“ช่างเถอะ ข้าขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับพวกเจ้า” จางหยูมองไปที่พวกเซินถูป้า จากนั้นก็มองไปยังเซินถูกู โจวชิงและคนอื่นๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้แก่พวกเจ้า เอาเป็นว่าพวกเจ้าทุกคนจ่ายมาคนล่ะ 10 ล้าน ส่วนพวกเด็กๆจ่ายมาคนล่ะ 1 ล้าน เงินมาพวกเจ้าไป แน่นอน หากเจ้ารู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไม่ได้มีค่ามากพอกับเงินจำนวนนั้นล่ะก็ จะเลือกปฏิเสธก็ได้นะ” พูดจบ จางหยูก็หันกลับมามองเซินถูป้า
ทันทีที่จางหยูพูดจบ ทุกคนต่างก็เงียบสนิท
“ 10 ล้านเหรียญ?” พวกเซินถูป้ารู้สึกสับสนเล็กน้อย
“พวกเราก็ต้องจ่ายด้วยรึ?” เซินถูกู โจวชิงและคนอื่นๆต่างก็แสดงสีหน้าโง่เง่าออกมา
นี่มันไม่เป็นไปตามแบบแผนนะ!
ไม่ใช่ว่าพวกยอดฝีมือที่อยู่ขอบเขตตันซวนหรือขอบเขตวิญญาณ จะคิดว่าเงินเป็นเพียงของไร้ค่าอย่างงั้นเหรอ?
แล้วทำไมเจ้าหมอนี่ถึงเอ่ยปากพูดถึงเงินล่ะ นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ?
อู่โม่และศิษย์สำนักคังเฉียงคนอื่นๆ รวมไปถึงอู่เฉินที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าต่างก็พากันยิ้มออกมา สมกับเป็นเจ้าสำนักจริงๆ ความคิดที่ป่าเถื่อนเช่นนี้ ก็ยังคิดออกมาได้!
เซินถูป้าและคนอื่นๆเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่า ชายคนนี้อยู่ขอบเขตตันซวนหรือขอบเขตวิญญาณจริงๆรึเปล่า?
แน่นอนว่าพวกเขาก็ได้แต่คิดในใจ แต่ถ้าให้พูดออกมา พวกเขาก็คงไม่กล้า
ถ้าเดาถูกก็ดีไป แต่ถ้าเดาผิดขึ้นมาล่ะ เกรงว่าชีวิตคงหาไม่!
การเดิมพันในครั้งนี้มันเสี่ยงเกินไป และพวกเขาก็ทำใจยอมรับผลที่ตามมาไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าเสี่ยง!
เซียวซินเอ๋อร์ยกมือลูบขมับเบาๆ ราวกับพูดไม่ออก ผ่านไปสักพักจึงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ พี่เซียวเหยียน จู่ๆซินเอ๋อร์ก็รู้สึกว่า เรื่องเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียงนั้น เอ่อ เรามาทบทวนกันดูอีกรอบดีไหม?”
เจ้าสำนักที่ดูลึกลับคนนี้ ดูเหมือนไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่
เซียวเหยียนยิ้มแห้งๆออกมา “บางทีเจ้าอาจจะพูดถูก ข้าควรคิดทบทวนดูอีกรอบ”
“ทำไม หรือพวกเจ้าไม่ยอม?” จางหยูเห็นสีหน้าบิดเบี้ยวราวกับกินอึของเซินถูป้าและคนอื่นๆ จึงยิ้มออกมาแล้วกระดิกนิ้ว “หากไม่จ่ายก็มาสู้กับข้า ถ้าหากข้าแพ้ พวกเจ้าก็จากไปได้” หลังจากที่ผ่านไปได้สักพัก ปราณในตัวของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม ตอนนี้เขาเริ่มคันไม้คันมือแล้ว
สีหน้าของเซินถูป้าดูมืดหม่น หลังจากที่เงียบอยู่นาน จนกระทั่งจางหยูเริ่มหมดความอดทน เขาจึงกล่าวด้วยสีหน้าอยากจะร้องไห้ว่า “นายท่านไม่ใช่ว่าเราไม่อยากจะจ่าย แต่...เราไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น” ในน้ำเสียงของเขานั้นฟังดูจริงใจไม่น้อย ดูเหมือนว่าเขาคงไม่มีเงินขนาดนั้นจริงๆ
เงิน 10 ล้านเหรียญไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย!
อย่ามองว่าเขาเป็นสมาชิกของตระกูลเชินถู และมีฐานะที่ไม่ต่ำต้อย แต่ความจริงนั้น ตัวเขาเองก็ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น
จริงอยู่ว่า ตระกูลเซินถูนั้นอยู่ในเขตตงโจวมาร้อยปี และมีทรัพย์สมบัติหลายร้อยล้าน แต่ส่วนใหญ่มันคืออสังหาริมทรัพย์ เงินทุนหมุนเวียนที่แท้จริง มีไม่ถึง 100 ล้านด้วยซ้ำ และมีแค่ผู้นำตระกูลเท่านั้นที่มีสิทธิใช้มันได้ แม้ว่าสถานะของเซินถูป้าจะค่อนข้างสูง แต่เงินเก็บก็มีไม่กี่ล้านเท่านั้น
เซินถูป้าพูดขึ้นมาด้วยความระมัดระวังว่า “นายท่าน 10 ล้านเหรียญมันมากเกินไป ท่านช่วยลดหน่อยจะได้รึไม่ ?”
10 ล้านเหรียญ ตัวเลขนี้มันสูงเกินไปสำหรับพวกเขา!
และต่อให้เขามีเงินพอจ่าย เขาก็ไม่เต็มใจที่จะจ่ายอยู่ดี!
เงินใช่ว่าจะหามาได้ง่ายๆ แค่จางหยูพูด แล้วเขาต้องกุลีกุจอนำเงิน 10 ล้านมาประเคนให้ทันทีเลยหรือ เป็นไปไม่ได้! พวกเขาจะทำยังงั้นได้ยังไง?
โจวซุน โจวยี่ เฉินยี่และคนอื่นๆ ต่างก็มองไปที่จางหยูด้วยแววตาอ้อนวอน 10 ล้านเหรียญ ตีให้ตายพวกเขาก็เอาออกมาไม่ได้!
โดยเฉพาะโจวซุน เพื่อที่จะทะลวงผ่านขอบเขตว่อซวนขั้นต่ำ ดังนั้นเขาจึงใช้เงินเก็บไปจนเกือบหมด ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีแค่ 3 ล้านเท่านั้น ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง 10 ล้านเลย
“ ลด ? ได้สิ!” จางหยูพูดขึ้นมาพร้อมกับพยักหน้า ทำให้พวกเซินถูป้ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทว่าประโยคที่ตามหลังมา กลับทำให้พวกเขาหนาวเย็นยิ่งกว่าเดิม “ทุก 1 ล้านเหรียญที่ขาดหายไป ก็จงใช้ชิ้นส่วนในร่างกายของพวกเจ้ามาเติมมันให้ครบ 10 ล้าน “
ทันใดนั้น เขาก็เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา “เอาแบบนี้แล้วกัน แขนข้างหนึ่งเท่ากับ 1 ล้านเหรียญ สองแขนก็เท่ากับสองล้าน เท้าข้างหนึ่งก็เท่ากับหนึ่งล้าน สองข้างก็เท่ากับสองล้าน ทั้งหมดเป็น 4 ล้าน แล้วยังมีหัวอีก หัวของขอบเขตว่อซวนน่าจะทำเงินได้มาก อาจจะมีค่าสัก 2 ล้านรึ 4 ล้านเลยก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากเสียอวัยวะภายนอก ก็เอาอวัยวะภายในมาแทนก็ได้! เห็นรึไม่ว่าพวกเจ้าหาเงินได้ง่ายมากเพียงใด? อย่าดูถูกราคาร่างกายของตัวเองหน่อยเลย!”
ขอบเขตว่อซวนนั้นมีค่ามากจริงๆ !
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซินถูป้าและคนอื่นๆก็กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก
ชายคนนี้มันปิศาจชัดๆ !
ไม่มีหัว ไม่มีหัวใจ แล้วพวกเขายังจะมีชีวิตอยู่อีกหรือ?
ใช้ชิ้นส่วนของร่างกายเพื่อแลกกับการมีชีวิตรอด นี่มันคุ้มแล้วจริงๆหรือ!
“นี่เป็นวิธีที่ดี และไม่ทำให้พวกเจ้าลำบากใจอะไรมาก ต่างฝ่ายต่างก็มีความสุข!” จางหยูยิ้มอย่างพอใจกับวิธีที่เขาคิดได้
“ความสุขตูดเจ้าสิ! เจ้ารังแกพวกเราชัดๆ ! “เซินถูป้าและคนอื่นๆตะโกนขึ้นมาในใจ
จางหยูไม่สนว่าพวกนั้นกำลังคิดอะไร และถามขึ้นมาอย่างช้าๆ “เอาล่ะ พวกเจ้าตัดสินใจกันได้หรือยัง? ว่าจะเอาเงินมาแลก หรือว่าจะเอาชิ้นส่วนของร่างกายมาแลก?” ตอนที่พูดนั้นเขาก็กวาดสายตามองร่างของพวกเซินถูป้า ตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับกำลังคิดว่าแขนรึขาที่มีค่ามากกว่า
สายตาอันเย็นชาของเขา ทำให้คนเหล่านั้นพากันลนลานขึ้นมา
สีหน้าของเซินถูป้าและคนอื่นๆอึมครึมลงเรื่อยๆ พวกเขาโดนจางหยูต้อนจนจนมุม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่ไหนแต่ไรมา พวกเขาไม่เคยถูกล้อเล่นแบบนี้ หรือแม้แต่ได้รับความอัปยศเช่นนี้
รังแกกันเกินไปแล้ว !
ถึงแม้ว่าจะอยู่ขอบเขตตันซวนหรือขอบเขตวิญญาณ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมารังแกกันแบบนี้ไม่ใช่รึไง ?
ในความคิดของพวกเขานั้น จางหยูตั้งใจจะเหยียดหยามพวกเขา ถึงได้จงใจตั้งเงื่อนไขที่พวกเขาไม่อาจจะยอมรับได้ จากนั้นก็ค่อยบอกวิธีที่สร้างความอัปยศยิ่งกว่าให้ ทั้งหมด เป็นจางหยูที่จงใจทำแบบนี้
บางทีจางหยูคงไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไปตั้งแต่แรก เพียงแค่อยากจะสร้างความอับอายให้กับพวกเขาเท่านั้น!
“ ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”
คนแรกที่ระเบิดความโมโหออกมานั้นไม่ใช่เซินถูป้า แต่เป็นเหล่ยลี่เฟิง สีหน้าของเขาแดงก่ำและเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด เขาคือคนที่หยิ่งทะนงและหวงแหนศักดิ์ศรีที่สุด เมื่อโดนจางหยูหยอกล้อและดูถูกหลายรอบเช่นนี้ มีหรือที่เขาจะทนไหว สุดท้ายอารมณ์ของเขาจึงระเบิดออกมา
เหล่ยลี่เฟิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับสัตว์ร้าย เขามองไปที่จางหยูด้วยความอาฆาต “จะเลือกทางซ้ายหรือขวาก็เท่ากับ ‘ตาย’ ไม่ใช่หรือไง? ถ้าอย่างนั้น....”
“รอเดี๋ยว!” จางหยูยกมือขึ้นมาขัดเหล่ยลี่เฟิง จากนั้นก็หันไปมองยังป่าในเขตมืด แล้วส่งเสียงตะโกนไปว่า “นั่นใคร ไสหัวออกมาซะ!”
พูดจบ จางหยูก็ไม่สนใจคนรอบตัว เขาชี้นิ้วไปที่ป่าด้านหน้า
แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็เห็นปลายนิ้วของจางหยูมีลำแสงระเบิดออกมา และพุ่งทะลวงไปด้านหน้านับสิบฟุต อากาศรอบๆพลันกระเพื่อมไหวขึ้นมา
“ ฟุ่บ !”
ลำแสงยังไม่ทันหายไป ทุกคนก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาในหู
ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม !
ต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ 7-8 ต้นทะลุอย่างง่ายดายราวกับเต้าหู้ต่อหน้าทุกคน ด้านหลังของต้นไม้นั้นมีร่างของสัตว์อสูรประเภทลิงเกาะอยู่ ทว่าร่างของมันก็เหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้องเลยด้วยซ้ำ ไม่นานร่างที่เหลือแค่ครึ่งท่อนก็ร่วงลงสู่พื้น
จากลมปราณและกลิ่นอายที่เหลืออยู่บนร่าง แสดงให้เห็นว่ามัน—คือสัตว์อสูรขอบเขตว่อซวน !
อันที่จริง จางหยูเห็นสัตว์อสูรตัวนี้นานแล้ว ก่อนที่พวกเซินถูป้าและคนอื่นๆจะปรากฏตัวออกมาซะอีก สัตว์อสูรตัวนี้อยู่ที่นี่มาโดยตลอด ดูเหมือนว่ามันกำลังจะหลับอยู่ ทีแรกจางหยูก็วางแผนว่าจะให้สัตว์อสูรขอบเขตว่อซวนขั้นต่ำตัวนี้ เป็นคู่ต่อสู้ของพวกอู่โม่สักหน่อย แต่ไม่นานเขาก็ต้องเปลี่ยนแผน เพราะการปรากฏตัวของพวกเซินถูป้า แทนที่จะคิดแผนใหม่ ไม่สู้ใช้แผนเดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุดไม่ดีกว่าเหรอ
ตอนนี้จางหยูคิดว่า มันถึงเวลาแล้วที่สัตว์อสูรว่อซวนขั้นต่ำตัวนี้จะแสดงตัวออกมา ดังนั้นมันจึงกลายเป็นไก่ที่ถูกเชือดให้ลิงดู
เคล็ดวิชาที่จางหยูแสดงออกมานั้น ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตาค้าง
แข็งแกร่ง !
ร้ายกาจ !
ทุกคนต่างก็อึ้งกับฉากนี้
“ที่แท้ก็แค่สัตว์อสูรตัวหนึ่ง ข้าก็หลงคิดว่าจะมีใครแอบฟังที่พวกเราคุยกันเสียอีก” จางหยูส่ายหน้าและตบฝุ่นที่แขนเสื้อ ราวกับว่าเพิ่งทำเรื่องเล็กน้อยไป เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองสัตว์อสูรว่อซวนขั้นต่ำตัวนั้นเลย
จางหยูหันกลับมามองเหล่ยลี่เฟิงอย่างช้าๆและถามขึ้นว่า “ ใช่สิ ตะกี้เจ้าจะพูดอะไรนะ ?”
อารมณ์เดือดพล่านที่ปะทุออกมาของเหล่ยลี่เฟิงพลันหายวับไปกับตา หัวใจของเขาเต้นรัว พร้อมกับรู้สึกได้ความหนาวเย็นยะเยือกแช่แข็งไปทั่วร่าง ท่าทางโมโหร้ายก่อนนี้ได้หายไป หลงเหลือแต่เพียงคนขี้ประจบเท่านั้น “ข้าพูดอะไรน่ะรึ ? ….โอ้ ข้าหมายความว่าท่านทั้งฉลาดและโดดเด่น ท่านเป็นคนที่หล่อเหลา, จิตใจดี, ถ่อมตัว, เมตตาที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาในชีวิต ฉลาดและกล้าหาญ....” เหล่ยลี่เฟิงพูดทุกคำชมที่เขาเคยได้ยินมาตลอดชีวิตนี้
ทุกคนที่รู้จักเหล่ยลี่เฟิงต่างก็ตกตะลึงและยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนตรงหน้าพวกเขาคือลาดื้อจากตระกูลเหล่ย ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆจะเกิดฉลาดเป็นกรดขึ้นมาแบบนี้!
คำยกยอมากมายแบบนี้ ไม่รู้ว่าไปขุดเอามาจากไหน ถึงได้พูดไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่นิดเดียว!
การพัฒนาของมนุษย์นั้นไร้ขีดจำกัด ตราบใดที่โดนกดดัน มันก็จะระเบิดพลังออกมาเกินกว่าที่คนธรรมดาจะคาดถึง !
เหล่ยลี่เฟิงเป็นตัวอย่างที่ดี !
ตอนที่ได้ยินคำชมจากเหล่ยลี่เฟิง จางหยูก็คิ้วกระตุกขึ้นมา ทำให้ทุกคนต่างใจหายวาบแทนเหล่ยลี่เฟิง จากนั้นจางหยูก็กล่าวอย่างแปลกใจว่า “ ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีคนรู้จักข้าดีขนาดนี้!”
“ บัดซบ ! “ ทุกคนพากันสบถกันในใจ
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่