ดอกเบี้ยบาป

บทที่6/2

ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใส เริ่มมีฝุ่นละเอียดอ่อนลอยฟุ้ง สายลมแห้งแล้ง พัดผ่านพายุทรายเม็ดเล็กๆ ปลิวว่อนรอบๆ อาณาเขตรัฐดูไบ ทำให้ชายหนุ่มซึ่งนั่งครุ่นคิดหาวิธีติดต่อไปยังคนเป็นปู่ต้องย่นคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อหางตาเหลือบเห็นความขุ่นมัวด้านนอกไกลสุดตา มาเฟียหนุ่มผู้โก้หรู ซึ่งวันๆ ดำเนินงานอยู่กับย่านธุรกิจของตัวเอง แต่เรื่องพายุ หรือเพศภัยธรรมชาติ เขาก็ไม่ได้ขลาดเขลา หากความรู้เรื่องพรรค์นี้ มันช่างไม่ได้เศษเสี้ยวของความคมกริบในสมอง ปลายเท้าหนักๆ จึงจ้ำอ้าวออกจากห้องหันรีหันขวาง หาภรรยาสาวแสนสวย แต่เดินมาถึงโถงทางเดินกลับไม่พบเธอ

“คุณเดวิด มองหาใครคะ ดูท่าทางร้อนรนเชียว”

ชาลิดาละมือจากการจัดแจกันดอกไม้ประดับโถงทางเดิน เงยหน้าขึ้นมาถาม

“อีกไม่กี่นาที พายุทะเลทรายจะพัดกระหน่ำ ผมก็เลย...มาดูความเรียบร้อย”

“พายุ!”

น้องนุชแห่งเรเอสโนทวนด้วยความตื่นตระหนก แล้วปรี่ไปยังหน้าบ้าน มองออกไปด้านนอกแสนไกล แล้วคล้ายจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ นาฬิกาฝังเพชรเรือนน่ารักประดับบนข้อมือบางจึงถูกยกขึ้นมามอง ดวงตาถลนแทบกระเด็นออกนอกเบ้า พร้อมทำหน้าตื่น ก้าวเร็วๆ กลับมามองหน้าพี่เขยป้ายแดง ด้วยท่าทีร้อนอกร้อนใจ

“คุณเดวิดคะ”

“ทำไมเหรอครับ เกิดอะไรขึ้น” ปื้นคิ้วของคนถามเลิกขึ้นเป็นเชิงสงสัย

“ก็พี่นิ่ม...พี่นิ่มออกไปที่ลานฝึกค่ะ คงไปซ้อมยิงปืนเช่นเคย น้ำเป็นห่วงจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง” คนกล่าวเริ่มหน้าซีด เดินไปเดินมา ด้วยความกระวนกระวายใจ

ดวงตาที่เคยฉายแววเจ้าเล่ห์ ถูกความห่วงใยมาบดบัง ปลายเท้าหนักๆ จึงมุ่งลิ่วๆ ไป หากเสียงหวานจากบุตรสาวคนเล็กของเฮอแมน เรเอสโน ร้องถามขึ้นมาเสียก่อน

“คุณเดวิดจะไปไหนคะ”

“ไปลานฝึกอาวุธครับ”

หันมาตอบเสร็จ ก็มุ่งปลายเท้าออกไป ปล่อยให้ ชาลิดามองตามด้วยความเป็นห่วงไม่น้อย นึกดีใจที่พี่สาวของเธอ มีคู่ครองที่น่ารักและเอาใจใส่เช่นนี้ แต่คนเป็นห่วงก็ยังเดินไปเดินมาอยู่ดี

ฟาร์เชส ฟรานติการ์เซียสมุ่งมายังโรงจอดรถ สายตาคมกล้าหันรีหันขวาง ก่อนจะขยับปลายเท้าไปยังบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่เฝ้าโรงจอด “ขอกุญแจรถให้ฉันสักคัน ฉันจะไปข้างนอก”

“แต่...พายุจะเข้าแล้วนะครับ คุณเดวิดจะไปไหนครับ”

“เอามาเถอะน่า...” คนร้อนใจเร่งเร้า “ฉันบอกให้เอามาไง!”

ชายหนุ่มเลือกแสดงอำนาจ เฉกเช่นในถิ่นฐานของตน นัยน์ตาสีถ่านเริ่มวาวโรจน์ เสี้ยวหน้าคมคายดูถมึงทึงน่ากลัว เพียงอึดใจกุญแจรถก็ตกมาอยู่ในอุ้งมือ พร้อมคำรายงานขันแข็ง

“รถสปอร์ตสีดำนะครับคุณเดวิด”

“อืม...”

ตอบรับแค่นั้น คนมีกุญแจก็รีบจ้ำอ้าวไปหารถซึ่งเรียงรายนับสิบคันทันที ดูเหมือนรถที่เขามีกุญแจจะจอดอยู่ด้านหน้าสุด เห็นดังนั้นดวงตาก็ฉายแววพึงใจ ปรี่ไปประชิดตัวรถได้ กายแกร่งก็สอดตัวขึ้นไปนั่ง เพียงพริบตาเดียวตัวรถก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ตลอดเส้นทางที่เหยียบคันเร่งนั้น ในใจพลันกระหวัดห่วงร่างอ้อนแอ้น กลัวว่าเธอจะตกอยู่ในอันตรายเหลือเกิน

ด้านชาลิดาก็ยังคงเดินหน้านิ่วคิ้วยุ่ง เธอห่วงพี่สาวคนโตจับใจ ส่วนคนเป็นพ่อและพี่สาวคนรองนั้น คงไม่น่าห่วงสักเท่าไร เพราะทั้งคู่คงอยู่ในอาคาร ที่มันมีระบบป้องกันเพศภัยของพายุทะเลทรายแสนร้าย แต่กับพี่คนโตนี่สิ ไม่รู้จะมีที่หลบภัยที่ไหน บริเวณลานฝึกใช่จะปลอดภัยเท่าใดนัก คนห่วงจึงเริ่มทำหน้าบึ้งกึ่งร้องไห้ แต่นัยน์ตากลมๆ ถึงกับเบิกกว้าง เมื่อเห็นชาลิญาจับจูงมือชาลินาเข้ามาภายในบ้าน

“พี่นิ่ม...พี่เนย...” คนเรียกทำตาโตราวเห็นผี

“ก็พี่น่ะสิ ทำไมน้ำต้องหน้าตกใจขนาดนั้น แล้วนี่ทำไมไม่สั่งคนปิดบ้านจ๊ะ พายุจะมาถึงแล้วนะ”

เสียงเจื้อยแจ้วของชาลินาดังขึ้นเป็นชุด หญิงสาวกระวีกระวาดสั่งงานให้บอดี้การ์ดทั้งหลาย เตรียมพร้อมตั้งรับพายุที่อาจพัดผ่านเข้ามาในคฤหาสน์ ก่อนจะเมียงมองรอบๆ “น้ำ คุณพ่ออยู่ในห้องหรือเปล่าจ๊ะ”

“คุณพ่ออยู่บริษัทค่ะ ที่นั่นคุณพ่อคงปลอดภัย”

“นั่นสินะ คุณพ่อเอาตัวรอดเก่งอยู่แล้ว”

บุตรสาวคนรองของเฮอแมน เรเอสโนพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ แต่แล้วต้องทำหน้าย่น เมื่อเห็นท่าทีของพี่สาวที่ชะเง้อชะแง้เป็นยีราฟคอยาว

“พี่นิ่มมองหาใครคะ”

ชาลิญาไม่ตอบคำถาม แต่ดวงหน้างดงามภายใต้ท่าทีทะมัดทะแมง หันไปหาน้องสาวคนเล็ก พร้อมถามด้วยเสียงเรียบๆ หากแฝงด้วยความร้อนอกร้อนใจ

“เอ่อ...น้ำเห็นคุณเดวิดไหม”

“ตายแล้ว เมื่อกี้น้ำจะบอกอยู่เชียว ดันลืมไปได้แย่จริงๆ เลย” ชาลิดาต่อว่าตัวเองด้วยท่าทีเศร้าๆ

“คือว่า...คือ...”

“คืออะไรล่ะน้ำ” พี่คนโตของบ้านเริ่มทำหน้าขึงขังใส่ “มีอะไรก็พูดมาสิ”

“คุณเดวิดออกไปตามพี่นิ่มที่ลานฝึกค่ะ”

บอกไปแล้วต้องอธิบายด้วยเสียงอ่อยๆ “ก็เมื่อสายๆ พี่นิ่มบอกน้ำว่าจะไปที่นั่น น้ำจะถามอยู่พอดี ว่าไปไงมาไง ถึงได้กลับมาพร้อมพี่เนยได้ ป่านนี้คุณเดวิดคงถึงลานฝึกแล้วแน่ๆ”

“ก็พี่เปลี่ยนใจไปเที่ยวห้างฯ กับเนย ก็เลยยกเลิกการฝึก”

หญิงสาวบอกกล่าวให้น้องสาวได้รู้เรื่องราว แต่ดวงตากลมๆ สีชาของชาลิญาเริ่มเต้นระริกด้วยความหวาดหวั่น หากคนถือดีก็วายบ่นระคนหมั่นไส้ “นี่เขาบ้าไปแล้วหรือไง ถึงได้ออกไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะมีพายุ”

“ก็รู้ไงคะ ถึงได้ไป” น้องนุชสุดท้องตอบ แล้วบอกสิ่งที่ตัวเองรู้สึกได้ “ก็คุณเดวิด เป็นห่วงพี่นิ่มจะตายไป”

“เขาคงไม่ได้ห่วงพี่จริงๆ หรอกมั้ง” อารมณ์ปั้นปึ่ง ถูกดึงรั้งมากลบเกลื่อนใบหน้าที่เริ่มแดงเป็นริ้วๆ เธอยอมรับว่าดีใจไม่น้อย ที่สามีกำมะลอของตัวเองแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใย “งั้นพี่ไปก่อนนะ”

“พี่นิ่มจะไปไหนคะ” ชาลินาและชาลิดาโพล่งถามแทบพร้อมกัน

“พี่จะไปดูเขา”

“ไม่ได้นะคะ เนยไม่ปล่อยให้พี่นิ่มไปเด็ดขาด”

มือบางของน้องสาวคนรองคว้าหมับเข้าที่แขนนุ่มๆ ของคนเป็นพี่ ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างไม่ยอม แล้วรีบหาข้อทัดทานเมื่อเหลือบเห็นความเอาจริงเอาจังของพี่สาว “อย่าไปเลยนะคะ พายุใกล้เข้ามาทุกที”

“แต่พี่...”

คนเป็นห่วงสามีกำมะลอ มองออกไปด้านนอก รู้สึกถึงความร้ายแรงของพายุทะเลทรายที่พัดโหมกระหน่ำ

“เนยเชื่อว่า คุณเดวิดเขาเอาตัวรอดได้นะคะ อีกอย่างที่นั่นก็คงพอมีที่หลบ เขาไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”

“นั่นสิคะ”

ชาลิดารีบกล่าวเสริม “ถ้าพี่นิ่มตกอยู่ในอันตรายอีก คุณเดวิดก็ต้องเป็นห่วงเช่นกัน”

คนถูกห้าม ได้แต่กัดกลีบปากเต้นระริกไว้แน่น เธอนึกเป็นห่วงเขาไม่น้อย ถึงแม้เขาจะเป็นดังชายแปลกหน้า แต่ในเมื่อเรื่องราวก็เกินเลยมาถึงขั้นนี้ จะให้เธอดูดาย ปล่อยเขาให้ตกอยู่ในอันตราย ก็คงจะใจจืดใจดำเกินไป ชาลิญาสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด ก่อนจะขยับปลายเท้าไปยังประตูทางออก โดยไม่ฟังคำทัดทานจากน้องๆ ทั้งสองคน

“พี่นิ่มอย่าไปนะคะ” สองสาวสลับกันร้องห้าม “รอให้พายุสงบก่อนนะคะพี่นิ่ม”

“อย่าห้ามพี่เลย พี่ไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไป”

คนตอบทำหน้าเครียดใส่ แต่ปลายเท้าเล็กก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอใบหน้าบูดๆ ของการ์ดคนสนิท ที่ยืนจังก้า อย่างไม่ยอมหลีกทาง

“ถอยไปนะยอร์ช”

“เห็นทีจะไม่ได้ครับคุณหนู”

ยอร์ช เคสบอกกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ เขาร้าวรานใจไม่น้อย ที่เห็นคุณหนูใหญ่ซึ่งเขาดูแลเป็นห่วงเป็นใยชายแปลกหน้า ขอบตาลูกผู้ชายพลันร้อนก่ำด้วยความเจ็บปวด แต่...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนๆ นั้น เขาจะไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงที่เขารัก ต้องไปพบกับอันตรายเด็ดขาด

“รบกวนคุณหนูกลับเข้าด้านในด้วยครับ”

“ยอร์ช! ฉันบอกให้ถอยไปไง ถ้าไม่ถอยนายเจอดีแน่”

“ต่อให้คุณหนูฆ่าผม ผมก็ไม่ให้คุณหนูไป”

คนยืนกรานหนักแน่นยืดอก เตรียมรับผลการกระทำ ดวงตาคู่คมมองเจ้านายสาวด้วยความตัดพ้อ หัวใจแกร่งปวดหนึบจนแทบแหลกละเอียด

ว้าย!

พริบตาเดียวสามสาวก็ร้องลั่นพร้อมๆ กัน เมื่อเจอลมกระโชกแรงพัดพาฝุ่นละอองกระจายฟุ้งโดยรอบ มือบางของทุกคนยกป่ายปัด ป้องกันฝุ่นเม็ดเล็กที่จะปลิดปลิวเข้าตา

“คุณหนูระวังนะครับ”

บอดี้การ์ดนับสิบราย ต่างรีบห้อมล้อมทั้งสามสาว ปกป้องคุณหนูแห่งเรเอสโนให้ปลอดภัย ฝืนแรงลมจนขยับเข้ามาสู่ด้านในได้ก็รีบปิดประตูคฤหาสน์กันจ้าละหวั่น ส่วนคนที่อยากออกไปข้างนอก ได้แต่กัดฟันทนเท่านั้น เพราะตอนนี้พายุทรายพัดโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง จึงได้แต่เดินวนไปวนมา ท่าทีนั้นร้อนรนเหลือเกิน

ด้านคนที่ขับรถเลี้ยวเข้าสู่ลานฝึก กำลังขับรถฝ่าลมกระโชกของฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่มันพัดใส่ด้วยความรุนแรง ด้วยความไม่ชินทาง ทำให้ฟาร์เชสมองถนนเบื้องหน้าไม่ชัด กระทั่งตัวรถเสียหลักพุ่งชนป้อมยาม ซึ่งเป็นด่านแรกของการเข้าสู่สนามฝึก ส่งผลทำให้ด้านหน้ารถยุบไปกว่าครึ่ง พร้อมจอดแช่นิ่งอยู่อย่างนั้น ท่ามกลางความร้ายแรงของพายุร้าย ที่ซัดอยู่รอบๆ นับครึ่งชั่วโมงเต็ม


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว