คุณสุดที่ร้าย-ตอนที่ 3 ทนดูไม่ได้

โดย  อมราวรินทร์

คุณสุดที่ร้าย

ตอนที่ 3 ทนดูไม่ได้

ทันทีที่หลิวอี้หลงวางร่างของมี่เหยาลงบนตั่งที่เขาใช้นอนอ่านหนังสือยามว่าง เขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนจัดว่า

“เลิกเสแสร้งได้แล้ว มี่เหยา!”

เปลือกตาหลับพริ้มจึงค่อยๆลืมขึ้น ก่อนร่างอรชรจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วรีบโผเข้ากอดเอวคนตัวสูงที่ยืนกอดอกมองนางด้วยสีหน้าเครียดขมึง

“ท่านพี่หลงให้อภัยมี่เหยาแล้วใช่ไหมเจ้าคะ?” นางเงยหน้าถามเขาทั้งน้ำตา

แต่หลิวอี้หลงกลับรีบแกะมือเหนียวราวกับกาวปลาของนางออกอย่างรวดเร็ว แล้วสะบัดตัวหมุนเดินไปนั่งที่เก้าอี้ซิ่วตุนตัวหนึ่ง

มี่เหยาเห็นอีกฝ่ายยังโกรธจัดและทำตัวหมางเมิน น้ำตาก็เอ่อกลบตาจนภาพตรงหน้าพร่าเลือน

“ท่านพี่หลง ข้าถูกใส่ร้ายจริงๆนะเจ้าคะ” นางร่ำร้องสะอึกสะอื้น ยกมือไม้เช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะหน้าจนดูแทบไม่ได้

หลิวอี้หลงแค่นเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะตะโกนขึ้นว่า

“ไห่หู...พาตัวนางเข้ามา!”

สิ้นคำ บานประตูอีกฝั่งของเรือนก็เลื่อนเปิดออก ปรากฏร่างของไห่หูคุมตัวนางกำนัลลานซักล้างที่ถูกขับออกจากจวนไปแล้วเดินเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้ามี่เหยาที่ถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด

“พูดความจริงออกมาให้หมด แล้วข้าจะให้เงินสงเคราะห์ครอบครัวเจ้าตามที่รับปากไว้” หลิวอี้หลงพูดกับนางกำนัลคนนั้นอย่างเย็นชา

ไห่หูผลักนางล้มลงนั่งคุกเข่าทันที นางกำนัลรีบโขกศีรษะคำนับแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดว่า

“ก่อนหน้าที่ข้าน้อยจะผลักกงจู่ตกบ่อน้ำ ท่านหญิงมี่เหยาได้ติดต่อกับข้าน้อยโดยตรง ขอให้ข้าน้อยกลั่นแกล้งกงจู่ทั้งสองจนพวกนางมิอยากใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องต่อไป...เมื่อข้าน้อยทำตามแผนการเสร็จ สาวใช้นามว่ารั่วรั่วก็นำเงินค่าจ้างมามอบให้ข้าน้อย นี่เจ้าค่ะ...เงินค่าจ้าง แต่มันเหลือเพียงบางส่วนเพราะข้าน้อยนำไปใช้เกือบหมดแล้ว แต่ทว่า...เงินค่าจ้างที่ข้าน้อยได้นั้นน้อยกว่าที่ตกลงกันไว้มากหลังจากข้าน้อยเปิดดูในวันที่ถูกขับออกจากจวน ทำให้ข้าน้อยเคียดแค้นท่านหญิงมี่เหยายิ่งนัก หากวันนี้มิได้เปิดปากเล่าความจริงออกมา ข้าน้อยก็จะขอไปร้องเรียนต่อที่ว่าการเมืองเจ้าค่ะ”

“มะ...ไม่จริง ข้าถูกใส่ร้าย ข้าถูกใส่ร้าย!” มี่เหยายังยืนกรานเสียงแข็ง จนหลิวอี้หลงได้แต่กำหมัด สูดลมหายใจลึกระงับโทสะที่แล่นพล่าน ก่อนจะตบโต๊ะที่อยู่ข้างตัวดังปึง

“ถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังปากแข็งอีกหรือ มี่เหยา? เหตุใดเจ้าถึงได้เป็นคนใจคอชั่วร้ายถึงเพียงนี้ขึ้นมาได้ หรือตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมา...นิสัยของเจ้าทั้งหมดที่ข้าล้วนคุ้นเคยนั้นเป็นการเสแสร้งแกล้งทำทั้งสิ้น!”

มี่เหยาข่มเสียงสะอื้น ก่อนจะเงยหน้าที่ครานี้ประกายตาลุกวาวราวกับแม่เสือที่พร้อมไล่ล่าเหยื่อมองสบประสานตาดำลุ่มลึกแต่เคร่งเครียดของหลิวอี้หลง คล้ายต้องการจะข่มขวัญเขากระนั้น

“หึ” นางแค่นเสียงออกจากลำคอ “ที่ข้าเปลี่ยนไปมิใช่เพราะท่านพี่หลงหลงกงจู่ผู้นั้นแล้วหรอกหรือ ท่านคงไม่รู้สินะว่าตั้งแต่ท่านเก็บพวกนางมา ท่านก็ทำตัวหมางเมินกับข้ามากกว่าแต่ก่อน เช่นนั้นจะไม่ให้ข้าชิงชังนางจนอยากทำร้ายนางได้อย่างไรกัน!”

ปึง!

“เหลวไหล!” หลิวอี้หลงตวาดกร้าว

“ข้ามิเคยคิดจะทำตัวหมางเมินกับเจ้า หากมิใช่เพราะข้ารู้ว่าการที่อาฟางประสบเคราะห์ร้ายหลายครั้งล้วนมีเจ้าบงการอยู่เบื้องหลัง เช่นนั้นจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามาก จนโมโหเจ้า โกรธเจ้า จนไม่อยากพบหน้าเจ้าสักพักไปได้อย่างไร!”

ฟังคำตอบของหลิวอี้หลงแล้ว มี่เหยาก็รู้สึกมีความหวังเล็กๆขึ้นมา นางยิ้มออกมา รีบยกมือยกไม้เช็ดน้ำหูน้ำตา พลางถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า

“เช่นนั้นท่านพี่หลงก็มิได้รักนางสินะเจ้าคะ แต่ท่านพี่หลงยังรักข้าอยู่ ใช่หรือไม่?”

สีหน้าของหลิวอี้หลงยิ่งตึงเครียดมากขึ้น เขาลุกขึ้นยืนหมุนตัวมือไพล่หลังให้ทันที ก่อนตอบมี่เหยาด้วยน้ำเสียงชืดชา ไร้ไมตรีว่า

“ข้าจะเข้าพิธีแต่งงานอยู่แล้ว ข้ามิอาจมีใจให้สตรีใดได้อีกนอกจากพระชายาของข้าเพียงผู้เดียว!”

มี่เหยารู้สึกเหมือนถูกอสุนีบาตฟาดลงกลางกระหม่อม นางนั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่บนตั่ง ขาแข็งทื่อแทบขยับมิได้

ความจริงนี้ช่างโหดร้าย...ช่างโหดร้ายเกินไป นางทำใจยอมรับมันไม่ได้จริงๆ!


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว