คืนใจกชกร-บทที่ 2 แม่สื่อ

โดย  Night Starry

คืนใจกชกร

บทที่ 2 แม่สื่อ

บทที่ 25

แข็งขืน

“ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง นายเด่นช่วยไปสืบให้ทีเถิดว่าตอนนี้แป้นหนีไปที่ใด จิกบอกว่าแป้นมิได้กลับบ้าน เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะไปหานายเรืองที่หัวเมือง”

“กระผมจะลองไปสอบถามที่บ้านลุงป้าของพี่เรืองให้ อยู่ฝั่งกระโน้นขอรับ อย่างไรเสียถ้าลูกยังอยู่ที่นี่ พี่แป้นก็ต้องมารับเป็นแน่”

หญิงก้อยบอกไม่ถูกว่าตนรู้สึกเช่นไร ในใจตอนนี้มีทั้งความโกรธ ความผิดหวัง พระยาธนบดีถึงขั้นออกอุบายให้เธอกลับบ้านเพื่อที่จะได้มีจังหวะเรียกแป้นไปรับใช้ เขารู้อยู่แก่ใจว่าการที่ตนเรียกให้แป้นมารับใช้ใกล้ชิดเพราะไม่อยากให้ไปบำเรอกาม มิต้องพูดจาชัดเจนให้กระดากปาก ผู้ใหญ่เช่นเขากระทั่งทุกคนในบ้านก็ควรต่างเข้าใจในเจตนาของเธอ ไม่ว่าจะเข้าใจด้วยเพราะคิดว่าเธอหึงหวงก็ดี หรือเข้าใจว่าเพราะอยากได้แป้นมาเป็นแม่นมจริงๆก็ช่าง ทว่าเขาก็ยังทำหน้าซื่อตาใสแล้วตลบหลังเช่นนี้ นี่เขาหักหาญน้ำใจเธอได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

“คุณหญิงก้อยขอรับ...”

คิ้วของหญิงก้อยขมวดแทบไม่คลาย นายเด่นเห็นสีหน้าหญิงสาวก็นึกเป็นห่วงนัก ไม่คิดว่าเรื่องของแป้นจะซับซ้อนถึงเพียงนี้

“กระผมว่าการที่พี่แป้นหนีไปเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน อยู่ใกล้เสือใกล้ตะเข้คงยากที่พ้นเขี้ยวเล็บ เอ่อ...ถึงแม้จะไม่ทันแล้วก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าทนอัดอั้นอยู่ที่นี่นะขอรับ”

“ฉันเข้าใจที่แป้นต้องหนีไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ยุติธรรมเลย ฉันอุตส่าห์ช่วยแล้วแต่ก็ยังพลาดพลั้งเข้าจนได้ ทำไมกัน รู้อย่างนี้ขัดใจคุณเตียง ยอมเอาเงินปลดหนี้ให้แป้นไปเสียแต่แรก เรื่องคงจบนานแล้วกระมัง”

“คุณหญิงก้อยอย่ากังวลเกินไป จะไม่ดีต่อสุขภาพและเด็กในท้องนะขอรับ สิ่งใดทำได้คุณหญิงก้อยก็ทำไปหมดแล้ว คงเป็นเวรกรรมความโชคร้ายของพี่แป้นเอง เฮ้อ...แต่อีกไม่นานดอกแกก็จะได้พ้นเคราะห์ ได้ปลดหนี้ได้ออกไปอยู่กับลูกผัวเสียที”

หญิงก้อยนั่งนิ่งสักครู่ สูดหายใจเข้าออกลึกๆ เธอมีเรื่องต้องไปทำอีกหลายอย่าง จึงควรตั้งสติให้มั่นเสียก่อน

“นายเด่นกลับไปก่อนเถิด ฉันฝากเรื่องแป้นด้วยนะ”

“คุณหญิงดูแลสุขภาพด้วยนะขอรับ หากได้ข่าวอะไรจะมาแจ้งให้ทราบทันที”

นายเด่นถือเอกสารที่บ่าวของยศนำมาให้ขึ้นรถแล้วขับออกไป หญิงก้อยส่งสายตาให้จิกที่นั่งอยู่ไกลๆ บ่าวจิกขอร้องให้เธออย่าไปหาความกับยศและพระยาธนบดี มิเช่นนั้นตนจะพลอยซวยด้วยเหตุเพราะสาระแนเรื่องเจ้านาย

แต่จะให้หญิงก้อยทำเช่นนั้นได้อย่างไร นางจิกนำความมาบอกเพื่อจะได้ดูความอัดอั้นของตนแล้วให้ตนปิดปากเงียบเช่นนั้นหรือ หญิงก้อยคงต้องจัดการอะไรบางอย่าง แต่จะพยายามไม่โยงบ่าวอย่างนางจิกเข้ามาให้มากความ อีกทั้งเธอก็ได้ให้รางวัลสำหรับการนำข่าวสารสำคัญมาบอกกล่าวไปแล้ว คงปลอบใจนางจิกได้ไม่น้อย

นางจิกเล่าความคร่าวๆให้หญิงก้อยได้ทราบ ว่าหลังจากที่แป้นกลับจากหาลูก ก็ถูกพระยาธนบดีเรียกพบ หายหน้าเข้าไปในห้องหนังสือตั้งแต่บ่ายจนข้ามวันยันเช้า ไม่มีใครอยากยุ่งเพราะต่างรู้ว่าต้องปิดปากเงียบ นางจิกแอบเห็นสภาพตอนที่แป้นออกจากห้องพระยาธนบดีก็เวทนานัก เนื้อตัวมีรอยแผลผมเผ้ายุ่งเหยิงอีกทั้งเดินกระเผลก

จิกหมั่นไส้แป้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเกลียดขี้หน้า เมื่อรู้ว่าแป้นถูกยศล่อลวง แล้วรู้กลายๆว่านางจวงญาติของตนคงมีส่วนสมรู้ร่วมคิด จิกก็นึกสงสารแป้นขึ้นมาไม่น้อย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด บ่าวบำเรอแทบทุกคนก็ล้วนเต็มใจถวายตัวรับใช้ไม่ว่าจะยศหรือพระยาธนบดีก็ตาม แม้ตอนแรกอิดออดบ่ายเบี่ยง ทว่าก็มิเคยมีใครต้องถึงขั้นบังคับข่มขืน เมื่ออยู่ต่อหน้าต่างยอมเปลื้องผ้าเสียทั้งนั้น ทว่านางแป้นมิใช่ดังบ่าวคนอื่น สายตาโกรธแค้นน้ำตาคลอหน่วยเช่นนั้น นางแป้นคงสุดอัดอั้นเป็นแน่

จิกเล่าว่าแป้นหายไปนอนซมไม่ลุกมาทำงานจนเย็นย่ำ จิกไปนั่งคุยกับพวกแม่ค้าเช่นเคย เลยเห็นนางแป้นหอบผ้าออกมาจากประตู ทำตัวลับๆล่อๆแล้วเดินหายเข้าไปในตรอกเล็กๆ นางจิกรู้ชัดว่าแป้นคงจะหนีเสียแล้ว แต่ก็ไม่นึกอยากขัดขวาง ให้แป้นไปตายเสียเอาดาบหน้าคงจะดีกว่าอยู่แบบนี้กระมัง

หญิงก้อยครุ่นคิดสิ่งที่จิกเล่าให้ฟังไปเท้าก็พาตัวเองเดินไปจนมาถึงห้องหนังสือของพระยาธนบดี บ่าวแจ้งว่าเขาเพิ่งกลับมาสักครู่ เช่นนั้นก็ดีเลย วันนี้คงต้องพูดจากันให้รู้เรื่อง หญิงก้อยเคาะประตูส่งเสียงบอกคนด้านในแต่ไม่รอให้ใครตอบ เปิดประตูเข้าไปเองเสียเลย

“ไม่มีหัวคิด!”

เมื่อก้าวเข้ามาก็ได้ยินเสียงโวยวายของหญิงชราดังลั่น หญิงก้อยยั้งเท้า ไม่นึกว่าคุณแม่กิมลั้งจะอยู่ที่นี่ด้วย

“อั๊วะไม่คิดว่ามันจะหนีไป โธ่! ม๊า...แต่แรกที่เข้ามา มันก็รู้อยู่แล้วว่าต้องมารับใช้อั๊วะ เรื่องแค่นี้ทำไมมันต้องหนีไป ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย”

“ลื้ออย่ามาทำเปงม่ายรู้เรื่อง อาคุงหญิงอุตส่าห์ดึงตัวมันไปเป็นต้นห้อง เหงว่าจะเอามาเป็นแม่นมให้ลูกของลื้อด้วย รู้ทั้งรู้แต่ลื้อก็ยังไปเอามันมากกกอดจนได้ แล้วที่นี้ทำยางงาย เพราะลื้อไปบีบบังคับจนมันเตลิดหนีไป แล้วจะไปพูดจากับอาคุงหญิงยางงาย ห้ะ!”

“โธ่! ม๊า เรื่องนี้ต้องโทษไอ้ยศ เพราะมันนั่นแหละยุดีนัก มันว่านังแป้นดีนักหนาจนอั๊วะทนไม่ไหว ใครจะคิดว่ามันจะไม่เต็มใจเสียขนาดนั้น”

“ห้ะ! นี่อย่าบอกนะว่าอายศก็หยำเปกับเรื่องนี้ด้วย โอ๊ย! อั๊วะอยากจะบ้าตายวันละสองรอบ...พวกลื้อนี้มัน...จริงๆเลยว้า...”

“คุณหญิงไม่เข้าไปข้างในหรือ”

หญิงก้อยสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยจากด้านหลัง เป็นคุณเตียงนั่นเอง เธอยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าใดแล้วก็ไม่รู้ คุณเตียงไม่ได้มาคนเดียว มียศที่ยืนตัวหดเพราะคุณเตียงกำลังทำตาเขียวใส่อยู่ด้วย ส่วนด้านหลังก็เป็นบ่าวจวงที่ยืนกุมมือหัวงุดอยู่เช่นกัน คนข้างในท่าจะรู้แล้วว่ามีคนยืนออกันอยู่ที่หน้าห้อง พวกเขาจึงได้หยุดสนทนากัน

“นังจวงมันมาบอกฉันเรื่องที่นังแป้นหนีไป คุณหญิงคงทราบเรื่องแล้ว”

“หญิงทราบว่าแป้นหนีไป แต่อยากจะมาถามความให้แน่ใจ ว่าใครกันที่ทำให้คนของหญิงต้องหนีไปเช่นนี้”

หญิงก้อยส่งสายตาเย็นเฉียบไปที่ยศ เธอรู้ว่าเขามากตัณหา แต่ไม่คิดว่าจะหยาบช้าถึงเพียงนี้ กระนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับสามีเธอนักดอก

“เช่นนั้นก็เข้าไปข้างในกันเถิด”

จบประโยคคุณเตียงก็เดินฉับๆเข้าไป ยศพยายามจะเอื้อมมือไปประคอง แต่เธอก็สะบัดหนีเสีย เขาเลยได้แต่เดินตามไปต้อยๆ หญิงก้อยหันไปมองจวงที่หลบสายตาเธออย่างที่สุดก่อนจะเดินตามพวกเขาเข้าไป พระยาธนบดีเห็นหญิงก้อยก็ไม่ใคร่จะกล้าสบตานัก แต่กระนั้นก็ยังปรี่เข้ามาพาเธอไปนั่งเบาะเสียดิบดี

ภายในห้องหนังสือกว้างขวางของพระยาธนบดี หญิงก้อยมองเลยไปยังประตูบานเล็กที่อยู่สุดทางอีกห้อง เธอรู้ดีว่าหลังประตูบานนั้นมีไว้เพื่อสิ่งใด เดิมทีรู้สึกไม่ชอบใจ แต่เมื่อปล่อยวางได้แล้วก็มิเคยอยากจะไปแตะต้องพื้นที่ส่วนตัวของเขา มิเคยอยากจะก้าวล้ำข้ามเส้นความเพลิดเพลินของเขา ทว่าครั้งนี้...เขาล้ำเส้นเธอก่อน เช่นนั้นคงจะต้องพูดคุยกันให้รู้เรื่อง


- โปรดติดตามตอนต่อไป -

#คืนใจกชกร

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว