เขา...ขังเธอไว้ในกรงหัวใจ
ซ่อนเก็บเอาไว้เพียงเพื่อบำเรอเสน่หา
==============================
ตลอดเส้นทางที่รถคันโก้วิ่งผ่านยังคงมีเสียงร้องไห้กระซิกของหญิงสาวข้างตัวเป็นระยะ ณกรเริ่มสับสนเหมือนทุกๆ ครั้งที่เห็นน้ำตาของเธอ ได้เพียงบอกตัวเองว่าอย่าใจอ่อนอย่างเด็ดขาด ครั้งนี้มธุรสทำเกินไป กล้าทำร้ายผู้หญิงที่กำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ซึ่งหากจันทร์ฉายไม่คอยระวังตัวป่านนี้ลูกของเขาอาจเป็นอันตรายไปแล้วก็ได้ มือหนากำพวงมาลัยแน่นคันเร่งถูกเหยียบจนมิดด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ เขาหรือไม่เคยคิดอยากให้เธอต้องออกไปตกระกำลำบากสักนิด แม้จะแสดงความรับผิดชอบอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้แต่เขาก็ทำดีที่สุดโดยการให้เธอทำงานเบาๆ อยู่กับบ้านแถมเงินเดือนยังสูงลิ่วซึ่งหาที่ไหนไม่ได้เมื่อเทียบกับงานที่ทำ มธุรสกลับหาเรื่องใส่ตัวจนเขาต้องจำใจพาเธอไปให้พ้นจากที่นี่ เพื่อความปลอดภัยของลูกที่กำลังจะเกิด
สายตาคมสาดมองคนที่กำลังสะอึกสะอื้นเป็นระยะ เธอหันหน้าออกไปด้านนอกกระจกรถ ผมที่ปลิวสยายบดบังไม่ให้เขาเห็นว่าตอนนี้ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตานั้นทุกข์ตรมขนาดไหน ณกรเองก็ไม่ได้พูดหรือต่อว่าอะไรอีกต่างคนต่างเงียบอยู่กับความคิดของตัวเอง
ชายหนุ่มรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกกับการต้องห่างจากร่างเย้ายวนนั่น ตลอดหนึ่งเดือนที่เธอกลับมาอยู่ที่บ้าน แม้จะไม่ได้แนบชิดกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ทุกๆ คืนเขาจะรอจนเธอหลับแล้วเข้าไปดูแลอย่างทะนุถนอมเสมอ ฝากฝังรอยจูบทั่วดวงหน้าด้วยความรัก ความคิดถึงที่กักเก็บเอาไว้ตลอดเวลา จากนี้ไปเขาคงไม่ได้ทำอย่างนั้นอีกแล้ว เขาคงต้องตัดเธอออกไปจากชีวิตเป็นการถาวรอย่างที่เคยสัญญากับพี่ชายบุญธรรมเอาไว้ ความรับผิดชอบและหน้าที่ความเป็นพ่อคือสิ่งที่เขาต้องเลือก
รถคันใหญ่เลี้ยวเข้ามาจอดอยู่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง มธุรสที่กำลังเหม่อรู้สึกตัวเมื่อรถจอดสนิท เมื่อมองไปด้านนอกก็พบว่าที่แห่งนี้คือที่ที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี บ้านกระท่อมในสวนของณกรนั่นเอง เขาพาเธอมาที่นี่ทำไม อย่าบอกนะว่าจะให้มาอยู่ที่นี่ หญิงสาวปาดน้ำตาแล้วจับกระชับกระเป๋าที่ตั้งบนตักไว้แน่น เธอมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองเลยไม่รู้ว่าคนขับที่นั่งอยู่ด้านข้างกระโจนลงจากรถไปแล้ว ประตูรถด้านที่เธอนั่งถูกเปิดออก คนที่นั่งปาดน้ำตาซ้ำๆ ถูกระชากแขนจนก้าวออกจากรถแทบไม่ทัน กระเป๋าในมือถูกคนตัวใหญ่ดึงไปถือไว้เสียเอง ไม่มีคำพูดมีเพียงสายตาคมดุที่จ้องมองมามธุรสก้มหน้าหลบด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็เดินตามแรงลากกึ่งจูงของเขาขึ้นไปบนบ้าน
โครม!! กระเป๋าใบย่อมในมือถูกโยนอย่างไม่แยแสเมื่อทั้งสองก้าวเข้ามาถึงส่วนที่เป็นห้องนอน
“อยู่ที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้จะให้ไปอยู่ที่อื่น” ณกรพูดจบก็หันหลังกำลังจะก้าวออกไปทันที
“คุณ...น้ำหวานกลัว น้ำหวานไม่กล้าอยู่ที่นี่คนเดียว ฮือๆๆๆ” หญิงสาวที่ยืนมองแผ่นหลังกว้างแล้วตัดสินใจพูดออกไป หวังความปราณีจากเขาบ้าง บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขา แถมยังห่างไหลจากบ้านหลังอื่นหลายกิโลเมตร ช่วงกลางคืนจะมืดและเปลี่ยว มีเสียงสรรพสัตว์ร้องระงมบรรยากาศน่ากลัวมาก
“ฮึ...กลัวเหรอ กลัวอะไรล่ะเธอก็มาที่นี่ออกบ่อยไป จำไม่ได้รึไง” ณกรหยุดเดินแต่ยังไม่หันกลับมามองคู่สนทนา เขาหัวเราะในลำคอเย้ยหยันคนตัวเล็ก ทั้งที่ในใจก็รู้ทั้งรู้ว่ามธุรสเป็นคนขี้กลัวขนาดไหน เขายังเคยแอบตั้งฉายาให้เธอเลยว่า แม่กระต่ายตื่นตูม แต่จะให้เขาอยู่เป็นเพื่อนคงเป็นไปไม่ได้ เขาไม่อยากให้จันทร์ฉายที่นอนรออยู่คิดมาก เดี๋ยวลูกในท้องของเธอจะได้รับผลกระทบไปด้วย
“น้ำหวานกลัวจริงๆ นะคะ ฮือๆๆๆ คุณพาไปบ้านพี่หมอได้ไหมหรือไม่น้ำหวานโทรให้พี่หมอมารับก็ได้ ฮือๆๆ แต่ให้อยู่ที่นี่น้ำหวานกลัว น้ำหวานไม่กล้าอยู่คนเดียว” มธุรสยังคงอ้อนวอนทั้งน้ำตา หารู้ไม่ว่าคำพูดของเธอทำให้มัจจุราชลงร่างณกรเข้าให้แล้ว ชายหนุ่มหันขวับเดินมายังร่างบอบบางสองแขนบีบไหล่เธอไว้แน่นแทบแหลกละเอียดคามือ
“แพศยา เธอนี่มันสำส่อนจริงๆ ที่พูดมาทั้งหมดก็แค่อยากไปอยู่กับชู้ใช่ไหม ห๊า!!” มธุรสถูกเขย่าจนผมบนศีรษะกระจัดกระจายร่างกายโยกโอนตามแรงโกรธาจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ถ้าเขาไม่จับเอาไว้เธอคงล้มลงไปกองอยู่กับพื้นเป็นแน่
“คุณก็เป็นแบบนี้ตลอดชอบคิดเอาเอง ฮือๆๆๆ เคยถามฉันบ้างไหม เคยรู้รึเปล่าว่าฉันรู้สึกอย่างไร ทุกอย่างฉันต้องทำตามที่คุณกำหนด ไม่มีสิทธิ์พูด ไม่มีสิทธิ์คิด คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไรที่ไม่ใช่คน อยากทำอะไรก็ได้ตามแต่ใจคุณอยากจะทำ ฉันแค่ไม่อยากอยู่ที่นี่เพราะฉันกลัว ไม่ได้อยากไปเพราะจะทำเรื่องเลวทรามอย่างที่คุณว่า”
มธุรสกล่าวตวาดออกไปอย่างสุดกลั้นพร้อมเสียงสะอื้น แม้แต่วินาทีนี้คนอย่างเธอทำอะไรก็ไม่เคยดีเลยในสายตาของเขา ณกรเองก็งงกับกิริยาท่าทางที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวเหมือนกัน หญิงสาวใช้มือสองข้างผลักอกเขาให้ถอยออกไปจากเธอแต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงจ้องหน้าเขาทั้งๆ ที่ยังร้องไห้ไม่หยุดพูดในสิ่งที่อัดอั้นต่อไป ไหนๆ จะต้องไปแล้วก็ให้เขาได้รู้เสียบ้างคนอื่นก็มีความรู้สึกไม่ใช่หุ่นยนต์อย่างที่เขาคิด
“ความจริงคุณก็มีลูกมีเมียอยู่แล้วจะมาวุ่นวายกับฉันทำไม ฉันจะมีชู้มีผัวใหม่มันก็เรื่องของฉัน คุณรักพี่โฉมกับ...ลูกของเธอไม่ใช่ฉัน ตลอดเวลาคุณสนใจแต่พี่โฉม แล้วจะมาสนใจทำไมว่าฉันจะอยู่กับใครที่ไหน ทิ้งฉันแล้วมันก็เป็นสิทธิ์ของฉันที่จะอยู่กับใครก็ได้” หญิงสาวยังคงจ้องสายตาดุดันที่แทบจะกินเลือดกินเนื้อเธอไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกต่อไป มันไม่มีอะไรต้องกลัวมากไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับเธอ ที่ผ่านมามันก็น่ากลัวที่สุดในชีวิตแล้ว
“เธออิจฉาโฉมจริงๆ ด้วย อิจฉาที่โฉมกำลังจะมีลูกให้ฉันใช่ไหม ถึงได้คอยกลั่นแกล้งเขามาตลอด ใช่ฉันรักโฉม รักลูกของเราที่กำลังจะเกิดมา...พอใจหรือยังส่วนเธอถ้าอยากนัก จะให้ไอ้หมอนั่นมันมารับช่วงต่อฉันก็ไม่ว่า ต่อไปนี้ถ้าอยากทำอะไรก็เชิญเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก ฉันมีหน้าที่ต้องดูแลโฉมกับลูกเท่านั้น ส่วนเธอจะไปไหนก็ไป!!!” ณกรผลักร่างของหญิงสาวออกจากตัวด้วยความขยะแขยง ตอนแรกเขาพยายามปลอบตัวเองให้คิดสองแง่ว่าบางทีเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็เกิดจากความไม่ตั้งใจ…เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของมธุรส แต่จากคำพูดของเธอเมื่อครู่บอกชัดเจนเลยว่าหญิงสาวมีความริษยาจันทร์ฉายจริงๆ ถึงขนาดกล้าพูดคำหยาบคายที่เธอไม่เคยพูดออกมาให้ได้ยิน ชายหนุ่มหันหลังให้คนตัวเล็กที่กำลังร้องไห้จนตัวโยนโดยไม่สนใจหันกลับไปมองอีก
“แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันก็ท้องเหมือนกัน คุณจะกล้าทิ้งฉันไปอีกไหม คุณจะรักฉันเหมือนที่รักพี่โฉมหรือเปล่า” ณกรหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดเบาหวิวปนสะอื้นด้านหลัง ชายหนุ่มค่อยๆ หันหน้ากลับไปเพ่งมองเธออีกครั้ง ดวงหน้าซีดเซียวอาบไปด้วยน้ำตา สายตาที่จ้องมองด้วยความกล้าๆ กลัวๆ ทำให้เขาเกือบจะใจอ่อนอีกแล้ว ณกรกลืนน้ำลายลงคอแล้วเดินไปจับตัวมธุรสอีกครั้งพร้อมพูดว่า
“ฟังนะมธุรส...อย่ามาใช้วิธีนี้กับฉัน ฉันไม่มีวันหลงกลเธออีกแล้ว ที่โกหกว่าท้องก็แค่อยากจะแทนที่โฉมใช่ไหมไม่มีวันหรอกมธุรส ฟังให้ดีๆ นะ ถ้าท้องก็ไปเอากออกซะ หรือไม่ก็ไปตายเสียทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ!!!
พลั่ก!!!! ร่างน้อยของมธุรสถูกผลักจนกระเด็นไปนอนกองกับพื้นใกล้ๆ กับที่นอนทันทีที่เขาพูดจบ ณกรโกรธมธุรสจนควันออกหู เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอีกเรื่องหนึ่งไม่คิดเลยว่าหญิงสาวแสนอ่อนต่อคนนี้จะกล้าเอาเรื่องลูกมาข่มขู่เขา