ลิขิตรักบุปผาข้ามกาล(อ่านฟรีจนจบ)-ปฐมบท 2 ตายหนึ่งรอดหนึ่ง

โดย  yunying_longya

ลิขิตรักบุปผาข้ามกาล(อ่านฟรีจนจบ)

ปฐมบท 2 ตายหนึ่งรอดหนึ่ง

“ลิขิตสวรรค์ รอดเพียงหนึ่งคนเท่านั้น” เสียงของหญิงชราเอ่ยออกมา พลางทอดถอนหายใจกับโชคชะตา

หลี่เสียงซูในชุดผ้าหยาบรีบถาม “หมายความว่าอย่างไรขอรับ ในท้องไม่ใช่ว่ามีเด็กแค่คนเดียวหรือ”

“เด็กทั้งสองคนถูกกำหนดมาให้อยู่คนละชาติภพ มีวาสนาเพียงได้เจอกันในช่วงที่ไม่ลืมตาเท่านั้น” หญิงชรานัยน์ตามัวหม่นสีขาวบอกก่อนจะหลับตาลง

“เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ” ถังลี่อินหน้าถอดสี

มิน่าท้องของนางจึงใหญ่กว่าหญิงท้องทั่วไปมากนัก แม้ทางฝั่งตระกูลของนางจะมีคนที่มีลูกฝาแฝดอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าตัวเองก็มีบุตรฝาแฝดเช่นกัน

หลี่เสียงซูกัดปาก “ไม่มีทาง ข้าจะยื้อชีวิตไว้ทั้งสองคน”

“แล้วบ้านใหญ่จะยอมหรือเจ้าคะ” ถังลี่อินมีใบหน้ากังวล พวกนางเป็นเพียงบ้านสามไม่มีอำนาจเท่าบ้านใหญ่ ยิ่งตำแหน่งขุนนางของท่านพี่ยังไม่ก้าวหน้า ท่านแม่ก็เป็นอนุที่ไม่ได้รับความโปรดปรานเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น

ภัยหนาวไม่กี่ปีก่อนได้คร่าชีวิตของท่านแม่ไปด้วย พอท่านแม่เสีย บ้านสามก็กลายเป็นกลุ่มคนที่ไร้ตัวตนที่สุดในสายตาของท่านพ่อ

หากบิดายังอยู่ไม่สามารถแยกครอบครัวได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทนใช้ชีวิตอยู่ในจวนหลังใหญ่แต่กลับไม่ต่างจากบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่ง ยิ่งพอรู้ว่าท้องนี้เป็นฝาแฝด บ้านใหญ่จะยอมให้พวกนางเรียกหมอตำแยที่มีความสามารถมาหรือ

“ไม่เป็นไร ข้าจะขอเข้าพบท่านพ่อเอง” หลี่เสียงซูกัดฟัน

น่าเสียดายนักที่เขาวาดฝันไว้สวยงามจนเกินไป นอกจากบิดาจะไม่ใส่ใจยังสั่งให้พ่อบ้านเชิญหมอตำแยทั่วไปมาเตรียมไว้ให้เท่านั้น เทียบไม่ได้กับฮูหยินเอกของพี่ใหญ่ที่คลอดบุตรสาวเมื่อเดือนก่อน

ดวงตาของหลี่เสียงซูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำรู้สึกผิดต่อฮูหยินตัวเอง ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะตัวเองก็เป็นเพียงบุตรชายที่เกิดจากอนุคนหนึ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปไม่นาน ไม่ทันถึงสิบเดือน ถังลี่อินก็คลอดบุตรสาวออกมาก่อนกำหนด

“เจ้าไม่ส่งข่าวไปให้ คุณชายสามรู้หรือ” สาวใช้หน้าห้องกระซิบถามเพื่อนเพราะเวลานี้เป็นเวลาของประชุมเช้า ฮูหยินใหญ่คลอดลูกยังสามารถส่งบ่าวรับใช้ไปตามคุณชายใหญ่กลับมาได้เลย

ตอนนี้ฮูหยินสามคลอดลูก พ่อบ้านไม่ส่งข่าวไปให้คุณชายสามรู้หรือ

สาวใช้อีกคนหยิกแขนเพื่อน “ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีรับสั่ง แล้วพ่อบ้านจะกล้าไปตามได้อย่างไร”

เสียงร้องเจ็บปวดดังมาจากในห้องแต่หมอตำแยกลับมาช้ากว่าที่ควรเป็น นอกจากจะไม่ใช่หมอตำแยที่มีชื่อเสียงในวังหลวง ยังเป็นเพียงหมอตำแยชาวบ้านทั่วไปอีกด้วย พอมาถึงก็ยังบ่นอีกหลายคำ

ถังลี่อินไม่มีแรงจะลืมตาขึ้นมาดู ความเจ็บปวดและเลือดต่างไหลออกมาเจิ่งนองพื้น พยายามฝืนออกแรงเบ่งลูกออกมาให้เร็วที่สุด

“ข้าจะไปหาท่านแม่ จะไปหาท่านแม่ของข้า” เด็กชายถูกสาวใช้คนหนึ่งจับตัวไว้ร้องตะโกนเสียงดัง ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา เพราะได้ยินเสียงมารดากำลังถูกทรมานอยู่ภายในห้องนอน

สาวใช้โมโหจึงปิดปากเขาไว้แน่นไม่ยอมให้เสียงเล็ดลอดออกมา และเนื่องจากร่างกายของหลี่อันเฉิงผอมแห้งและไม่ได้รับการบำรุงที่ดีพอ ทำให้เขาสู้แรงของสาวใช้เพียงแค่คนเดียวไม่ได้

“เสร็จหรือยัง” หญิงสูงวัยเดินเข้ามาพลางยืดคอเข้าไปมองภายในห้อง

สาวใช้รีบย่อกายคำนับ “คารวะ แม่นมกู้”

เหตุใด แม่นมของฮูหยินใหญ่จึงเดินทางมาด้วยตัวเอง ทุกคนต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ และเห็นแม่นมกู้เดินเข้าไปภายในห้องทำคลอด เป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงเด็กคนหนึ่งร้องไห้เสียงดัง ตามมาด้วยเสียงร้องไห้แผ่วเบาเสียงที่สอง

แม่นมกู้ปิดจมูกอุ้มเอาเด็กที่แข็งแรงขึ้นมา “หน้าตาดีจริง ๆ วันหน้าอาจจะสามารถใช้เป็นของกำนัลให้ผู้มีอำนาจได้”

หมอตำแยเงียบเสียงทำความสะอาดเด็กน้อยเงียบ ๆ

“คืนลูกข้ามา” ถังลี่อินฝืนใช้แรงที่เหลืออยู่อันน้อยนิดร้องขอบุตรสาวคืน

แม่นมกู้แค่นเสียงเย็นชามองอีกคนที่อ่อนแอ “เด็กน้อยคนนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าต้องการนำไปเลี้ยงด้วยตัวเอง เจ้าควรจะดีใจที่พวกเรารับเลี้ยงนางแทนพวกเจ้านะ”

ขุนนางมีบ้านไหนบ้างไม่เลี้ยงหลานสาวเพื่อใช้แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ บ้านสามควรขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าด้วยซ้ำที่ช่วยเลี้ยงบุตรสาวของนาง “พวกเราเตรียมแม่นมและเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ส่วนอีกคน...” แม่นมกู้หยุดพูดมองเด็กน้อยผิวเหี่ยวย่นด้วยความรังเกียจ

คิดถึงคำสั่งของฮูหยินที่บอกว่าถ้าเป็นบุตรชายก็ไม่ต้องสนใจ

แต่ถ้าฮูหยินสามคลอดบุตรสาวออกมา บ้านใหญ่จะเป็นคนเลี้ยงเอง

แต่ว่าเด็กสาวอีกคนท่าทางอ่อนแอและยังมีผิวเหี่ยวย่นไม่งดงาม แม่นมกู้คิดว่าสิ่งของที่เตรียมไว้สำหรับเด็กสาวแค่คนเดียว หากเอาไปแล้วไม่งามก็ไร้ประโยชน์ จึงอุ้มไปเพียงเด็กสาวที่แข็งแรงแค่คนเดียว

ถังลี่อินเห็นบุตรสาวถูกอุ้มไปพยายามจะร้องห้ามก็ไม่มีเรี่ยวแรง ได้แต่เจ็บใจที่ตัวเองไม่มีความสามารถมากพอจะปกป้องบุตรสาวได้

ตอนเย็นหลี่เสียงซูกลับมาถึงรู้ว่าตอนนี้บุตรสาวคนหนึ่งถูกบ้านใหญ่แย่งไปแล้ว เขาไปขอคืนอย่างไร ทางบ้านใหญ่ก็ยกเหตุผลมากมายและยังดูถูกเขาอีกว่าจะสามารถดูแลบุตรสาวได้ดีเท่าบ้านใหญ่หรือไม่

นอกจากบิดาจะไม่เข้าข้างและเห็นใจหลี่เสียงซู บิดายังเชื่อฟังบ้านใหญ่มากกว่าและคิดว่าบ้านใหญ่พูดมีเหตุผล เขาจะสามารถเลี้ยงบุตรสาวให้ดีเท่าบ้านใหญ่ได้อย่างไร

สุดท้าย “หลี่ซูเมิ่ง” จึงถูกเลี้ยงดูโดยบ้านใหญ่

ถังลี่อินกอดหลี่ซูเหมยร้องไห้ ไปอ้อนวอนขอคนคืนจากบ้านใหญ่ด้วยตัวเองทั้งที่เพิ่งคลอดบุตรแต่กลับไม่มีใครเห็นใจสักคน

สิบวันหลังจากนั้น สาวใช้คนหนึ่งมาเยือนบ้านสามพร้อมข่าวที่ทำให้สองสามีภรรยาใจแตกสลาย “สาวน้อยหลี่ซูเมิ่งตายแล้ว”

ไม่มีใครบอกสาเหตุการจากไปของเด็กน้อย

มีเพียงห่อผ้าและคำสั่งให้รีบน้ำเด็กน้อยไปฝังเพื่อไล่สิ่งอัปมงคลออกไป

หลี่เสียงซูยืนอยู่หน้าเรือนของหลี่ซูเหลียงผู้เป็นบิดา และเป็นนายใหญ่ของจวนหลังนี้สามวันสามคืนเพื่อขอคำอธิบายและต้องการลงโทษว่าใครฆ่าบุตรสาวของตัวเอง

“เด็กก็ตายไปแล้ว เจ้ายังจะมายืนคร่ำครวญอยู่หน้าเรือนของข้าเพื่อสร้างความวุ่นวายทำไม ใครก็ได้ พาคุณชายสามกลับเรือน” หลี่ซูเหลียงหัวเสียสั่งให้บ่าวรับใช้ไล่บุตรชายออกจากเรือน

เขาหันไปมองฮูหยินเอกด้วยความไม่พอใจเช่นกัน แม้จะเป็นหลานสาวที่ไม่ได้รักแต่อย่างน้อยก็เป็นหลานสาวของเขาคนหนึ่ง

ฮูหยินผู้เฒ่ารีบส่ายหน้า “ข้าไม่มีทางฆ่าเด็กตายแน่นอนเจ้าค่ะ พวกเราดูแลนางอย่างดีไม่ต่างจากยัยหนูเจินเอ๋อของบ้านใหญ่”

แม้จะมีบางอย่างที่เป็นของที่เจินเอ๋อเคยใช้ไปแล้วก็ตาม และมีหลายครั้งที่แม่นมดูแลไม่ดี บางมื้อก็ลืมให้นม หรือจะเป็นเพราะพวกนางเคยทิ้งทารกให้ตากน้ำค้าง ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้ารัวเด็กก็ตายไปแล้วจะสืบเรื่องให้วุ่นวายทำไม

ใครจะคิดว่าเด็กที่แข็งแรงขนาดนั้นจะตายง่ายเพียงนี้ล่ะ ตัวอัปมงคล เช้าวันรุ่งขึ้นนางก็นอนแน่นิ่งไม่หายใจแล้ว

สุดท้ายคำตอบที่เรือนใหญ่ให้แก่บ้านสามก็คือ เด็กน้อยตายแล้ว ประโยคเดียวเท่านั้น นอกจากนี้พวกเขายังสั่งให้จัดพิธีเรียบง่ายและรีบนำศพเด็กไปฝังอีกด้วย

วันนั้นหลี่เสียงซูที่อดทนมานานถึงกับทะเลาะกับบิดาหลายชั่วยาม วันต่อมาบิดาก็ออกคำสั่งด้วยตัวเองว่าต่อไปนี้บ้านสามจะทำอะไรก็แล้วแต่บ้านสาม ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรือนหน้า ไปอยู่เรือนด้านหลังสุดของจวน บิดาไม่ตายไม่สามารถแยกบ้านได้ อยากแยกก็ต้องรอให้เขาตายก่อน

ฮูหยินผู้เฒ่าและบ้านใหญ่คิดจะกล่อมขอบุตรสาวอีกคนที่เหลืออยู่มาเลี้ยง แต่เห็นนายท่านมีโทสะและคิดว่าบ้านสามคงไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้วจึงยิ่งรังแกบ้านสามมากกว่าเดิม บ่าวรับใช้ไม่ส่งไปให้ วัตถุดิบและเงินรายเดือนก็ส่งไปช้า บางครั้งก็ลืมส่ง จนทำให้บ้านสามมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากหลายปีต่อมา

บนภูเขาห่างไกลจากความวุ่นวาย หญิงชราคนหนึ่งลืมตาขึ้นพลางถอนหายใจ “ฝ่าฝืนลิขิตสวรรค์แล้ว ฝ่าฝืนกฎแล้ว ทั้งที่คนหนึ่งควรจะมีชีวิตรอดแต่กลับตายไป แต่ชีวิตหนึ่งที่ควรตายกลับรอด สองชะตาฝ่าฝืนลิขิตของสวรรค์แล้ว”

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว