“เฮียพาหนูมาที่นี่จะดีหรอคะ หนูไม่ค่อยชอบที่นี่เลย” ดวงยิหวาพยายามจะพูดให้ดังเพื่อให้บูรพาได้ยิน เพราะเสียงเพลงที่ดังมากจนเธอรู้สึกปวดหัวไปหมด ไหนจะกลิ่นควันบุหรี่ที่คละคลุ้งกระจายอยู่ไปทั่วแบบนี้ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับหายใจไม่ออกไปอีก
“มาแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็กลับ มีคนเขาอยากเจอหนูน่ะ” บูรพาดึงคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ ทั้งตวัดแขนเกี่ยวเอวเล็กคอดเอาไว้ แล้วก้มลงกระซิบอยู่ที่ข้างๆหูเธอ
น่าแปลก ทั้งที่บรรยากาศโดยรอบจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่มากมาย แต่พอเขาก้มลงมาหาเธอกลับได้กลิ่นหอมๆที่มาจากตัวเธออย่างชัดเจน มันเป็นกลิ่นหอมสะอาดที่ให้อารมณ์รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก รู้เพียงแต่ว่ายิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งรู้สึกชื่นใจเอามากๆ
“ใครหรอคะ” เสียงหวานตะโกนถามกลับมา เขาก็นึกสงสารเธออยู่หรอกนะ ที่ต้องใช้เสียงมากกว่าปกติ แต่ก็เพียงแค่ยิ้มอย่างนึกเอ็นดูเท่านั้น
“มาทางนี้สิ” บูรพาไม่ตอบ แต่พาเธอเดินมาถึงที่ว่างตรงกลาง และไม่นานเสียงเพลงที่ดังๆก่อนหน้านี้ก็หยุดลงราวกับถูกสับสวิซต์
และจากนั้นก็มีเสียงดนตรีค่อยๆคลอเคล้าดังขึ้นมา และค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพลงที่เธอรู้จักเพราะกำลังฮอตฮิตมากอยู่ในขณะนี้ ก่อนจะมีเสียงนักร้องดังขึ้นมาตามลำดับ
จากนั้นก็มีเสียงจากผู้หญิงมากมายดังขึ้น ดูท่าว่าพวกเธอเหล่านั้นจะชื่นชอบวงดนตรีนี้อยู่ไม่น้อย เพราะเรียกได้ว่าเป็นวงที่มีแต่ผู้ชายหล่อๆทั้งนั้น แต่ที่เธอสังเกตเห็นมากที่สุด ก็คงจะเป็นมือกีตาร์ ที่ดูจะฮอตมากกว่าใครๆ ยิ่งเรื่องหน้าตายิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาคนนั้นสามารถที่จะเดบิ้วท์เป็นบอยแบนด์ได้อย่างสบายๆเลยหล่ะ
ดวงยิหวายืนมองพวกเขาเล่นดนตรีสดด้วยความเพลิดเพลิน โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนั้น บูรพาได้ค่อยๆถอยห่างไปจากเธอทีละน้อย และก็หายไปในที่สุด เขาไม่ได้หายไปไหน แต่แค่ไปยืนดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ รอดูละครฉากสำคัญที่มีจอมเทียนเป็นผู้รับไม้ต่อด้วยความรู้สึกสนุก
แต่บูรพาไม่มีทางรู้เลยว่า เพราะความสนุกของเขาในตอนนี้ ในวันข้างหน้ามันจะสร้างความทุกข์ให้กับดวงยิหวามากขนาดไหน และเป็นเขาเองนั่นหล่ะที่ต้องทรมานมากกว่าใครที่เผลอทำร้ายหัวใจตัวเองโดยไม่รู้ตัวอย่างในตอนนี้
เสียงเพลงที่เล่นสดได้จบลงแล้ว พร้อมกับที่ไฟบนเวทีค่อยๆหรี่ลง และจากนั้นเสียงเพลงที่เปิดเล่นโดยดีเจก็ดังขึ้นมาแทน พร้อมกับความดังที่เพิ่มขึ้นและผู้คนมากมายที่หลั่งไหลเข้ามารวมตัวกันอยู่ตรงกลาง พร้อมทั้งวาดลีลาโยกย้ายไปตามเสียงเพลงกันอย่างสนุกสนาน
ดวงยิหวาตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนั้น พอเธอหันหลังกลับไปเพื่อหาบูรพา ก็กลับไม่เห็นเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว ร่างเล็กพยายามจะแหวกฝูงคนเพื่อจะออกไปจากตรงนั้น แต่เพราะคนเยอะเกินไปและยังเบียดเสียดกันจนแน่น และตัวเธอก็โดนกระแทกไปมาจนเกือบล้มหลายครั้ง
กระทั่งครั้งนี้ที่เธอเกือบล้มไปจริงๆแล้ว ทว่ากลับมีวงแขนของใครไม่รู้มาเกี่ยวที่เอวของเธอเอาไว้ จากนั้นก็โอบเธอเอาไว้ราวกับป้องกันไม่ให้ตัวเธอโดนกระแทกจากผู้คนรอบๆข้าง
ซึ่งตอนแรกเธอก็คิดว่าเป็นบูรพาที่มาช่วยเธอ แต่เธอจำกลิ่นน้ำหอมของเขาได้ ซึ่งคนๆนี้ไม่ใช่เขา แต่กลับเป็นใครก็ไม่รู้ เพราะตรงนี้มันมืดมากและเธอก็ตาพร่ากับแสงสีจนมองอะไรไม่รู้เรื่องไปหมดแล้ว
ไม่นานเธอก็รู้สึกโล่งสบายมากขึ้น เพราะเขาคนนั้นพาเธอออกมายังด้านนอกร้านแล้ว ที่ๆมีอากาศถ่ายเทสะดวกและปราศจากกลิ่นบุหรี่ ทำให้เธอหายใจได้คล่องขึ้น และสายตาก็เริ่มปรับสภาพได้มากขึ้นเช่นกัน
“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม”
ดวงยิหวารีบหันไปมองต้นเสียงนั้นทันที ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าคนที่ช่วยเธอเอาไว้จะเป็นผู้ชายคนนั้น เขาคือมือกีตาร์หน้าหล่อ ที่สาวๆตามส่งเสียงเชียร์คนนั้น
“คุณ..”
“เรียกพี่ดีกว่า พี่ชื่อซี เรียกคุณ.. นอกจากจะดูห่างเหินแล้ว ยังดูแก่ไปอีก” ขณะที่พูดเขาก็โน้มตัวลงมาใกล้ๆ ทั้งยังยิ้มแบบที่นัยตาดูแพรวพราว จนดวงยิหวาต้องเอนตัวหนีด้วยความตกใจ
“เป็นไร กลัวพี่หรอ” เขาถามและยังยิ้มให้ จากนั้นก็ยืดตัวตรง เพราะรู้สึกว่าตัวเองอาจจะรุกหนักไป จนทำให้คนตัวเล็กอึดอัดใจอยู่
พอเขาถอยห่างออกไปแล้ว ดวงยิหวาก็หายใจสะดวกขึ้น และได้มีโอกาสพิจารณาท่าทางของเขาไปด้วย
“ไม่ต้องกลัวหรอก พี่เป็นเพื่อนกับไอ้มาร์ช พอดีมันรีบไปทำธุระ ส่งข้อความมาให้พี่ช่วยดูเราให้หน่อย ชื่ออะไรนะ..” เขาแกล้งถามแบบตาใส
แต่ดวงยิหวานั้นตาใสจริง แบบที่ไม่ทันคน “ลูกหว้าค่ะ”
“อ้อใช่ ลูกหว้า”
ดวงยิหวามองอีกฝ่ายตาแป๋ว ในความรู้สึกของเธอ ท่าทางเขาก็ดูใจดีอยู่ไม่น้อยและไม่น่าจะใช่คนไม่ดีอะไร เพราะเขาก็เพิ่งจะบอกเองว่าเป็นเพื่อนกับบูรพา และบูรพาก็ฝากเขาให้มาดูแลเธอด้วย
จอมเทียนมองหน้าดวงยิหวาตาพราว น่าแปลกที่เขารู้สึกว่าชอบเธอจริงๆ ไม่คิดว่าเด็กสาวที่เป็นประเด็นกับบูรพาในตอนนี้ จะสวยน่ารักอย่างที่ไอ้พวกนั้นมันบอกจริงๆ ยิ่งท่าทางวาดระแวงและมีความเหนียมอายนั้น เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบูรพาถึงได้คบนานขนาดนี้ นั่นก็เพราะเด็กมันไม่มีจริตให้น่ารำคาญใจ แต่นี่คือตัวตนแท้ๆของเธอต่างหาก
สะอาด ใสซื่อแบบนี้ ค่อยน่าสนุกที่จะเล่นด้วยหน่อย
ส่วนดวงยิหวานั้น เริ่มประหม่ากับสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา และพาให้ไม่อยากที่จะอยู่ที่นี่แล้ว แบบนั้นเธอเลยรีบขอตัวกลับทันที
“เอ่อ.. ขอบคุณนะคะที่ช่วยพาหนูออกมา แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย ถ้าอย่างนั้นหนูกลับก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ แล้วหนูจะกลับยังไง” จอมเทียนถาม ซึ่งเขาเป็นห่วงเธอจริงๆ ดึกแล้วแถมคนเมาก็เยอะ เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเธอขึ้นมา
แต่พอรู้ตัวขึ้นมา เขาก็เลยคิดไปว่า มันเป็นความรู้สึกที่เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆจากเขาสักหน่อย
“มานี่ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” จอมเทียนคว้าที่ข้อมือเธอ แล้วจะพาเธอเดินไปที่รถ แต่คนตัวเล็กกลับขืนตัวเอาไว้ พร้อมทั้งยังปฎิเสธเขาอีกด้วย
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูกลับเองดีกว่า”
“ไปเถอะน่า” เขาหันมาบอกเธอด้วยใบหน้าจริงจัง แต่มันกลับดูน่ากลัวมากกว่าในความรู้สึกของดวงยิหวา
สุดท้ายเธอก็ไม่อาจปฎิเสธได้และยอมให้เขาไปส่ง แต่ระหว่างนั้นเธอก็พยายามรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับเขาให้มากที่สุดด้วย จนแม้แต่จอมเทียนยังรู้สึกแปลกใจที่เด็กสาวไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองเขาเลยสักนิด ทั้งยังไม่คิดที่จะพูดอะไรกับเขาเลยด้วย ถ้าเขาไม่เป็นคนที่พยายามหาเรื่องมาคุยกับเธอก่อนเอง
จนกระทั่งมาถึงบ้านของเด็กสาว จอมเทียนมองดูสถานที่รอบๆด้วยความแปลกใจนิดหน่อย แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ดวงยิหวาก็หันมามองเขาแล้วพูดขึ้น
“ถึงบ้านหนูแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เธอยิ้มให้และยกมือไหว้เขา เพราะยังไงเขาก็อายุมากกว่าเธอ
“หนูอยู่ที่นี่งั้นหรอ” เขาถาม ไม่ใช่เพราะว่าจะดูถูกเธอ แต่เพราะจู่ๆ ก็มีความรู้สึกสะเทือนใจนิดหน่อย เขาเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นมันถูกต้องไหม หรือว่าเขาควรจะหยุดดีหรือไม่
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ดวงยิหวาตอบเพียงแค่นั้น ก่อนจะบอกขอบคุณเขาอีกครั้ง และลงจากรถของเขาไปในทันที
หลังจากที่ดวงยิหวาไปแล้ว จอมเทียนก็โทรหาบูรพาในทันที เมื่ออีกฝ่ายรับสายแล้วเขาก็ถามบางอย่างออกไป
“ไอ้มาร์ช มึงแน่ใจหรอว่า.. จะทำแบบนี้กับเด็กคนนี้” จอมเทียนมีสีหน้าจริงจังในขณะที่ถามแบบนั้น และถึงแม้ว่าบูรพาจะไม่เห็นแต่เขากลับเดาได้จากรูปประโยคที่อีกฝ่ายถามมา
[ทำไม? มึงกลัว หรือว่า..] เขาลากเสียง จงใจปั่นให้อีกฝ่ายแสดงความรู้สึกจริงๆออกมา แต่จอมเทียนรู้เท่าทันและยังย้อนถามกลับไป แบบที่ทำให้บูรพาต้องเงียบไปอยู่พักหนึ่ง
“กูแค่อยากถามอีกครั้ง ว่าแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะทำแบบนี้ มึงจะไม่เสียใจทีหลังจริงๆใช่ไหม แล้วมึงแน่ใจแล้วใช่หรือเปล่า ว่าไม่ได้คิดอะไรกับน้องมันจริงๆ”
ต่างฝ่ายต่างก็เงียบใส่กัน สองคนที่อยู่กันคนละจุดหมาย แต่ในส่วนของความรู้สึกนั้นกลับอยู่ที่จุดหมายเดียวกัน และนั่นก็คือดวงยิหวา
[แล้วมึงล่ะ]
“กูไม่ได้รู้สึกอะไร”
[ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น]
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยที่จอมเทียนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป และบูรพาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน แต่สายตาของจอมเทียนที่มองตามร่างเล็กที่ค่อยๆเดินหายเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่ง ด้วยความรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ
บ้านที่ดูจากสายตาภายนอกแล้วมันทั้งเก่าและทรุดโทรมมากๆ เพราะมันคือชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีบ้านเก่าซ่อมซ่อเรียงรายติดกันอยู่เพียงแค่ไม่กี่หลังคาเรือนเท่านั้น เขาไม่คิดว่าชีวิตของเธอจะเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่แตกต่างกันมากทั้งกับเขาและบูรพา
แต่ท้ายที่สุดแล้ว จอมเทียนก็สะบัดไล่ความรู้สึกนั้น ก่อนจะขับรถออกไปจากที่แห่งนั้น แบบที่ว่าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ดวงยิหวายังคงใช้ชีวิตเป็นปกติทุกวัน ทุกเช้าก่อนจะไปเรียนเธอก็จะออกมาช่วยยายขายขนม หรือถ้าวันไหนมีเรียนภาคบ่ายเธอก็ขายของได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลอะไร ถึงแม้จะใช้ชีวิตแบบปกติทุกวัน แต่ก็มีอีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไป นั่นก็คือการที่มีผู้ชายสองคนคอยเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของเธอ
คนหนึ่งนั้นก็คือบูรพา ผู้ชายที่ทำให้เธอหัวใจเต้นแรงได้ทุกครั้งที่เจอหน้า และอีกหนึ่งคือจอมเทียน คนที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวได้ทุกครั้งที่เขามาปรากฎตัว ถ้าจะเปรียบสองคนว่ามีความเหมือนและแตกต่างกันยังไงนั้น มันก็พอที่จะแยกได้จากนิสัยที่ต่างกันของพวกเขา แต่จะมีแค่หนึ่งสิ่งเท่านั้นที่พวกเขานั้นคล้ายกัน นั่นก็คือ.. ความอบอุ่น
บูรพา.. ดีกับเธอทุกอย่าง เขาคอยไปรับไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยทุกครั้ง และถึงแม้ว่าจะมีบูรณาไปด้วยก็ตาม แต่พอมีโอกาสเขาก็มักจะปฏิบัติต่อเธอราวกับคู่รักคู่หนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าการจับมือถือแขน หรือมากที่สุดก็คือการที่เขาชอบจะหอมแก้มเธออยู่เป็นประจำเมื่อมีโอกาส
“พี่จะรอจนกว่าหว้าจะเรียนจบ”
เขามักจะพูดแบบนี้เสมอจนทำให้หัวใจของเธอพองโต และนอกจากนั้นเขาก็ยังคงชอบที่จะพาเธอไปที่ผับของเขาอยู่เป็นประจำ จนทำให้เธอต้องได้เจอกับจอมเทียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เธอต้องรู้สึกอึดอัดทุกครั้ง เวลาที่บูรพาติดงานแล้วปล่อยให้เธออยู่กับจอมเทียนเพียงลำพัง ถึงเขาจะไม่ได้ทำรุ่มร่ามอะไรกับเธอ หากแต่เป็นสายตาอ่อนโยนและการกระทำที่แสนจะใส่ใจของเขามากกว่า ที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดแปลกๆ
เพราะในความรู้สึกนั้น มันคือการที่เธอรักอีกคนมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวกับสิ่งดีๆที่อีกคนหยิบยื่นให้
จอมเทียน.. ค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับบูรพามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ตอนแรกเขามักจะคอยทำดีกับเธอเวลาที่บูรพาไม่อยู่ แต่พอนานวันเข้า เขากลับยิ่งแสดงมันออกมามากขึ้น แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าบูรพาก็ตามที
ยิ่งเวลาที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ จอมเทียนก็มักจะไปด้วย เลยกลายเป็นการที่ไปไหนมาไหนด้วยกันแบบสามคนเรา และเขาแสดงตัวอย่างออกหน้าทุกครั้งในเรื่องการเอาใจใส่เธอ แม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตามที จนบางครั้งเธอก็ได้ยินบูรพาพูดต่อว่าออกมาตรงๆเลยด้วยซ้ำ
“ไอ้ซี อย่าล้ำเส้นให้มันมาก ลูกหว้าเป็นแฟนกู”
เธอก็ดีใจที่ได้ยินบูรพาพูดแบบนั้น แต่พอได้เห็นสีหน้าที่เจื่อนลงของจอมเทียน หัวใจของเธอกลับรู้สึกเจ็บหน่วงแบบแปลกๆ ถึงเธอไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเขา แต่กลับไม่อยากเห็นเข้าเศร้าและผิดหวังแบบนั้น
แต่พอนานวันเข้า ดวงยิหวาก็ยิ่งรู้สึกหนักใจมากกว่าเดิม เพราะบูรพาก็ยังคงดีกับเธอแบบเสมอต้นเสมอปลาย แต่ในขณะเดียวกันจอมเทียนเองก็ดีกับเธอไม่แพ้กัน ยิ่งนานวันเธอก็ยิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็ดีกับเธอเหมือนกัน นอกจากความใส่ใจแล้ว พวกเขาก็ยังเห็นคุณค่าในตัวเธอมากอีกด้วย
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว