บ้านนี้เมียดุ!-บทที่ 16 กระท่อมสวนผัก

โดย  โปรเจคพิเศษ by Hongsamut

บ้านนี้เมียดุ!

บทที่ 16 กระท่อมสวนผัก

ลูกกลมนี้มีขนาดเท่าผลไม้ลูกเล็กๆ ลูกหนึ่ง สีแดงของลาวาดูเข้มขึ้นและยังคงร้อนจัด ทว่าม่อจื่อซินกลับไม่กลัวเกรงความร้อนนั้น นางมองจ้องแสงสีแดงที่เปล่งออกมาจากลูกทรงกลมนั้นเขม็ง ในประกายแสงปรากฏตัวอักษรขึ้นทีละตัว

‘กระบี่เพลิงปฐพีหล่อหลอมจากทะเลเพลิงใต้พิภพ ถือกำเนิดจากจิตวิญญาณของอัคนีแห่งสรวงสวรรค์ หากมีวาสนาต้องกัน พึงปกปักรักษา’

หลังเหลิ่งเอ้าเทียนอ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมา กระทั่งมั่นใจว่าอ่านไม่ผิด ร่างสูงใหญ่พลันสั่นสะท้าน เสียงสั่นตื่นเต้น “นี่คือกระบี่เพลิงปฐพี!”

“กระบี่เพลิงปฐพี?” ม่อจื่อซินเลิกคิ้วสูง นิ้วชี้ไปลูกทรงกลมตรงหน้า “ท่านบอกว่าเจ้าลูกนี้คือกระบี่งั้นหรือ”

การได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่สองเป็นเหมือนการผจญภัยแสนประหลาดของม่อจื่อซิน นางไม่คาดหวังจะได้ค้นพบสมบัติล้ำค่าในยุคสมัยโบราณนี้ ความโลภอย่างเดียวที่มีคืออยากให้ร่างกายนี้แข็งแกร่งเทียบเท่าร่างกายเดิมของตน

เหลิ่งเอ้าเทียนบอกว่าสิ่งมหัศจรรย์นี่คือกระบี่เล่มหนึ่ง ยุคนี้มีกระบี่ย่อส่วนให้พกพาด้วยหรือ?

“กระบี่เพลิงปฐพีเปลี่ยนรูปร่างตามจิตผู้เป็นเจ้าของ มันเป็นกระบี่แห่งจิตวิญญาณ แน่นอนว่าย่อมไม่สามารถอธิบายด้วยหลักการทั่วไปได้”

เหลิ่งเอ้าเทียนอธิบาย สายตามองลูกกลมที่กำลังเปล่งแสงเจิดจ้าด้วยแววตาเป็นประกายตื่นเต้น เขายื่นมือไปหามันแต่ลูกกลมกลับขยับหนีทันที

“ฮ่าๆๆ มันไม่ชอบท่าน” ม่อจื่อซินหัวเราะชอบใจ ยิ่งเห็นสีหน้าเหลิ่งเอ้าเทียนเปลี่ยนเป็นมืดคล้ำ หญิงสาวยิ่งหัวเราะเสียงดัง

“แล้วเจ้าจับมันได้หรือไง” เหลิ่งเอ้าเทียนแค่นเสียงอย่างโมโห

“เหลิ่งเอ้าเทียน ท่านดูให้ดีแล้วกัน!”

ม่อจื่อซินยิ้มบอกมั่นใจ สายตามองจ้องลูกไฟกลมตรงหน้านิ่ง พริบตาลูกไฟกลมก็เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง ตัวกระบี่ส่องแสงเรืองรองสีแดง หญิงสาวยื่นมือออกไปจับที่ด้ามกระบี่ ในใจพลันเกิดเสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจ ทันทีที่มือสัมผัสด้ามจับก็รู้สึกถึงการประสานใจได้อย่างประหลาด ราวกับนางและกระบี่เป็นหนึ่งเดียวกันมานานแสนนาน

ใบหน้าเหลิ่งเอ้าเทียนขึงตึง ดวงตาคมเป็นประกายวาววับเมื่อเห็นจิตวิญญาณของกระบี่เลือกม่อจื่อซินเป็นเจ้าของ

สวรรค์กำลังเล่นตลกอะไรกันแน่!

‘อัคนีแห่งปฐพี ผลึกวารีแห่งจิ่วโยว’ คือกระบี่ประจำตระกูลเหลิ่ง แต่ตามบันทึกของตระกูลบอกว่ากระบี่ทั้งสองเล่มสูญหายไปนานแล้ว บัดนี้ ‘อัคนีแห่งปฐพี’ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่มันกลับไม่ยอมรับเขาเป็นเจ้าของ ทั้งที่เขาคือคนตระกูลเหลิ่งแท้ๆ

ยิ่งเห็นม่อจื่อซินยิ้มร่าดีใจ ใบหน้าเหลิ่งเอ้าเทียนยิ่งดำทะมึน!

‘อัคนีแห่งปฐพี ผลึกวารีแห่งจิ่วโยว’ เป็นกระบี่ที่มีจิตวิญญาณ มันจะเลือกเจ้าของเอง หากผู้ใดใช้กำลังฝืนบังคับจะถูกพลังของกระบี่แผดเผาจนร่างสูญสลายกลายเป็นเถ้า ไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูก

แน่นอนว่าความลับนี้เหลิ่งเอ้าเทียนไม่มีวันบอกให้ม่อจื่อซินรู้เด็ดขาด

หญิงสาวตวัดกระบี่ในมือไปมาอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็สั่งให้มันเปลี่ยนรูปร่างเป็นสิ่งต่างๆ กระบี่วิเศษฟังเสียงคำสั่งในใจนางได้ แบบนี้ศัตรูก็ไม่มีทางคาดเดาได้ว่านางจะสั่งกระบี่ให้เปลี่ยนเป็นอะไร หลังเล่นสนุกจนพอใจ ม่อจื่อซินก็สั่งกระบี่ให้เปลี่ยนเป็นกระดานแผ่นหนึ่ง

“เหลิ่งเอ้าเทียน พวกเราไปกันเถอะ” พูดจบก็จับข้อมือชายหนุ่มแล้วก้าวขึ้นไปยืนบนแผ่นกระดานเรืองแสง

“เจ้าทำบ้าอะไร!” เหลิ่งเอ้าเทียนกัดฟันกรอด ครั้งนี้เขาจะไม่ทน! สตรีผู้นี้ถึงกับกล้าเหยียบกระบี่ล้ำค่ำของตระกูลเหลิ่ง หยามหมิ่นกันเกินไปแล้ว!

“ได้เวลาโต้คลื่นแล้ว แม่ทัพใหญ่เกาะให้แน่นๆ ล่ะ” ม่อจื่อซินบอกเสียงกลั้วหัวเราะ

เหลิ่งเอ้าเทียนยังไม่ทันได้เปิดปากสั่งสอนหญิงสาวให้รู้จักเคารพกระบี่ตระกูลเหลิ่ง แผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนจัด พอหันไปดูก็เห็นลาวาที่คิดว่าสงบนิ่งไปแล้วรวมตัวเป็นระลอกคลื่นไล่ตามหลังมา!


จวนแม่ทัพเจิ้นเป่ย

“ยังไม่มีข่าวพวกเขาอีกหรือ” เหลิ่งเอ้ายวี่ถามเสียงร้อนใจ เขานั่งเก้าอี้ตัวแรกถัดจากเก้าอี้ประธาน ใบหน้าหล่อเหลายังมีร่องรอยอ่อนล้าจากการรักษาอาการบาดเจ็บจากพิษ ดวงตาฉายชัดถึงความกังวล ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวใดๆ ของพี่ใหญ่กับสตรีผู้นั้น

“ไม่มี” จิ่งซาส่ายหน้าพลางตอบเสียงเรียบ องครักษ์หนุ่มยืนอยู่ด้านหลังเหลิ่งเอ้าเสวี่ย

“พี่ใหญ่คงไม่ใช่...” เหลิ่งเอ้าเฉินไม่กล้าพูดต่อ ตั้งแต่วันที่ยืนส่งพี่ชายอยู่บนกำแพงเมือง เขาก็เตรียมใจสำหรับเรื่องเลวร้ายที่สุดไว้แล้ว

ทว่าคิดก็เรื่องหนึ่ง เหตุการณ์จริงก็เรื่องหนึ่ง

“ไม่มีทาง!” เหลิ่งเอ้ายวี่ตบโต๊ะตัดบทน้องชาย พี่ใหญ่จะต้องปลอดภัย นางรับปากเขาแล้ว ทั้งพี่ใหญ่ทั้งนางจะต้องปลอดภัยกลับมา

“ม่อจื่อซินผู้นั้นเชื่อถือได้จริงหรือ?” เหลิ่งเอ้าเสวี่ยเอ่ย ถึงม่อจื่อซินจะมีส่วนในการบุกไปช่วยตัวนางออกมาจากเผ่าคนเถื่อน แต่อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นบุตรสาวของม่อสือปี้ จะให้เชื่อใจได้อย่างไร

“นั่นสิพี่รอง ใครจะรู้ว่าสตรีนางนั้นมีแผนร้ายในใจหรือไม่ อย่าลืมว่านางเป็นลูกผู้ใด แท้จริงนางอาจไม่เคยคิดช่วยพี่ใหญ่เลยก็ได้”

เหลิ่งเอ้าเฉินยังเป็นหนุ่มน้อยที่แบ่งแยกความรักความแค้นชัดเจน เขารังเกียจและเคียดแค้นอัครเสนาบดีม่อเข้ากระดูก จวนตระกูลม่อไม่ต่างจากรังหนูโสโครก คนต่ำทรามแบบนั้นจะมีลูกเป็นคนสัตย์ซื่อได้อย่างไร ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดพี่รองจึงเชื่อใจบุตรสาวของศัตรูนัก

“เหลิ่งเอ้าเฉิน! ระวังคำพูดเจ้าด้วย”

เหลิ่งเอ้ายวี่ตวาดน้องชายเสียงดุดัน แววตาเป็นประกายเยียบเย็น แม้เขากับม่อจื่อซินจะรู้จักกันไม่นาน แต่สติปัญญาและความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนางได้สลักลงในใจเขาแล้ว ชายหนุ่มจึงไม่อาจทนให้ผู้ใดพูดจาใส่ร้ายดูหมิ่นนางได้

ต่อให้เป็นน้องชายก็ไม่ได้!

เหลิ่งเอ้าเฉินมองพี่ชายด้วยสีหน้าตกตะลึง เขาไม่เคยถูกพี่ชายดุเสียงดังเช่นนี้ ตั้งแต่เด็กพี่รองรักและเอ็นดูเขายิ่งกว่าผู้ใด ทำไมวันนี้จึงดุว่าเขาเพราะบุตรสาวของคนชั่วอย่างม่อสือปี้ได้

เหลิ่งเอ้าเสวี่ยมองท่าทีผิดปกติของพี่ชายอย่างครุ่นคิด “พี่รอง พี่สามเพียงเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ใหญ่เท่านั้น เขาไม่มีเจตนาเป็นอื่น”

ขณะบรรยากาศภายในห้องโถงกลายเป็นเงียบงัน ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงตะโกนดีใจของพ่อบ้านดังลั่นจวน

“ท่านแม่ทัพ! ท่านกลับมาแล้ว ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว!”

สามพี่น้องหันมองหน้ากันทันที เป็นเหลิ่งเอ้าเฉินที่วิ่งออกไปเร็วกว่าใคร โดยมีพี่ชายกับน้องสาววิ่งตามหลังไปติดๆ

ในสายตาน้องทั้งสาม เหลิ่งเอ้าเทียนไม่เพียงเป็นพี่ใหญ่แต่ยังเป็นเหมือนบิดาด้วย เพราะพวกเขาสูญเสียบิดามารดาตั้งแต่เล็ก ทั้งสามเติบโตมาด้วยการดูแลของพี่ชายคนโต เห็นอีกฝ่ายแบกรับภาระหนักหนามาตั้งแต่เด็ก พี่ใหญ่ในใจน้องทั้งสามจึงเป็นดั่งขุนเขาที่ไม่มีวันพังทลาย ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้

ความรุ่งเรืองของตระกูลเหลิ่งไม่ได้เกิดจากความสามารถของเหลิ่งเอ้าเทียนผู้เดียว แต่เกิดจากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของสี่พี่น้องด้วย

“พี่ใหญ่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาได้เสียที!” เหลิ่งเอ้าเฉินกระโดดกอดพี่ชายเต็มแรง ก้อนหินที่แขวนลอยอยู่ในอกมาหลายวันพลันสลายสิ้น ดวงตาแดงก่ำ

“พี่ใหญ่...” เหลิ่งเอ้าเสวี่ยเสียงสั่น แม่ทัพหญิงผู้แข็งแกร่ง บัดนี้กลับน้ำตาคลอด้วยความดีใจที่เห็นพี่ชายปลอดภัยกลับมา

เหลิ่งเอ้ายวี่ก้าวมายืนตรงหน้าพี่ชาย เขากวาดตามองขึ้นลงรอบหนึ่งรวดเร็ว สองพี่น้องสบสายตากันอย่างเข้าใจ ก่อนที่เหลิ่งเอ้ายวี่จะกอดพี่ชายแรงๆ

“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน พี่ใหญ่”

เหลิ่งเอ้าเทียนหันมองเหลิ่งเอ้าเฉินที่ยังตาแดงก่ำ “น้องสาม ชายชาตรีไม่หลั่งน้ำตา อย่าให้ข้าต้องเห็นเจ้าร้องไห้อีก”

เหลิ่งเอ้าเฉินรีบปาดน้ำตา “ข้าร้องไห้ที่ไหนกัน นี่เป็นเพราะ...อ๊ะ! พี่ใหญ่ ผมของพี่...”

ถึงตอนนี้เหลิ่งเอ้าเฉินจึงเพิ่งสังเกตพี่ชายอย่างละเอียด ชุดของพี่ชายมีคราบเขม่าและรอยไหม้หลายจุด ผมที่เคยรวบเกล้าเรียบร้อยก็หลุดลุ่ยยุ่งเหยิง

“ฮึ!”

หากไม่มีใครพูดก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอน้องชายพูดทัก เพลิงโทสะในใจที่มอดดับก็ปะทุลุกโชนขึ้นมาทันที ใบหน้าเหลิ่งเอ้าเทียนขึงตึง ทั้งยังหันไปมองหญิงสาวด้านหลังด้วยสายตาอาฆาต เห็นอีกฝ่ายยิ้มระรื่นไร้ความละอายก็ยิ่งโมโห กระแทกเท้าเดินเข้าห้องโถงไป

เหลิ่งเอ้ายวี่มองทั่วตัวม่อจื่อซินอย่างละเอียด ใบหน้างดงามมีร่องรอยเหน็ดเหนื่อยแต่แววตากลับเป็นประกายสดใส ดูแล้วนางคงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ใจที่ร้อนรนของชายหนุ่มจึงค่อยสงบลงได้

ม่อจื่อซินยิ้มให้เหลิ่งเอ้ายวี่ นางทำตามที่รับปากสำเร็จ พาพี่ชายเขากลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

“เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่” เหลิ่งเอ้ายวี่ถามเสียงเบา ถึงสภาพพี่คนโตจะดูไม่ได้ไปสักหน่อยแต่รักษาชีวิตกลับมาได้ เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว

ม่อจื่อซินยิ้มแต่ไม่พูดอะไร แววตาเป็นประกายระยับ เรื่องน่าอับอายของเหลิ่งเอ้าเทียนจะเป็นความลับตลอดไป

รีวิวจากผู้อ่าน 6 รีวิว
  • User634a8e8daf50c
    เมื่อ 10 เดือน 15 ชั่วโมงที่แล้ว
    พระเอกงี่เง่า
    • อ่านถึง : บทที่ 16 กระท่อมสวนผัก
  • Hathaitip Kak
    เมื่อ 11 เดือน 4 วันที่แล้ว
    รำลึกความหลังอิๆๆๆๆ
    • อ่านถึง : บทที่ 16 กระท่อมสวนผัก
  • pompom3372
    เมื่อ 11 เดือน 1 สัปดาห์ที่แล้ว
    เหมือนกำลังอ่านเพชรยอดขุนพลอีกเวอร์ชั่นึงอยู่เลย
    • อ่านถึง : บทที่ 16 กระท่อมสวนผัก
  • โยจ้า
    เมื่อ 11 เดือน 1 สัปดาห์ที่แล้ว
    สงครามผัวเมีย คุณสามีถือโอกาสอีกแล้ว 555555
    • อ่านถึง : บทที่ 16 กระท่อมสวนผัก
  • Nattamon T.
    เมื่อ 11 เดือน 1 สัปดาห์ที่แล้ว
    อร้ายยยยยยยยย ท่านจะทำไรข้าเนี่ยยยยย กรี้ดดด รอคอยๆๆ
    • อ่านถึง : บทที่ 16 กระท่อมสวนผัก
  • Julamanee Ticha
    เมื่อ 11 เดือน 1 สัปดาห์ที่แล้ว
    เอ้า หัวจะปวดกับผัวเมียคู่นี้ อย่าดราม่ารักสามเศร้าเด้อสู
    • อ่านถึง : บทที่ 16 กระท่อมสวนผัก

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว