ทหารพรานนักรบดำ (ชุดรักพิเศษ #2)

ตอนที่ 11 (100%)

วันถัดมาพันตรีนเรศมีธุระด่วนต้องไปจัดการเรื่องงานที่ค่ายทหารตั้งแต่เช้าตรู่ พอกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งคุณย่าก็เดินทางมาถึงก่อนหน้าเขาไม่นาน ท่านยังพาสาวใช้มาด้วยอีกหนึ่งคน ส่วนญาติผู้พี่ของเธออีกสองคนพอคุณย่ามาถึงก็เดินทางกลับไปก่อนแล้ว

“เรมาพอดี...ย่ากำลังจะพากวางกลับไปรักษาตัวที่บ้าน” คุณย่าพูดพร้อมรอยยิ้ม มือเหี่ยวย่นลูบไล้เส้นผมราวกับใยไหมของหลานสาวคนเดียวด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่

เธอจะไปแล้ว!

ดวงตาของผู้พันหนุ่มเบิกกว้าง ไม่คิดว่าวันที่เธอจะจากไปจริง ๆ จะมาถึงรวดเร็วถึงเช่นนี้ ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกอยู่หลายอึดใหญ่ใจ

“พากวางไปเดินเล่นข้างล่าง...อีกครึ่งชั่วโมงค่อยกลับขึ้นมา” เขาหันไปพูดกับสาวใช้ของคุณย่า

คิ้วเรียวสวยเลิกนิด ๆ มองร่างสูงด้วยสายตาครุ่นคิด

ไม่รู้พี่เรจะพูดอะไรกับคุณย่ากันแน่

สาวใช้เข็นเก้าอี้แบบมีล้อมาให้แล้วประคองเธอขึ้นนั่ง

“รอเดี๋ยว” พวกเธอเกือบจะถึงประตูอยู่แล้วแต่ผู้พันเรกลับรั้งตัวไว้ เขาหันไปคว้าหมอนที่อยู่บนเตียงแล้วสาวเท้ายาว ๆ กลับมาพร้อมกับหมอนในมือ

นัยน์ตาสีดำสนิทสบตาเธอแวบหนึ่งก่อนที่เขาจะวางหมอนหนุนหลังให้เธอ

การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของเขาทำให้ดวงหน้าเนียนมีรอยยิ้มแต่งแต้ม ไม่ใช่แค่หมอกวางเท่านั้นแม้แต่คุณย่ากับสาวใช้ยังแอบอมยิ้มด้วย


เมื่อกลับมาที่ห้องร้อยตรีแพทย์หญิงศิศิราเตรียมกล่าวคำร่ำลากับชายในดวงใจ สีหน้าของเธอบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าในใจนั้นห่อเหี่ยวเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม

“พอแล้ว...พอแล้ว” ในที่สุดคุณย่าก็อดรนทนเห็นหลานสาวทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้ไม่ไหว โบกไม้โบกมือเสร็จก็บอกข่าวดีในรอบสี่สิบปี

“วันนี้กวางไม่ต้องกลับไปกับย่า”

“ทำไมคะ?” เธอหันขวับกลับมาด้วยสายตาตกตะลึง

“ก็เพราะมีคนอาสาจะดูแลเราน่ะสิ” คุณย่าพูดยิ้ม ๆ

“พี่กวีน่ะเหรอคะ?”

คิดแล้วก็ไม่ถูกบ้านพี่กวีอยู่เชียงใหม่ ถ้าเขาอาสาจะดูแลเธอจริง ๆ เธอก็ต้องกลับไปกับคุณย่าอยู่ดี

ได้ยินชื่อเจ้าหนุ่มหน้าอ่อนคนนั้นผู้พันเรก็แทบจะกระอักเลือดลมตีกลับเลยทีเดียว

“เสียใจด้วยที่ไม่ใช่!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น ใบหน้าหล่อเหลาดุจฉาบด้วยชั้นน้ำแข็ง

“อ้อ” เธอรับคำเบา ๆ “แล้วใครคะ?”

เด็กคนนี้สมองมีปัญหาจริง ๆ ไม่รู้ว่าเป็นหมอเชี่ยวชาญโรคหัวใจได้อย่างไร

“พี่เอง!”

“พี่เร” หญิงสาวทวนชื่อเขาอย่างมึนงงอยู่ชั่วครู่ใหญ่ สุดท้ายดวงตาคู่งามเปล่งประกายสุกใสพลางแย้มยิ้มงดงาม ทำให้ดอกกุหลาบสีแดงสดในแจกันหมองลงทันที

เห็นสองหนุ่มสาวต่อปากต่อคำเพิ่มสีสันให้กับชีวิตแล้วคุณย่าก็คิดว่าควรจะปล่อยให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสอยู่กันสองต่อสองจึงตัดบท

“เอาล่ะ กวางมีคนดูแลแล้วย่าก็จะกลับล่ะ พรุ่งนี้จะส่งสาวใช้ของเรามาแทน”

“ดีจัง...ขอบคุณค่ะคุณย่า”

สายบัวเป็นสาวใช้ที่เติบโตมาพร้อม ๆ กับหมอกวาง พวกเธอรักกันเหมือนพี่น้องจริง ๆ เมื่อเดือนก่อนเธอลากลับบ้านเพราะจำเป็นต้องกลับไปดูแลพ่อที่ป่วยหนัก

“กวางรออยู่ที่นี่แหละ พี่จะไปส่งคุณย่าที่รถเอง” กำชับเธอแล้วผู้พันเรก็หันไปประคองหญิงชราไปที่ลิฟท์

เมื่อทุกคนออกไปแล้วคุณหมอสาวก็จมจ่อมกับความคิดที่พี่เรรับปากจะดูแลเธอ

เขาทำไปเพราะรู้สึกผิด เพราะต้องการรับผิดชอบใช่หรือไม่?

ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงดีไปกว่าผู้พัน แต่ก็ไม่แน่นะ..แม้แต่เจ้าตัวเองก็อาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าทำไม


ร้อยตรีแพทย์ศิศิรารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบอาทิตย์ในที่สุดคุณหมอก็อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ โชคดีที่มีสายบัวคอยดูเธอจึงไม่ลำบากอะไรมากนัก

บ่ายวันหนึ่งพันตรีนเรศพาญาติผู้น้องมาเยี่ยมเยียนคุณหมอเหมือนทุกวัน ทันทีที่ลงจากรถเห็นร่างคุ้นตาของใครคนหนึ่งเข้าไปในบ้านของหมอกวางพอดี

“นั่นพี่กวีนี่...อยู่บ้านติดกับพี่กวางด้วย บังเอิญจริง ๆ” ภูรีเปรย ๆ กับตัวเองแต่ความจริงแล้วพูดให้ญาติผู้พี่ฟังต่างหาก “ระวังนะพี่เร...ควายหายแล้วล้อมคอก”

อืม...ภาษาไทยของเขานับว่าพัฒนาไปไม่น้อยเลย

“โป๊ก!”

“โอ๊ย! พี่เรดีดหน้าผากผมทำไม”

“เขาเรียกว่าวัวหายแล้วล้อมคอก”

“วัวกับควายเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกัน ก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ”

เด็กแต่ละคนทำให้เขาปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน ป่านนี้เส้นผมดกดำเป็นเงาคงเปลี่ยนเป็นสีขาวไปแล้วหลายสิบเส้น

ว่าแต่...กวีถึงขนาดลงทุนมาเช่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ กวางน้อย งานนี้เขาไม่อยากจะยุ่งหรอกนะจะบอกให้ แต่ทำอย่างไรได้ในฐานะ ‘ผู้ปกครองที่ดี’ ของกวางน้อย เขาจำเป็นต้องจับตาดูทั้งคู่ ‘อย่างใกล้ชิด’

“พี่เรจะไปไหน”

เพิ่งจะมาถึงพี่เรก็จะกลับแล้วเหรอ เขายังอยากให้พี่กวางมาเป็นพี่สะใภ้อยู่นะ พี่เรชักช้าอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน

“เก็บของ!”

