ละอองทรายใต้ตะวัน (นิยายโรมานซ์ 18+)- บทที่5 รีดไถ (4)

โดย  อาคาเซีย สลิลโรส

ละอองทรายใต้ตะวัน (นิยายโรมานซ์ 18+)

บทที่5 รีดไถ (4)

บทที่ 6

ลอบสังหาร

ทางตอนใต้จากหุบเขาเหมันต์ มีสิ่งหนึ่งที่แปลกประหลาดสามารถมองได้ด้วยตาเห็น ซึ่งมันคือภูมิอากาศที่ความแตกต่างตัดกันราวฟ้ากับเหว ส่วนที่เป็นภูเขาน้ำแข็งก็ยังคงปกคลุมด้วยหิมะส่วนต้นไม้ส่วนมากก็มักเหลือแต่เพียงกิ่งก้าน ทว่าพอออกมากหุบเขาภายนอกที่เห็นกลับเป็นป่าดิบชื้นธรรมดาที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเหล่าต้นไม้เขียวขจีนานาพันธุ์

บนต้นไม้ที่สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านออกมามั่นคง ได้มีเงาดำสองร่างแฝงตัวอยู่นิ่งๆ มาเป็นเวลานาน คนทั้งคู่เป็นสตรีที่อยู่ในเสื้อผ้าสีดำปกปิดหน้าตามิดชิด แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจปกปิดความเบื่อหน่ายที่ออกมาจากแววตาของสตรีผู้เป็นบุตรสาวของนักฆ่าตระกูลหยินได้

“เมื่อไหร่พวกมันจะมา” น้ำเสียงเบื่อหน่ายถึงขีดสุดเอ่ยถามคนข้างตัวที่ยืนตัวตรงราวกับรูปปั้น

“คุณหนูรู้ใช่ไหมเจ้าคะ ว่าคำว่าจัดการของท่านประมุขหมายถึงอะไร” จินหมิงตอบคำถามด้วยคำถาม

“อืม...” คนเป็นคุณหนูทำท่าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ “ท่านพ่อหมายถึงฆ่า?”

“เจ้าค่ะ”

“ที่ทำท่าหน้าเครียด คิดว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าคนรึไง” หยินหลินลุกขึ้นยืนคู่กันกับจินหมิง หลังจากที่พอจะเดาความรู้สึกคนด้านข้างออก องครักษ์สาวคิดว่านางจะมีคุณธรรมความดีอยู่ในใจหรือไงกัน มันก็แค่การฆ่าคนผิดนี่...ทำเหมือนชาติที่แล้วนางไม่เคยทำงั้นแหละ

แม้แต่คนบริสุทธิ์...

พอคิดถึงเรื่องในอดีตมือบางที่แนบข้างลำตัวก็พันกำแน่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“ถ้าเราฆ่าผู้นำเผ่าโจรไม่ได้ คุณหนูต้องแต่งงานกับบุตรชายตะกูลเยี่ยนนะเจ้าคะ”

“เจ้าหมอนั่นมันอ่อนแอจะตายชัก” หยินหลินกลอกตาหลังกล่าวจบ

นางนึกหน้าของคุณชายใหญ่ตระกูลเยี่ยนขึ้นมา คนคนนั้นเป็นชายหนุ่มที่ผอมบางแต่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แม้ฝีมือด้านบู๊จะไม่เป็นเลิศก็ตามที ส่วนทางด้านวิชาการกลับไม่เป็นรองใคร เรื่องหน้า...ถึงแม้จะหล่ออยู่หลายส่วนแต่ก็ไม่อาจเทียบหยินหลันได้เลยแม้แต่ปลายก้อย

“ไปบวชชีซะยังจะดีกว่า” นางพูดต่อ

“เขาก็ไม่เลวร้ายนะเจ้าคะ” จินหมิงออกความเห็นต่อ

“งั้นก็แต่งเองไปเลยสิ” หยินหลินแทบแยกเขี้ยว คนข้างตัวของนางไม่รู้เป็นอะไรชอบหาทางยัดนางกับใครสักคนอยู่เรื่อย “ว่าแต่ว่าร่างของเจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว”

“สิบแปด”

“แล้วท่านพี่ล่ะ”

“เท่ากัน...รวมถึงรัชทายาทด้วย” คนตอบเปิดเผยของมูลออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง

“ไม่ได้ถามถึงเจ้านั่นสักหน่อย” พอถูกพูดถึงรัชทายาทคนนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันโดยไม่ได้นัดหมาย และใบหน้าบึ้งตึงคงจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานสักหน่อย หากเพียงแต่ว่าแอ่งน้ำพุร้อนที่นางและจินหมิงรออยู่จะเริ่มมีคนเข้ามาเสียก่อน

และตามรายงานเกี่ยวกับเผ่าโจร พวกมันฆ่าคนบริสุทธิ์มากมาย ข่มขืนผู้หญิงหรือแม้แต่เด็ก ส่วนพวกผู้ชายที่ขัดขืนก็ฆ่าทิ้ง ที่ใช้งานได้ก็เอามาเป็นทาส ทางการไม่สามารถจับพวกมันได้สักที จนในที่สุดก็มาขอความช่วยเหลือจากตระกูลหยิน ให้จัดการเผ่าโจรแดนใต้ด้วยการฆ่า

ถ้าสังเกตให้ดีๆ ตระกูลหยินไม่ต่างอะไรจากเพชฌฆาตในเงามืด

ดวงตาหงส์ของหยินหลินจ้องมองไปยังบุรุษร่างโตผู้มีรอยสักรูปสิงโตที่หน้าอก ในยามนี้ใบหน้างามกลายมาเป็นเย็นเยียบไร้อารมณ์ต่างจากคนเมื่อครู่ลิบลับ จนจินหมิงที่ยืนอยู่ด้านข้างอดชื่นชมในการปรับเปลี่ยนตัวตนตามสถานการณ์ของคุณหนูตัวเองไม่ได้

“คิดว่าไง...บุกเข้าไปตรงๆ แล้วฆ่าให้หมดด้วยกระบี่ หรือว่าจะโยนเจ้านี่ไปดี” หยินหลินพูดขึ้นพร้อมกับมือข้างขวาแตะไปที่ด้ามกระบี่สีดำสนิทห้อยพู่สีแดงสดเป็นเครื่องประดับ

ส่วนมืออีกข้างกลับหยิบมีสั้นมีลักษณะมันวาวสีม่วงเข้มออกมา

จินหมิงกระพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นมีดสั้นที่ถูกดัดแปลงโดยคุณหนูตรงหน้า

มันคือมีดสั้นที่ถูกอาบด้วยยาพิษถึงสามชั้น...ชั้นที่หนึ่งคือชั้นภายนอกสุดถูกทำให้แข็งและเป็นมันห่อหุ้มชั้นอื่นๆ มีฤทธิ์ที่ทำให้เป็นอัมพาตหากร่างกายไปสัมผัสโดนเพราะมันจะละลายตามความร้อนของผิวหนัง ส่วนชั้นที่สองเป็นผงที่อยู่ข้างใน ผงยาพิษที่ว่าเป็นสีขาวทำให้ไม่เห็นยามเมื่อมันลอยในอากาศ จะออกมาก็ต่อเมื่อยาที่เคลือบชั้นแรกถูกทำลาย ซึ่งมันง่ายมากหากมีดสั้นเล่มนั้นกระทบกับอะไรสักอย่าง ส่วนเรื่องพิษมันจะทำให้เลือดในร่างกายของคนคนนั้นไหลออกมาไม่หยุดจนกระทั่งหมดตัว

ส่วนชั้นที่สาม...ชั้นนี้เกิดจากยาพิษที่หยินหลินเป็นคนคิดขึ้นมาเอง มันเป็นพิษที่ถูกหลอมผสมไปพร้อมกับตัวมีด ถ้าแค่เพียงสัมผัสอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากร่างกายเป็นแผลเพียงเพราะมันแค่นิดเดียว...ใช้เวลาไม่นานพิษก็จะเข้าสู่ร่างกายและตายลงด้วยความรวดเร็ว

ทั้งหมดคือผลจากที่เจ้าหล่อนเรียนรู้ยาพิษมานานนับหกปีในสามปีแรกนางเพียงแค่ใช้ยาพิษกับตัวเอง แต่สามปีให้หลังกลับคิดตัวยาพิสดารขึ้นมามากมาย

“ถ้ายาพิษละลายลงไปในน้ำ ก็ฟังดูไม่เลวนะ” หยินหลินกล่าวเนิบช้าขณะที่มือรูปปลายมีดอย่างไม่สนความร้ายกาจบนพิษสามชั้นที่ถูกเคลือบไว้

“แล้วแต่เลยเจ้าคะ” จินหมิงปล่อยให้คุณหนูของตนเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของโจรชั่วพวกนั้น นางไม่สนว่าหยินหลินจะใช้วิธีใดกัดพวกมัน ของแค่พวกมันตายก็ถือว่าภารกิจที่ได้มาสำเร็จ

มือเรียวของหยินหลินหยิบมีดสั้นที่ซ่อนอยู่รอบข้อเท้าทั้งสองออกมาจนหมดได้ถึงสิบเล่ม นางวางเรียงพวกมันลงบนพื้นของกิ่งไม้ข้างตัว จากนั้นก็ลงไปนั่งไขว้ขาจ้องมองเจ้าพวกโจรด้วยสายตาเยือกเย็น แต่เพราะริมฝีปากที่ถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าสีดำ ทำให้ไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายในตอนนี้ของนาง

หยินหลินหยิบมีดเล่มแรกขึ้นมาลูบเบาๆ แบบเชื่องช้า ในขณะที่นางเงื้อมือขึ้นจะขว้างออกไป ภาพด้านล่างก็พลันเกิดความวุ่นวายเมื่อกลุ่มชายชุดดำจำนวนมากได้เข้าไปประชิดตัวพวกโจรที่กำลังอาบน้ำอย่างสุขสำราญด้วยความรวดเร็ว อีกทั้งใช้เวลาเพียงไม่นานกลุ่มชุดดำก็ทำการรวบตัวพวกโจรได้เอาไว้จนหมดโดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บ

“อะไรกัน!” หยินหลินขบกรามแน่น ขณะที่นัยน์ตาฉายแววตกใจ

พวกชุดดำพวกนั้นเป็นใครกันถึงกล้าดีมาขัดขวางงานของนาง ในใจตอนนี้นางแทบอยากจะปากมีดลงไปโดยไม่สนว่าจะมีคนชุดดำอยู่ แต่ทว่ากฎที่ห้ามฆ่าคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องมันยังค้ำหัวอยู่ทำให้หยินหลินได้แต่หายใจอย่างหงุดหงิด

ก็ได้! หากนางฆ่าพวกมันตอนนี้ไม่ได้ จะให้แอบไปฆ่าตอนพวกมันถูกขังก็ยังทัน

หยินหลินและจินหมิงแอบตากลุ่มชายชุดดำที่เดินทางไปยังค่ายพักของพวกเขา จนเมื่อมาถึงสตรีทั้งคู่ก็ต้องแปลกใจกับความยิ่งใหญ่ของพวกชุดดำ ค่ายของพวกนั้นถูกตั้งด้วยสิ่งของหรูหราและมีการเฝ้ายามที่แน่นหนายากที่คนนอกจะสามารถเข้าไปได้

แต่ทว่าคนทั้งคู่กลับรู้ดีว่าเวลาสับเปลี่ยนเวรยามของคนสมัยนี้คือจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดในการลอบเข้าไป ดังนั้นในตอนที่ค่ายชุดดำทำการเปลี่ยนเวรยาม สตรีนักฆ่าทั้งคู่ก็ลอบเข้าไปในค่ายได้สำเร็จ

แต่แล้ว...หยินหลินกลับอับจนหนทางเมื่อพบว่าเหล่าโจรทั้งหลายที่นางตามมาฆ่าถูกขังเอาไว้ใจกลางของค่าย โดยมีทหารยามเฝ้าอยู่ล้อมรอบแทบจะไม่มีช่องว่างให้ลอบเข้าไปแม้เพียงนิด ครั้นจะใช้พิษก็ทำไม่ได้เพราะรอบข้างจะโดนลูกหลงไปด้วย

“เอายังไงดีเจ้าคะ” จินหมิงถาม

หยินหลินหลับตาลง พลางเอามือขึ้นมานวดขมับ ในตอนแรกนางวางแผนการลอบสังหารจะจัดการอย่างเงียบเชียบ แต่ทว่าหากเป็นแบบนี้นางคงต้องก่อความวุ่นวายเสียแล้ว

คุณหนูตระกูลหยินหยุดมือที่คลึงขมับ จากนั้นก็หันไปมองหน้าองครักษ์ด้วยสายตาคาดหวัง ก่อนจะหยิบก้อนกลมๆ สีดำขนาดเท่ากำปั้นสามก้อนใส่มือของจินหมิง

“นี่คือระเบิดทำมือ...เอาพวกมันไปจุดก่อนความวุ่นวายที”

“คุณหนูทำมันตั้งแต่เมื่อไร” จินหมิงถามคาดคั้น นางไม่เคยรู้เลยว่าคุณหนูของตัวเองได้แอบทำของเล่นพรรค์นี้เอาไว้ด้วย

“เดี๋ยวค่อยคุย ไปจัดการก่อน เราต้องกลับไปรายงานผลที่หุบเขาภายในพรุ่งนี้นะ” หยินหลินกำชับ เวลาสามวันที่ประมุขให้นางมาก วันแรกหมดไปกับการลอบสังเกตการณ์ วันที่สองหรือก็คือวันนี้ก็ดันถูกชิงตัวตัดหน้า นางจึงต้องบุกเข้ามาในค่ายยามวิกาลแบบนี้

และไม่ว่าคนที่จับเจ้าพวกนี้มาเป็นใคร และต้องการจะจับเป็นมากแค่ไหน นางก็ต้องขออภัยด้วยที่ต้องฆ่าพวกมัน

จินหมิงรับระเบิดมาไว้ก่อนจะพุ่งหายไปในความมืด หยินหลินรอเวลาที่เกิดระเบิดดังขึ้นเพื่อที่เหล่าทหารที่คุมแถวนี้ทั้งหลายจะวิ่งไปดูสถานการณ์ แล้วในเวลานั้นเองนางจะได้เข้าไปสังหารเจ้าโจรชั่วให้สิ้นซาก

บึ้ม!!!

เสียงระเบิดดังกึกก้องไม่ไกลนัก ทำให้ทหารที่คุมตัวนักโทษอยู่เกิดความตกใจ และเมื่อหันมองไปมา พวกเขาก็พบเห็นกระโจมหนึ่งกำลังถูกไฟเผาลุกลามใหญ่มาก

“ไฟไหม้คลังเครื่องใช้ พวกเรารีบไปดับไฟกันเดี๋ยวนี้” เสียงตะโกนก้องของบุรุษดังขึ้น

ทำให้เหล่าทหารยามที่เฝ้ากันอยู่หน้ากรงขังพวกโจรพากันวิ่งหน้าตั้งไปยังจุดเกิดเหตุ ส่วนทางด้านหยินหลินในใจยามนี้รู้สึกขอบคุณจินหมิงเป็นอย่างมากที่ไม่ไประเบิดคลังอาหารหรือคลังอาวุธ เพราะถ้าแค่เครื่องใช้ปัญหาจะมีไม่มากนัก แต่ถ้าเป็นสองอย่างแรก ปัญหาตามติดตัวนางแน่ๆ

หยินหลินพุ่งตัวออกมาจากเงามืดที่เคยซุ่มตัวอยู่ จนมายืนอยู่ตรงหน้ากรงของผู้นำเผาโจรที่ชะเง้อหน้าออกมามองสถานการณ์ด้านนอกด้วยแววตามีความหวังว่าใครสักคนอาจมาช่วยมัน แต่แล้วคบไฟรอบด้านกลับดับลงพร้อมเพรียงกัน

“สายตาดุจกวางน้อย นี่คือคนที่มีลายสิงโตอยู่บนร่างงั้นหรือ” เสียงขอสตรีดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด

“ท่าน! ท่านเป็นใครได้โปรดช่วยพวกข้าด้วย” พวกโจรชั่วร้องเรียกอย่างมีความหวัง พวกมันไม่สนว่าคนที่มาหานั้นจะเป็นภูตผี ขอเพียงแค่ช่วยพวกมันออกไปจากที่นี่ได้ก็พอแล้ว

“ช่วยพาออกไป?” เสียงหวานเน้นถ้อยคำชัดเจน น้ำเสียงคล้ายจะย้อนถามแต่แล้วเจ้าตัวก็หลุดหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะเย้ยหยันที่พวกโจรพากันหัวหด

กรงของคนเป็นหัวหน้าโจรถูกเปิดออก ในตอนแรกที่มันกำลังดีใจที่จะเป็นอิสระ แต่แล้วคอของมันกลับถูกวัตถุมีคมกลิ่นอายเย็นเยียบมาจอเข้าให้น้ำลายในคอก็พลันหนืดขึ้นมาทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็ได้สบตากลับดวงตาหงส์สีดำฉายแววเย็นเยียบดุจดั่งน้ำแข็งจ้องมองมายังเขา

ฉับพลันร่างทั้งร่างของโจรก็รู้สึกหนาวเย็นยะเยือกขึ้นมาจนไม่อาจขยับตัวหรือร้องปริปากให้ใครมาช่วยได้

“พวกทหารเมื่อกี้บางทียังน่ากลัวน้อยกว่าข้านะ...น่าแปลกที่ท่านเจ้าอยากจะเจอข้าแทน” สตรีชุดดำกล่าวเนิบช้า ขณะที่มือออกแรงกดลงบนลำคอหนาของโจร

พรึบ!

แสงไฟถูกจุดขึ้นพร้อมเพรียงกัน ในตอนนั้นเองที่เสียงวุ่นวายรอบด้านพลันสงบลง ดาบในมือของหยินหลินพลันรู้สึกหนักอึ้ง ดวงตาคมเหลือบมองรอบด้าน ในตอนนี้เองนางได้กลายเป็นเป้าสายตาของคนจำนวนมาก

ร่างเล็กครุ่นคิดหนัก ในตอนนี้นางจะเลือกฆ่าเจ้าโจรชั่วตรงหน้าแล้วรีบหนีไปหรือจะหนีไปเลยก็เลือกได้อย่างลำบากใจ อีกทั้งจินหมิงในตอนนี้ก็ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง ครั้นจะให้ถูกจับตัวไปเลยมันจะแก้อะไรได้บ้างหรือไม่

“ไม่คิดเลยนะ...ว่าคนที่จะมาช่วยเจ้าโจรชั่วกลับกลายเป็นเพชฌฆาตปริศนาเสียเอง” เสียงของบุรุษที่นุ่มลึกกล่าวขึ้น ขณะที่เดินเข้าไปยังร่างเล็กที่ยังคงเอากระบี่จ่อไปที่คอของโจร

“แม่นาง...ข้าต้องขออภัยที่โจรพวกนี้ไม่สามารถฆ่าได้ ขอให้แม่นางยอมมากับเราด้วย สหายของท่านในยามนี้ถูกคุมตัวไว้กับหัวหน้าของพวกเราแล้ว” บุรุษคนเดิมกล่าว

ฟังจากเสียงที่หยินหลินได้ยินแล้ว คนผู้นั้นจะต้องเป็นคนที่หนุ่มอยู่พอสมควร และมีเปอร์เซนสูงมากที่จะเป็นคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับจินหมิง

หยินหลินเลือบหางตาไปมองบุรุษที่กำลังเดินเข้ามา คนผู้นั้นอยู่ในชุดสีน้ำตาลเข้มกลมกลืนไปกับสภาพรอบข้าง แต่ก็ไม่อาจปิดบังใบหน้าที่เจิดจรัสดุดันลงไปได้ อีกทั้งผิวของชายหนุ่มยังขาวกระจ่างแม้จะดูรวมๆ แล้วมีความเป็นชายชาตรีอยู่หลายส่วน

“ถ้าแม่นางยังคงไม่ตอบอะไรแบบนี้ ทางเราขอเสนอให้แม่นางวางอาวุธลงเพื่อที่เราจะได้ไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง” จบคำของบุรุษชุดน้ำตาล ทหารก็เล็งธนูจำนวนสามดอกไปยังร่างบาง

หยินหลินมองธนูพวกนั้นแล้วก็ได้แต่หัวเราะอยู่ในใจ พวกเขาจงใจที่จะเล็งไม่ให้โดนส่วนตายของนางคล้ายกับว่าจงใจยิงขู่ก็เท่านั้น แต่ก็ดี! ถ้าอยากจะยิงนักก็เชิญเลย

“ยิงสิ” เสียงหวานสะกดใจพูดคนกล่าวขึ้นอย่างไม่กลัวตาย

บุรุษหนุ่มตะลึงลานกับเสียงที่ไพเราะจนอดพินิจดวงตาคู่งามที่หันมาสบตากับตนไม่ได้ ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์อื่นเขาคงจะตามเกี้ยวนางไปแล้ว ดวงตาที่งดงามคมกล้า และเสียงที่ไพเราะสาวงามจากหนอื่นใด อีกทั้งท่าทางที่อาจหาญดั่งชายชาตรี สตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่

“ข้าไม่ทำร้ายสตรีหรอก” บุรุษหนุ่มเอ่ยขำขัน

“งั้นถ้าข้าจะฆ่าเจ้าโจรชั่ว ท่านคงจะไม่ห้ามข้าใช่ไหม” กระบี่ที่ในคราแรกถูกย้ายออกมาจากคอของมัน ได้กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

“ถ้าเขาตาย...สหายของท่านจะแย่ไปด้วยนะ” รอยยิ้มสนุกปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา

หยินหลินนิ่งงัน...อย่างจินหมิงคงจะหนีมาได้อยู่แล้ว แต่ไม่แน่ถ้าหากคนเยอะองครักษ์ของนางอาจเข้าตาจน และออกมาไม่ได้ก็เป็นได้ เพราะค่ายแห่งนี้ดูคล้ายกลับมีทหารมากกว่าที่ควรเป็น ราวกับมีคนสำคัญอยู่

หรือคนพวกนี้จะเป็นคนสำคัญ คุณชายหรือพวกแม่ทัพ...

“ทำไมท่านถึงไม่อยากให้เจ้าโจรชั่วพวกนี้ตายนัก” เสียงหวานใสเอ่ยถาม

“เพราะเขาสมควรไปรับโทษตามกฎหมาย” คนตรงหน้านางตอบเสียงเรียบ

ไม่ผิดแน่! คนผู้นี้ต้องเกี่ยวข้องอะไรกับฮ่องเต้อย่างแน่นอน หรือไม่อาจเป็นลูกชายท่านแม่ทัพอะไรเทือกนั้น เพราะเห็นในรายงานกล่าวว่าตระกูลของแม่ทัพใหญ่กำไล่ล่าตัวเจ้าโจรชั่วพวกนี้

“เฮ้อ...พาสหายข้ามาแลกกับเจ้าโจรนี่สิ”

บุรุษที่ยืนประชันหน้ากับหยินหลินหันไปหานายทหารคนหนึ่งคล้ายกับบอกให้ไปพาอีกคนมา และรอไม่นานนักจินหมิงก็ถูกพาตัวมายังลานกว้างทันที สภาพขององครักษ์สาวในตอนนี้ได้ถูกเปิดเผยหน้าออกเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งมือก็ถูกมัดเอาไว้ด้วย

ทำให้ยากที่จะหนี...

แปล๊บ! ในจังหวะที่คนหลายๆ คนหันไปมองจินหมิง ข้อมือของหยินหลินก็พลันเจ็บจี๊ดขึ้นมาราวกับถูกบดขยี้ และในทันใดนั้นเองกระบี่ก็ถูกแย่งออกไปจากมือของนางไปอยู่ในมือของโจรชั่วแทน แถมมันยังใช้ร่างของนางเป็นตัวประกัน

“ห้ามใครเข้ามา ไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนนี้ตาย” เจ้าโจรร่างยักษ์กล่าวเสียงเด็ดขาด ส่วนมือก็เอากระบี่มาจ่อที่คอของหญิงสาวแบบประชิด

หยินหลินลอบกลอกตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักหน่วง นางสะบัดข้อมือที่เจ็บไปมาจนคิดว่ามันใช้การได้ดี เท้าข้างหนึ่งก็เหยียบไปที่เท้าเปล่าของโจรเต็มแรงจนมันร้องโอดโอย และปล่อยมือออก แต่หยินหลินไปจบแค่นั้นนางยังใช้เท้าถีบจากด้านหลังไปยังเข่าของโจรจนมันเกือบทรุดแถมท้ายด้วยศอกเข้าที่เบ้าหน้ามันแบบไม่ยั้งแรง จนโจรชั่วลงไปร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น

“อย่าเอามือสกปรกของแกมาแตะต้องฉันอีก” หยินหลินกล่าวเสียงเยือกเย็นที่มีเพียงนางและเจ้าโจรเท่านั้นที่ได้ยิน

นัยน์ตาคมเผยความเยือกเย็นออกมาจนคนมองรู้สึกร่างกายแทบจะแข็งไปเสียงตรงนั้น

“เอะอะอะไรกัน” เสียงของบุรุษอีกคนดังขึ้นมา แต่เสียงนี้กลับเป็นเสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยพลังอำนาจขั้นรุนแรง ผู้คนรอบด้านที่ได้ยินต่างพากันก้มตัวลงในทันทียกเว้นก็แต่สตรีในชุดที่ยืนนิ่งด้วยความฉงน

แต่เมื่อหันไปมองที่ต้นเสียงร่างทั้งร่างของนางก็พลันสะท้านเฮือก คนที่ไม่ได้เจอนานนับหกปีบัดนี้ได้มาอยู่ตรงหน้าแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว