วินธนัยและรวิดามาถึงโรงหนังก่อนเวลาเล็กน้อย ผู้เป็นน้องสาวที่ก้าวตามพี่ชายเข้าไปข้างในโรงถึงกับตะลึง แม้เธอจะเคยดูหนังมาหลายโรงทั้งในต่างจังหวัดที่บ้านหรือในกรุงเทพฯ บางโรงแต่ไม่มีอะไรพิเศษเหมือนโรงนี้ ข้างในโรงหนังหรูมากและเก้าอี้ทุกตัวเป็นชุดโซฟาคู่
สีหน้าตื่นตะลึงหันไปถามพี่ชาย, "เราเข้าผิดโรงหรือเปล่าคะพี่วิน"
พี่ชายอมยิ้มน้อยๆ แล้วจึงตอบ "ไม่ผิดหรอกครับ พี่ตั้งใจเลือกให้น้องหมิง ฉลองสอบเสร็จ"
เมื่อได้ฟังคำตอบน้องสาวยิ่งประทับใจในตัวพี่ชายคนนี้เข้าไปใหญ่ เธอเข้าไปเกาะเกี่ยวแขนล่ำของพี่ชายแล้วกล่าวขอบคุณอย่างที่ทำเป็นประจำ
"ขอบคุณค่ะพี่วิน"
กิริยาที่น้องสาวแสดงออกมาวินธนัยคิดว่ามันน่ารัก เขามีน้องสาวคนเดียวแล้วก็รักและผูกพันกับน้องสาวมากด้วย ดังนั้นสิ่งนี้ถือว่าเล็กน้อยมากในเมื่อตอนนี้เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองแม้ว่ายังเรียนไม่จบก็เถอะ
พี่น้องเดินไปยังที่นั่งที่จองไว้ซึ่งเป็นแถวกลาง ในขณะที่คนเป็นน้องตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ คนเป็นพี่ก็ได้แต่ลอบยิ้มขำขันด้วยใจเป็นสุข
รอไม่กี่นาทีไฟในโรงก็ดับมืดลงแล้วหนังก็เริ่มฉาย หนังรักสำหรับบางคนนั้นน่าเบื่อแต่หลายคนก็ชอบเพราะความฟินความดราม่าเหมือนกับการอ่านนิยายรัก เรื่องที่ทั้ังคู่ดูอยู่นี้ออกแนวดราม่านิดหน่อยที่พระนางนั้นต่างมีใจให้กันแต่ดำเนินความสัมพันธ์กันแค่ทางกายโดยกลัวว่าถ้าเปิดเผยความรู้สึกให้กันแล้วความสัมพันธ์นี้จะหยุดลง ดังนั้นฉากติดเรทจึงมีค่อนข้างมาก
รวิดาที่ใจจดใจจ่อกับหน้าจอพอเจอฉากอย่างนั้นในหนังก็รู้สึกใจหวิวๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว ทำให้วางไม้วางมือไม่ถูก ใจเธอเต้นแรงขึ้นตามฉากรักร้อนแรงในหนังทำให้เกิดเป็นความกระหายน้ำ เธอจึงเอื้อมมือไปหวังจะหยิบน้ำมาดื่มดับกระหาย โดยบังเอิญมือแต่ชนเข้ากับมือใหญ่ของพี่ชายที่ยื่นมาพอดี ฉับพลันส่วนที่แตะสัมผัสกันเหมือนมีไฟช็อต กระแสไฟปราบไปทั่วร่าง ใจเธอก็เริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ เธอหันหน้าไปมองพี่ชายก็พบว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้วแถมยังยิ้มน้อยให้อีกต่างหาก เธอหลบตาหนีทันที ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่เธอคิดว่าเธอไม่อาจทนสบตากับพี่ชายเธอได้
ดูต่อไปได้สักพักรมิดารู้สึกว่าได้ยินเสียงแปลกๆ ที่ไม่ใช่เสียงจากในหนังตรงหน้าพราะเสียงนั้นมันเหมือนอยู่ใกล้มากกว่า เธอจึงพยายามเงี่ยหูฟังและก็ได้คำตอบ เสียงมันมาจากที่นั่งด้านหน้า แม้ว่าที่นั่งแต่ละที่จะอยู่ห่างกันและมีความเป็นส่วนตัวแต่ถ้าคนคุยกันก็สามารถพอได้ยินได้ แล้วยิ่งคู่ที่นั่งด้านหน้ารมิดาจินตนาการว่าคงไม่ได้คุยกันธรรมดาส่งเสียงอืออาอย่างไม่เกรงใจใคร ยิ่งทำให้สาวน้อยไร้ประสบการณ์ใจสั่นรัวมากขึ้นไปอีก ตอนนี้รมิดาแทบไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับเนื้อเรื่องในหนังแล้ว เพราะหูมัวแต่ได้ยินเสียงจากคู่ข้างหน้า
"อือ ที่รักเบาหน่อยสิคะ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หรอก" เป็ยเสียงผู้หญิงที่เอ่ยขึ้น
"ที่รักอย่าค่ะฉันจะกลั้นเสียงครางไม่ไหวแล้วนะคะ"
แม้จะพูดเบาๆ แต่รมิดาได้ยินชัดเจน จากนั้นก็... อือ... อืม... อา... ตลอดทั้งเรื่อง
แล้วอยู่ๆ มือของรมิดาก็ถูกดึงไปกุมไว้เธอจึงหันไปมอง เขาก้มลงมากระซิบข้างหูเธอเบาๆ
"น้องหมิงอยากดูต่อไหมครับ" น่าแปลกอีกนั่นแหละพี่ชายแค่กระซิบเบาๆ แต่ลมหายใจที่ปัดผ่านข้างแก้มและริมใบหูทำให้รมิดาถึงกับขนลุกเกรียว
ด้วยความเสียดายเงินที่จ่ายไปรมิดาจึงพยายามปัดความรู้สึกออกไปแล้วค่อยตอบพี่ชาย
"ดูต่อก็ได้ค่ะหมิงเสียดายเงิน"
เมื่อได้คำตอบจากน้องสาววินธนัยก็หันหน้ากลับไปดูหนังต่อโดยมือก็ยังกุมมือน้องสาวอยู่ไม่ยอมปล่อย
และก็เป็นเช่นเดิมทั้งบทรักในจอและนอกจอเริ่มทวีความร้อนแรงแข่งกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่คราวนี้เปลี่ยนจากเสียงผู้หญิงเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย
"อืม... ที่รัก ตรงนั่นแหละ"
โดยไม่รู้ตัวรมิดาบีบมือพี่ชายตัวเองแน่นขึ้น
"ดูดแรงๆ อ่า... ที่รัก ใกล้แล้ว"
เธอบีบมือพี่ชายแรงขึ้นไปอีก ในขณะที่ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
"อ่า...."
หลังจากเสียงครางยาวสุดท้ายรมิดาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก ทำให้เธอพอจะดูหนังในหน้าจอรู้เรื่องขึ้น แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะฉากในจอนั้นกำลังเป็นฉากที่ตัวเอกทั้งสองกำลังร่วมรักกันอย่างลึกล้ำ ปกติเธอดูได้โดยไม่รู้สึกอะไร แต่วันนี้เธอกลับนั่งหายใจแรงขึ้นกับฉากตรงหน้า
รมิดารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนรินรดชิดริมหูอีกครั้ง
"เรากลับกันเถอะครับ"
คราวนี้รมิดาไม่ปฏิเสธอีกเธอลุกตามแรงฉุดรั้งของพี่ชายออกไปทันที
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่