อย่าถามเลยว่าเก็บของไปทำไม เพราะสีหน้าของพี่เรตอนนี้บูดบึ้งยิ่งกว่าอาหารเหม็นเน่ามาแล้วสามวัน เขาไม่กล้าถามหรอก


หนึ่งชั่วโมงต่อมาสองหนุ่มก็กลับมาที่บ้านพักของหมอกวางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีกระเป๋าเดินทางใบเขื่องสองใบด้วย

ท่ามกลางความตกตะลึงและงุนงงของสองสาว ผู้พันเรก็มีน้ำใจช่วยขยายความกระจ่างว่า

“พี่หนีตามกวางน้อยไง...ดีใจไหม?” เขาพูดยิ้ม ๆ แววตาฉายความขบขัน

“หา!!!” สองสาวโพล่งออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

หญิงสาวชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางคุณภาพดีใบโตพลางชี้หน้าตัวเอง “พี่เรหนีตามกวาง?”

เขาพยักหน้ายืนยัน “พี่จะออกไปธุระข้างนอก เย็น ๆ จะกลับ”

ร่างสูงลับสายตาไปแล้วสองสาวก็ยังยืนงงเป็นไก่ตาแตก

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะด้วยความขบขันของภูรีดังขึ้นทำให้พวกเธอได้สติ

“น้องภูบอกพี่มาเร็ว ๆ ว่าพี่เรชอบกินอะไร” เย็นนี้เธอจะเข้าครัวแสดงฝีมือใช้เสน่ห์ปลายจวักมัดใจพี่เรให้ดิ้นไม่หลุดเลย...คอยดูสิ

รอยยิ้มมั่นอกมั่นใจระบายไปทั่วดวงหน้างาม

“ยังงี้จะดีเหรอคะถ้าพวกคุณ ๆ รู้เข้า” สายบัวดีใจกับเจ้านายสาวแต่การที่ผู้พันเรจะย้ายมาอยู่ร่วมชายคากับสาวโสดอย่างพวกเธอเห็นจะไม่เหมาะ

“พี่เรโทรฯไปขออนุญาตคุณย่าเรียบร้อยแล้วน่ะสิ” ภูรีไขความกระจ่าง

มือเล็กหันไปคว้ากระดาษปากกาบนโต๊ะข้างตัวแล้วคะยั้นคะยอภูรีต่อ “เร็ว ๆ น้องภูบอกพี่มาว่าพี่เรชอบกินอะไร”

รับรองว่าเย็นนี้พี่เรต้องตกตะลึงในฝีมือการทำอาหารของเธอ ไม่แน่นะ...เขาอาจจะให้รางวัลเป็น ‘จุมพิต’ ก็ได้

หญิงสาวคิดเองออเองจนใบหน้าแดงระเรื่อยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก


มื้อเย็นเป็นเวลาที่คุณหมอสาวตั้งหน้าตั้งตารอมาทั้งวัน เพราะเธอโทรฯถามคุณย่าถึงตำราแกงเขียวหวานเนื้อสูตรเด็ดประจำตระกูล ลงทุนเข้าครัวแสดงฝีมือด้วยตัวเอง รับรองว่าพี่เรต้องติดใจในรสมือของเธอจนไม่อยากย้ายกลับบ้านตัวเองเลยล่ะ

หญิงสาวทำหน้าปลื้มอกปลื้มใจอยู่คนเดียว

ฝันหวานเสร็จจึงขยับชามแกงเขียวไปตรงหน้าเขาด้วยสายตารอคอย ‘จุมพิต’ ไม่ใช่สิ ลูบผมแทนคำชมเชย

“เพี๊ยะ!” ภูรีที่อยากชิมสูตรเด็ดของคุณหมอเพราะเธอคุยโวตั้งแต่ตอนบ่าย แต่ลาภปากไม่ถึงเพราะถูกญาติผู้พี่ที่ไร้น้ำใจตีมือแรง ๆ หนึ่งที

“ผมขอชิมแค่คำเดียวเอง” เขายกนิ้วขึ้นเป็นการยืนยัน แต่ญาติผู้พี่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ยกชามหนีไปอีกทาง

“แค่นี้ทำเป็นหวง” ภูรีบ่นอุบอิบไม่เต็มเสียง

เห็นเธอรั้งรอด้วยสายตาคาดหวังไม่ยอมแตะอาหารสักคำ ผู้พันเรจึงตักแกงเขียวหวานชิมดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนเป็นปม

“ทำไมคะ...ไม่อร่อยเหรอ” ดวงตาคู่สวยมองเขาอย่างผิดหวัง

“อร่อยมากต่างหาก...แน่ใจนะว่าเราไม่ได้ซื้อมาจากร้านอาหารน่ะ” เขามองเธอด้วยสายตาไม่เชื่อถือ

“ถ้าไม่เชื่อพี่เรก็ไม่ต้องกิน” ดวงหน้าสวยงอง้ำ

คนอะไรชมสักคำก็ไม่มียังหาว่าเธอแอบไปซื้อมาอีก

เธอทำแก้มป่องอย่างแง่งอน

ไม่เชื่อก็ไม่ต้องกิน!

ยื่นมือไปจะคว้าชามแกงเขียวหวานแต่เขากลับมือไวกว่าผลักไปอีกทาง

“หน้าตาเราไม่น่าจะทำกับข้าวอร่อย...พี่ก็สงสัยน่ะสิ”

ยิ่งญาติผู้พี่บอกว่ารสชาติดีเยี่ยมภูรีก็น้ำลายสอ แต่จะทำอย่างไรได้พี่เรเป็นคนหวงของเสียด้วย เอาไว้วันหลังเขาจะแอบขอให้พี่กวางทำให้กิน

หญิงสาวฉีกยิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจ หันไปสบสายตากับสาวใช้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเป็นเชิงรู้กัน

สายบัวตักกับข้าวหลายอย่างใส่จานให้เธอจนพูน นัยน์ตาคมกริบลอบสังเกตสองสาวเงียบ ๆ ยิ่งมองใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ่งเยียบเย็นเหมือนก้อนน้ำแข็ง

ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวคว้ามือของกวางน้อยขึ้นมาดู เป็นอย่างที่คิดเพราะนิ้วชี้ของเธอมีพลาสเตอร์พันไว้

สาเหตุที่เขาจับความผิดปกติได้เพราะว่าเธอเป็นคนถนัดขวาแต่ตอนนี้กลับใช้มือซ้ายกินข้าว อีกทั้งสายบัวยังคอยปรนนิบัติเจ้านายสาวอย่างใกล้ชิด มองอย่างไรก็ไม่ปกติ

“ต่อไปอย่าให้เจ้านายเราเยียบเข้าไปในครัว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ แต่แฝงความเฉียบขาด

“ค่ะ คุณเร”

สายบัวอยากลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้น เพราะตอนเย็นคุณกวางอยากจะเอาใจคุณเรขนาดที่ตัวเองขายังบาดเจ็บอยู่ แต่ก็ไม่ละความพยายามถึงกับลงแรงทำกับข้าวด้วยตัวเอง แต่คนที่ลำบากที่สุดก็คือตัวเธอเอง เพราะถ้าคุณกวางเป็นอะไรไป พวกคุณ ๆ ต้องเอาผิดกับเธอน่ะสิ

ต่อไปคุณกวางเข้าครัวไม่ได้แล้ว ก็เท่ากับว่าเธอมีเรื่องให้กังวลน้อยลงอีกเรื่องหนึ่ง คุณเรเหมือนพ่อพระมาโปรดจริง ๆ

“ทำยังงั้นไม่ได้นะ” เธอชักมือกลับอย่างแง่งอน “บ้านของกวาง...พี่เรจะมาออกคำสั่งไม่ได้” เธอเชิดหน้าอย่างดื้อรั้น

ถ้าเธอเข้าครัวไม่ได้จะทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้เขากินได้อย่างไรกัน

“ดี...พรุ่งนี้กวางเก็บของไปอยู่บ้านพี่” เขาสรุปสั้น ๆ

คนอะไรเผด็จการ!

เธอแอบบ่นในใจ รู้ดีว่าพี่เรเป็นคนพูดจริงทำจริง เพราะฉะนั้นอย่าหาเรื่องเจ็บตัวเลยจะดีกว่า


สองวันถัดมาบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเอาของมาส่งที่บ้านพักของหมอกวาง หนึ่งกล่องใหญ่และหนึ่งกล่องเล็ก ด้านหน้าจ่าหน้าซองถึงพันตรีนเรศ สองสาวด้อม ๆ มอง ๆ อยากรู้ว่าข้างในคืออะไร ใจหนึ่งอยากเปิดออกดู แต่อีกใจก็ไม่กล้าคาดเดาถึงผลที่ตามมาถ้าถูกเจ้าของจับได้

“พวกพี่ทำอะไรกัน” ภูรีกลับมาจากข้างนอกเห็นสองสาวเดินวนไปเวียนมาอยู่รอบ ๆ กล่องกระดาษสองใบ แม้แต่คุณหมอที่ใช้ไม้ค้ำยันเดินเหินไม่สะดวกก็ยังนั่งไม่ติด คิ้วเข้มเลิกสูงด้วยความงุนงง

“พวกพี่อยากรู้ว่าข้างในคืออะไร” คุณหมอตอบโดยไม่หันกลับมามอง ในใจต่างก็คาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ

“บัวว่าต้องเป็นตู้เย็นขนาดเล็กแน่ ๆ เลยค่ะคุณกวาง”

“ตู้เย็นเราก็มีแล้วพี่เรจะซื้อเสียเงินทำไม” เธอส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“ก็ซื้อให้คุณกวางใช้ในห้องไงคะ”

อืม...ข้อดีมีความเป็นไปได้

“จะยากอะไรพวกเราเปิดดูก็รู้เองแหละ” ภูรีไม่รู้ว่าได้กรรไกรมาจากไหนถกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นด้วยท่าทางทะมัดทะแมง

“อย่านะ!”

“อย่านะ!”

เสียงของสองสาวดังไปถึงข้างนอกไม่รู้เลยว่าผู้พันเรมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่

“ทำอะไรกัน” เสียงทุ้มเอ่ยถาม คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องกรรไกรในมือของญาติผู้น้องตาเขม็ง ภูรีหันกลับมาส่งยิ้มแหย ๆ

“ผมเตรียมกรรไกรให้พี่เรไง”

เด็กคนนี้โกหกได้หน้าตาย ผู้พันหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ

“มันคืออะไรเหรอคะพี่เร”

“ไม่บอก...” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “ความลับ”

“โธ่เอ๊ย! ใครอยากรู้กัน” เธอส่งค้อนให้เขาวงโต สะบัดหน้าหนี ทำท่าจะผละจากไปแต่ถูกมือหนาดึงแขนเอาไว้แล้วประคองให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้

“ดูให้ดีล่ะ” เขาพูดยิ้ม ๆ แววตาแฝงความเพลิดเพลินชอบใจที่ได้กลั่นแกล้งเธอเล็ก ๆ น้อย ๆ

นอกจากนี้ยังมีผู้ชม ไม่ใช่สิ...คนอยากรู้อยากเห็นอีกสองคน

“เปิดเร็ว ๆ สิพี่เร” ภูรีเร่ง

“มันคืออะไรคะคุณเร” สายบัวถามตรง ๆ

ผู้พันหนุ่มกดยิ้มที่มุมปากไม่ยอมตอบคำถาม เขาเปิดกล่องขนาดใหญ่แล้ววางชิ้นส่วนที่ทำจากโลหะหลายชิ้นซึ่งไม่มีใครดูออกว่ามันคืออะไรออกจากกล่อง จากนั้นวางลงบนพื้น แม้แต่คู่มือก็ยังไม่ยอมให้พวกเธอเห็น ทุกคนจึงต้องรอให้ผู้พันเรประกอบชิ้นส่วนพวกนั้นให้เสร็จ

ยิ่งรอก็ยิ่งเหมือนเขากลั่นแกล้งผู้คน เพราะเคลื่อนไหวอืดอาดยืดยาดเหลือเกิน คุณหมอเกือบจะหลุดปากเร่งตั้งหลายครั้ง แต่ก็กลัวว่าจะถูกเขาจับได้ว่าเธออยากรู้จนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

มันคือ…

เตียงสระผม!

“พี่เรซื้อมาทำไมคะ?”

หรือว่าเขาคิดจะทำการค้า ขายของออนไลน์?

ไม่หรอกน่า เพราะพี่สะใภ้...พี่รตี ภรรยาของพี่เสือซึ่งเป็นน้องสาวของพี่เรบอกว่าแต่ละปีพี่เรได้เงินจากหุ้นกิจการของครอบครัวเป็นตัวเลขเกือบหกเจ็ดหลักทุกปี เขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินแล้วซื้อมาทำไมกัน

“โอ๊ย!” หางเปียถูก ‘มือมาร’ ดึงแรง ๆ สองที

“ถามได้ก็ซื้อให้เราไงล่ะ”

“ซื้อให้กวางเหรอคะ?” คิดอยู่ชั่วครู่ดวงตาคู่สวยก็เบิ่งกว้าง

อย่าบอกนะว่า…

ว่า...ต่อไปนี้พี่เรจะเป็นช่างสระผมให้เธอ!

รอยยิ้มของเธอทำให้โลกสดใสขึ้นมาทันที ทำให้เขาอดยิ้มตามไม่ได้

ปกติแล้ว ‘ตัวสกปรกน้อย ๆ’ กว่าจะสระผมก็เจ็ดแปดวัน ตอนนี้ขาเธอเจ็บไม่อยากคิดเลยว่าอีกกี่วันถึงจะสระผม

คนรักความสามารถอย่างผู้พันเรขนลุกซู่ด้วยความสยดสยอง

“ทำยังไงนะบัวถึงจะเจอผู้ชายอย่างคุณเรบ้าง” สายบัวทำหน้าเพ้อฝัน

“อีกแปดสิบสามชาติไงล่ะพี่บัว” ภูรีผลักเธอตกหน้าผาอย่างเลือดเย็น เขาจึงได้รางวัลเป็นค้อนวงโต

“แล้วอีกกล่องล่ะคะ” หมอกวางชี้ไปที่กล่องขนาดเล็ก

อย่าบอกนะ...ว่ากล่องนั้นพี่เรก็ซื้อให้เธอ

หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงแดดยามบ่าย

“ของกวางเหรอคะ?”

เขาไม่ตอบแต่หันไปเปิดฝากล่องออก เห็นเธอชะเง้อทำเป็นคอยาวยิ่งกว่ายีราฟเขาก็หัวเราะเบา ๆ ยกกล่องกระดาษวางลงตรงหน้า

ข้างในนั้นล้วนแล้วแต่เป็นขวดแชมพูกับยาสระผมหลายสิบขวด อ้อ...แล้วยังมีน้ำมันบำรุงผมด้วย พวกมันไม่ใช่ของที่วางขายตามท้องตลาดแต่เป็นสินค้าคุณภาพดีทำจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ

“งานนี้หมดไปเยอะเลยนะพี่” ภูรีอดจะค่อนขอดไม่ได้

ไหนพี่เรบอกว่าพี่กวางเป็นแค่น้องสาวไง พี่ชาย planet ไหนถึงใส่ใจน้องสาวถึงขนาดนี้?

อ้อ...planet พี่เรไง

ร่างสูงหันมาส่งสายตาราวกับคมมีดให้ญาติผู้น้อง ภูรีจึงยกมือขึ้นทำท่ารูดซิบปาก และเพื่อเป็นการยืนยันเขาจึงยกมือขึ้นทั้งสองข้างเป็นสัญญาณว่าไม่พูดมากก็ได้ เชิญพี่เรตามสบายเถอะ ฉีกยิ้มให้ญาติผู้พี่แล้วเขาก็แสดงวิชานินจาหายตัวไปทันที

ขวดแชมพูมีทั้งทำด้วยลูกทับทิม เม็ดอัลมอนด์ ว่านหางจระเข้ มะพร้าวอ่อนเห็นแล้วผู้หญิงที่รักสวยรักงามอย่างสายบัวก็ทำตาโตอยากได้สักขวด

คุณเรน่ารักจริง ๆ

“ขอบัวซักขวดนะคะ” เธอฉีกยิ้มที่คิดว่าสวยงามที่สุด

“ไม่ได้!”

“ไม่ได้!”

ผู้พันเรกับหมอกวางตอบเสียงดังฟังชัดพร้อมกัน

โธ่...แค่นี้ทำเป็นหวง สายบัวหุบยิ้มแทบไม่ทัน

ไหน ๆ ก็ได้เตียงสระผมมาแล้ววันนี้ต้องทดลองใช้ดู​

ร่างสูงชะโงกหน้าไปดม ๆ เส้นผมดกดำของคนที่ทำให้เขาต้องหมดเงินไปมากมาย

ดีเลย...ได้เวลาสระผมให้กวางน้อยพอดี

จัดการยกเตียงสระผมขึ้นไปที่ห้องอาบน้ำของกวางน้อยแล้วผู้พันเรจึงโบกมือให้สายบัวที่ตามมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นออกไป

ส่วนคุณหมอสาวยิ้มกว้างจนหุบไม่ลง พี่เรบอกให้หันซ้าย หันขวา นอนลง ก็ทำตามโดยไม่ปริปากบ่น

ครั้งนี้ฝีมือการสระผมของพี่เรนับว่าพัฒนาไปไกล

สบายเหลือเกิน…

เธอหลับตาพริ้มไม่รู้เลยว่าพี่เรของเธอเกิดอาการ ‘หิวน้ำ’ อีกแล้ว หน้าแดง แม้แต่ใบหูก็แดงทั้งคู่ ในใจท่องคำว่า ‘ยุบหนอ พองหนอ’ อยากชกตัวเองสักสองสามที ไม่รู้คิดยังไงถึงได้สั่งซื้อเตียงสระผมให้เธอ ซ้ำยังอาสาเป็นช่างสระผมประจำตัวเธออีก

หาเรื่องใส่ตัวชัด ๆ!

วันนี้เธอใส่เสื้อยืดค่อนข้างรัดรูป กะขนาดด้วยสายตาแล้วเขาเชื่อเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าหน้าอกเธอคับดี อีกสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือต้องยืนยันด้วยการ ‘สัมผัสด้วยมือตัวเอง’ คิดถึงตรงนี้เลือดในกายก็แล่นผ่านเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบแปด

ไม่รู้ทำไมกวางน้อยถึงได้ตัวหอมขึ้นทุกวัน เส้นผมเธอก็เงางามกว่าเดิม ก็ใช่น่ะสิ...ใครเป็นคนดูแลเล่า

ระยะนี้เขาเกิดอาการ ‘หิวน้ำ’ หน้าแดง ใจสั่น เพราะกลิ่นหอม ๆ หวาน ๆ ของกวางน้อยบ่อยขึ้นทุกวัน ขืนเป็นแบบนี้ถ้าไม่ถูกกวางน้อยจับกิน เขานี่แหละจะเป็นฝ่ายจับเธอกินเอง

ใบหน้าหล่อเหลาคมคายคล้ายถูกผีหลอกตอนกลางวัน ไม่รู้ว่าเขามีความคิดสกปรกแบบนี้ได้อย่างไร พยายามข่มกลั้นความรู้สึกแปลกประหลาด แต่กลิ่นกายสาวและกลิ่นหอมของเรือนผมดกดำทำให้เลือดในกายของเขาปั่นป่วนเป็นครั้งที่สอง เขาชะโงกหน้าไปที่เป้าหมาย...ริมฝีปากจิ้มลิ้มอมชมพู อยากรู้นักว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร

“พี่เร”

เสียงเรียกชื่อตัวเองทำให้เขาได้สติ ลนลานจนทำอะไรไม่ถูกจึงเผลอทำขวดแชมพูหล่นบนพื้น หญิงสาวลืมตาขึ้นมองจึงเห็นใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ

ไม่รู้เพราะอะไร...ช่วงนี้พี่เรถึงได้หิวน้ำบ่อย ๆ


กว่าจะสระผมเสร็จหมอกวางไม่รู้เลยว่าช่างสระผมของเธอต้องต่อสู้กับความผิดถูกในใจแค่ไหนถึงได้ไม่เผลอลิ้มลองเธอขึ้นมาจริง ๆ เลือดในกายยังแล่นพล่านเพราะความเสน่หา เขาต้องดื่มน้ำเย็นเพื่อดับกระหาย

ไม่ใช่สิ...ครั้งนี้คงต้องแช่น้ำเย็นสักสองชั่วโมงเพื่อดับความร้อนรุ่มในอก

กวางน้อยเป็นตัวอันตราย อย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด

เสียงฝีเท้าของสายบัวเดินขึ้นบันไดมา จะมาดูว่าคุณเรสระผมให้คุณกวางเสร็จหรือยัง แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าหยุดตรงหน้าประตู เพราะภูรีเอาหน้าแนบกับประตูห้องทำหูยืดยาวแอบฟังว่าคนข้างในคุยอะไรกัน

“คุณภู” แน่นอนว่าสาวใช้ผู้ภักดีต่อเจ้านายไม่พอใจ

“ชู่ว์” ภูรีนอกจากจะไม่สำนึกผิดแล้วยังยกนิ้วขึ้นจรดริมฝีปากให้เธอเงียบเสียง แล้วยังกวักมือชักชวนให้เธอมากระทำความผิดด้วยกัน

“เจ็บ ๆ” สายบัวกำลังจะอ้าปากสั่งสอนเด็กหนุ่มเรื่องมารยาท แต่พอได้ยินเสียงเจ้านายสาวก็เปลี่ยนเป็นเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

“อย่าดิ้นสิ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บนะ” เสียงทุ้มเตือนด้วยความห่วงใย

“พี่เรก็เบา ๆ สิคะ”

“ครั้งแรกก็เจ็บหน่อย ต่อไปก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ”

สองคนที่แอบฟังอยู่นอกประตูยิ่งฟังก็ยิ่งหน้าแดง

“ถ้าคุณเรจับได้ว่าพวกเราแอบฟังแล้วจะเกิดอะไรขึ้นคะ” สายบัวอยากฟังต่อแต่ก็กลัวว่าจะถูกจับได้

“ไม่มีอะไรมาก...พวกเราก็ตายสถานเดียว” ภูรีตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ทำให้ร่างอ้อนแอ้นของสายบัวเซถอยหลังไปสามก้าว ใบหน้าซีดเผือด เธอมีพ่ออายุแปดสิบกว่าต้องดูแล มีน้องชายอายุสิบหกต้องส่งเสีย ปล่อยคุณภูแอบฟังไปคนเดียวเถอะ เธอไม่กล้าเอาชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองมาเสี่ยงหรอก

ในห้องผู้พันเรหน้าตาจริงจังเคร่งขรึม สองมือไม่ว่างเพราะกำเส้นผมนุ่มลื่นมือคล้ายใยไหม นัยน์ตาก็จับจ้องอยู่ที่วิดีโอบนมือถือ

“ใกล้เสร็จรึยังคะ?”

เธออยากจะเห็นผมถักเปียแฟชั่นล่าสุดจะแย่อยู่แล้ว หวังว่าจะคุ้มค่ากับการเจ็บตัว

“อืม”

มือหนาคว้ากระจกใบเล็กให้เธอดูทรงผมด้านหลัง พลางถอนหายใจเบา ๆ ยอมรับชะตาตัวเองว่าต่อไปนี้ต้องเป็นช่างผมถักเปียส่วนตัวให้เธออีกหนึ่งตำแหน่ง

“พี่เร!”

ไม่คุ้มค่ากับการเจ็บตัวเลย ผมถักเปียโย้ไปเย้มาไม่ได้เรื่องเลย

“ครั้งแรกจะให้เพอร์เฟคได้ยังไง คราวหน้าพวกเราค่อยลองใหม่ก็แล้วกัน”

ลองใหม่!?

ภูรีที่แอบฟังอยู่นอกประตูด้วยความตั้งอกตั้งใจยกนิ้วให้ญาติผู้พี่ด้วยความนับถือ

เยี่ยมไปเลยพี่เร!



----------------------------------

01/07/2018

เปิดจองนิยาย "ทหารพรานนักรบดำ" แล้วนะคะ ราคา 299 บาท ส่งฟรีลงทะเบียน กำหนดส่งหนังสือต้นเดือนส.ค. 61

สนใจติดต่อสั่งจองโดยตรงกับผู้เขียนทางไลน์ ไอดี "pukekokiwi" หรือทาง Facebook ค้นหาคำว่า "ดวงดุษณี" หรือที่ลิ้งค์...www.facebook.com/awesomeniyays

ขอบคุณค่ะ


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว