เธอ...ที่ไม่โปรดปราน

79 NC (จบ)

แม้ว่าวันนี้และวันต่อๆ ไปจะไม่ต้องไปทำงานแล้ว แต่เพราะตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปช่วยป้าติ๋ม ร่างของเธอกลับถูกยึดด้วยมือคืนตัวใหญ่ที่กอดรัดจนไม่อาจลุกออกจากเตียงได้ บอกให้ปล่อยไม่รู้ตั้งกี่ครั้งก็ยังทำหน้ามึน แต่พอบอกว่าจะไปล้างตัว เนื่องจากเป็นประเดือนทำให้รู้สึกไม่สบายตัวบ้างเป็นธรรมดา เขาถึงได้ยอมปล่อย

ไม่วายกำชับตามหลัง “ไม่ต้องไปช่วยป้าติ๋มที่บ้านนะ”

“สั่งเก่ง”

“เอ้า” เขาว่ายิ้มๆ “เดี๋ยววันนี้จะพาไปลาออกไง ต้องเข้าไปคุยกับผู้จัดการไม่ใช่เหรอ จะไปสายเหมือนตอนไปทำงานได้ไงเล่าแม่นี่ มันก็ต้องไปคุยแต่เนิ่นๆ ไหม”

“ค่า ก็ไม่ได้ว่าอะไรค่า”

คิดว่าเขาจะเชื่อหรือ เมื่อกี้ยังว่ากันอยู่เลย แต่ก็ปล่อยให้เธอเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำโดยไม่คิดต่อปากต่อคำ เขาเองก็ลุกขึ้นแล้วกลับไปยังห้องตัวเองเช่นกัน หลังจัดการธุระส่วนตัวเสร็จสรรพแล้วจึงเดินลงมาชั้นล่าง อัสมาไม่ได้บริเวณหน้าโทรทัศน์ ไม่ได้อยู่ในห้องนอนด้วยเพราะก่อนลงมาเขาเปิดประตูเข้าไปดูแล้ว ทว่าเสียงกุกกักที่ดังมาจากในห้องครัวสามารถบอกได้ทันทีว่ามีใครอยู่ในนั้น

เขาสาวเท้าไปตามเสียงก่อนจะพบกับอัสมาที่ง่วนอยู่กับการชงกาแฟ ข้างกันมีแซนด์วิชตั้งไว้สองชิ้น นี่น่าจะเป็นมื้อเช้าของเขาและเธอ

เธอรับรู้ถึงการมาใหม่ของเขาแล้ว แต่ยังไม่ได้เอ่ยทักอะไรก็มีร่างหนาที่มาพร้อมกับกลิ่นกายคุ้นจมูกซ้อนทับที่ด้านหลัง มือที่มีขนาดใหญ่กว่าของเธอซ้ำยังมีเส้นเลือดนูนชัดเอื้อมมาจับที่มือบางแล้วช่วยชงกาแฟทั้ง แม้ว่าจริงๆ แล้วการที่เธอทำคนเดียวน่าจะเสร็จไวกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากการมีเขามายืนอยู่ตรงนี้ทำให้หญิงสาวเกร็งจนหายใจไม่ทั่วท้อง จากคราแรกที่สนใจกาแฟ ตอนนี้สายตาของเธอเอาแต่จับจ้องไปที่เส้นเลือดบริเวณหลังมือ พลางลากสายตามองไปตามแขนเท่าที่โผล่พ้นอาภรณ์ จึงค่อยดึงกลับมามองที่มือแต่แขนของตัวเอง

เมื่อเทียบกันชัดๆ เช่นนี้แล้วก็ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำอย่างบ้าคลั่ง

ดวงหน้าหวานซับสีระเรื่อเมื่อในหัวดันเผลอคิดเรื่องพิเรนทร์ขึ้นเสียได้ ดีที่เขาชงกาแฟเสร็จแล้วยอมผละออกไปเหมือนรู้ว่าหากยังอยู่ในท่าทางที่สุ่มเสี่ยงต่อจะทำให้ใครบางคนหัวใจวายได้

“ยกจานแซนด์วิชมา เดี๋ยวกาแฟฉันถือไปเอง”

พูดเพียงเท่านั้นเขาก็เดินจากไป ทำให้อัสมามีช่วงได้หายใจหายคอให้เต็มปอด “ก็แล้วมาเล่นกับใจกันเก่งแท้น้อ” ก่อนจะเดินตามออกไปพร้อมอาหารเช้าเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะรอนาน

“เดี๋ยววันพฤหัสฯ เราออกเดินทางกันเลยนะ”

คนที่เพิ่งนั่งลงได้ไม่กี่วินาที ยังไม่ทันจะได้หยิบแซนด์วิชเข้าปากก็เจอเข้ากับประโยคที่คนฟังได้แต่ขมวดคิ้วจนจะชนกันอยู่รอมร่อ เธอกะพริบตาถี่ๆ แล้วจึงเอ่ยสั้นๆ “ไปไหนคะ”

ครั้งนี้ปราชญาธิปเป็นฝ่ายงุนงงแทน “เธอลืมน้องตัวเองเหรอ”

“หา หนูจะลืมได้ไง”

“ก็ใช่ไง แล้วลืมได้ไงว่าเราจะไปรับน้องของเธอที่พะเยา”

อัสมาหัวเราะแห้งๆ “แล้วใครว่าเราจะไปคะ หนูบอกคุณไปแล้วว่าน้องๆ กลับมาเองได้” พูดถึงตรงนี้เธอก็เพิ่งจะนึกได้จริงๆ ว่าลืมน้องอย่างที่ปราชญาธิปกล่าวหา อย่างน้อยก็ลืมโอนเงินให้เด็กสาวทั้งสองใช้เป็นค่ารถกลับบ้าน ทั้งๆ ที่บอกไปแล้วว่าจะโอนให้ ดีที่วันนี้ไม่ใช่วันศุกร์ ไม่อย่างนั้นสายคงไหม้ตั้งแต่เช้า “อีกอย่างพะเยาไกลมากด้วย เกือบเชียงรายแน่ะ มาพะเยาแค่นี้เองอะไรของคุณคะ นั่งรถเป็นสิบๆ ชั่วโมงเลยต่างหาก เดี๋ยวหนูโอนเงินให้น้องมากันเองจะสะดวกกว่า”

“ฉันอยากพาเธอไป”

อัสมาไม่คิดจะเถียงต่อ เธอเปลี่ยนทิศทางของมือ จากที่จะหยิบแซนด์วิชก็ย้ายไปที่โทรศัพท์เคสฟ้า ใกล้กันเป็นโทรศัพท์เคสชมพูของเขา เธอหลุดยิ้มออกแล้วค่อยกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ในมือตัวเอง หลังโอนเงินให้น้องสาวซึ่งแน่นอนว่าเข้าบัญชีของแฝดน้องอย่างอภิชยา แทนที่จะเป็นแฝดพี่อย่างอาภาสินี เสร็จสรรพแล้วจึงกดโทร. ออกหาอีกฝ่าย ซึ่งรออยู่ครู่ใหญ่เลยกว่าจะรับ

(มีอะไรหรือเปล่าพี่)

เธอจำได้ เสียงของอาภาสินี “พี่โอนเงินให้แล้ว”

(อ๋อ) เสียงเงียบลงไปหลายวินาที ก่อนปลายสายจะพูดต่อ (ขอบคุณค่ะ ได้กลับบ้านกับเขาสักที)

“แล้วเอื้อมารับโทรศัพท์ของอี้ได้ไง อี้ไปไหน”

(ลงไปซักผ้า ให้ซักบ้าง ไม่ซักผ้าแล้วจะเอาอะไรใส่)

“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย งั้นถ้าอี้มาก็บอกอี้ด้วยแล้วกัน”

(เอื้อน่ะบอกอยู่แล้ว เรื่องสำคัญขนาดนี้ แต่พี่นี่แหละเมื่อไรจะบอกเอื้อ)

อัสมาขมวดคิ้ว “เรื่อง”

(ผู้ชายคนนั้นที่มารับสายแทนพี่อัส เอื้อต้องการทราบว่าเขาเป็นใคร)

บางทีเธอก็นึกหมั่นไส้คำพูดคำจาของน้องสาว และตอนนี้เธอกับปราชญาธิปก็มีสถานะที่ชัดเจนแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่ตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้องของเขา เธอก็กลายเป็นแฟนของเจ้าของบ้านหลังนี้ เพียงแต่คนไม่เคยมีแฟนก่อนพอถึงเวลาที่ต้องบอกใครต่อใครถึงสถานะก็อดจะเขินไม่ได้ ยิ่งคนคนนั้นเป็นอาภาสินีที่ค่อนข้างพูดไปเรื่อยมากกว่าชาวบ้านชาวช่อง เธอก็ยิ่งอาย

“เป็นใครก็ได้น่า”

“เป็นพี่เขยของเอื้อ”

อัสมา “...”

คำตอบของเธอถูกอีกเสียงแทรกขึ้นมา หญิงสาวหันไปมองแฟนหนุ่มตาปริบๆ อ้าปากพะงาบๆ ราวมีเรื่องจะพูด ทว่าก็ไม่มีเสียงออกมาสักแอะ

ปราชญาธิปที่นั่งอยู่ใกล้ๆ จึงได้ยินบทสนทนาทุกอย่างระหว่างสองพี่น้อง ผนวกกับที่เขาพอจะแยกออกนิดหน่อยจากเมื่อวานว่า ‘อี้’ คือคนที่พูดภาษาคนรู้เรื่องเหมือนมนุษย์ทั่วไป ส่วน ‘เอื้อ’ มักทำให้พี่สาวปวดหัว และโชคช่างเข้าข้างเขาที่ปลายสายคือคนหลัง จึงหวังเป็นอย่างมากกว่าเด็กสาวจะทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี

(พี่เขยของเอื้อก็แปลว่าเป็นแฟนของพี่อัสน่ะสิ แต่จริงๆ พี่เขยคือสามีพี่สาวด้วยซ้ำ)

“ไม่ถึงขนาดนั้นเอื้อ อย่าไปฟังเขามาก” อัสมารีบปรามเพราะเธอเพิ่งจะเป็นแฟนเขาได้แค่วันกว่าๆ เท่านั้น พี่คงพี่เขยอะไรกัน เขาจะทำให้เธออายน้องๆ

(หมาเห่า เอื้อยังฟัง แยกได้ด้วยว่าเป็นเสียงตัวไหน แล้วพี่เขยพูดทั้งคน จะไม่ฟังได้ไง)

ปราชญาธิปชะงักไป ใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนเอื้อมมือไปคว้าสมาร์ตโฟนในมืออัสมามาถือไว้ เธอตั้งท่าจะแย่งคืนแต่ก็ไม่ทันเขาเสียแล้ว “สวัสดีเอื้อ”

(สวัสดีค่ะพี่เขย)

ดูเหมือนเขาจะมีพรรคพวกบ้างแล้ว

เดิมทีจะแนะนำตัวสักหน่อย แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเรียกว่าพี่เขยก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน “เงินที่พี่อัสโอนให้เมื่อกี้เอาไปใช้ที่อยากใช้ได้เลยนะ เดี๋ยวพี่กับพี่อัสไปรับที่หอ”

“คุณโปรด!”

ปราชญาธิปไม่เลือกที่จะถามน้องก่อน แต่มัดมือชกเลย เพราะพอจะคาดเดานิสัยใจคอของน้างสาวแฟนได้ หากเป็นอีกคนก็ไม่ทราบว่าจะตกลงไหม แต่ถ้าเป็นคนนี้เขาค่อนข้างมั่นใจ แม้จะมีเสียงคัดค้านจากอัสมาแต่เหมือนว่ามันจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเสียมากกว่า กับอีแค่ไปรับน้องที่พะเยาหาใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เขาขับรถได้ เหนื่อยก็แค่พัก อีกอย่างเจตนาคืออยากให้แฟนสาวได้พักผ่อน ไม่รู้ทำไมต้องเกรงอกเกรงใจกันอยู่ได้

เธอไม่อยากไปเดตกับเขาบ้างหรือไร

(เอื้อมีของที่อยากได้พอดีเลยค่ะ เดี๋ยวจะแบ่งครึ่งกับอี้ ว่าแต่พี่เขยมารับจริงๆ นะคะ ถ้าไม่มา เอื้อกับอี้ไม่มีค่ารถ ต้องเดินกลับ จากนี่กว่าจะถึงนครนายกคงใช้เวลาหลายวัน เริ่มเดินวันศุกร์ ไปถึงบ้าน มหา’ลัยเปิดพอดี ต้องเดินกลับอีก มาถึง เผลอๆ เพื่อนเรียนจบกันหมดแล้ว) เขาไม่รู้ว่าปลายสายสามารถพูดเรื่องที่ฟังดูตลกด้วยน้ำเสียงที่ไม่เจือความล้อเล่นได้อย่างไร ทั้งที่เขาต้องกลั้นยิ้มแล้วด้วยซ้ำ (อี้มาแล้วค่ะ วางนะคะ เอื้อต้องรีบแจ้งข่าว)

โทรศัพท์ถูกส่งคืนให้เจ้าของที่ทำหน้างอเป็นปลาทูแม่กลอง มือหนาจึงย้ายไปคว้าแซนด์วิชมาเคี้ยวด้วยความสบายอกสบายใจที่สามารถทำตามประสงค์ของตนได้

ด้านสาวน้อยที่พะเยานั้น ทันทีที่แฝดน้องเดินเข้ามาในห้องพร้อมตะกร้าผ้า หล่อนก็ไม่รอช้าที่จะ ‘แจ้งข่าวดี’ ให้อีกฝ่ายได้รับรู้

“อี้ พี่อัสจะแต่งงานแล้วนะ”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว