ หรือแม้กระทั่งนาฬิกาตั้งโต๊ะที่ตัวเข็มฝังเพชรระยิบระยับ

สมยศและเฟื่องฟ้านั่งรอทั้งคู่อยู่ที่ห้องรับแขกกลางบ้าน ทั้งคู่มีสีหน้าเศร้าหมอง เฟื่องฟ้าตาแดงก่ำ น่าจะผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาแล้ว หลังจากทำการแนะนำตัวพอเป็นพิธี สมยศก็เชิญคมกริบและร้อยชั่งให้นั่งลงที่โซฟาเพื่อเริ่มกระบวนการสอบปากคำ

“เดี๋ยวนะคะ... ฉันขอแยกสอบปากคำทีละคนได้ไหมคะ ? ขอคุยกับคุณพ่อก่อน จากนั้นค่อยคุยกับคุณแม่” ร้อยชั่งเอ่ยขึ้นมา คมกริบหันหน้าไปมองหญิงสาว ร้อยชั่งไม่ได้ปรึกษาเขาก่อนเลยว่าจะขอสอบปากคำสมยศและเฟื่องฟ้าแยกกัน

“อะ... อ้อ... ได้ครับ” สมยศรับคำแล้วหันไปมองหน้าภรรยาแวบหนึ่ง สายตาเหมือนมีประกายของความกังวลใจ

“งั้นเริ่มสอบปากคำจากคุณพ่อก่อนเลยนะคะ” ร้อยชั่งกล่าว

“ฉันขึ้นไปรอด้านบนก่อนก็แล้วกันนะคะ ถ้าพร้อมจะคุยกับฉันให้แม่บ้านขึ้นไปตามได้ตลอดเลยค่ะ” เฟื่องฟ้ากล่าวพลางลุกขึ้นและเดินจากไป

“ในวันที่ลูกสาวคุณหายตัวไปมีเหตุการณ์อะไรผิดปรกติบ้างไหมครับ ?” คมกริบเริ่มตั้งคำถาม

ร้อยชั่งนั่งพินิจพิเคราะห์สมยศ ชายวัยกลางคนหน้าผากสูง รูปร่างสันทัด หน้าตาจัดว่าธรรมดาเมื่อเทียบกับเฟื่องฟ้าผู้เป็นภรรยาที่หน้าตาสะสวยโดดเด่น การแต่งตัวของสมยศนั้นดูประณีต เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมราคาแพง เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกรมท่าดูเรียบสนิทไม่มีแม้รอยยับเพียงเล็กน้อย ถึงหน้าตาจะดูเศร้าหมองแต่ก็ไม่มีร่องรอยของการอดหลับอดนอนเลยแม้แต่น้อย

“ไม่มีนะครับ วันนั้นฟ้าต้องกลับมาจากมหาวิทยาลัยประมาณทุ่มหนึ่ง แต่พอถึงเวลากลับหายไป พวกเราพยายามโทรติดต่อหลายครั้งก็ยังโทรไม่ติด ผมกับเฟื่องเลยตัดสินใจโทรแจ้งตำรวจน่ะครับ เขาติดแม่มาก แม้จะมีเพื่อนเยอะแต่เขาไม่เคยมีเพื่อนสนิทขนาดพามาที่บ้านเลย เรื่องที่ว่าจะไปนอนค้างบ้านเพื่อนแล้วไม่บอกพ่อกับแม่ ไม่มีแน่นอน ส่วนเรื่องเพื่อนชายยิ่งไม่มีไปใหญ่ ฉะนั้นเรื่องหนีตามผู้ชายตัดไปได้เลยครับ ช่วงแรกที่ฟ้าหายตัวไป พวกเราเป็นห่วงลูกมาก นึกว่าลูกจะอยากทำตัวเกเรเหมือนพวกเด็กวัยรุ่นทั่วไปเลยหนีออกจากบ้าน... ไม่คิดเลยว่าจะ...จะ...ถึงตายได้” สมยศพูดเสียงสั่น

คมกริบสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสมยศอีกเล็กน้อย ส่วนร้อยชั่งได้แต่เฝ้ามองและฟังการสอบปากคำอย่างเงียบ ๆ

เมื่อสอบปากคำสมยศเสร็จคมกริบก็ให้แม่บ้านไปเชิญเฟื่องฟ้าลงมาสอบปากคำต่อ

เฟื่องฟ้าแตกต่างจากสามีของเธอโดยสิ้นเชิง เธอเป็นสาวสวย แม้ล่วงเข้าวัยกลางคนแล้วแต่ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ดูจากรูปของฟ้าใส สาวน้อยคล้ายมารดาอยู่หลายส่วนทั้งปากและจมูก เห็นจะต่างก็ตรงที่ตาเพราะฟ้าใสมีดวงตาชี้เหมือนตาหงส์ ในขณะที่มารดามีดวงตากลมโต หน้าตาของเฟื่องฟ้าแลดูอ่อนเพลียและซีดเซียว น้ำตาเหมือนจะไหลออกมาได้ทุกเวลา

คมกริบถามคำถามเดียวกับที่เขาถามสมยศไป เฟื่องฟ้าตอบไปในทำนองเดียวกันกับสามี ไม่แตกต่างกันมากนัก

“เราขอเชิญคุณพ่อเข้ามานั่งคุยพร้อมกับคุณแม่เลยได้ไหมคะ ?” ร้อยชั่งถาม คมกริบทำหน้าฉงน เขายังสอบปากคำเฟื่องฟ้าได้ไม่ถึงครึ่งร้อยชั่งก็จะเชิญสมยศกลับเข้ามาแล้ว

“ได้สิคะ เดี๋ยวฉันจะให้แม่บ้านไปตามคุณยศให้” เฟื่องฟ้าตอบรับคำ

หลังจากสมยศกลับเข้ามานั่งร่วมห้องกับภรรยาแล้วร้อยชั่งจึงเอ่ยถามขึ้น

“ทำไมพวกคุณไม่บอกเราว่าคุณสมยศไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของฟ้าใส ?” ร้อยชั่งเอ่ยถามขึ้น

คำถามไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตะลึงให้กับเฟื่องฟ้าและสมยศ แม้แต่คมกริบเองก็ตกใจไปด้วย ในเอกสารายงานไม่ได้ระบุว่าฟ้าใสเป็นลูกเลี้ยงของสมยศ ร้อยชั่งทราบได้อย่างไรกัน ?

“คือ... พวกเราเห็นว่าไม่จำเป็น อีกอย่างผมก็รักฟ้าเหมือนลูกแท้ ๆ ตอนฟ้าเกิดผมก็เป็นคนจดรับรองบุตรเอง ผมไม่เห็นว่าเรื่องที่ฟ้าไม่ใช่ลูกสาวโดยสายเลือดของผมจะมีผลต่อคดีนี้ตรงไหน ?” สมยศเถียงน้ำเสียงจริงจัง

“มีผลสิคะ... เพราะจากพยานในคดีฆาตกรรม คุณอาจจะเปลี่ยนเป็นผู้ต้องสงสัยได้ง่าย ๆ ฉะนั้นต่อไปนี้หากพวกคุณคิดเรื่องอะไรได้อีกให้ติดต่อฉันได้โดยตรงนะคะ ฉันยังไม่อยากเจอคุณสมยศอีกครั้งในฐานะผู้ต้องสงสัยหรอกค่ะ” ร้อยชั่งกล่าวพร้อมมียิ้มร้ายกาจผุดอยู่ที่ริมฝีปากบาง จากนั้นจึงยื่นนามบัตร Finding M ให้คู่สามีภรรยาไป




เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง กว่าการสอบปากคำของพ่อและแม่ฟ้าใสจะเสร็จสิ้นลง สรุปโดยรวมคือฟ้าใสเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อไม่ใช่พ่อที่แท้จริงแต่ต้องรับสมอ้างเป็นพ่อ ตัวฟ้าใสเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าสมยศไม่ใช่พ่อของเธอ

สมยศยอมรับว่าบางครั้งเขาทำโทษฟ้าใสหนักมือไปบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเพราะเขาอยากทำร้ายเธอ เขาเพียงแต่อยากให้เธอเติบโตเป็นคนดีของสังคม

ตัวเฟื่องฟ้าเองได้แต่นิ่งเงียบตลอดการสอบปากคำ บางครั้งเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ลังเล

“คุณรู้ได้อย่างไรว่าสมยศไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของฟ้าใส” คมกริบเอ่ยถามด้วยความสงสัยในขณะที่กำลังขับรถออกจากบ้านของนายสมยศ

“ถ้ามีตาก็รู้ได้ไม่ยาก...” ร้อยชั่งกล่าวแล้วยิ้มน้อย ๆ คมกริบแทบอยากจะปล่อยพวงมาลัยรถแล้วหันไปทุบหญิงสาวสักที

“คุณดูในบ้านสิ บ้านตั้งกว้างใหญ่ แต่กลับไม่มีรูปครอบครัวเลย ไม่มีรูปฟ้าใสเลยสักรูป เหมือนไม่ใช่บ้านของเธอ เด็กที่เก่งกิจกรรมขนาดนั้น ต้องได้รางวัลเยอะแยะอยู่แล้ว แต่ทำไมไม่เห็นพ่อแม่ของฟ้าใสตั้งใบประกาศนียบัตร หรืออะไรเกี่ยวกับลูกสาวไว้เลย พ่อแม่ที่ไหนก็อยากอวดลูกกันทั้งนั้นแหละ ตอนที่ฉันอายุเท่าฟ้าใส พ่อฉันยังตั้งโชว์เหรียญ โชว์ใบประกาศเต็มบ้านเลย...” เมื่อพูดถึงพ่อของเธอ น้ำเสียงของร้อยชั่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนมีความเศร้าปนอยู๋

“ที่สำคัญหลังจากทราบข่าวว่าลูกสาวอาจเสียชีวิตไปแล้วถึงหน้าตาของทั้งคู่จะดูเศร้าหมอง แต่การแต่งกายและสภาพที่แสดงออกของทั้งสองคนดูแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด นายสมยศยังแต่งตัวดูดีเรียบร้อย ขนาดเสื้อยังไม่มีรอยยับแม้แต่น้อย เหมือนไม่ได้สนใจกับการตายของลูกสาว แต่สนใจกับเรื่องเสื้อผ้ามากกว่า ในขณะที่เฟื่องฟ้าดูโศกเศร้า แค่พูดถึงชื่อลูกยังแทบจะร้องไห้เลย” ร้อยชั่งอธิบายต่อ

“ถ้าอย่างนั้น... คุณคิดว่านายสมยศเป็นคนร้ายหรือเปล่า ?” คมกริบถาม

“ฉันยังสรุปไม่ได้ จนกว่า...” ร้อยชั่งกำลังจะอ้าปากพูด

“ตื๊ด ! ตื๊ด ! ตื๊ด !” โทรศัพท์ของคมกริบดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากอิงฟ้า ชายหนุ่มรีบกดบลูทูธรับโทรศัพท์ทันที

“สารวัตรคะ ! เราเจอศพของก้านแก้ว เด็กสาวที่หายตัวไปรายแรกแล้วค่ะ !” อิงฟ้ารายงานมาตามสายด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

“ฉันยังสรุปไม่ได้ จนกว่า... เราจะเจอศพที่เหลือ...” ร้อยชั่งพูดต่อจนจบประโยคจากนั้นหันไปมองหน้าคมกริบด้วยสายตาที่มีแววแห่งความตื่นเต้นแฝงอยู่

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว