สู่วิถีอมตะ-บทที่ 17 สังหารหยวนปิน

โดย  Enjoybook

สู่วิถีอมตะ

บทที่ 17 สังหารหยวนปิน

บทที่ 17 สังหารหยวนปิน


กึก! กึก!


ผ่านไปไม่กี่วัน เสียงประหลาดบางอย่างดังออกมาจากถ้ำที่ไม่มีสิ่งใดสะดุดตา


ตู้ม!


ทันใดนั้นเสียงระเบิดสนั่นกึกก้องก็ดังขึ้น ทั้งดินและหินกระจุยกระจายไปรอบด้าน


เด็กหนุ่มผู้มีประกายแสงสีโลหิตอ่อน ๆ ห่อหุ้มทั่วร่างปรากฏกายขึ้น


“เคล็ดปราณโลหิตขั้นที่สอง สำเร็จแล้ว!”


“ข้ามีพรสวรรค์ด้านการขัดเกลากายาจริง ๆ ด้วย”


ก่อนหน้านี้เพื่อฝึกเคล็ดกำหนดลมหายใจปฐพี เจียงผิงอันต้องสูญเสียหินวิญญาณจำนวนมากในการฝึก ใช้เวลาหนึ่งเดือนจึงสามารถฝึกจนถึงขอบเขตก่อปราณขั้นที่สี่


แต่ฝึกเคล็ดโลหิต ใช้เวลากับทุนทรัพย์ไม่ถึงครึ่งก็สามารถฝึกเคล็ดปราณโลหิตขั้นที่สองได้สำเร็จ


เจียงผิงอันกำหมัดเบา ๆ เพื่อสัมผัสพลังที่ปะทุอยู่ภายใน ทำให้เขารู้สึกไปเองว่าสามารถทุบภูเขาให้แหลกละเอียดได้ในหมัดเดียว


แต่แน่นอน นี่เป็นความรู้สึกที่คิดไปเอง


ฝึกเคล็ดปราณโลหิตขั้นที่สองสำเร็จแล้ว เขารู้สึกว่าเลือดลมในกายสูบฉีดรุนแรง บาดแผลในตัวสมานอย่างรวดเร็ว


ต่างจากการใช้ปราณวิญญาณรักษาบาดแผล เลือดลมในกายจะสมานบาดแผลได้เอง ทั้งยังสมานได้เร็วยิ่งกว่า


โครม!


จู่ ๆ สถานที่อันห่างไกลออกไปก็เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง


เจียงผิงอันตกใจมาก จึงรีบหลบเข้าไปในพงหญ้าเพื่อซ่อนตัว


แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โลกใบนี้อันตรายเกินไป ต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ก่อน


เวลาหนึ่งจอกน้ำชาผ่านพ้นไป ขณะที่เจียงผิงอันคิดว่าน่าจะปลอดภัยแล้ว กำลังจะลุกขึ้นยืน ทันใดเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง จึงหมอบตัวลงอีกครั้ง


ชายคนหนึ่งเนื้อตัวสะบักสะบอม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เดินโซซัดโซเซออกมาจากป่าทึบ


ชายคนนั้นแขนขาดข้างหนึ่ง บาดแผลอื่น ๆ บนตัวมีเลือดไหลไม่หยุด


คนคนนั้นเดินไปริมแอ่งน้ำและคุกเข่าลงดื่มด้วยความกระหาย


“ไอ้พวกสารเลว! หากไม่ใช่เพราะขอบเขตของข้าลดต่ำ ข้าคงขยี้พวกเจ้าให้ตายได้ด้วยนิ้วมือเดียวแล้ว!”


“ยังมีไอ้เด็กชั่วคนนั้นอีก หากไม่ใช่เพราะมันขโมยธงค่ายกลของข้าไป ข้าก็คงไม่ต้องมีสภาพย่ำแย่เช่นนี้!”


“พวกเจ้ารอได้เลย! เมื่อไรที่ข้ากลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ข้าจะต้องสับพวกเจ้าเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!”


ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหยวนปินที่ถูกไล่ล่าเป็นเวลาหลายวัน


เนื่องจากเจรจาตกลงกับทหารไม่เป็นผล อีกฝ่ายจึงหันคมดาบหมายสังหารเขาแทน


ถึงแม้ขอบเขตของเขาจะลดต่ำ แต่อย่างไรเสียก็ได้ต่ำต้อย


เผชิญหน้าผู้ฝึกยุทธ์ซึ่งเทียบเท่ากับขอบเขตก่อปราณขั้นเก้า เขาก็ยังหนีรอดมาได้


แต่เขาก็สูญเสียไปมากเช่นกัน ขอบเขตลดต่ำลง ตกมาอยู่เพียงขอบเขตก่อปราณขั้นเจ็ดเท่านั้น


หยวนปินกำลังจะพักผ่อน ฉับพลันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง รีบหันขวับกลับมา


เห็นใบหน้าคุ้นตานั้นแล้ว หยวนปินก็เผยสีหน้าปรีดาออกมาทันที


ที่แท้ก็ไอ้เด็กที่ขโมยธงค่ายกลกับเนตรสีเลือดของเขานี่เอง!


“ฮ่า ๆ ๆ! สมบัติของข้ากลับมาหาข้าแล้ว!”


ไม่นึกเลยว่าดวงของตัวเองจะดีถึงเพียงนี้ เจอกับอีกฝ่ายอีกครั้งจนได้!


เจียงผิงอันก็ไม่คิดเช่นกันว่าจะได้มาเจออีกฝ่ายที่นี่ แค่เห็นหน้า ความอาฆาตในหัวใจก็โหมซัดอย่างรุนแรงราวกับคลื่นในมหาสมุทร


เห็นชายคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจียงผิงอันจึงลงมือลอบโจมตีแบบไม่ยั้งมือ


เพียงแต่ว่าประสาทสัมผัสของอีกฝ่ายฉับไวมาก ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ อีกฝ่ายก็รู้ตัวเสียก่อน


เวลานี้ไม่สามารถยั้งมือได้อีก เจียงผิงอันชูดาบในมือขึ้นพร้อมกับเพิ่มความเร็วระหว่างโถมเข้าใส่


“คนด้อยอาวุโสอย่างเจ้าก็คิดจะลอบโจมตีข้า! ไปตายเสียเถอะ!”


หยวนปินร่ายคาถาด้วยมือเดียว ตั้งใจจะปล่อยลูกไฟไปจัดการกับอีกฝ่าย


แต่ในชั่วขณะนี้เอง ฉับพลันเขารู้สึกว่านิ้วแข็งทื่อ ร่ายคาถาได้เพียงแค่ครึ่งก็หยุดชะงัก ไม่สามารถร่ายคาถาต่อได้อีก


สีหน้าของหยวนปินเปลี่ยนไป


ใช่แล้ว ไอ้เด็กคนนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเนตรสีเลือดแล้ว ถึงได้มีพลังประหลาดแบบนั้น!


ถึงแม้จะหยุดนิ่งได้เพียงแค่ชั่วครู่ ทว่าดาบในมือเจียงผิงอันพุ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว


“เจ้าหนู! ข้าเป็นผู้ฝึกตนแห่งสำนักวิญญาณสวรรค์ หากว่าเจ้าฆ่าข้า...”


ฉึก!


เลือดสาดกระเซ็น แผลยาวปรากฏบนคอของหยวนปิน


ถือโอกาสตอนที่เจ้าบาดเจ็บ ปลิดชีวิตในพริบตา


ไม่ว่าจะเป็นใคร ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่จากสวรรค์ก็ต้องตาย!


หยวนปินใช้มือที่เหลือเพียงข้างเดียวกุมแผลที่คอด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลทะลักออกจากปาก


ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ไม่พอใจ และริษยา


อีกฝ่ายรวดเร็วจนถึงเพียงนี้ เปรียบได้กับขอบเขตก่อปราณขั้นหก...


หยวนปินสังเกตเห็นแสงสีแดงจาง ๆ บนตัวอีกฝ่าย จึงสามารถเข้าใจได้ในทันที


ที่แท้อีกฝ่ายยังคงเป็นแค่ผู้ขัดเกลากายาเท่านั้น!


สมควรตายจริง ๆ!


ตนเคยเป็นถึงผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐาน แต่กลับมาตายในน้ำมือเด็กหนุ่มผู้อยู่ในขอบเขตต่ำกว่า!


หากเขาไม่โลภ ไม่คิดจะครอบครองเนตรสีเลือด ไม่คิดจะครอบครองทุนทรัพย์เด็กนี่...


บางทีเขาอาจจะมีชีวิตอยู่อย่างสงบในสำนักวิญญาณสวรรค์ก็ได้


แต่น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีคำว่า ‘ถ้า’ ทางใดก็ตามที่เลือกล้วนมีเหตุผลในตัวมัน และเหตุผลนี้จะย้อนกลับมาหาตัวเองในสักวันหนึ่ง


หยวนปินตกตายแล้ว ผู้ฝึกตนผู้เคยอยู่ในขอบเขตสร้างรากฐาน ทว่าต้องตายด้วยน้ำมือผู้ฝึกตนตัวน้อยไร้ชื่อคนนี้


หลังจากที่เจียงผิงอันฟันอีกฝ่ายเจ็ดแปดครั้ง ในที่สุดความอัดอั้นคับแค้นใจจึงคลายลง


ไอ้สารเลวคนนี้ทรมานเขาจนเกือบตาย หากไม่ใช่เพราะกลัวอีกฝ่ายจะมีไพ่ตายซุกซ่อนอยู่ เขาคงจะเฉือนอีกฝ่ายเป็นแฉก ๆ ให้ทุกข์ทรมานจนอยู่ไม่สู้ตายไปแล้ว


โชคดีเหลือเกินที่อีกฝ่ายอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส เหลือแขนเพียงข้างเดียว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ง่าย ๆ


ไม่รู้เช่นกันว่าคนคนนี้ถูกใครทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้


เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปปลดหยกคุ้มภัยที่ห้อยเอวอีกฝ่าย


หยกคุ้มภัยนี้เป็นของเขา เพียงแต่ว่าบนหยกไม่เหลือพลังใด ๆ แล้ว


เจียงผิงอันค้นตัวหยวนปินด้วยความคล่องแคล่ว


เวลาค้นตัวคนพวกนี้แล้วได้ของเพิ่มช่างเพลิดเพลินจริง ๆ


เพราะของเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเขามาก


ตาแก่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ สมบัติในตัวน่าจะมีเยอะทีเดียว


“อ้าว? มีแค่ถุงผ้าใบเล็ก ๆ นี้เองหรือ?”


เจียงผิงอันค้นตัวอีกฝ่ายอยู่นาน ทว่ากลับเจอเพียงแค่ถุงผ้าใบน้อยที่คล้องเอวเท่านั้น บนถุงผ้าเต็มไปด้วยอักขระลึกลับแปลกประหลาด


ถุงผ้าใบนี้เบามาก คงเป็นเพียงถุงเป่าใบหนึ่ง


แต่เมื่อเจียงผิงอันเปิดดูภายในถุง


เขาก็ต้องประหลาดใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นถุงผ้าขนาดเล็ก แต่เจียงผิงอันพบว่าในถุงมืดสนิท ราวกับหลุมไร้ก้น!


“นี่มันคือสิ่งใดกัน?”


เจียงผิงอันยกขึ้นส่องกับแดด แต่ก็มองไม่เห็นอะไรอยู่ดี


เขาเทถุงพร้อมกับสะบัดออก


ทันใดนั้น วัตถุมากมายหลายชิ้นก็ร่วงออกมาจากถุงผ้าเป็นกองพะเนิน แทบทับเขาจนมิด


เจียงผิงอันมุดออกมาจากกองวัตถุ ใบหน้าน้อย ๆ เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ


“ถุงใบนี้คล้ายกับอ่างสัมฤทธิผลเลย! สามารถใส่ของได้เยอะมาก!”


เจียงผิงอันมองถุงใบน้อยในมือกับวัตถุมากมายตรงหน้า เขาทั้งดีใจและตื่นเต้นอย่างที่สุด


เด็กหนุ่มถือถุงใบน้อยเล่นครู่หนึ่งก็สามารถเข้าใจได้ว่าต้องใช้อย่างไร


แต่เสียดายถุงนี้ยังสู้อ่างสัมฤทธิผลไม่ได้ อ่างสัมฤทธิผลสามารถเพิ่มจำนวนของได้ และยังสามารถเก็บเข้าไปในร่างได้ ทว่าถุงนี้ทำไม่ได้


ถุงใบนี้ทำได้เพียงแค่เก็บสิ่งของเท่านั้น


เจียงผิงอันดีใจไม่ใช่เพราะได้ถุงใบนี้ แต่เป็นของภายในต่างหาก


ลำพังเพียงแค่อาวุธก็มีเจ็ดแปดอย่างแล้ว บนตัวอาวุธเหล่านี้ล้วนสลักด้วยอักขระแปลกประหลาด


หลังจากใส่ปราณวิญญาณเข้าไป อักขระบนตัวอาวุธก็เปล่งแสงออกมา


เขาลองใช้ดาบที่สลักอักขระฟันดาบที่นายกองขั้นสองใช้ ปรากฏว่าดาบนั้นก็หักอย่างง่ายดาย!


นั่นหมายความว่าอาวุธทั้งสองชิ้นอยู่คนละขั้นกัน!


นอกจากอาวุธ ยังมีวิชาที่เจียงผิงอันอยากได้มาโดยตลอด!


วิชาลูกไฟ วิชาปราการธรณี วิชาเยียวยา และวิชาเหยียบวายุ


เจียงผิงอันดีใจจนตัวสั่น


ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในเมืองเขาเคยได้ยินมาว่า สาเหตุที่ผู้ฝึกตนแข็งแกร่งก็เพราะสามารถใช้พลังที่คนธรรมดาทั่วไปไม่มีออกมาได้


ยกตัวอย่างเช่นวิชาลูกไฟ สามารถปล่อยไฟได้ ยิ่งมีระดับการฝึกแกร่ง ลูกไฟที่ปล่อยออกมาก็ยิ่งแกร่ง


หรือยกตัวอย่างเช่นวิชาปราการธรณี เป็นวิชาป้องกันตัวชนิดหนึ่ง ในเวลาคับขันสามารถสร้างกำแพงดินออกมาสะกัดกั้นการโจมตีของศัตรูได้


วิชาเยียวยาคือเพิ่มความเร็วในการรักษา ส่วนวิชาเหยียบวายุเป็นวิชาที่ใช้เพิ่มความเร็ว


หากเขาได้เรียนวิชาเหล่านี้ คงไม่ต้องเจอกับอันตรายมากมายเช่นนั้น!


ในใต้หล้า มีเพียงแค่ผู้ฝึกตนโง่เขลาอย่างเขาคนเดียวเท่านั้นที่ประชันดาบกับผู้ฝึกยุทธ์ตรง ๆ


ในที่สุดเจียงผิงอันก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดคนจึงหันมาเป็นโจรป่ามากมายขนาดนี้


ความรู้สึกร่ำรวยในชั่วข้ามคืนช่างวิเศษจริง ๆ เขาชักอยากจะสังหารผู้ฝึกตนเพิ่มขึ้นอีกสักคนแล้วสิ


“ไม่ได้ ไม่ได้ ข้าจะกลายเป็นคนชั่วไม่ได้ ท่านแม่กำชับให้ข้าเป็นเด็กดี”


เจียงผิงอันรีบส่ายหน้า สะกดความโลภภายในใจลง


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว