ตอนที่จางหยูมาถึงห้องเรียน สีของท้องฟ้าก็กลายเป็นสีดำแล้ว
เหล่าลูกศิษย์ต่างก็พากันแยกย้ายจากไปแล้วในเมื่ออู่โม่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้หม้อปรุงยาในตอนนี้ มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จางหยูจะใช้หม้อปรุงยานี้แทนโดยไม่รู้สึกเกรงใจ เขานั่งขัดสมาธิข้างๆหม้อ และเริ่มทำการปรุงยาทันที
"ดูเหมือนจะมีแค่วัตถุดิบสำหรับปรุงยาขั้นที่1..." จางหยูมองไปยังวัตถุดิบที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบข้างตัว
"พรุ่งนี้คงต้องให้อู่เฉินซื้อสมุนไพรสำหรับยาขั้นที่ 2 มาให้"ยาขั้นที่ 2 มีระดับสูงกว่ายาขั้นที่ 1 ดังนั้นรสชาติก็น่าจะดีกว่าสำหรับจางหยูแล้ว การปรุงยาขั้นที่ 1หรือขั้นที่ 2 ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรนัก เพราะเขาไม่ได้สนใจผลลัพธ์และระดับของเม็ดยา เขาสนใจแค่รสชาติของมัน หากรสชาติดี ก็ถือว่าเป็นยาดี แต่ถ้ารสชาติแย่ ก็ถือว่าเป็นยาแย่ มาตรฐานการตัดสินใจแบบนี้ มันดูเรียบง่ายและหยาบคายมาก
ทว่าก็เหมาะกับจางหยูดีบางทีในสายตาของนักกินแล้ว นี่คงเป็นมาตรฐานที่เหมาะสำหรับการวัดค่าอาหาร !
จางหยูกำลังวุ่นวายอยู่กับการปรุงยาในห้องเรียน คราวนี้เขาปรุงยาออกมา 3 ชนิด แบ่งออกเป็นยาฉีซวน ยาฟื้นฟูและยาปราณ จำนวนยาแต่ละชนิดที่ปรุงออกมาล้วนถึงขีดจำกัดของเตาแล้ว นั่นก็คือชนิดล่ะ 81 เม็ดยาฉีซวน ยาขั้นที่ 1 เมื่อนักสู้ขอบเขตฉีซวนใช้มัน จะสามารถยกระดับการบ่มเพาะได้ สำหรับนักสู้ขอบเขตฉีซวนระดับสูงนั้น ผลของยาจะส่งผลเพียงเล็กน้อยยาฟื้นฟู ยาขั้นที่ 1 เมื่อนักสู้ขอบเขตฉีซวนใช้มัน จะสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ สำหรับนักสู้ขอบเขตฉีซวนระดับสูงนั้น ผลของยาจะส่งผลเพียงเล็กน้อยยาปราณ ยาขั้นที่ 1 เมื่อนักสู้ขอบเขตฉีซวนใช้มัน จะสามารถฟื้นฟูลมปราณขึ้นมาได้ สำหรับนักสู้ขอบเขตฉีซวนระดับสูงนั้น ผลของยาจะส่งผลเพียงเล็กน้อยจางหยูยื่นมือออกไปอย่างเกียจคร้าน และเก็บเอายาทั้งหมดใส่ลงไปในถุงผ้าเขาลูบถุงผ้าที่บวมเปล่งก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างพอใจว่า "เยี่ยมไปเลย พอกินได้ตั้งหลายวัน"
หม้อปรุงยาหนึ่งเตาสามารถหลอมยาออกได้ 81 เม็ด จางหยูหลอมยา 3 ชนิดออกมาทั้งหมด 243 เม็ด บวกกับยาฉีซวนที่เหลืออยู่ในถุง ทำให้ตอนนี้จางหยูมีเม็ดยาทั้งหมดเกือบ 300 เม็ดยาเกือบ 300 เม็ดนี้ ใช้เป็นขนมได้แค่ไม่กี่วัน วิธีการบ่มเพาะที่หรูหราแบบนี้ นอกจากจางหยูแล้ว คงไม่มีใครกล้าทำหลังจากปรุงยาเสร็จ จางหยูก็ดับไฟในห้องเรียนก่อนจะเดินไปที่หอตำรา ระหว่างเดินไปนั้นเขาก็ล้วงเม็ดยาฟื้นฟูออกมากินไปด้วย ทันทีที่เคี้ยวมัน ดวงตาของจางหยูก็เป็นประกายขึ้นมา ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า "อืมมม ไม่เลวเลย รสชาติมันดีกว่าขนมเยอะ"เมื่อเข้ามาในหอตำรา จางหยูก็เพ่งสมาธิไปกับการแก้ไขเคล็ดวิชา แม้ว่าจะมีเสียงดัง
"กร้วมๆ" ออกมาไม่ขาดปากก็ตามเคล็ดวิชา "เงาเวหา" ได้ถูกปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ถึงคราวปรับปรุงเคล็ดวิชาโจมตีแล้ว!จางหยูครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกแก้ไขเคล็ดวิชาต่อสู้ประเภทดรรชนี ส่วนเหตุผลว่าทำไมถึงได้เลือกเคล็ดวิชาต่อสู้ประเภทดรรชนีนั้น ไม่ใช่เพราะมันทรงพลังมากกว่าเคล็ดวิชาอื่นๆ แต่เป็นเพราะว่า....มันเท่!หากเป็นคนอื่นมาตรฐานที่พวกเขาใช้เลือกก็คือ ทรงพลังที่สุดและแข็งแกร่งที่สุด ซึ่งจางหยูกวาดมาตราฐานพวกนั้นทิ้งอย่างไม่ใยดี ถ้าเคล็ดวิชามันแย่ก็ปรับปรุงซะสิ เรื่องนี้ไม่เกินมือเขาอยู่แล้วจางหยูเป็นคนง่ายๆ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะชอบวิธีการที่เรียบง่ายจนเหมือนลวกๆแบบนี้!"แต่ว่า...เคล็ดวิชาดรรชนีนั้นหายากมาก แม้จะเป็นเพียงระดับธรรมดาขั้นสูง ก็ยังมีน้อยอยู่ดี ไม่รู้ว่าเคล็ดวิชาดรรชนีในหอตำรา จะมีมากพอนำมาดัดแปลงไหม" จางหยูขมวดคิ้วแน่น เคล็ดวิชาดรรชนีจำเป็นต้องใช้ปราณเป็นจำนวนมากในร่างกายโคจรอย่างรวดเร็ว ดังนั้นความเหนียวของเส้นชีพจรจึงต้องแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงมีน้อยคนนักที่จะสร้างเคล็ดวิชาดรรชนีขึ้นมา และมีนักสู้ไม่มากที่จะเลือกฝึกเคล็ดวิชาดรรชนี บวกกับมีเงื่อนไขที่ความเหนียวของเส้นชีพจร ฉะนั้นหากผู้บ่มเพาะมีความอดทนต่ำ เกรงว่าคงทนฝึกต่อไปไม่ไหว "ช่างเถอะ ลองหาดูสักรอบดีกว่า ถ้าหากไม่พอจริงๆ ค่อยคิดหาวิธีอื่น"ใช้เวลาไม่นาน จางหยูก็รวบรวมเคล็ดวิชาดรรชนีทั้งหมดในหอตำราได้แล้ว"มีแค่ยี่สิบกว่าเล่มเท่านั้น นี่มันน้อยเกินไป!" ไม่ต้องลองจางหยูก็รู้ว่าเคล็ดวิชาแค่ยี่สิบกว่าเล่ม คงไม่สามารถแก้ไขเคล็ดวิชาดรรชนีให้สมบูรณ์ไร้ข้อผิดพลาดได้ความจริงแล้วเคล็ดวิชาระดับธรรมดาขั้นสูงในหอตำรานั้นมีไม่น้อยเลย เคล็ดวิชาที่จางหยูยึดกลับมาจากสำนักเฉินกวงและสำนักหยุนซานนั้น มีทั้งหมด 696 เล่ม บวกกับเคล็ดวิชาที่เติ้งชิวชานนำมาคืนอีก ทำให้เคล็ดวิชาระดับธรรมดาขั้นสูงมีทั้งหมด 758 เล่มแต่ในหมู่เคล็ดวิชาระดับธรรมดาขั้นสูงทั้ง 758 เล่มนี้ กลับมีเคล็ดวิชาดรรชนีอยู่แค่ยี่สิบกว่าเล่ม"ดูเหมือนว่าข้าต้องคิดหาวิธีอื่นซะแล้วล่ะ" แม้ว่าจางหยูไม่อาจปรับปรุงเคล็ดวิชาดรรชนีได้ แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เพียงแต่ว่าตอนนี้เขากลับคิดอะไรไม่ออกแล้วถ้าคิดไม่ออกควรทำยังไง ?แน่นอนว่าก็ต้องทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อหาทางแก้ !จางหยูครุ่นคิดอยู่สักพัก ทันใดนั้นก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง ทำให้ใบหน้าของเขาดูเจ้าเล่ห์ขึ้น "ได้ยินมาว่า คนพวกนั้นมักจะถามถึงยาฉีซวนไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากข้าให้โอกาสพวกเขาล่ะก็ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะดีใจกันรึเปล่า!"หลังจากที่ได้ตัดสินใจแล้ว จางหยูก็หยุดกังวลเรื่องเคล็ดวิชาดรรชนีทันที และเพ่งสมาธิไปกับการดัดแปลงเคล็ดวิชาในหมู่เคล็ดวิชาดรรชนีทั้งยี่สิบเล่มนี้ จางหยูเลือกเคล็ดวิชาที่มีชื่อว่า "ดรรชนีแห่งการสูญสิ้น" เป็นต้นแบบและเริ่มทำการแก้ไขมันทันที....วันต่อมาหลังจากที่จางหยูสอนเสร็จ เขาก็เรียกให้อู่เฉินกับอู่โม่อยู่ต่อ" อู่โม่ เจ้าฝึกปรุงยาต่อ" จางหยูหันไปสั่งอู่โม่ จากนั้นก็พูดกับอู่เฉินว่า "ส่วนอู่เฉิน เจ้ามากับข้า ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วย"อู่เฉินตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินตามจางหยูไป "ไม่ว่าเจ้าสำนักจะสั่งอะไร อู่เฉินผู้นี้จะไม่ปฏิเสธ"หลังจากที่กลับจวนไปเมื่อวานนี้ เขาลองคิดๆดูแล้ว ยาฉีซวนหลายสิบเม็ดมันมากเกินไป การรับมาแบบฟรีๆเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ กินไปหนึ่งเม็ด รู้สึกผิดไปหนึ่งฉื่อเขายังคิดหาทางตอบแทนจางหยูอยู่ตอนนี้ เมื่อจางหยูเรียกเขามาเพราะมีเรื่องให้ช่วย สิ่งนี้ก็ตรงใจเขาพอดี!"ไม่จำเป็นต้องกังวลไป มันก็แค่เรื่องเล็กๆ ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถทำได้" จางหยูยิ้มและตบไหล่ของอู่เฉินเบาๆ ทว่าเมื่อสังเกตเห็นท่าทางกัดฟันของอีกฝ่าย จึงอดถามไม่ได้ว่า "อะไรกัน อาการบาดเจ็บยังไม่ดีขึ้นอีกรึ?"อู่เฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น "เพิ่งผ่านไปแค่คืนเดียว มันไม่หายเร็วขนาดนั้นหรอกท่านเจ้าสำนัก""อ้อ งั้นก็กินนี่ซะ" จางหยูหยิบยาฟื้นฟูออกมาจากถุงผ้าหนึ่งเม็ด "ไม่ต้องพูดอะไร ข้าเป็นเจ้าสำนัก หากไม่ห่วงเจ้า แล้วจะให้ห่วงใคร รีบฟื้นฟูอาการบาดเจ็บซะ"อู่เฉินลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็รับยาฟื้นฟูมากินต่อหน้าจางหยูเขาไม่รู้ว่ายาฟื้นฟูนี้ล้ำค่าแค่มากไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาทนเจ็บต่อไปไม่ไหวแล้ว เพราะทุกครั้งที่เขารู้สึกเจ็บ เขาก็จะนึกถึงตอนที่ตัวเองโดนลูกชายอัด ซึ่งนั่นมันน่าขายหน้าเกินไป !เขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเงาคอยหลอกหลอนเขาไปชั่วชีวิต !"ผลของมัน..." ทันทีที่ยาเข้าไปในร่างกาย มันก็เปลี่ยนเป็นพลังงานบริสุทธิ์ไหลไปยังบาดแผลที่อยู่ทั่วร่างของเขา แม้จะรู้สึกคันๆที่บาดแผล แต่ความเจ็บปวดกลับทุเลาลงและเริ่มหายไปในความเร็วที่น่าตกใจ อู่เฉินอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความช็อก "นี่มันทรงพลังมาก!"ด้วยความเร็วนี้ เกรงว่าเพียงแค่ 15 นาที อาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาก็คงหายดีจางหยูเห็นดังนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา "ยาฟื้นฟูนี้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ แล้วทำไมจะรักษาอาการบาดเจ็บภายนอกไม่ได้?"สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ยาฟื้นฟูขั้นที่ 1 นี้ เขาเป็นคนหลอมมันขึ้นมา ดังนั้นทุกเม็ดล้วนเป็นยาขั้นที่ 1 ลวดลายระดับ 3 ฉะนั้นจะเอายาฟื้นฟูทั่วไปมาเทียบก็คงจะไม่ได้จางหยูส่ายหน้า เขาไม่พูดเรื่องเม็ดยาต่อ แต่กลับยิ้มจางๆไปให้อู่เฉิน "ไม่นานมานี้ข้าลองสำรวจทักษะและเคล็ดวิชาในหอตำราดู ก่อนจะพบปัญหาบางอย่าง ในหอตำรามีเคล็ดวิชาดรรชนีน้อยเกินไป เคล็ดวิชาดรรชนีระดับธรรมดาขั้นสูงมีแค่ยี่สิบกว่าเล่มเท่านั้น มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ? สำนักคังเฉียงของพวกเราจะเป็นสำนักที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต และจะต้องต้อนรับลูกศิษย์มากมาย ฉะนั้นข้าจะยอมให้มีเคล็ดวิชาดรรชนีน้อยขนาดนี้ได้อย่างไร?""ยี่สิบกว่าเล่มยังถือว่าน้อยไปอีกหรือ?" อู่เฉินมองจางหยูอย่างตกตะลึง จนแทบอยากจะกระอักเลือดออกมาตระกูลอู่ที่รุ่งเรืองมานานหลายสิบปี พวกเขาซื้อและแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชากับทักษะเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังรวบรวมเคล็ดวิชามาได้แค่ร้อยกว่าเล่ม และทักษะอีกสิบกว่าเล่ม ส่วนใหญ่เป็นเคล็ดวิชาและทักษะระดับธรรมดาขั้นต่ำและขั้นกลาง กระทั่งเคล็ดวิชาดรรชนีก็มีแค่เล่มเดียว แถมยังเป็นระดับธรรมดาขั้นกลางอีกด้วย เขาไม่รู้เลยว่า เคล็ดวิชาดรรชนีระดับธรรมดาขั้นสูงยี่สิบกว่าเล่มในสำนักคังเฉียง กลายเป็นน้อยในสายตาของจางหยูได้อย่างไร?เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าตกใจของอู่เฉิน จางหยูก็แค่นเสียงหึออกมา ก่อนจะถามเสียงเรียบว่า "ทำไม หรือเจ้ามีอะไรจะค้าน?""ไม่มี ไม่มีเลย เจ้าสำนักพูดถูกแล้ว เคล็ดวิชาดรรชนีระดับธรรมดาขั้นสูงยี่สิบกว่าเล่ม มันน้อยเกินไป!" มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า อู่เฉินต้องฝืนใจแค่ไหนกับการพูดแบบนี้ออกมาแม้ว่าเขาจะมีความคิดเห็นมากมายอยู่ในหัว แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้าจางหยู !"ใช่แล้ว เจ้าก็ยังรู้สึกว่ามันน้อยเกินไปใช่รึไม่?" จางหยูหัวเราะออกมา เขาชอบเห็นท่าทางเห็นด้วยของอู่เฉินทั้งๆที่ในใจไม่ได้คิดแบบนั้นเลยสักนิด นี่มันน่าสนใจจริงๆอู่เฉินพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งๆที่ในใจแอบบ่นขึ้นมาว่า " ข้ากลัวว่ามีแค่ท่านเท่านั้นแหละ ที่บอกว่ามันน้อยเกิน..."แต่ไม่นาน อู่เฉินก็เริ่มสับสนขึ้นมา "เจ้าสำนัก ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร?""ก็ง่ายๆ ข้าต้องการให้เจ้าช่วยข้ารวบรวมเคล็ดวิชาดรรชนีระดับธรรมดาขั้นสูง!" จางหยูมองอู่เฉินด้วยรอยยิ้ม "ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะให้เจ้ารวบรวมเคล็ดวิชาดรรชนีทั่วทั้งเมืองมา!" เมืองนี้ดูเหมือนจะเล็ก แต่ความจริงแล้วก็มีหลายตระกูลที่อยู่ในเมืองนี้มานาน รอบๆเมืองก็มีพวกตระกูลเก่าแก่ซึ่งไม่อาจจะมองข้ามได้อยู่มากมายเมื่อได้ยินแบบนั้น อู่เฉินก็เบิกตากว้าง
" นั่น...นั่นมัน..."
ต่อให้ขายกิจการของตระกูลอู่ทั้งหมด ก็เกรงว่าคงไม่สามารถซื้อเคล็ดวิชาดรรชนีระดับธรรมดาขั้นสูงจำนวนมากเช่นนี้ได้!
" ทำไม มีปัญหาอะไร?" จางหยูมองไปที่อู่เฉินด้วยความสงสัย"เจ้าสำนัก ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะช่วย เพียงแต่ เพียงแต่...."
อู่เฉินทำสีหน้าพูดไม่ออก ก่อนจะรีบอธิบายขึ้นมา "ด้วยกำลังเงินของตระกูลอู่แล้ว ข้าไม่อาจจะหาเคล็ดวิชาดรรชนีระดับธรรมดาขั้นสูงได้มากมายนัก!"มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะรวบรวมเคล็ดวิชาดรรชนีระดับนั้นมาได้" จริงรึ ? หากเพิ่มอันนี้เข้าไปล่ะ?" จางหยูเหมือนรู้อยู่แล้วว่าอู่เฉินจะพูดแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงหยิบถุงผ้าขึ้นมาและโยนไปให้อู่เฉิน "ด้วยของพวกนี้มันน่าจะง่ายขึ้นกว่าเดิมรึไม่?"
ยาที่เขาใช้เป็นขนมกินเล่นตลอด 1 เดือนอัดแน่นอยู่ในถุงนั้นแล้วอู่เฉินเจอกับจางหยูอยู่ทุกวัน แน่นอนเขาย่อมรู้ว่าในถุงผ้านี้มีอะไรอยู่เขากลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ก่อนจะถามขึ้นมาว่า "เจ้าสำนัก ท่านจะใช้ยาพวกนี้แลกกับเคล็ดวิชาดรรชนีงั้นรึ?"
"เคล็ดวิชาดรรชนีระดับธรรมดาขั้นสูงเล่มหนึ่ง แลกกับเม็ดยาหนึ่งเม็ด เจ้าคิดว่าไง?" จางหยูยิ้มและถามขึ้นมาแทน
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่