หวงรัก (เมียวัยเยาว์)

15

“ข้าเป็นใครนะหรือ? เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกว่าข้าจะเป็นใคร สหายน้อย ข้ามีเวลาไม่มากนัก การที่เราได้พบกันแสดงว่ามันเป็นโชคชะตาของเรา เจ้าเป็นคนที่พิเศษมาก ตอนนี้เจ้าเป็นผู้สืบทอดของข้าแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ”เสียงลึกลับดังขึ้น


“ผู้สืบทอดอะไร ข้าไม่เข้าใจ แล้วข้าจะออกไปจากที่นี้ได้อย่างไร” หลินเฟิงค่อนข้างสับสน เขาไม่เข้าใจที่เสียงลึกลับพูด เขาเป็นผู้สอบทอด สือทอดอะไร แล้วที่สำคัญ เขาจะออกไปจากที่มืดมิดเช่นนี้ได้ยังไง แล้วไหนเขาจะร่างกายอ่อนแออีก ทำไมเสียงลึกลับถึงบอกว่าเขาพิเศษ ตอนนี้หัวของเขาแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆเพราะเรื่องที่เสียงลึกลับบอกเขา


“ที่ๆเจ้าอยู่ตอนนี้คือโลกภายในใจของเจ้า เมื่อเจ้าตื่นเจ้าจะเข้าใจเองว่าที่ข้าพูดหมายความว่าอย่างไร ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว หวังว่าเจ้าจะสามารถสั่นสะเทือน มหาภิพบ ได้นะ” เสียงลึกลับค่อย


“มหาภิพบคืออะไร” หลินเฟิงถึงกับสับสนหนักกว่าเดิม เขาไม่รู้ว่ามหาภิพบคืออะไร แม้ว่าจะเป็นความทรงจำของหลินเฟิงคนเก่าก็ตาม เขาจึงถามออกไปทันที


“หากเจ้าอยากรู้ก็จงแข็งแกร่งขึ้น”เสียงลึกลับค่อยจากหายไป


หลินเฟิงยังคงทำสีหน้าสับสน ครุ่นคิด กังวล ตอนนี้เขาเหมือนเป็นคนหลงทางที่ไม่รู้ว่าคนเริ่มต้นยังไง เดินไปทางไหน เขารู้สึกว่าโลกใบนี้มันช่างแตกต่างกับโลกใบเก่าของเขาจริงๆ มันซับซ้อนจนน่าปวดหัว บางทีไม่รู้จะดีซะกว่า จากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกเหมือนวูบหลับไป


ภายในหมู่บ้านตระกูลหลิน


ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ทั้งเปลวไฟและสายฟ้าที่อยู่บริเวณรอบๆก็ถูกร่างกายหลินเฟิงดูดกลืนจนหมดสิ้น ครั้งนี้ไม่ได้มีสายฟ้าผ่าลงมาเพิ่ม แต่กลับเป็นฟ้าฝนเริ่มหยุดตก ฟ้าผ่าฟ้าร้องเริ่มจางลงไป จนในที่สุดเมฆดำบนท้องฟ้าที่เป็นต้นกำเนิดของเหตุการณ์เหล่านี้ทั้งหมดก็ได้กระจายตัวและหายไปอย่างช้าๆ หลงเหลือไว้เพียงรอบดำไม้ที่เกิดจากเปลวเพลิงและสายฟ้าที่ผ่าลงมาเท่านั้น


หลินเฟิงที่รู้สึกตัวอีกที ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว เขาพบเพด้านห้องที่คุ้นเคย ใช่แล้ว นี้คือห้องของหลินเฟิง เขาจำได้ว่าเขาถูกฟ้าผ่าอยู่ใต้ต้นใม้ใหญ่ระหว่างทางกลับบ้าน และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ตายจริงๆ เขารู้สึกดีใจมากจนลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นโดยลืมไปเลยว่าร่างกายของเขานั้นอ่อนแอมากๆ อ่อนแอเพียงเดินก็หอบเหนื่อยแล้ว


แต่พอหลินเฟิงได้สติเขาก็หยุดทันที แล้วจากนั้นก็ตรวจร่างกายตัวเอง เขาก็ต้องประหลาดใจเพราะว่าไม่เพียงแต่เขาไม่รู้สึกเหนื่อย แต่ตอนนี้เขารู้สึกกระปรี่กระเปร่ามาก เขารู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแรงมากๆ บางทีมันอาจจะแข็งแรงกว่าคนปกติด้วยซ้ำ


ตอนนี้หลินเฟิงสามารถฝึกฝนระดับพื้นฐานได้แล้ว ด้วยร่างกายนี้ เขาจะสามารถเป็นจอมยุทธ์ได้แล้ว นี้ทำให้เขาดีใจมากกว่าการที่เขารู้ว่าตัวเองไม่ตายเสียอีก ในโลกของจอมยุทธ์ที่ความแข็งแกร่งคือทุกอย่าง การที่ไม่สามารถเป็นจอมยุทธ์ได้นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมันยังทรมานมากกว่าการตายไปจริงๆเสียอีก


หลินเฟิงเริ่มสงบสติอารมณ์เองแล้วจึงเริ่มคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงปัดเรื่องนี้ทิ้งไปก่อน เขาไม่อยากคิดให้ปวดหัว ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือไปเรียนรู้วรยุทธ์รพื้นฐานก่อน ส่วนเรื่องที่เขายังไม่เข้าใจ เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นตามที่เสียงลึกลับบอก เขาก็คิกจะเข้าใจได้เอง


ก่อนที่จะไปเรียนรู้วรยุทธ์นั้น เขาสำรวจร่างกายตัวเองเสียก่อน แต่ก็ไม่พบอะไร นอกจากร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้เขาสงสัยว่าอะไรคือสิ่งที่เขาสืบทอด หรือว่าจะเป็นร่างกาย ไม่นาน เขาก็เลิกคิดเรื่องนี้ เอาไว้แข็งแกร่งและมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น เขาคงจะรู้เองนั่นแหละ


“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้วหรอ?” น้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่ก็แฝงไว้ด้วยความกังวลของเซี่ยหลั่วดังขึ้นขณะที่หลินเฟิงกำลังเปิดประตูห้องออกไป


“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” หลินเฟิงตอบอย่างกระฉับกระเฉงเพื่อแสดงออกว่าเขาแข็งแรงดี


เดิมทีที่โลกใบเก่าเขาอยู่ตัวคนเดียวมานาน ไม่มีใครคอยเป็นห่วงเขา ไม่มีใครสนใจเขา เมื่อได้มายังโลกใบนี้ เขาก็ได้รับความรัก ความห่วงใย ดูแลเอาใจใส่จากบิดามารดาที่โลกใบนี้ ทำให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจ เขาคิดแล้วว่าตั้งแต่นี้ไปเขาจะเป็นเฟิงเอ๋อร์ของพวกเขา เขาจะรักพวกเขาให้เหมือนกับพ่อแม่ของตนเอง เขาจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกหรือรังแกเขาเด็ดขาด


“เมื่อวานทำไมเจ้าถึงออกไปข้างนอกละ หากเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร?” เสียงของหลินเทียนตำหนิหลินเฟิงก็ดังขึ้น แต่ถ้าฟังดีๆแล้วจะรู้ว่าน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและผ่อนคลายที่หลินเฟิงไม่ได้เป็นอะไร


“ข้าออกไปเดินเล่นข้างนอกมา ข้าไม่ชอบอยู่แต่ในบ้าน”หลินเฟิง


“แล้ววันนี้เจ้าจะออกไปไหนอีก เจ้าเพิ่งจะตื่น เจ้าควรพักผ่อนเสียก่อน” เซี่ยหลั่วพูดห้ามเมื่อเห็นว่าหลินเฟิงมีท่าทีจะออกไปข้างนอกอีก เนื่องด้วยร่างกายอ่อนแอ แล้วไหนจะนอนตากฟนมาทั้งคืนอีก แม้แต่คนปกติยังเสี่ยงต้องนอนโทรมอยู่บ้านเลย


“ข้าจะไปหอตำรา ข้าอยากเรียนรู้วรยุทธ์พื้นฐาน”หลินเฟิงตอบตามจริง เขาไม่ต้องการปิดบังอะไรจากบิดาและมารดาที่เขารัก ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งเจอกับพวกเขาได้ไม่นานก็ตาม แต่ด้วยความรักที่พวกเขามอบให้กับเขานั่นมันมากพอแล้วสำหรับคนที่ไม่เคยได้รับความรักอย่างเขา


เมื่อทั้งคู่ได้ยินว่าหลินเฟิงจะฝึกวรยุทธ์พื้นฐาน พวกเขาก็ตกใจทันที ร่างกายของเฟิงเอ๋อร์อ่อนแอไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงจะไปฝึกฝนวรยุทธ์ พวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล


“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าร่างกายของเจ้าจะไม่เป็นไร” เซี่ยหลั่วถามอย่างเป็นห่วง หากคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงฝืนฝึกฝนวรยุทธ์แล้วละก็ อาจจะเป็นอันตรายก็ได้


“ให้ข้าได้ลองดูสักอีกสักครั้งเถอะ ข้าไม่ต้องการเป็นสวะ หากข้าไม่ไหวข้าจะไม่ฝืนตัวเองแน่นอน” หลินเฟิงไม่ได้บอกความจริงกับพวกเขา เขารู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ควรจะเป็นความลับไปก่อน แม้แต่ตัวเขายังสับสนเลย


“เมื่อเจ้าได้เลือกแล้ว ข้าก็จะสนับสนุนเจ้า เพียงแต่อย่าดื้อดึงเกินไป” หลินเทียนพูดกับหลินเฟิงด้วยความเป็นห่วง


แม้ว่าพวกเขาจะดีใจที่ลูกของพวกเขานั้นพยายามอีกครั้ง ทำให้พวกเขารู้สึกภูมิใจกับลูกคนนี้มาก แต่พวกเขาก็ยังเป็นห่วงมากอยู่ดี การฝึกวรยุทธ์ไม่ใชาเรื่องง่าย แล้วไหนจะร่างกายที่อ่อนแออีก บางทีมันคงเป็นเส้นทางที่ยากจนแสนสาหัสแน่นอน และอาจจะไม่สำเร็จด้วยซ้ำ


“แล้วข้าจะกลับมา” เมื่อหลินเฟิงบอกพ่อกับแม่เสร็จ เขาก็เดินจากไปทันที เขารีบตรงไปยัง หอตำรา ของหมู่บ้านตระกูลหลิน เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ฝึกฝนวรยุทธ์แล้ว


‘รอก่อนเถอะ พวกเจ้าท่ดูถูกข้าและครอบครัวของข้าไว้ ข้าจะทำให้พวกเจ้าทุกคนต้องชดใช้’ หลินเฟิงนึกในใจ เขาจะทำให้ทุกคนต้องตกใจและตะลึงในความสามารถเขาให้ได้ จากนั้นเขาจะเรียกร้องสิ่งที่ควรเป็นของบิดาและมารดาของเขากลับมา


ผ่านไปไม่นานหลินเฟิงก็มาถึงสถานที่ที่หนึ่ง เป็นหอสูงสามชั้น เหนือประตูทางเขาเขียนไว้ว่า หอตำรา มันดูใหญ่โตกว่าบ้านของเขาแน่นอน และยังมีรุ่นเยาว์เข้าออก หอตำรา กันอย่างต่อเนื่อง บางคนที่เห็นหลินเฟิงก็มองเขาด้วยสีหน้าดูถูกทันที บางคนก็มองเขาอย่างสงสาร เห็นใจ การที่เขาเกิดมาจากหลินเทียนและเซี่ยหลั่ว อัจฉริยะของตระกูลทั้งสอง ถึงแม้ว่าหลินเทียนจะเกิดเหตุทำให้พลังลดลง แต่บุตรของเขาก็ไม่ควรเป็นสวะที่ร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้เช่นนี้ ที่หน้าแปลกคือเขาควรจะตายเนื่องจากเข้าไปในป่าหลังหมู่บ้านตระกูลแล้วกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บสาหัสถึงตายได้ต่างหาก ข่าวนี้รู้กันทั้งหมู่บ้าน แล้วจะไม่ทำให้พวกเขาตะลึงได้อย่างไร


หลินเฟิงไม่ได้สนใจคนรอบๆ เขาทำเพียงเดินเข้าไปภายในหอตำราแทน ตอนนี้เขาจะปล่อยให้คนพวกนี้ดูถูกเขาไปก่อน เมื่อไหร่ที่เขาฝึกฝนวรยุทธ์สำเร็จ พวกเขาทุกคนจะต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้างราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆแน่นอน ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะเริ่มต้นแล้ว

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว