ตอนที่เหมาฉางเทียนและคนอื่นๆไปถึงทางเข้า ผู้ดูแลที่เป็นคนจากจวนท่านเจ้าเมือง สามสำนักใหญ่และตระกูลต่างๆ ก็พากันเดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน ตามลำดับหมายเลข กลุ่มหนึ่งมีกันประมาณ 3 คน จากนั้นก็ติดตามเหล่าลูกศิษย์ของสำนักเฉินกวงและสำนักหยุนซานไป
เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเหมาฉางเทียน บรรดาผู้นำตระกูลอย่างเหยาหยงฉ๋าย ก็พูดกับเหมายี่ด้วยท่าทางอิจฉาว่า "น้องเหมา ข้าอิจฉาเจ้าจริงๆ ! การบ่มเพาะของฉางเทียนไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเรามากนัก ไม่แน่ว่าการทดสอบหวงหยวนในปีนี้ เขาอาจจะคว้าอันดับที่ 1 ไปก็ได้!"
"ใช่แล้ว ยินดีด้วยพี่เหมา!"
"ในความเห็นข้า ยุคสมัยสามอัจฉริยะของเมืองทะเลทรายได้สิ้นสุดแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไป คงเป็นยุคของฉางเทียน!"
หลายคนที่ล้อมรอบตัวของเหมายี่ ต่างก็แสดงความยินดีด้วยความอิจฉา
เหมายี่หัวเราะออกมาพลางโบกมือ ก่อนจะกล่าวอย่างถ่อมตนว่า "ทุกคนชมเกินไปแล้ว ถึงเจ้าเด็กฉางเทียนจะทะลวงขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 7 ได้ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นผู้ชนะในการทดสอบ" แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ใบหน้าของเขา กลับยิ้มระรื่นออกมา รอยยิ้มของเขานั้นแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อเห็นแบบนั้น หลินจ้านก็พูดอะไรไม่ออก
"พี่หลิน ดูเหมือนท่านจะไม่เห็นด้วยสินะ?" ซูปิ่งฮุย ผู้นำตระกูลซูเห็นท่าทีผิดปกติของหลินจ้าน ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
แม้ว่าเขาจะเด็กกว่าหลินจ้าน แต่ทุกคนต่างก็เป็นผู้นำตระกูล เมื่อพบปะกันในที่สาธารณชน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพูดจาราวกับเป็นคนรุ่นเดียวกัน การเรียกหลินจ้านว่าพี่ จึงไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม
สายตาของทุกคนต่างก็มองไปที่หลินจ้าน
หลินจ้านเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็ทำท่ากระแอมไปออกมา "ข้าคิดว่ามันคงจะดีกว่า ถ้าหากทุกคนรอดูศิษย์สำนักคังเฉียง ก่อนที่จะตัดสิน"
เขาคิดแทนเหมายี่และคนอื่นๆ บางคำพูดนั้น เร็วเกินไปที่จะตัดสิน
เมื่อได้ยินหลินจ้านพูดแบบนี้ ทันใดนั้นพวกเขาก็นึกถึงคำพูดที่หลินจ้านเคยกล่าวก่อนหน้านี้ และอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา "หรือว่า...ศิษย์สำนักคังเฉียงมีความลับอะไรบางอย่างซ่อนอยู่?" แต่เมื่อนึกถึงพรสวรรค์ของหลินหมิง เหมาฉางเฟิงและคนอื่นๆ พวกเขาก็อดส่ายหน้าขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้ศิษย์สำนักคังเฉียง จะมีการพัฒนาขึ้นมาได้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างแรงกดดันให้กับเหมาฉางเทียนที่เป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 7 ไม่ใช่รึไง ?
"พี่หลิน ไม่ใช่ว่าท่านอิจฉาพี่เหมารึไง ถึงได้พูดแบบนี้ออกมา?" ซูปิ่งฮุยไม่เชื่อในคำพูดของหลินจ้าน "พูดก็พูดเถอะ แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังอิจฉาเลย แต่ความจริงก็คือความจริง...."
" ใช่ พี่หลิน ยอมรับความจริงเถอะ"
ผู้นำตระกูลที่อยู่รอบๆต่างก็พากันพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลินจ้านก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี เขากล่าวอย่างหดหู่ว่า "หลินจ้านในสายตาพวกเจ้า เป็นคนใจแคบเหมือนไส้ไก่รึไง?"
หลังจากที่คิดๆดูแล้ว หลินจ้านก็ส่ายหน้าอีกครั้ง " ช่างมันเถอะ จะมาโต้เถียงกันตอนนี้ ก็ไม่มีความหมายอะไร"
เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย ที่ไม่น่าพูดแทรกออกไปเลย
พวกเขาไม่ได้อยู่ขอบเขตว่อซวนเหมือนกับโจวซุน นอกซะจากว่าหลินหมิง เหมาฉางเฟิง และคนอื่นๆจะโคจรลมปราณของตัวเองขึ้นมา ไม่งั้น พวกเขาก็ไม่อาจมองระดับการบ่มเพาะของหลินหมิงและคนอื่นๆออก ตอนนี้ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ล้วนขึ้นอยู่กับความคิดของพวกเขา หลินจ้านเชื่อว่ารอจนผู้นำตระกูลเหล่านี้ ได้เห็นความแข็งแกร่งของหลินหมิง เหมาฉางเฟิงและคนอื่นๆซะก่อน แล้วพวกเขาก็จะเข้าใจเอง
หลินจ้านมองไปที่อู่เฉิน ผู้นำตระกูลอู่ ที่ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปร่วมวง เขายังคงสงบนิ่งประหนึ่งเขาไท่ซาน ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก
"แม้ว่าข้าจะเป็นผู้นำตระกูลมาหลายสิบปี แต่ผู้นำตระกูลอู่ก็ยังยอดเยี่ยมกว่าข้า!" หลินจ้านแอบถอนหายใจออกมา
....
ขณะที่ศิษย์สำนักเฉินกวงและสำนักหยุนซานกำลังออกเดินทาง จางหยูก็หันไปพูดกับอู่โม่ หลินหมิงและคนอื่นๆอย่างไม่รีบร้อนว่า " พวกเจ้าก็ไปกันได้แล้ว !"
เมื่อได้ยินคำสั่งของจางหยู อู่โม่ อู่ซินซิน หลินหมิง เหมาฉางเฟิง เหยามู่หว่าน และคนอื่นๆ ต่างก็พากันมุ่งหน้าไปบนถนนเส้นเล็กๆอย่างมั่นคง
ผู้ดูแลทั้งสามคนก็ก้าวออกมา และตามหลังศิษย์ของสำนักคังเฉียงไปอย่างเงียบๆ
จุดที่น่าสังเกตก็คือ การที่เติ้งชิวฉานก็เป็นหนึ่งในผู้ดูแลเช่นกัน และคนที่นางต้องจับตาดูก็คือ อู่โม่ !
เมื่อเห็นฉากนี้ สวี่หยาง ฮั้วคุน และผู้นำตระกูลคนอื่นๆก็หันมาพูดกับเติ้งเป่ยเซียวอย่างสนใจว่า "เฒ่าเติ้ง ไม่มีใครในเมืองทะเลทรายที่ไม่รู้ว่าหลานสาวของเจ้าสนใจอู่โม่ เจ้าคิดจะหาผลประโยชน์เข้าตัวรึเปล่า?"
เติ้งเป่ยเซียวหัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อนความเก้อเขินของตัวเอง "เรื่องของตระกูลเติ้งตอนนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชิวฉาน แม้แต่เรื่องการทดสอบหวงหยวนด้วย ทุกอย่างเป็นสิ่งที่นางจัดการเอง ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ อีกอย่าง นิสัยของยัยหนูเป็นยังไง พวกเจ้าจะไม่รู้เชียวหรือ อะไรที่นางได้ตัดสินใจไปแล้ว ข้าก็ไม่สามารถควบคุมมันได้"
พรสรวรรค์และชื่อเสียงของอู่โม่นั้นไม่ได้แย่ บิดาของเขายังเป็นถึงยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองทะเลทราย อาจจะพูดได้ว่า ไม่ว่าจะมองมุมไหน อู่โม่ก็คู่ควรกับเติ้งชิวฉาน ถ้าหากสามารถเกี่ยวดองกับตระกูลอู่ได้ล่ะก็ มีหรือที่เติ้งเป่ยเซียวจะปฏิเสธ
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวเล็กๆของเติ้งชิวฉาน เติ้งเป่ยเซียวย่อมรู้ เพียงแต่ว่าเขาไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าไปแทรก กลับกันยังรู้สึกดีใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา
" จริงรึ ? ดูเหมือนว่าพวกเราจะเข้าใจท่านผิดไป !" สวี่หยางยิ้มคล้ายไม่ยิ้มออกมา
...
หลังจากที่ศิษย์ทุกคนของสามสำนักได้ออกเดินทาง หลินไห่หยาก็พบว่าจางหยูยังไม่เคลื่อนไหว ทำให้เขารู้สึกร้อนใจขึ้นมา
เขาลองถามอย่างหยั่งเชิงว่า "ทำไมเจ้าสำนักจาง ถึงได้ไว้ใจศิษย์นักล่ะ ไม่คิดจะตามไปดูเลยรึ ?"
"ผ่านไปไม่นานก็ทนไม่ไหวแล้วรึ?" จางหยูมองไปที่หลินไห่หยา และหัวเราะในใจ " อยากล่อข้าเข้าไปในป่าหวงหยวน เพื่อหาโอกาสให้โจวซุนลงมือสินะ ?"
แน่นอนว่าจางหยูจะเข้าป่าหวงหยวนอยู่แล้ว แต่เขาก็อดไม่ไหวที่จะหยอกล้อเจ้าสำนักเฉินกวง
จางหยูพูดด้วยท่าทีเบื่อหน่ายว่า "ชีวิตและความตายถูกกำหนดโดยโชคชะตา เกียรติยศและความร่ำรวยถูกบัญชาจากสวรรค์ นี่เป็นเรื่องของพวกเขา แล้วจะให้ข้าตามไปเพื่ออะไร? ทำไม หรือว่าเจ้าสำนักหลินอยากจะให้ข้าตามเข้าไปรึไง?"
หลินไห่หยาชะงักเล็กน้อย ไม่ได้พูดกันเหรอว่า จางหยูให้ความสำคัญกับศิษย์สำนักคังเฉียงมาก? ไม่ใช่ว่าต้องตามไปคุ้มครองพวกเขาหรอกหรือ?
นี่....เจ้าหมอนี่ทำไมถึงไม่ทำตัวเหมือนคนปกติเขา!
"หรือว่าข้อมูลที่พวกเราได้รับมา มีบางอย่างที่พลาดไป?" หลินไห่หยาอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ เพราะจางหยูยังคงนิ่ง ราวกับว่าไม่รู้สึกเป็นห่วงอู่โม่และพวกหลินหมิงจริงๆ
หลังจากเงียบไปสักพัก หลินไห่หยาก็ยิ้มแข็งๆออกมา "เจ้าสำนักจางพูดเล่นแล้ว จะไปหรือไม่ไป มันเกี่ยวอะไรกับข้า? ในเมื่อเจ้าไม่เป็นห่วงศิษย์ของตนเอง แล้วข้าที่เป็นคนนอกมีสิทธิยุ่งอะไรได้ ?" เขากรอกตาแล้วพูดขึ้นมา "เพียงแต่...ข้ารู้สึกว่าเด็กพวกนั้นไม่เหมาะกับสำนักคังเฉียง เป็นโชคร้ายที่พวกเขามีเจ้าสำนักที่ไม่ห่วงใยพวกเขาเลยแม้แต่น้อย !"
"ในเมื่อเจ้าพูดขนาดนี้ หากข้าไม่เข้าไป คงดูเป็นคนใจร้ายสินะ!"
จางหยูย่นคิ้ว คล้ายกับถูกยั่วโมโหขึ้นมา ทักษะการแสดงของจางหยูนั้นน้องๆดาราเลยทีเดียว
หลินไห่หยายักไหล่และพูดขึ้น "คุณธรรมอยู่ที่ใจ เจ้าสำนักจางจะเป็นคนไร้ความปรานีหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะไปตัดสินได้ แต่เป็นทุกคนโดยรอบต่างหาก!"
"ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าเข้าไปนัก ถ้าอย่างนั้น...ก็ตามที่เจ้าต้องการ!" จางหยูมองไปที่หลินไห่หยาด้วยแววตายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม จากนั้นก็ไม่กล่าวอะไรต่อไป เพียงแค่เดินแหวกฝูงไปยังถนนเส้นเล็ก
เมื่อเห็นแผ่นหลังของจางหยูเดินจากไป หลินไห่หยาและลัวเยว่ซานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเหี้ยมออกมา
....
ตรงบริเวณที่ตั้งของผู้นำตระกูล
หลินจ้านพูดขึ้นมาด้วยความกังวลว่า "เจ้าสำนักจางยังเด็กนัก !"
" ทำไมเขาถึงมองแผนการร้ายนี้ไม่ออก ?"
"หากเขาไม่เข้าไป เขาอาจจะรอด แต่ถ้าเขาเข้าไป เขาต้องตายแน่ๆ !"
" เจ้าคิดผิดแล้ว ผู้ดูแลโจวคนนั้น เห็นได้ชัดว่าร่วมมือกับหลินไห่หยาและคนอื่นๆ ต่อให้จางหยูไม่เข้าไป เกรงว่าก็คงมีชีวิตรอดอยู่ได้ไม่นาน"
นอกจากอู่เฉินและหลินจ้านแล้ว ความเป็นตายของจางหยูไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา ดังนั้นบทสนทนาของพวกเขาจึงไม่ได้มีอารมณ์ร่วมมากนัก
จางหยูรอดมา พวกเขาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร หากจางหยูตาย พวกเขาก็ไม่ได้เสียอะไร ในเมื่อเป็นแบบนั้น พวกเขาจึงไม่สนใจความเป็นความตายของจางหยู อย่างมากก็แค่สงสาร ยังไงซะพรสวรรค์ที่จางหยูแสดงออกมาตลอดหลายปี แม้จะนับว่าไม่เลว แต่ถ้าเทียบกับอู่โม่ เติ้งชิวฉาน เหมาฉางเทียน และคนอื่นๆแล้ว มันก็ไม่ได้มากมายอะไร
"ผู้นำตระกูลอู่ ทำไมท่านถึงไม่กังวลเลย?" หลินจ้านเห็นสีหน้าใจเย็นของอู่เฉิน ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
" กังวล ?" อู่เฉินมองหลินจ้าน จากนั้นใบหน้าที่สงบนิ่งของเขาก็เผยรอยยิ้มลึกลับออกมา "คนที่ควรกังวลไม่ใช่ข้า แต่เป็นหลินไห่หยากับลัวเยว่ซานต่างหาก!"
ในเมื่อจางหยูรู้ความแข็งแกร่งของโจวซุนแล้ว แต่ก็ยังกล้าเข้าไปในป่าหวงหยวน จุดนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า จางหยูมั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
อู่เฉินเชื่อว่า โจวซุนอะไรนั่นไม่มีทางทำอันตรายต่อจางหยูได้ !
เมื่อได้ยินคำพูดของอู่เฉิน ผู้นำตระกูลทั้งหลายต่างก็เลิกคิ้วสูง และแสดงสีหน้าสงสัยออกมา
"จริงรึ? ถ้าอย่างนั้นข้าต้องจับตาดูซะแล้ว เจ้าสำนักจางผู้นี้ สามารถทำให้ผู้นำตระกูลอู่กล่าวชมได้ต้องพอมีดีอยู่บ้าง" ผู้นำตระกูลชั้น 2 ท่านหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา "อีกอย่าง พี่หลินก็เพิ่งจะบอกว่าศิษย์สำนักคังเฉียงนั้นไม่ได้อ่อนแอไม่ใช่รึไง? ดีเลย งั้นก็ใช้โอกาสนี้ ดูว่าพวกนั้นจะมีฝีมือแค่ไหน!"
"ไป พวกเราไปดูกันเถอะ!" เหมายี่ เติ้งเป่ยเซียว และผู้นำตระกูลคนอื่นๆต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
ผลก็คือ ผู้นำตระกูลใหญ่ต่างก็พากันตามจางหยูเข้าไปในป่าหวงหยวน
ทันทีที่ทุกคนออกไป ลานตรงนั้นก็กลายเป็นพื้นที่ว่างขนาดใหญ่
" ใต้เท้าโจว ดูนั่น..." แม้ว่าหลินไห่หยาและลัวเยว่ซานจะใจร้อนอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ต้องถามโจวซุนก่อน หากโจวซุนไม่ช่วย พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับจางหยู และถ้าจัดการไม่ดี ไม่สามารถฆ่าจางหยูได้ คนที่จะตายก็คงเป็นพวกเขา
โจวซุนมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า "ไปกันเถอะ !"
หลังจากนั้น โจวซุนก็เดินนำทั้งสองคนเข้าไปในป่า
สิ่งที่เขาสนใจจริงๆนั้นไม่ใช่จางหยู แต่เป็นเหล่าศิษย์สำนักคังเฉียง เขาตัดสินใจแล้วว่าจะรับเด็กพวกนั้นเข้าสำนักในเมืองฟู่เฉิง หากเด็กเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บในการทดสอบ มันคงเป็นเรื่องที่แย่สำหรับเขา และถ้าหากเขาไม่ระวังแล้วทำให้เด็กเหล่านั้นตกตายไปสักคนสองคน เขาคงกระอักเลือดออกมา
"ถือโอกาสนี้ไปสำรวจความแข็งแกร่งของพวกเขาหน่อยดีกว่า คิดว่าพวกเขาคงไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวัง" โจวซุนคิดในใจอย่างเงียบๆ
ทันทีที่โจวซุนเดินออกไป หลินไห่หยาและลัวเยว่ซานก็รีบตามไปติดๆ และสั่งให้คนที่เหลือของสำนักเฉินกวงและสำนักหยุนซานตามมาด้วย
ไม่นานกลุ่มคนขนาดใหญ่ก็พากันหายไปจากหน้าผา
ขณะเดียวกัน สำนักอินทรีย์ทอง สำนักอัคคีและสำนักดาบศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้พาคนของตัวเองมุ่งหน้าไปที่ป่าหวงหยวนเช่นกัน
คนที่เหลือนั้นมีแต่พวกนักสู้ทั่วไปและชาวบ้าน ซึ่งเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่กล้าเข้าไปในป่าหวงหยวน แต่สำหรับผู้บ่มเพาะพเนจรที่มีฝีมือมากมาย พวกเขารอจนกว่าคนของสำนักและขุมกำลังต่างๆจากไป แล้วจึงคอยออกเดินทาง
"การทดสอบหวงหยวนในปีนี้ คงมีการต่อสู้ใหญ่รออยู่!"
ในบริเวณพื้นที่ท่านเจ้าเมือง ฉินเหลียนลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ขณะเหม่อมมองไปยังป่าหวงหยวน จากนั้นก็พูดเสียงขรึมว่า "ผู้บัญชาการเจียง ผู้บัญชาการหวัง พวกเจ้าสองคนไปกับข้า ส่วนคนอื่นๆดูแลทางเข้าเอาไว้ หากไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามให้ใครเข้าไปอย่างเด็ดขาด"
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว