คืนใจกชกร-บทที่ 37 เกี้ยวกราด

โดย  Night Starry

คืนใจกชกร

บทที่ 37 เกี้ยวกราด

บทที่ 21

อดสู

หญิงก้อยชั่งใจว่าควรจะถามความกับพระยาธนบดีเพิ่มเติมดีหรือไม่ จากท่าทีของพี่ชายกฤต เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเขามิได้เต็มใจจะร่วมหุ้นลงทุนกิจการกับสามีของเธอสักเท่าใด

“อ้าว น้องหญิง ลงมาเดินเล่นหรือ รับข้าวเย็นหรือยัง”

ในขณะที่เดินวนเวียนอยู่หน้าตึกบริเวณไม่ไกลกับห้องหนังสือมากนัก พระยาธนบดีก็เดินออกมาพร้อมกับคุณยศที่ถือเอกสารหลายฉบับ เมื่อเห็นหญิงก้อยจึงทักทายอย่างอารมณ์ดี ส่วนคุณยศก็ขอตัวไปรับข้าวเย็นกับครอบครัวก่อน

“เอ่อ ท่านเจ้าคุณจะรับประทานกับหญิงด้วยไหมคะ จะได้ให้บ่าวไปจัดสำรับเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

“อ้อ เช่นนั้นก็ดี พี่กำลังหิวอยู่ทีเดียว มา...มา มานั่งรอที่ห้องทำงานของพี่ดีกว่า”

หญิงก้อยหันไปสั่งงานกับบ่าวไพร่ก่อนจะเดินตามพระยาธนบดีเข้าไปในห้องทำงานของเขา ในเมื่อมีโอกาสแล้วหญิงก้อยจึงตัดสินใจจะลองถามไถ่เรื่องชายกฤตดู ใช้เวลาอาหารเย็นพูดไปคุยไปคงจะไม่ตึงเครียดเกินไปกระมัง

“ช่วงนี้งานราชการของพี่มีมาก เรือสินค้าเข้ามาหลายลำทั้งจากยุโรป จากจีน จากสิงคโปร์ มีเวลาได้พบน้องหญิงน้อยนัก หวังว่าเธอคงไม่น้อยใจพี่หรอกหนา อ่า...ไหน...ไหน มาให้พี่ดูท้องของเธอสักหน่อย อืม...นูนขึ้นมาเยอะแล้วนี่ น้องหญิงต้องดูแลสุขภาพให้ดี อยากได้อะไรก็บอกบ่าวไพร่มัน อย่าทำเอง”

พระยาธนบดีพูดจายืดยาวอย่างอารมณ์ดี เข้ามาลูบท้องสำรวจครรภ์ของหญิงก้อย เขาก็ยังคงอ่อนหวานเอาอกเอาใจเช่นเคย เมื่อบรรยากาศดี หญิงก้อยจึงลองเลียบๆเคียงๆ

“หญิงได้ยินจากคุณยศว่า ท่านเจ้าคุณจะร่วมหุ้นกิจการนำเข้าเครื่องมือช่างกับพี่ชายกฤตหรือคะ”

พระยาธนบดีได้ยินดังนั้น ก็ลอบมองสีหน้าหญิงก้อยเล็กน้อย ผละออกจากท้องอ่อน แล้วเริ่มต้นตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวจนหมดคำจึงได้ตอบคำถามของหญิงก้อยเสียที

“ใช่แล้ว พี่เพิ่งจะตกลงกับคุณชายกฤตเมื่อสักครู่ ที่เหลือก็ให้คุณชายไปเจรจากับเพื่อนหุ้นส่วนคนอื่น เมื่อตกลงแล้วจะได้เตรียมเอกสารจัดตั้งบริษัทเสียให้เรียบร้อยเสียที”

“เห็นว่าพี่ชายกฤตมีปัญหาเรื่องนำเรือเข้าท่าที่สยาม เช่นนั้นจะดำเนินการต่อได้หรือคะ”

“ก็เพราะว่าเรื่องนี้แหละน้องหญิง คุณชายกับพี่จึงเห็นควรว่าเราควรร่วมหุ้นกัน หากมีชื่อพี่อยู่ กระทำการใดคงง่ายขึ้นอีกมากโข พี่พยายามเจรจากับท่านเจ้าคุณที่ดูเรื่องนี้อยู่หลายครา ท่านก็ยังคงมิวางใจ หากท่านได้เห็นชื่อพี่ในใบจัดตั้งบริษัท ก็คงจะต่อรองได้ไม่ยาก อีกทั้งโกดังเก็บของและการกระจายสินค้า อย่างไรก็เป็นกิจการของพี่ คุณชายร่วมหุ้นกับพี่แล้วคงสะดวกหลายอย่าง คนกันเอง ช่วยลดราคาต้นทุนได้มาก”

“เอ่อ แล้วหาก...สมมุติว่าเพื่อนของพี่ชายมิได้อยากมีหุ้นส่วนเพิ่ม เช่นนั้นจะทำอย่างไรคะ”

“ก็ไม่ทำเช่นไรดอก คงแล้วแต่ผู้ก่อตั้ง พี่แค่นำเสนอหนทางที่ง่ายขึ้น ต้องสุดแล้วแต่คุณชายและเพื่อน แต่อย่างไรพี่ก็จะพยายามจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว น้องหญิงมิต้องกังวล”

คำว่า ‘มิต้องกังวล’ ของพระยาธนบดี กลับยิ่งทำให้หญิงก้อยรู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างประหลาด เธอยังไม่ทราบลายระเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ใจหนึ่งจึงคิดว่าพี่ชายอาจจะวิตกมากไป อย่างไรพระยาธนบดีก็เป็นสามีของน้องสาว เป็นบิดาของหลานในท้อง แม้เขาจะคิดกำไรให้ตัวเองมากหน่อย แต่ถ้าได้คนหัวการค้าอย่างเขามาช่วยก็ดีไม่น้อยมิใช่หรือ

ทว่าอีกใจ เธอก็ไม่นึกสนิทใจอย่างที่พี่ชายว่า แม้จะช่วยดำเนินธุรกิจให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง แต่คงต้องมีเงื่อนไขใดที่ไปกดดันให้พี่ชายเธอต้องจำใจเป็นแน่ หญิงก้อยมิรู้จะช่วยเรื่องนี้อย่างไร ได้แต่หวังใจให้พี่ชายค้นพบทางออกที่ดีต่อตัวเองและทุกฝ่ายด้วยเถิด

หลังจบมื้อเย็น พระยาธนบดีขอไปตรวจโกดัง เห็นว่ามีสินค้าของนายห้างฝรั่งเข้ามาชุดใหญ่เต็มลำเรือ เมื่อไปส่งสามีที่หน้าตึกแล้วเธอจึงขึ้นไปห้องส่วนตัว คิดอยากจะอาบน้ำเสียหน่อย มองหาบ่าวแป้นแต่พบกับจวงที่กำลังเช็ดถูชุดเก้าอี้อยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นหญิงก้อยมา ก็ลุกลี้ลุกลนเข้ามาพับเพียบใกล้ๆทันที

“แป้นไปไหนหรือ แล้วทำไมจวงมาทำความสะอาดเวลานี้เล่า ไม่ไปกินข้าวหรือ”

“จวงขอแลกเวลากับแม่แป้นเจ้าค่ะ พอดีเมื่อเย็นต้องออกไปธุระข้างนอก”

“เช่นนั้นจวงก็ช่วยเตรียมน้ำอุ่นให้ฉันแช่เท้าสักหน่อย เดี๋ยวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เอาอ่างมาให้ฉันแช่ตรงนี้ก็ได้”

“คุณหญิงไปนั่งแช่เท้าข้างในดีกว่าเจ้าค่ะ”

“ทำไมหรือ ฉันว่าตรงนี้ลมโชยเย็นดีออก”

“เมื่อกี้ตอนที่บ่าวกำลังปัดกวาด เห็นคล้ายกับหางงูเขียวไวๆ คงจะเลื้อยไต่ตามยอดไม้ขึ้นมา นั่งข้างในดีเจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวช่วยนวดผ่อนคลายให้นะเจ้าคะ”

หญิงก้อยพยักหน้า แล้วกลับเข้าห้องไปอาบน้ำ บ่าวจวงช่วยปิดประตูเรียบร้อย ก็รีบกุลีกุจอวิ่งไปที่หลังบังตา เบื้องหลังเป็นตั่งเอนหลัง แต่ถัดเข้าไปจะมีซอกเล็กๆที่เป็นมุมอับอยู่

“คุณยศเจ้าขา จะทำอะไรก็รีบทำเถิดเจ้าค่ะ คุณหญิงมาแล้ว บ่าวคงถ่วงเวลาได้ไม่นาน อ้อ...แล้วอย่าลืมรางวัลที่ตกลงกันไว้ด้วยนะเจ้าคะ”

พูดจบจวงก็ต้องรีบลงเรือนไปต้มน้ำเตรียมให้หญิงก้อยแช่เท้า ส่วนคนที่อยู่ในซอกนั้นก็เร่งทำกิจของตนให้บรรลุเป้าหมาย

“อื้อๆๆ อื้อๆๆ”

“เอ็งอย่าดิ้นสิวะนังแป้น อยู่นิ่งๆ”

แป้นที่ผ้าผ่อนหลุดร่อนไม่เหลือเพียงสักชิ้น ถูกอุดปากด้วยผ้าแถบของตัวเอง แขนทั้งสองถูกมัดตรึงกับเสาด้วยผ้านุ่ง ส่วนขาข้างหนึ่งยศใช้กางเกงแพรของตนผูกติดไว้กับซี่ระเบียง

“นังแป้นเอ๊ย ข้าเห็นเอ็งตั้งแต่นมยังไม่แตกพาน ที่ไหนได้ เผลอเพียงแค่อึดใจ ดันมีผัวไปเสี่ยนี่ อืมมมม นังแป้น...ข้าอยากลองเอ็งมาเสียตั้งนานแล้ว”

ยศที่ร่างกายท่อนล่างเปลือยเปล่า เอ็นแข็งชูชันด้วยความกระสันขั้นสุด พูดพร้อมกับไล้เลียที่เนินเต้าของนางแป้น ติ่งยอดสีแดงถูกดูดกินจนเต่งชี้ ผิวสีน้ำผึ้งของนางแป้นยามต้องของเหลวจากปลายลิ้น ก็ยิ่งขับให้ทุกเนินทุกส่วนเด่นชัดยิ่งขึ้น

“นี่ถ้าท่านเจ้าคุณไม่ไปต้องตาเอ็งเข้า ข้าก็คงมิได้มีโอกาสได้เชยชมเอ็งเช่นนี้ อ่า...นังแป้น อืม...กลีบของเอ็งเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ นุ่มนิ่มเสียจริง”

“อื้อๆๆ อื้อๆๆ”

นางแป้นส่ายหน้าน้ำตานอง และต้องสะดุ้งเมื่อนิ้วแข็งของยศล่วงล้ำเข้าไปในตัว แม้จะมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะทำใจยอมรับการกระทำเช่นนี้จากชายอื่นได้ แป้นพยายามดิ้นและยกเท้าอีกข้างที่เป็นอิสระเตะไปที่ยศ ทว่าก็เปล่าประโยชน์เพราะเขาจับข้อเท้าไว้มั่น และแหกมันออกให้กว้างขึ้น เผยให้เห็นรูสวาทสีน้ำผึ้งอย่างชัดเจน ยศถึงกับต้องเลียริมฝีปากแก้หมั่นเขี้ยว

“ปกติข้าจะไม่ตัดหน้า ยอมให้ท่านเจ้าคุณได้เชยชมก่อน แต่ท่านเจ้าคุณก็ยังหาจังหวะเหมาะๆเรียกเอ็งไปรับใช้ไม่ได้สักที ครานี้เห็นทีข้าจะทนไม่ไหว ยิ่งเอ็งมาเดินนวยนาดให้เห็นบนตึกใกล้ตาเสียแบบนี้ ครั้งนี้ข้าคงต้องขอเสียบเอ็งก่อนท่านเจ้าคุณเสียแล้ว อืมมมม...นังแป้น”

ไม่ทันจบประโยคดี ยศก็ไสแท่งเสียวของตนเข้าไปในรูสวาท ค่อยๆดันเข้าไปจนสุดความยาว ก่อนจะขยับเข้าออกช้าๆ เมื่อทุกอย่างเข้าที่ ช่องทางลื่นไหล ยศก็กระเด้าเอวอย่างชื่นมื่น ความกระสันพุ่งทะยาน แอบเล็งมาเสียตั้งนาน ครานี้สมใจอยากสักที

“อื้อหือ นี่เป็นแม่ลูกสองจริงรึ รูของเอ็งราวกับสาวพรหมจรรย์ แน่นกว่าเมียของข้าหลายเท่านัก”

ด้วยเพราะเวลามีไม่มากนัก ยศจึงเร่งดำเนินการเท่าที่จะทำได้ กระทั่งได้ยินคล้ายมีคนเปิดประตู เดาว่าจวงคงจะกลับมาแล้ว ยศจึงขยับซอยถี่จนตัวนางแป้นโยกไปมา อึดใจต่อมาเขาจึงดึงแท่งร้อนออกมาก่อนใช้มือชักอีกสองที น้ำขุ่นก็พุ่งลงบนท้องน้อยของนางแป้น ยศรู้สึกตัวเองสมหวังสุขสมอย่างยิ่ง

“นางแป้นเอ๊ย อย่าร้องไห้เลย ข้าจะให้เงินปลอบขวัญเอ็ง จะเอาไปให้ลูกหรือให้พ่อเอ็งก็แล้วแต่ ขอเพียงหุบปากให้สนิท เรื่องแค่นี้หวังว่าเอ็งจะไม่ทำใหญ่โต แต่ถ้าเอ็งจะฝืน...เที่ยวป่าวประกาศบอกใครต่อใคร โดยเฉพาะกับคุณหญิง พ่อของเอ็งที่ติดหนี้บ่อนอยู่คงจบเห่ อ้อ...ผัวของเอ็งที่ทำงานอยู่หัวเมืองก็ยังไม่กลับใช่หรือไม่ มันยังไม่รู้สินะว่าเมียของมันต้องมาเป็นบ่าวบำเรอให้ท่านเจ้าคุณ หึๆ แต่ถ้าเอ็งเงียบปากไว้ ข้าก็จะไม่ไปเที่ยวป่าวประกาศให้ผัวของเอ็งรู้ว่า อีแป้นเมียของมันน่ะ ลูกสองแล้วแต่รูยังแน่นอย่าบอกใครเชียว หึๆ”

ยศพูดประโยคเหล่านี้กับนางแป้นด้วยน้ำเสียงที่ราวกับประเวศสันดรมาโปรดสัตว์ผู้ตกทุกข์ เขาค่อยๆปลดเงื่อนที่แขนและขาของแป้นออก ลุกยืนใส่กางเกงแพรเรียบร้อย แล้วส่งถุงเงินให้แป้น ทว่านางแป้นที่ลุกลนเอาผ้าผ่อนมาปิดกายน้ำตานองก็ไม่รับ เอาแต่งุดหน้าสะอึกสะอื้น ยศจึงโยนถุงเงินนั้นไว้ก่อนจะจากไป ปล่อยให้บ่าวแป้นต้องรู้สึกอดสูอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง


“มาแล้วหรือแม่แป้น”

หญิงก้อยที่กำลังให้จวงนวดเท้าทักขึ้นเมื่อแป้นเดินเข้ามา แล้วนั่งพับเพียบอยู่ริมประตูไกลๆที่ประจำ นางจวงเห็นดังนั้นก็เช็ดถูเท้าให้หญิงก้อยเสร็จพอดี จึงขอตัวออกไป โดยไม่ลืมกระซิบเตือนบ่าวแป้นที่นั่งหน้างุดอยู่ตรงประตู

“หากเอ็งปากมากฟ้องคุณหญิง ข้าจะบอกคุณยศ”

แป้นกลัวยศแต่มิกลัวจวง อย่างไรก็บ่าวเหมือนกัน ยิ่งถูกนางจวงคนใจคดล่อหลวงมาให้ยศกระทำอดสูกับตนเช่นนั้น ก็นึกแค้นเสียจนอยากจะลุกขึ้นตบเสียสักฉาด ทั้งที่เป็นหญิงเหมือนกันแต่กลับสมรู้ร่วมคิดให้ชายชั่วมาข่มเหงตนเพื่อแลกของรางวัล นางจวงคนหยาบช้า ใช่บ่าวทุกคนจะเต็มใจมาบำเรอนายแลกกับอัฐเหมือนกับมันเสียทีไหน

แป้นมองจวงเขม็งด้วยความแค้นเคืองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ นั่นทำให้จวงรู้สึกขยาดไม่น้อย เวลาปกติก็เห็นสงบเสงี่ยมออกจะดูขลาดกลัวเสียด้วยซ้ำ ไหนเลยจะได้เห็นสายตาเช่นนี้จากนางแป้นเล่า อย่าว่าแต่ล่อลวงมาให้คุณยศได้เชยชมอีกสักครั้งสองครั้ง ต่อไปนี้แค่จะพูดคุยธรรมดาก็คงต้องคิดหนักแล้ว

เมื่อจวงออกไปแป้นก็ขยับเข้ามา ปัดฝุ่นที่นอนเตรียมปลดมุ้งให้หญิงก้อย

“พรุ่งนี้สายๆ หลังท่านเจ้าคุณไปราชการแล้ว ฉันว่าจะไปวังชินภัทร กว่าจะกลับก็คงบ่ายคล้อย ที่นี่คงไม่มีเรื่องให้ทำ แม่แป้นก็ไปหาลูกเถิด อ่ะ...มารับนี่ไปเสียสิจ๊ะ”

หญิงก้อยยื่นถุงเงินเล็กๆออกมา แป้นมองอย่างลังเล จนหญิงก้อยต้องพยักหน้าอีกครั้ง แป้นจึงมารับไปอย่างนอบน้อม

“คราวที่แล้วแม่แป้นว่าลูกคนโตไม่ค่อยสบายมิใช่หรือ ยังเล็กนัก เอาเงินนี่ไปหาหมอหายากินเสีย เอาให้หายขาดนะ ไม่พอก็มาบอก เอาล่ะ...ฉันจะอ่านหนังสือ อีกเดี๋ยวก็จะนอนแล้ว แม่แป้นก็กลับเรือนไปนอนเถิดจ้ะ”

แป้นพยักหน้าแล้วก้มกราบหญิงก้อย ก่อนจะไล่ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น ออกจากห้องปิดประตูให้เรียบร้อย ในมือของนางแป้นมีถุงเงินที่ได้จากนายสาว เงินที่คุณหญิงก้อยมอบให้ด้วยความเมตตา เธอช่างกรุณาบ่าวต่ำต้อยเสียจริง และเมื่อคิดถึงถุงเงินอีกใบที่แอบเหน็บไว้ในผ้านุ่ง ก็นึกชวนอยากให้อาเจียนเสียเหลือเกิน

เงินนั้นได้มาจากการถูกบังคับฝืนใจ เงินที่ใช้เพื่อปกปิดการกระทำชั่วช้า ทว่าเศษเงินสกปรกของเขาก็มีประโยชน์มากมายต่อครอบครัวของเธอ แม้จะรังเกียจแค่ไหน แต่ถ้านั่นเพื่อให้ลูกของเธอได้กินอิ่มนอนหลับพ้นโรคภัย แม่อย่างเธอก็ทำได้แต่จำใจเก็บเอามาเท่านั้น นางแป้นพยายามปลอบใจตัวเองด้วยความคิดเช่นนี้ ทว่าก็อดที่จะเร้นกายในความมืด แล้วปล่อยให้ตัวเองสะอึกอื้นไม่ได้


- โปรดติดตามตอนต่อไป -

#คืนใจกชกร

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว