เช้าวันนี้...แม่นมฮุยกับปี้เจียกับปี้หวายต้องออกมายืนดูจี้เส้าชางถูกหลิงจ้านเคี่ยวกรำสอนเพลงกระบี่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง
แต่จี้เส้าชางไม่บ่นแม้แต่น้อยที่ถูกว่าที่พระสวามีปลุกเสียแต่ไก่ยังไม่โห่ เพราะนางมีความรู้สึกที่ดีต่องอ๋องหลิงจ้าน และยิ่งได้รู้ว่าเขาจะสอนเพลงกระบี่ นางยิ่งดีใจและชื่นชอบมากเสียด้วยซ้ำ เพราะนางอยากมีวรยุทธ์ จะได้ปกป้องตัวเองและคนที่นางรักได้
ที่สำคัญ...คนสอนคือว่าที่พระสวามีของนางเอง เช่นนั้นไยมิถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเล่า!
“ท่านอ๋องยั้งมือหน่อยนะเพคะ คุณหนูยังไม่เคย...” เสียงแม่นมฮุยร้องบอกอย่างเป็นห่วงกังวลสุดจะเปรียบ แต่จี้เส้าชางที่กำลังประลองกระบี่กับหลิงจ้านหันใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อมาบอกแม่นมฮุยยิ้มๆว่า
“ข้ายังไม่พลาดท่าเสียทีท่านอ๋องสักครั้งเดียว แม่นมก็อย่าห่วงมากนักเลย”
“คุณหนูก็...” แม่นมฮุยพูดได้แค่นั้น
พลัน!
ตุ้บ!
จี้เส้าชางมองดูกระบี่ไม้ในมือที่ถูกกระบี่ของหลิงจ้านตวัดคราเดียวก็ทำให้กระบี่หลุดจากมือนางด้วยความรู้สึกซับซ้อน
“ฝึกซ้อมวรยุทธ์ ต้องมีสมาธิ...” หลิงจ้านเอ็ดอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนเขาจะก้มลงหยิบกระบี่ไม้ส่งถึงมือจี้เส้าชางที่พึมพำขอโทษเขาเบาๆด้วยดวงหน้าแดงสร้านเพราะอับอายที่ตนเชื่อมั่นในฝีมือเพลงกระบี่อันอ่อนด้อยของตัวเองมากเกินไป
“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ ฝึกต่อเถิดเพคะ คราวนี้ต่อให้มีเสียงฟ้าผ่าลงมา หม่อมฉันก็จะไม่วอกแวกอีก”
หลิงจ้านได้ฟังวาจาของนางก็หัวเราะอย่างเบิกบานใจและขบขัน “ว่าที่ชายาข้าช่างปากคอเราะร้ายยิ่งนัก ฟังถ้อยคำนี้แล้วคล้ายดูเหมือนขอโทษอยู่ในที แต่หากตรองให้ดีถ้อยคำของเจ้าแสดงออกถึงความหยิ่งจองหองอยู่บ้าง
ดี...เช่นนี้แล้วหากเจ้าต้องเข้าวังหลวงไปพบหน้าเหล่าสนมนางในหรือแม้แต่ฮองเฮา เจ้าคงกล้าพูดจาให้พวกนางอกแตกตายเป็นแน่!”
จี้เส้าชางนิ่วหน้า “หม่อมฉันจะกล้าพูดจาเหน็บแหนมเหล่าสนมได้อย่างไร หากหม่อมฉันกระทำ ท่านอ๋องคงต้องลำบากใจมิใช่น้อย”
“เจ้าไม่รู้อะไร?” หลิงจ้านมองนางด้วยสายตาอบอุ่นแต่แฝงแววเข้มงวดเล็กน้อย
“เหล่าสนมนางในมากมายล้วนหมายปองในตัวข้า แต่เพราะต้องคอยปรนนิบัติรับใช้ฝ่าบาท จึงมิกล้าทำตัวเป็นดอกซิ่งแดง ส่วนข้าเองก็ไม่เคยสนใจพวกนางตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
การได้พบคุณหนูจี้เส้าชางเมื่อวานนี้นับเป็นวาสนา ทำให้ข้าได้พบสตรีที่ถูกตาต้องใจข้ามากที่สุด”
วาสนาอะไรกัน...ท่านลอบติดตามข้ามาต่างหาก!
จี้เส้าชางอยากทักท้วงออกไป แต่ไม่กล้าเพราะคิดว่าตนอาจจะคิดไปเอง บางที...หลิงจ้านคงขี่ม้าผ่านมาทางนั้นแล้วพบเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีก็ได้
“เช่นนั้น...” จี้เส้าชางหมายใจหยั่งเชิงบุรุษตรงหน้า
“ถ้าหม่อมฉันทำให้ท่านอ๋องขายหน้าต่อพระพักตร์ฮ่องเต้กับฮองเฮารวมถึงสนมนางใน ท่านอ๋องจะจัดการหม่อมฉันอย่างไรเพคะ?”
“รีบทำให้เจ้าตั้งครรภ์โดยเร็ว จะได้ไม่ซุกซนมากนัก!”
จี้เส้าชางค้อนประหลับประเหลือกด้วยความเคอะเขินและคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเตรียมการรับมือนางด้วยวิธีนี้
ครั้นจี้เส้าชางหวนนึกถึงค่ำคืนแรกที่นางต้องร่วมหอกับหลิงจ้าน ในใจพลันสั่นสะท้านหวามไหว
“แต่...” หลิงจ้านพูดต่อ “แม้ว่าเจ้าจะปั่นป่วนวังหลวงให้ยุ่งเหยิงเพียงใดก็ตาม ข้าก็หาได้เกรงใจฮ่องเต้ไม่ มีแต่พระองค์ที่จะต้องเกรงกลัวกองทัพนับสิบหมื่นในมือข้า!!!”
หลิงจ้านเสริมต่อว่า “ที่สำคัญ...แม่ทัพใหญ่แห่งกองกำลังรักษาเมืองหลวงก็คือคนสกุลฝั่งมารดาข้า เช่นนั้นคนที่น่ากลัวในต้าจ้าว ย่อมเป็นข้า!”
ปี้เจียหลุดเสียงร้องออกมาว่า “ว้าว...ท่านอ๋องสุดยอดไปเลย คุณหนูช่างโชคดียิ่งนักที่จะได้เป็นชายาเอกของท่านอ๋อง”
แม่นมฮุยก็พูดขึ้นอีกคนว่า “คิดไม่ถึงท่านนายอำเภอจะได้ลูกเขยขี่มังกร!”
นางเสริมต่อว่า “คุณหนู...ท่านต้องดีต่อท่านอ๋องมากๆนะเจ้าคะ”
จี้เส้าชางมองคนนั้นทีมองคนนี้ทีก่อนหันมาค้อนหลิงจ้านพองามพอเห็นเขายิ้มล้อเลียนนาง
“รู้จักกันแค่วันเดียว ไยท่านดีต่อข้าถึงเพียงนี้?” นางถามหลิงจ้าน
หลิงจ้านตอบเพียงสั้นๆว่า “เจ้าอาจจะไม่เคยรู้จักข้ามาก่อน แต่ข้ารู้จักเจ้าดี”
“ได้อย่างไรกัน ไร้เหตุผลสิ้นดี”
“ในความฝัน” พูดจบ หลิงจ้านก็ระเบิดเสียงหัวเราะยั่วเย้าแล้วเดินถือกระบี่ไม้ตรงกลับไปยังเรือนพักของตน ทิ้งให้จี้เส้าชางยืนงงเป็นไก่ตาแตกกับคำพูดกำกวมของเขา
“คนผี ความฝันจะเชื่อถือได้อย่างไร หวังว่าท่านคงไม่ได้ฝันลามกหรอกนะ!” แล้วจี้เส้าชางก็เดินกลับไปยังเรือนพักของตนบ้าง เพื่อรอกินมื้อเช้ากับบิดาและหลิงจ้านที่เรือนหลัก
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว