ละอองทรายใต้ตะวัน (นิยายโรมานซ์ 18+)-บทที่5 รีดไถ (1)

โดย  อาคาเซีย สลิลโรส

ละอองทรายใต้ตะวัน (นิยายโรมานซ์ 18+)

บทที่5 รีดไถ (1)

บทที่5

รีดไถ

เสียงดนตรีจังหวะสนุกที่บรรเลงกล่อมราตรีเพื่อเรียกลูกค้าต้องยุติลงอย่างกะทันหัน เมื่อทหารในชุดเครื่องแบบสีเลือดหมูสวมผ้าคลุมหน้าสีขาวถือทวนตรงดิ่งมายังลานกว้างที่เหล่าคณะเร่ใช้เปิดการแสดง

เหล่านางระบำซึ่งแต่งตัวสวยสดงดงามพร้อมขึ้นเวทีแสดงระบำหน้าท้องถูกหัวหน้าคณะโบกมือไล่ให้เก็บตัวต่างพากันมานั่งจับเจ่าอย่างเบื่อหน่ายอยู่ในกระโจม ขณะที่หูยังทำหน้าที่ฟังบทสนทนาของบารุน กับเหล่าทหารของจามอลตกลงกันอย่างสนอกสนใจ

“เฮ้อ คิดไม่ถึงว่าราตรีนี้แขกผู้ทรงเกียรติของพวกเราจักเป็นทหารทางการ เซ็งบรมเลย” ใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ในฐานะนางระบำบ่นขึ้น

“นั่นสิ คนที่อยากให้มาก็ไม่มา ส่วนคนที่ไม่อยากให้มาก็ขยันเสนอหน้าเสียเหลือเกิน หากรู้ว่ากลับมาเจอเรื่องจุกจิกกวนใจพวกนี้ ข้าคงสนุกอยู่ในลานแข่งขันอูฐเพื่อสนุกกับการวัดดวงคงดีกว่านี้” คราวนี้เป็นบาเรียที่อยู่ในชุดนางระบำสีเหลืองอ่อนบ่นกระปอดกระแปดพลางคว้าพัดที่ทำจากขนนกมาโบกไปมาไล่ความร้อน

“ไม่รู้ท่านบารุนจักเจรจากับทหารพวกนั้นสำเร็จหรือเปล่า”

นางระบำอีกนางซึ่งสวมชุดคล้ายกับบาเรียแต่เป็นสีชมพูอ่อนและยังเท้าคางอยู่กับหีบไม้ซึ่งยังตั้งใจฟังหัวหน้าคณะระบำเจรจากับทหารเปรยขึ้นอีก เพียงเท่านั้นเสียงเอะอะโวยวายของทหารจึงดังเข้ามาในกระโจมทันที

“พูดไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร ถึงจักจ่ายเงินค่าผ่านด่านมาแล้วก็เปิดการแสดงมิได้ ต้องให้พูดกี่ครั้งเจ้าถึงจักเข้าใจว่าต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ด้วย หากไม่จ่ายก็ห้ามเปิดการแสดงใด ๆ บนผืนทรายนี้เด็ดขาด!”

พอเสียงโวยวายนี้ดังขึ้นเชเรญ่าซึ่งกอดอกปิดปากเงียบมานานจึงลุกขึ้นมาเกาะเสากระโจมดูเหตุการณ์ กิริยากระตือรือร้นของนางนั้นพลอยให้เพื่อน ๆ นางระบำทั้งหมดพากันลุกขึ้นและวางเฉยกับเรื่องนี้อีกมิได้

“ให้ตายเถอะ! นี่มันนครแห่งโจรหรืออย่างไร นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ จักทำมาหากินยังต้องเสียเงิน แม้นแต่รอดผ่านโค้งประตูก็ต้องจ่ายค่าผ่านด่าน ถามจริงเถอะพ่อหนุ่ม ทางการเรียกเก็บภาษีหนักขนาดนี้ ชาวเมืองไม่เดือดร้อนกับกฎหมายรีดไถนี้บ้างหรือไง?”

“ไม่ต้องพูดมาก หากไม่จ่ายเงินก็เก็บข้าวของออกไปซะ!”

“ไม่ใช่ไม่จ่าย ข้าจักจ่ายตามจำนวนที่เจ้าเรียกร้องเป็นสองเท่าก็ยังได้ แต่ขอให้ข้าพบหน้าผู้ที่ออกกฎข้อบังคับนี้ก่อนได้ไหม ข้าอยากรู้จักหนังหน้าของคนผู้นั้นเป็นเช่นไร ถึงได้ขูดเลือดขูดเนื้อเอากับชาวเมืองตาดำ ๆ เช่นนี้” บารุนต่อว่าอย่างเหลืออดกับกฎหมายข้อบังคับที่ขาดความยุติธรรม

เพียงเท่านั้นด้ามทวนจึงกระทุ้งเข้าที่ท้องน้อยของบารุนเต็มแรง จนร่างนั้นทรุดฮวบด้วยความจุกในทันที จากนั้นผู้อยู่ในชุดเครื่องแบบทหารด้วยจึงจัดการทำโทษชายผู้นี้ด้วยการรุมซ้อม

“หัวหน้า!!!” บรรดาบุรุษหนุ่มในคณะระบำเร่ซึ่งยืนดูเหตุการณ์เจรจาต่อรองอยู่ห่าง ๆ ทั้งห้านายที่ทนเห็นหัวหน้าคณะถูกรังแกไม่ได้จึงตรงดิ่งเข้ามาช่วยเหลือ

ทว่ากำลังทหารที่มีมากกว่าร่วมยี่สิบนายอีกทั้งยังมีอาวุธครบมือ จึงทำให้บุรุษหนุ่มผู้ไม่ประสาในการต่อสู้นั้นถูกซ้อมจนน่วม หรือแม้นแต่ยูโซฟที่เป็นวิชาดาบเพียงคนเดียวในคณะระบำเร่ ก็ยังเสียท่าให้กับทหารกล้าที่ฝึกปรือมาดีทั้งหลายเหล่านี้

“มีใครอยากลองดีกับทหารของชีคคามินอีกมั๊ย?” ผู้ประกาศศักดิ์ดาแห่งชัยชนะเดินกร่างไปทั่ว แต่มิมีใครกล้าแข็งขืนด้วย เหล่าสตรีที่ซ่อนตัวอยู่หลังกระโจมจึงพากันปิดปากเงียบ ได้แต่กัดฟันทนดูเหตุการณ์ทหารรังแกประชาชนอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น

“พวกเจ้าจงรีบแยกย้ายไปค้นทรัพย์สินมีค่าของคนพวกนี้ ยึดเข้ากองกลางให้หมด อย่าให้เหลือติดตัวแม้นแต่เหรียญเดียว โทษฐานที่ชายแก่ผู้นี้กล้างัดข้อกับทหารของท่านชีคคามิน”

เหล่าทหารปฏิบัติตามคำสั่งนายกองหนุ่มทันที ซึ่งทุกการกระทำของคนเหล่านี้สร้างความเจ็บแค้นให้กับผู้ตกเป็นเหยื่อมากนัก แต่เมื่อขัดขืนมิได้ สมาชิกในคณะระบำเร่ทั้งหมดจึงจำใจต้องยอมยกทรัพย์สินที่มีอยู่เพียงน้อยนิดให้กับทหารทางการครอบครอง

“มีแค่นี้เองหรือ?”

“ไม่ได้เปิดการแสดง จักเอาเงินที่ไหนมาเล่า ถ้าอยากได้มากกว่านี้พวกเจ้าควรมาเวลาอื่น” เป็นสตรีสูงวัยที่ต่อคำกับทหารกล้า

“เท่านี้ก็ดีกว่าไม่ได้เลย จำไว้ เมืองนี้มีโจรเป็นผู้ปกครอง หากอยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข พวกเจ้าจงก้มหน้ายอมรับในวิถีของจอมโจรเถิด” นายกองหนุ่มผู้มีอำนาจสั่งการทหารกล้ายิ้มเยาะพลางถ่มน้ำลายใส่ ก่อนจักโยนภาพวาดรอยเท้าสุนัขจิ้งจอกให้เหล่าสตรีในคณะระบำเร่ได้ดูต่างหน้า

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว