หนึ่งณรงค์ล้วงเอากุญแจในกระเป๋ากางเกงของภูตะวันยื่นให้ลูกน้องคนหนึ่งแล้วเรียกคนสนิทอีกคนมาช่วยพยุงเพื่อนรักออกจากร้านไปขึ้นรถของตัวเอง
“ครับคุณหนึ่ง”
คนสนิทรับกุญแจแล้วเดินตามออกไปยังที่จอดรถวีไอพีหน้าร้าน ภูตะวันและเพื่อนของหนึ่งณรงค์จะมีที่จอดรถวีไอพีเฉพาะด้านหน้าซึ่งคนอื่นไม่มีใครได้รับอนุญาตให้จอดบริเวณนี้นอกจากสี่หนุ่มเพื่อนซี้ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้นและบางทีอาจจะมีครอบครัวของหนึ่งณรงค์เองที่สามารถจอดรถตรงนี้ได้
“ปกติก็ไม่เห็นดื่มมากมายขนาดนี้ พักหลังมานี้มึงเครียดเรื่องอะไรนักหนาถึงได้ดื่มเหมือนคนอกหัก”
หนึ่งณรงค์บ่นเพื่อนอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นักหลังจากพาร่างสูงของภูตะวันยัดใส่ในรถสปอร์ตคันหรูของตัวเอง รัดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จก็ไปนั่งประจำที่คนขับ แฟนมันก็ไม่มี ครอบครัวก็อยู่ดีมีสุข คนที่เพิ่งโดนหักอกมาหมาด ๆ อย่างเขานี่สิควรดื่มหนัก ๆ
“กูแค่อยากดื่ม มึงมีปัญหาอาราย ทำไมมันร้อน”
คนที่กำลังนอนพิงเบาะหลับตาเริ่มโวยวาย
“แฟนก็ไม่มี เมียก็ยังหาไม่ได้ ดื่มอย่างคนอกหัก”
หนึ่งณรงค์หันไปบ่นเบา ๆ จากนั้นก็เร่งความแรงของเครื่องปรับอากาศให้
เมื่อก่อนภูตะวันและเทวทิณณ์ก็มักจะมาดื่มที่ร้านของเขาทุกคืนวันเสาร์เนื่องจากวันอาทิตย์เป็นวันหยุดจึงไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าไปทำงานในไร่ แต่สองสามสัปดาห์มานี้ภูตะวันดื่มหนักจนเมาแทบไม่มีสติอย่าว่าแต่ขับรถกลับไหวเลยยืนเองยังไม่ได้
“ขับรถไปเลย อย่าบ่นเหมือนเมีย”
“เมาแล้วยังหูดีอีกนะมึง หลับไปเลยเดี๋ยวถึงไร่แล้วจะปลุกเอง”
“คุณหนึ่งจะให้ผมขับรถตามไปด้วยไหมครับ?”
พสิน บอดีการ์ดมือขวาของหนึ่งณรงค์ถามเจ้านาย
“ไม่เป็นไร พวกนายดูแลลูกน้องเก็บกวาดร้านไปละกัน เดี๋ยวฉันแวะเยี่ยมคุณแม่ท่านพรุ่งนี้ เอาของเยี่ยมใส่รถเสร็จแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วครับ นายดูแลตัวเองด้วย”
“อืม ขอบใจ”
รถสปอร์ตคันหรูสีส้มแวววาวเคลื่อนตัวออกจากร้านหนึ่งเดียวมุ่งหน้าไปยังไร่ภูตะวันใช้เวลาเพียงสามสิบห้านาทีเท่านั้นเนื่องจากเป็นเวลาดึกสงัดผู้คนหลับใหลไปแล้วถนนจึงโล่ง
แดดยามบ่ายสาดแสงแรงกล้าส่องเข้าหน้าคนที่เมาหลับใหลตั้งแต่อยู่ในร้านเมื่อคืนให้งัวเงียตื่นขึ้นมาก็ต้องตกใจตาแทบถลนเมื่อเห็นเพื่อนสนิทนอนก่ายกอดกันในสภาพอกเปลือยเหลือเพียงแค่กางเกงในตัวเดียวทั้งคู่
“ไอ้หนึ่ง มึงตื่นขึ้นมาอธิบายเลยนะว่ามึงมานอนอยู่ในห้องกับกูในสภาพนี้ได้ยังไง”
เสียงห้าวของภูตะวันดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ฟาดเพียะอย่างแรงลงบนก้นของหนึ่งณรงค์ที่นอนคว่ำหน้ากลางลำตัวพาดหมอนข้างเอาไว้ส่วนหนึ่งเลยทำให้ก้นโด่งขึ้นมา ส่วนแขนและขาอีกข้างของมันเขาเพิ่งยกออกจากตัวเมื่อครู่อย่างต้องการคำอธิบาย ปวดศีรษะไม่น้อยจนต้องเอามือขึ้นมากุมและคลึงเบา ๆ
“โอ๊ย ไอ้ห่ามึงฟาดมาได้ ก้นกูเป็นรอยฝ่ามือหมดแล้วมั้ง มึงไม่ต้องมามองตาเขียวใส่กูเลยนะ กูนี่ควรที่จะต้องเป็นคนโกรธมึง มีอย่างที่ไหนคนเขาอุตส่าห์พามาส่งถึงบ้านแต่มาอ้วกใส่กู เปื้อนเสื้อผ้ากูไม่พอ ตอนเอามึงเข้ามานอนมึงก็อ้วกใส่เสื้อตัวเองอีก”
หนึ่งณรงค์รีบพลิกตัวนอนหงายโวยวายทันทีที่ก้นเด้งงอนของตัวเองถูกฟาดจนเจ็บระบม
“มึงก็เลยช่วยถอดเสื้อผ้าเปลี่ยนให้?”
ภูตะวันเสียงอ่อนลง ถามเพื่อนสนิทอย่างระแวดระวัง
“ก็เออน่ะสิ ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ”
หนึ่งณรงค์ว่าพลางก้มหน้ามองดูสภาพตัวเอง
“แล้วทำไมมึงถึงมานอนกับกู ปกติมึงมาส่งเสร็จก็กลับบ้านหรือร้านของมึงแล้ว”
ภูตะวันหรี่ตาคู่คมจนเป็นเส้นเล็กตรงมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ รีบเอาหมอนมาวางไว้บนหน้าตักอย่างไว เพราะไอ้เพื่อนรักของเขามันก็เพิ่งอกหักมาเมื่อเดือนก่อนเหมือนกันจึงกลัวว่ามันจะเสียใจจนสมองกลับหันมามองผู้ชายด้วยกันเอง
“มึงไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้น กูยังชอบประตูหน้าอยู่ ไปเลยไปหาเสื้อผ้ามาให้กูใส่เลยนะ ส่วนเสื้อกับกางเกงที่เปื้อนอ้วกกูแช่ไว้ที่ระเบียงหลังบ้านโน่น”
หนึ่งณรงค์มองภูตะวันตาเขียวไม่แพ้กัน แทนที่เขาจะได้ไปนอนพักผ่อนบนโซฟาข้างนอก หลังจากถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนอ้วกออกยังไม่ทันได้เช็ดตัวหรือใส่เสื้อตัวใหม่ให้ ไอ้คนขี้เมามันก็ดึงคอเขาลงไปนอนกอดจนดิ้นไม่ได้ สุดท้ายก็เลยปล่อยเลยตามเลยกอปรกับความเหนื่อยล้าและง่วงงันเพราะก่อนหน้านั้นเขาก็นอนไม่กี่ชั่วโมงติดต่อกันมาหลายคืนจนไม่มีแรงที่จะขัดขืนหรือต่อต้าน เขาจึงหลับไปพร้อมกับไอ้เพื่อนขี้เมา มาตื่นเอาตอนที่โดนฟาดก้นนั่นแหละ
“เออ ขอบใจเดี๋ยวกูซักเสื้อผ้าให้ เอ้านี่ ใส่ซะกูขนลุกไปหมดแล้ว”
ภูตะวันเอ่ยขอบคุณเพื่อนสนิทพลางลุกออกจากเตียงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อยืดกางเกงยีนตัวที่เพิ่งซื้อมาสัปดาห์ก่อนยังไม่ได้ใส่สักครั้งโยนให้อีกฝ่าย
“ทำมาเป็นขนลุก ทีเมื่อคืนมึงกอดรัดกูราวกับงูเหลือมจนหายใจไม่ออกกูยังไม่ได้คิดบัญชีมึงเลยนะ”
หนึ่งณรงค์ว่าพลางรับเสื้อกับกางเกงยีนมาแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นมาจากข้างล่างเสียก่อน
“คุณตะวันครับ ไม่สบายหรือเปล่าครับ คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายให้ผมมาเช็กดู ผมขออนุญาตขึ้นไปดูข้างบนเลยนะครับ”
เสียงของลุงปันคนขับรถเก่าแก่ของคุณภูวเนตรตะโกนเรียกอยู่ด้านล่างด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากทุกคนกลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นไข้ไม่สบายจนลุกออกจากเตียงนอนไม่ได้
“ผมไม่เป็นไรครับลุงปัน กำลังจะอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวผมไปที่เรือนใหญ่ ลุงปันมีอะไรไปทำก็ไปทำเถอะครับ”
ภูตะวันรีบตะโกนบอกลุงปันไม่เช่นนั้นคนแก่อาจจะช็อกเอาได้หากขึ้นมาเห็นสภาพเปลือยของเขากับหนึ่งณรงค์แบบคิดดีไม่ได้เช่นนี้
-------------------------------
เมาแล้วเลอะเทอะนะพี่ ปลอบใจหนุ่มเขาหน่อยค่ะเดี๋ยวไรต์หาคนมาดามใจให้เนอะ
นักอ่านท่านไหนยังไม่ได้อ่านเรื่องราวของชีครามิลและชีคมาคีอีกสองเรื่องในเซ็ตซีรี่ส์ "ลิขิตรักแห่งผืนทราย" แวะไปอ่านตามลิงก์ข้างล่างนี้นะคะ
หวามรักในฮาเร็มที่นี่ค่ะ >>> https://www.hongsamut.com/fiction/9165/หวามรักในฮาเร็ม+%28จบแล้ว+มีE-book%29
ดั่งหยาดฝนพรมเม็ดทราย >>> https://www.hongsamut.com/fiction/9402/ดั่งหยาดฝนพรมเม็ดทราย
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว