ศพ-ตอนที่ 45 อั่งเปาก้อนโต

โดย  sriwichai.swc

ศพ

ตอนที่ 45 อั่งเปาก้อนโต

กลยุทธ์ที่ 36 ราชารัตติกาล

“ตูมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ร่องรอยเคียวเมลวาสถึงกับทำให้แนวไม้เบื้องบนแหว่งไปครึ่งนึงในคราวนี้ ทว่าเขากลับไม่เห็นจักรพรรดิในสายตาขณะนี้เลยจนกระทั่ง

“!!?” เขาก้มมองพื้น ในตอนนั้น หมัดของจักรพรรดิก็พุ่งขึ้นมาเฉียดเข้าที่ปลายคางของเมลวาสด้วยการใช้สกิลกลืนกายที่ใช้หลบเข้าไปที่พื้นก่อนหน้านี้

เมลวาสกัดฟันพลิกเอาด้ามเคียวกระแทกท้องจักรพรรดิจนถอยออกไป

“....” จักรพรรดิถึงกับสำลักเลือดแต่ก็ยังยิ้มออกมาได้สมกับเป็นขั้นราชา ขั้นอัศวินหมาดๆ ของเขาเทียบไม่ได้เลย

“ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ สมแล้วที่พี่ชายเป็นถึงราชาฝีมือระหว่างฉันกับพี่ชายดูเหมือนต่างกันมากเลย”

“แต่เจ้าก็ไม่คิดยอมแพ้หรอกใช่ไหม?” เมลวาสยิ้มพูดขึ้นมาบ้าง

เมื่อรู้แบบนั้นจักรพรรดิก็เข้ามาหาเมลวาสต่อด้วยการใช้สกิลตัวเบาผสานกับสกิลปราณมังกร การเคลื่อนไหวของเขาในตอนนี้จึงดูรวดเร็วมาก ทว่ามันกลับถูกหยุดได้ด้วยการฟันเคียวยักษ์ในมือของเมลวาสเพียงครั้งเดียวอีกครั้ง จบด้วยที่เมลวาสเข้ามาถึงตัวเขาชั่วพริบตาแล้วง้างเคียวขึ้นมาเป็นวงคลื่นที่ดูอำมหิต

เคียวโลหิต

จักรพรรดิไม่รู้ความสามารถของมันเพราะเขาไม่มีข้อมูลของเมลวาสก่อนมาที่นี่แม้แต่น้อยหากอยากรู้จริงๆ มีเพียงแค่ต้องยอมรับเคียวนี้เท่านั้น น่าเสียดายเขาไม่คิดที่จะมาตายที่นี่เขาจึงลองเสี่ยงใช้สกิลใหม่อีกสกิลที่เขาพึ่งเห็นมันในหน้าต่างสกิลและยังงงๆ กับความสามารถของมันอยู่

ความสามารถที่มันบ่งบอกห้วนๆ เพียงแค่ว่า “สามารถลวงความเป็นจริงทุกอย่างได้” มีเพียงระดับที่มันบอกว่าเป็นสกิลท่าไม้ตายชั้นสูงเท่านั้นที่ทำให้จักรพรรดิพอเชื่อถือได้

พอจักรพรรดิใช้ออกมาเขากลับไม่รู้สึกอะไรเลยจะกลับมาคิดและทำอย่างอื่นก็คงไม่ทัน ที่สุดเคียวเมลวาสก็ได้เลื่อนผ่านตัวเขาไปจนเกิดเป็นภาพสีแดงวงจันทร์ทาบทับร่างของเขา เท่านั้นล่ะ

“!!?” ร่างของจักรพรรดิกลับหยุดนิ่งด้วยความประหลาดใจ ในสายตาเขาเห็นเพียงรอยยิ้มที่มีชัยของเมลวาสเบื้องบนเท่านั้น

กระนั้นเขาก็ยังไม่ตาย ในเสี้ยววินาทีที่เมลววาสคิดว่าตนเองชนะจักรพรรดิก็ได้ชกหมัดด้วยพลังทั้งหมดใส่ท้องของเมลวาสจนสำเร็จเป็นครั้งแรก

“!!?” เมลวาสถึงกับทำตาโตในขณะตัวงอเล็กน้อย

ตอนนี้เมลวาสแปลกใจจักรพรรดิกลับยิ้ม ด้วยความสามารถที่ว่า “ลวงทุกอย่างได้” มันรวมถึงการลวงความเสียหายการโจมตีที่ทำให้เขาร่างขาดครึ่งท่อนได้ด้วยการโจมตีเมื่อกี้ของเมลวาสเลยทีเดียว

กระนั้นผลข้างเคียงของมันก็ไม่ต่างจากสกิลกลืนกายมากนัก แถมยังเยอะกว่าด้วยเมื่อทั้งมานาและพลังใจของเขาในตอนนี้ไม่เหลือแม้กระทั่งให้เขาขยับนิ้วได้สักนิ้ว

เมลวาสขมวดคิ้วก่อนจะฟาดด้ามเคียวอัดร่างของจักรพรรดิลงสู่พื้นเป็นเสียงดัง

“ตูมมม!!!!”

“หมัดสุดท้ายเมื่อกี้เจ้าคิดว่าเจ้าจะจัดการข้าได้จริงๆ งั้นเหรอ?” เมลวาสพูดขึ้นก้าวเท้ามาหาจักรพรรดิอย่างช้าๆ

จักรพรรดิที่นอนอย่างไร้สภาพค่อยๆ ขยับร่างกายแล้วว่า

“ไม่คิดอยู่แล้วว่าจะชนะ...”

“แล้วทำไมถึงยังดึงดันที่จะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่รู้ว่าตัวเองจะไม่ชนะอยู่อีก?”

เขายื้มขึ้นมา ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นมาได้แม้จะอยู่ในสภาพโงนเงนจนจะล้มอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัย

“เพราะมันจะไม่สนุกเอานะสิ ถ้าฉันวิ่งหนีนาย...และถ้าไม่ทำแบบนี้นายก็จะไม่สนใจฟังสิ่งที่ฉันพูดอีก....”

เมลวาสค่อยๆ วางเคียวมาที่คอจักรพรรดิ

“พูดมา ถ้ามันเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของเจ้า”

“....ฉันในตอนนี้ ไม่มีพลังพอที่จะต่อกรกับเทพเจ้าได้ แต่จากสิ่งที่นายพูดฉันก็รู้แล้วว่าหน้าที่ของนายสำคัญแค่ไหน.....เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ฉันยอมรับเองว่าฉันเป็นคนทำมันขึ้นมาเองพี่ชาย...จากความไม่ตั้งใจ(อีกครั้ง)”

“มันไม่ใช่คำสั่งเสียแต่มันเป็นคำพูดหาที่ตาย” เมลวาสว่า

จักรพรรดิพูดขึ้นมาด้วยแววตามุ่งมั่น คมเคียวที่พร้อมจะสะบั้นคอเขาให้ขาดเหมือนกับไร้ความหมายที่มันวางอยู่

“ฉันไม่ขอให้พี่ชายไว้ชีวิตฉัน แต่ฉันเองก็ไม่คิดที่จะมาตายที่นี่ ทำไมไม่ลองให้ฉันคนนี้พยายามแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองทำดูล่ะ การต่อสู้ของเราเมื่อกี้ก็น่าจะบอกแล้วว่าฉันเป็นคนแบบไหน?”

“เจ้ามันเป็นคนบ้า....” เมลวาสพูดก่อนคมเคียวของเขาจะกลายเป็นสีแดงโลหิตอีกครั้งแต่จู่ๆ ตอนนั้นเองเท็นกุชายชั้นสูงก็ได้พูดขึ้นมา

“เดี๋ยวขอรับนายท่านหยุดก่อน!!”

“อะไร...เจ้าเห็นใจเจ้านี่รึไง?” เมลวาสกล่าวถามเขาขึ้นมา ก่อนเขาจะชี้มาที่ข้อมือขวาของจักรพรรดิที่ตอนนี้แขนเสื้อขาดรุ่งริ่ง จนทำให้เมลวาสมองตามแล้วเห็นกำไลแห่งสัจจะ

ไม่รู้ว่ามันนั้นเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วที่ผู้มาเยือนที่นี่มีร่องรอยของเขาในอดีตปรากฏขึ้นมา แม้มันจะเพียงน้อยนิดแต่เขาก็หวนรำลึกถึงความหลังที่เคยมีอิสระใต้ท้องฟ้าเสรีนี้ทุกวัน โดยไม่มีใครสั่งเขาได้ โบยบินไปทุกที่กระทั่งพบเธอ เธอผู้เจิดจ้าตรงกันข้ามกับเขาที่เป็นสีดำ ถึงแม้เธอจะไม่เคยเหลียวมองเขาเลยแต่เขาก็ไม่อาจล่ะสายตาจากเธอได้เมื่อพบเธอ

“เอาล่ะ ฉันฆ่ามันได้ยัง...?” เมลวาสหันไปถามเท็นกุชายชั้นสูง

“เออ แล้วท่านไม่สงสัยหน่อยเหรอครับว่าเขาได้มันมาได้เยี่ยงใด?”

“เมื่อกี้ก็สงสัยอยู่หรอก แต่ฆ่าเจ้านี่คืองานของพวกเราตอนนี้”

จักรพรรดิยังคงยิ้มพูด แถมคราวนี้พร้อมยกมือขวาชูกำไลแห่งสัจจะขึ้นมา เหมือนกับว่าเขาจะได้เจอกุญแจและปริศนาของสิ่งนี้แล้ว

“ฉันได้เจ้านี่มาตั้งแต่เข้ามายังโลกแห่งนี้ครั้งแรก...”

“ไม่ได้ถาม...” เมลวาสว่า ทว่าจักรพรรดิกลับไม่สนใจ

“....เพราะมันความยากลำบากในโลกแห่งนี้ของฉันเลยเกิดขึ้นมามากมาย ทั้งๆ ที่คิดว่าต่อให้กับศัตรูของฉันแล้วฉันจะได้ความสนุกเพิ่มขึ้นแต่แบบนี้มันกับดักที่ดักทางฉันให้ตายแทบจะทันที”

“ก็บอกว่าไม่ได้ถาม แล้วนายพูดอะไรของนาย?”

“....พี่ชายเข้าใจรึเปล่า ความยากลำบากของคำสาปนี้มันกัดกินฉันอยู่จนถึงขั้วหัวใจ(จริงง่ะ) ฉันทรมานกับมันมาแรมปี(แค่เดือนเศษๆ ในเกมเองไม่ใช่เหรอ) ต้องหลบหนีการไล่ล่าและการหมายตาของผู้ที่คิดจะจัดการฉันมากมาย(ส่วนนึงเพราะแกสร้างเรื่องขึ้นมาเองทั้งนั้น) ถ้าไม่มีมันอยู่ละก็ฉันก็จะได้ใช้พลังของฉันอย่างเต็มที่แล้วแท้ๆ ทั้งคนรักและศัตรูของฉันคงยอมสยบให้กับฉัน(กำลังแถออกทะเล(พยายามเอาตัวรอดจนถึงที่สุด)) มันทรมานเหลือเกินคืนวันที่ต้องต้องคำสาปนี้...” จักรพรรดิกุมหัวใจของตัวเองด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดแสนจะทานทน(เอารางวัลออสก้าไปเลยเหอะ)

แล้วในตอนนั้นเองเขาก็เห็นใบหน้าเรียบๆ ของเมลวาสเหมือนกับจะบอกว่า(มึงพูดไร’ของมึง)

จักรพรรดิทำหน้าผ่อนคลายออกมา อันที่จริงหากเป็นลูกผู้ชายตัวจริงเขาไม่จำเป็นต้องขอความเห็นใจจากศัตรูแม้แต่น้อย แต่นี่มันเกมถ้าเขาตายตอนนี้อนาคตที่เขาวาดฝันไว้กับฟุยูกิคงพังพินาศหมดพอดี จักรพรรดิรัวลิ้นพูดขึ้นมาด้วยความรวดเร็วหลังจากพอปะตัดปะต่อเรื่องเมลวาสในหัวได้

“ไหนๆ ฉันก็จะตายแล้ว อย่างน้อยๆ ฉันเองก็อยากจะช่วยพี่ชายสักเรื่อง 2 เรื่องเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ก่อเรื่องให้พี่ชายจนพี่ชายต้องลำบาก”

“ข้าไม่มีอะไรให้เจ้าช่วยทั้งนั้น...” เมลวาสพูดออกมาพร้อมฟันเคียวสู่จักรพรรดิจักรพรรดิกัดฟันลั่นคำพูดสุดท้ายออกไปเพื่อเป็นการโต้ตอบ

“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก! ความลำบาก! ความหนักใจฉันคือกูรูที่สามารถช่วยทุกคนได้!!!” เมลวาสหยุดเคียวอยู่ที่คอจักรพรรดิไม่กี่เซ็นต์เหมือนการเน้นคำว่า ความรัก จะต้องเข้าหูของเขาเต็มๆ

เมลวาสค่อยๆ พูดขึ้น ถึงปัญหาที่ตัวเองเผชิญอยู่

“นายช่วยฉันได้...อย่างงั้นเหรอ....?”

“นายท่านอย่าไปฟัง! ฆ่าๆ เขาเถอะครับ” เท็นกุชายชั้นสูงเห็นท่าไม่ดีพูดขึ้น

ในขณะที่เมลวาสกำลังสับสน จักรพรรดิก็เดินเข้าไปโอบคอของเมลวาสอย่างเนียนๆ

“เชื่อเถอะว่าฉันช่วยพี่ชายได้...”

ไม่นานทั้งคู่ก็ไปนั่งหลบอยู่ที่มุมพูดคุยกันอย่างสนุกสนานปนเปไประหว่างความเศร้าและความเข้าใจซึ่งกันและกัน ในขณะที่เท็นกุชายชั้นสูงเป็นกังวลเมลวาสก็เดินมาออกคำสั่งที่ขัดต่อใจและหน้าที่ของเขาจนได้

“บอกให้พวกเราถอนทัพทั้งหมดกลับมาที่รังซะ อ๋อ แล้วพาเพื่อนๆ ของน้องชายข้าจักรพรรดิขึ้นมาด้วยนะ” ว่าจบเขาก็ไปนั่งคุยกับจักรพรรดิต่อ

ในฐานะบทบาทของเขานั้นมีไม่ซับซ้อนเขาจึงน้อมรับคำของเมลวาสและจากไปโดยที่ยังรู้สึกขัดๆ อยู่เท่านั้น

พอเมลวาสมานั่งข้างๆ จักรพรรดิอีกครั้งเขาก็เริ่มเผยความในใจออกมา

“...ข้าในอดีตเคยเป็นปีศาจที่ก่อกรรมทำผิดมามากมายไม่เคยอยู่ใต้อาณัติของใคร ในระหว่างที่หลงระเริงในความสามารถของตนเองและหรรษาที่ได้เข่นฆ่าผู้อื่นนั้น ตัวข้าก็ถูกเทพเจ้าสาปส่งให้มาปกป้องและดูแลสถานที่แห่งนี้ตราบนานเท่านาน...และตราประทับนี้เป็นตัวบ่งบอกถึงปีศาจที่เกิดที่โลกปีศาจ ข้าเป็น 1 ในจำนวนนั้นที่ออกมาจากโลกแห่งนั้นและหาที่อยู่ใหม่แต่ก็ต้องจบความทะเยอทะยานลงเพราะความลำพองใจของตน...” เมลวาสเปิดเสื้อที่อกออกมาให้จักรพรรดิได้เห็นอักษรสีแดงที่คล้ายกับอักษรที่กำไลของเขา

“แล้ว พอรู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้รึเปล่าครับ”

เมลวาสเพ่งมองมันดีๆ แล้วว่า

“ส่วนใหญ่เจ้าเครื่องประดับที่มีอักษรปีศาจอยู่ มันจะบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของของปีศาจตนนั้นๆ ตรงๆ ข้าก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันว่ามันคืออะไร ที่ข้าแปลกใจก็เพราะว่าข้าไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนเช่นเจ้ามีมันไว้ในครอบครองเลย”

หลังจากใช้เรื่องความรักเป็นสะพานใจให้พวกเขาทั้ง 2 จักรพรรดิก็เริ่มหาจุดเชื่อมโยงกำไลของเขากับสิ่งต่างๆ ได้บ้างแล้ว มันหมายความว่ายังไงจักรพรรดิกำลังขบคิดอยู่บ่งบอกถึงเจ้าของ กับการที่เขาไม่สามารถถอดมันออกได้มันเกี่ยวอะไรกัน จักรพรรดิยังไม่อยากยืนยันความคิดของตนแต่ที่รู้แน่ๆ ตอนนี้คือคำตอบของเจ้ากำไลนี้ไม่อยู่ที่อาณาจักรที่ปรากฏอยู่ในแผนที่ทั้ง 5 อย่างแน่นอนหากจะมีคงน้อยนิดและต้องหากันอย่างรากเลือดต่อไปจนพบคำตอบนั้น

ดูเหมือนเรื่องราวของเจ้ากำไลนี่จะใหญ่โตมากๆ ใหญ่โตซะไทหยางที่เป็นถึงผู้นำในการสร้างเกมนี้ยังไม่รู้เรื่องราวของมันทั้งหมด เพราะหากรู้จริงเขาคงเคลียร์เกมนี้ได้ไปนานแล้วล่ะสิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ซิลเวอร์แอบใส่เข้ามาในเกมด้วยตัวเองก็ได้ และจักรพรรดิก็เริ่มตีความสงสัยไปอีกว่าคำสาปของพวกเขาทั้ง 7 ทำไมถึงไม่เหมือนกัน

“เรื่องราวของพี่ชายนั้นน่าเศร้าจริงๆ ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ฉันก็ยินดีที่จะช่วย”

ปกติจักรพรรดิจะไม่สนใจเรื่องตัวผู้ด้วยกันแม้แต่น้อยแม้จะดราม่าเพียงใดก็ตาม ทว่ากรณีของเมลวาสนั้นเป็นกรณีพิเศษที่เขาไม่อาจมองข้ามไปได้

“พร้อมแล้วใช่ไหม!” ที่ด้านล่างทวนยืนจับดาบแน่นพร้อมด้านหลังมีวันด้าที่ถือเครื่องมือบางอย่างอยู่ที่มือ

บลูโดม สิ่งที่วันด้าใช้กันพวกคาราสุเท็นกุมากมายที่อยู่ด้านนอกนั้นกำลังจะหมดเวลาใช้งานลง พอทั้ง 2 ที่คิดไตร่ตรองแผนที่จะออกไปจากที่นี่ได้แล้วก็เลยตกลงที่จะร่วมมือกันอย่างเป็นทางการจึงได้เกิดภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ออกมา

แต่แล้วพอแสงของบลูโดมเจือจางจนหายไปตัวเครื่องตรงกลางระหว่างทั้ง 2 มีควันไหม้ลอยขึ้นมา พวกคาราสุเท็นกุในเวลานี้กลับยืนนิ่งเฉยท่ามกลางความสงสัยของทั้ง 2 และแล้วในสายตาของทวน เท็นกุชายหญิงที่แตกต่างจากพวกที่เขาสู้อยู่ก็ปรากฏขึ้นมาสู่สายตาเขา


กลับมาด้านจักรพรรดิที่เขาเริ่มจับจุดของตัวเองได้พร้อมของเมลวาส

เรื่องของเขาในเวลานี้ไม่มีความจำเป็นต้องพูดถึงเขาจึงคิดจะเคลียร์เรื่องของที่นี่ที่เกิดปัญหาขึ้นเพราะเขาอีกครั้งเสียก่อน หลังจากทำตัวเป็นผู้ฟังมาพอสมควรจักรพรรดิก็เริ่มเอ่ยขึ้นมาและเล่าเรื่องที่เขาได้หน้ากากจักรพรรดิเหยี่ยวขาวมาได้ยังไง

“โธ่เอ้ย ตอนแรกข้าก็คิดว่าเจ้าได้มาจากเธอโดยตรงซะอีกเป็นเทพธิดาองค์อื่นหรอกเหรอที่มอบมันให้เจ้า...”

“...ขอโทษนะพี่ชาย ที่ผมสร้างปัญหาให้พี่ชายเพิ่มแบบนี้”

เมลวาสที่นั่งคอตกปลงใจยกมือขึ้นมาพูด

“ไม่เป็นไร เรื่องที่พลาดไปแล้วก็ปล่อยให้พลาดไปสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเจ้ารู้ว่าตัวเองผิดและคิดจะแก้ไข(แต่เมื่อกี้แกไม่ใช่แบบนี้นะ)”

“เอาแบบนี้ก็แล้วกันเดี๋ยวฉันจะช่วยเหลือพี่ชายอย่างที่บอกเป็นการตอบแทน โดยเฉพาะเรื่องของผู้หญิง”

“นะ นะ นี่เจ้ารู้เหรอ?” เมลวาสแปลกใจพูดขึ้นมา

“รู้สิครับ ในตอนที่พี่ชายเห็นหน้ากากของฉันครั้งแรก พี่ชายทำท่าแปลกใจมากและเหมือนอยากเอามันมาเป็นของตัวเองให้ได้ จนเมื่อกี้ยังพูดถึงเธอ ถ้าเดาไม่ผิดเธอคงเป็นเหยี่ยวขาว “ซาช่าใช่ไหม”

เมลวาสพูดไม่ออกเหมือนกับว่าจักรพรรดิดักทางเขาถูก

เหยี่ยวขาว ซาช่า เธอนั้นเป็น 1 ใน 6 เจ้าเวหา 6 เจ้าเวหาคือมอนเตอร์ที่อยู่ชั้นสูงสุดทั้งหมดของพวกมอนเตอร์ประเภทวิหค ซึ่งไอเทมหน้ากากจักรพรรดิเหยี่ยวขาวเป็นสิ่งที่ปกติดร็อปและสร้างได้จากเธอหรือพวกของเธอ นี่เป็นสิ่งที่จักรพรรดิรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับเธอ เพราะข้อมูลของเธอจักรพรรดิยังไม่เห็นถึงความสำคัญสำหรับเขาจนถึงเมื่อครู่นี้

ทว่าจนถึงเมื่อครู่ข้อมูลของเธอก็เพิ่มเติมมาในสมองของจักรพรรดิอีกหน่อยแล้วนั่นก็คือเมลวาสเองก็เป็น 1 ใน 6 เจ้าวิหคเฉกเช่นเดียวกับเธอเช่นกัน และพัดขนนกยูงสีรุ้งเองก็เป็น 1 ในไอเทมที่ดร็อปมาเจ้าวิหคอีกตนเหมือนเมลวาสด้วย

จากกิริยาของเมลวาสที่เห็นหน้ากากของเธอและคำถามก่อนหน้าของเขามันก็ทำให้เขารู้ซึ่งความในใจของเมลวาสมากแล้ว

เมลวาสถอนหายใจเนืองๆ ออกมา

“อันที่จริงแล้วตัวข้านั้นเกือบจะถูกกำจัดโดยเทพแห่งนภาไปนานแล้ว แต่เธอกับเป็นฝ่ายขอชีวิตข้าเอาไว้ ด้วยบุญคุณในครั้งนั้นทำให้ข้าตกหลุมรักเธอแทบจะทันทีและนับตั้งแต่นั้นมาข้าจึงถูกส่งมาอาศัยอยู่ที่นี่แทนนาง”

สิ่งที่เมลวาสพูดเหมือนกับจะบ่งบอกถึงความรักในสภาวะบุญคุณที่เธอสร้างให้เขา แต่สำหรับจักรพรรดิเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่อยากอยู่ที่นี่เลยอยากหาคนมาแทนตนแล้วตอนนั้นเองคนที่เธอเล็งไว้คือเมลวาส

จะสงสารแล้วดำเนินต่อไปยังไงจักรพรรดิคิดอยู่

“เธอแวะมาหาข้าเป็นครั้งคราวจนทำให้ความรู้สึกของข้าชัดเจนมากขึ้น แต่พอรวบรวมความกล้าได้สำเร็จและคิดจะบอกนางนางก็กลับไม่โผล่มาหาข้าอีกเลย...”

เมลวาสพูดจบโดยมีน้ำหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากดวงตา

‘โดนเขาหลอกใช้ยังไม่รู้ตัวอีกน่าสงสารจริง’ จักรพรรดิอดคิดไม่ได้ถึงเขาจะบ้าเพียงใดแต่เขาก็อยู่กับปัจจุบันและมองภาพรวมโดยตลอด แม้จะเคยมีผู้หญิงหลอกเขาได้แต่ทุกครั้งเขายินยอมให้พวกเธอหลอกเอง ไม่ได้มีความเสียหายอะไรแม้แต่น้อยเพราะสมบัติที่พวกเธอได้ไปก็ของซิลเวอร์ทั้งนั้น รวยจนไม่รู้จะรวยยังไงแล้วนิ

“ไม่ต้องห่วงพี่ชาย...เรื่องของพี่ชายอยู่ในใจของฉันแล้ว เดี๋ยวฉันคนนี้จะเป็นพ่อสื่อรักให้เอง หากพี่ชายไปหาเธอไม่ได้เดี๋ยวฉันคนนี้จะช่วยบอกความในใจของพี่ชายที่แสนจะจริงใจให้เธอรับรู้เอง” จักรพรรดิตบไหล่ของเมลวาสเบาๆ

“....ถือว่าเป็นบุญคุณเลยล่ะ แม้มันอาจจะกินแห้วก็ตาม” เมลวาสยังคงรู้สึกเศร้าอยู่

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ”

“ก็เธอดันชอบเทพนภาน่ะสิไม่ใช่ข้า เขาทั้งสง่างาม แข็งแกร่ง บ้านมีกิน บารมีล้นฟ้า แต่ดูข้าสิเป็นได้แค่อีกาดำเฝ้ารัง”

เหมือนจะรู้ว่าโดนหลอกใช้แต่ก็ไม่ทั้งหมดจักรพรรดิยิ่งรู้สึกสงสารตัวเมลวาสเข้าไปใหญ่จนเขาเกิดความรู้สึกร่วมไปด้วย เขากับฟุยูกิก็เหมือนกันถึงแม้ในอดีตจะเคยมีเหตุการณ์ที่เขาสร้างขึ้นจนแสนจะเลวร้ายกับเธอแต่ปัจจุบันเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือมาเป็นข้างๆ มือแล้วแต่เธอก็ยังไม่หันมามองเขา เขาคิดว่าเธอคงมองผู้ชายคนอื่นอยู่แน่ ดังนั้นสิ่งที่เขาจะทำก็คือพยายามเบนสายตาของเธอมามองเขาให้มากที่สุด 1 สิ่งในตอนนี้ที่จักรพรรดิทำได้ก็คือทำตัวเด่นๆ ในเกมนี้จนเรียกเธอมาหาเสียก่อน นี่คือสิ่งที่เขาคิดและเป็นเหตุผลที่เขาไม่ปิดบังข้อมูลความรวยของตนในเกมนี้(ตรงๆ)

จักรพรรดิแหงนมองท้องฟ้ายามราตรีนี้แล้วพูดขึ้นมากับเมลวาส

“ไม่ต้องห่วงพี่ชาย ฉันเป็นคนพูดแล้วไม่คืนคำเรื่องของพี่ชายเป็นปัญหาของฉันแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่ฉันจะทำทดแทนเนื่องจากสร้างงานเพิ่มให้พี่ชายก็แล้วกัน”

“นี่เจ้าพูดจริงเหรอ? เศษเสี้ยวของความหวังของข้าข้าฝากเจ้าไว้ได้จริงๆ เหรอ?” เมลวาสถามขึ้นมาด้วยความปิติ เรื่องราวนี้ไม่ว่าจะพูดกับใครก็ไม่มีใครรับฟังเขาเลยพอจะพูดกับลูกน้องลูกน้องมันก็ไม่เข้าใจ มนุษย์ที่เคยใช้ลูกน้องจับมาให้รับฟังส่วนใหญ่ก็มักจะฆ่าตัวตายหนีตนเอง จนเขาเลิกจะทำสิ่งนั้น จนเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ในใจ

“จริงแท้แน่นอนพี่ชาย” จักรพรรดิยิ้มพูดขึ้นมาด้วยความจริงใจ

เมลวาสที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับร้องไห้ออกมาแทบจะทันทีแล้วพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่คำเดียวว่า “ขอบคุณมาก” สลัดคาบราชารัตติกาลเมื่อครู่ออกไปอย่างสิ้นเชิง

พอเห็นว่าพวกของตนมาแล้วจักรพรรดิก็หันไปพูดด้วยทันที

“พวกนายมาได้เวลาพอดีเลย ฉันกับพี่ชายได้ตกลงกันแล้วถึงเรื่องที่เกิดขึ้น”

“งั้นเหรอ...ขอรับ” ทวนยิ้มพูดขึ้นมาโดยข้างๆ มีวันด้ายืนอยู่

งานของเมลวาสก็อย่างที่เขาเคยพูด เขานั้นมาปกป้องที่นี่ตามคำสั่งของเทพนภาหากมีใครเอาของนั้นออกมาโดยผิดวิธี และต่อสู้กับบางอย่างที่จะตื่นหลังจากมันถูกนำออกมาอย่างผิดวิธีนั้น แต่ด้วยการพูดคุยและเจรจากับจักรพรรดิจนได้บทสรุปแล้วเขาจะยอมวางมือจากเรื่องทั้งหมด เผ่าพันธุ์ของเขาจะไม่ไปโจมตีใครอีก แต่ต้องแลกด้วยที่จักรพรรดิต้องรับภารกิจหัวใจ? ของเขาที่ต้องส่งตรงไปถึงซาช่าให้ได้


ถึงยิ่งคิดจะยิ่งหาความหวังอะไรไม่ได้จักรพรรดิก็ไม่คิดจะละความหวังนั้นที่ลั่นวาจากับเมลวาสไปแล้ว แต่นั่นเป็นแค่การแก้ปัญหาปลายเหตุเท่านั้นจักรพรรดิยังหาทางแก้ปัญหาที่ต้นเหตุกับเมลวาสอยู่แม้มันจะมีวิธีนึงอย่างชัดเจนอยู่แล้วก็เหอะ

“ไม่...” วันด้าปฏิเสธเมื่อจักรพรรดิขอมันคืนจากเธอ

“ขอเถอะน่าวันด้า...” จักรพรรดิขอร้องเธออีกครั้ง

“เป็นทาสอย่าริมาบังอาจ...ออกคำสั่ง...” จักรพรรดิถึงกับคอตก

เมื่อทวนกับเมลวาสได้ยินแบบนั้นก็ถึงกลับสุมหัวกันแล้วมาพูดกับจักรพรรดิ

เมลวาสเป็นคนแรกเดินยิ้มขึ้นมาออกความคิดเห็นกับจักรพรรดิ

“ให้ฉันฆ่าเธอให้ไหม รับรองไม่เจ็บปวดหรอกฉับเดียวขาดครึ่งแล้วเราก็จะได้ของสิ่งนั้นมา”

จักรพรรดิรีบตอบกลับทันที

“ถ้าพี่ยังทำแบบนั้นกับผู้หญิงทุกคนอยู่ คุณซาช่าไม่หันมามองพี่แน่”

เมลวาสถึงกับเบิกตากว้างก่อนจะไปนั่งจ้อยอยู่ที่มุมนึงแล้วทวนก็เข้ามาพูดต่อ

“เอาแบบนี้ไหมขอรับนายท่าน ท่านก็ทำอย่างทุกทีซะก็จบ แค่ท่านไปขโมยมันคืนจากเธอซะก็สิ้นเรื่องเรื่องนั้นท่านถนัดไม่ใช่เหรอ”

“นี่นายเห็นฉันเป็นคนแบบนั้นแล้วสินะ” จักรพรรดิว่าเรียบๆ

“ไม่ใช่นะขอรับ!!” ทวนรีบปฏิเสธ ก่อนจักรพรรดิจะเข้ามากระซิบกับเขา

“จะปล้นเธอได้ยังไงเล่า แค่เข้าใกล้เธอสักก้าวเธอก็รู้ตัวแล้ว เห็นแบบนั้นเธอระวังตัวแจจะตาย” เขาอดนึกถึงความน่ากลัวของวันด้าไม่ได้จริงๆ ว่าหากถูกเธอจับได้ในขณะที่ทำตามสิ่งที่ทวนแนะนำแล้วตนจะเป็นยังไง(กลัวเธอจริงๆ แล้วสินะ)




รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว