กับดักตัณหา-ลืมได้แล้วจริงเหรอ

โดย  uno2009

กับดักตัณหา

ลืมได้แล้วจริงเหรอ

การมาที่ตำหนักของผู้อาวุโสสูงสุดของ ฟู่เหว่ยหลุน ทำให้คนที่พบเห็นล้วนพากันกริ่งเกรงถอยร่น ถึงจะมีเรือนกายที่ผอมแห้งมองดูบอบบาง แต่ชื่อเสียงลือเลื่องอันน่ากลัวที่เขย่าขวัญผู้คนนั้น ก็อยู่เหนือคำบรรยายไปแล้ว ไม่มีแม้แต่คนที่จะกล้าหายใจแรงยามที่เขานั้นเดินผ่าน...


ฟู่เหว่ยหลุน เดินดุ่ม ๆ ตรงขึ้นไปยังห้องโถงทำงานปู่ของตน โดยที่ไม่มีสักคนกล้าเข้ามาเอ่ยถาม... ซึ่งหลังจากผลักประตูจนเสียงดังโครม ปากก็โพลงดังออกมาโดยที่ตายังไม่ได้กวาดมองเข้าไปในห้องโถงด้วยซ้ำ


“ปู่! เรียกหาข้ามีเรื่องอะไร!!”


ชั่วพริบตานั้นเอง ฟู่เหว่ยหลุน สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลระลอกหนึ่งที่ปะทะเข้ากับใบหน้า ความรู้สึกนั้นราวกับบรรยากาศภายในโถงแห่งนี้จะฉีกร่างของตนเป็นชิ้น ๆ ขอเพียงคนที่อยู่ภายในนั้นมีเจตนาจะกระทำ... พอรวบรวมสติขึ้นได้ส่วนหนึ่ง ก็ฝืนมองเข้าไปด้านใน และก็พบว่าภายในโถงแห่งนี้นอกเหนือจาก ฟู่จื่อหลิน ปู่ของตนแล้ว ก็ยังมีผู้ชราอีกสี่คนเป็นชายสามหญิงหนึ่ง ที่ชำเลืองมองกลับมายังตนด้วยสีหน้าเย็นชา...


ทำให้ ฟู่เหว่ยหลุน ทราบได้ในทันที ว่าแรงกดดันที่มากพอจะบดขยี้ชนชั้นลมปราณสีส้มขั้นที่ 3 อย่างเขาได้ด้วยสายตานั้น เกิดจากพลังอำนาจของกลุ่มคนภายในโถงแห่งนี้... แม้ว่า ฟู่เหว่ยหลุน จะไม่รู้จักชายชราสองคนและหญิงชราอีกหนึ่งคนภายในห้อง


แต่ก็มีชายชราคนหนึ่งที่ ฟู่เหว่ยหลุน ย่อมรู้จักดี!! จึงรีบคุกเข่าลงโดยไม่ต้องรอให้ปู่ของตนเองออกปากตำหนิ เหงื่อเย็น ๆ ไหลอาบท่วมร่างขึ้นมาในชั่วพริบตา “ขะ...ขออภัยที่ผู้น้อยเสียมารยาท คารวะท่านปู่... คารวะท่านผู้อำนวยการสูงสุด...”


ชายผู้ที่ ฟู่เหว่ยหลุน จดจำได้มั่นคนนี้ แท้จริงแล้วก็คือ เนี่ยคุน ผู้อำนวยการสูงสุดของสถาบันฯ ทั้งยังดำรงตำแหน่ง เทพราชันย์ ยอดฝีมืออันดับ 1 แห่งยุทธภพอีกด้วย... หาไม่นับรวมกับคนของสมาพันธ์แห่งท้องทะเล ตระกูลเหว่ย และตระกูลเล้ง ที่ปัจจุบันถือว่าตัดขาดจากยุทธภพไปแล้ว


เนี่ยคุน ผู้นี้ถือว่าครอบครองความแข็งแกร่งสูงสุด... รูปร่างหน้าตาของ เนี่ยคุณ ยังดูอ่อนเยาว์กว่า ฟู่จื่อหลิน เสียอีก ทั้งที่แท้จริงแล้ว เนี่ยคุน แก่ชรากว่า ฟู่จื่อหลิน เกือบ 20 ปีเต็ม!! ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะขอบเขตชนชั้นเทวะ ที่ผสานรวมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ อำนาจควบคุมที่นอกเหนือกฎเกณฑ์นั้น มิใช่เพียงแค่เหาะเหินเดินอากาศ แต่ยังสามารถลดทอนความชรา ให้กลับมาอ่อนเยาว์ได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย เพื่อให้อยู่ในสภาพที่สามารถดึงพลังรบสูงสูดออกมาได้...


ซึ่งสำหรับคนที่ ฟู่เหว่ยหลุน หวาดกลัวที่สุดในสถาบันฯนั้นมิใช่ปู่ของเขา มิใช่ผู้อาวุโสสูงสุดคนที่เหลือ แต่เป็นผู้อำนวยการ เนี่ยคุน ผู้นี้!! เพียงแค่คำพูดประโยคเดียวของ เนี่ยคุน ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตของ ฟู่เหว่ยหลุน ได้ในทันที ซึ่งแม้แต่ปู่ของเขาก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้...


“เจ้าเด็กน้อย ฟู่เหว่ยหลุน... ได้ยินว่าช่วงนี้ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวันเลยงั้นหรือ?! เจ้ายังเห็นแก่สถานะปู่ของเจ้า หรือเห็นแก่หน้าของข้าอยู่อีกหรือไม่?!” เนี่ยคุน เอ่ยเน้นย้ำทีละคำ เสียงแน่นหนักราวกับสายฟ้าที่ฟาดผ่าเข้าไปในแก้วหู


ทำเอา ฟู่เหว่ยหลุน จากที่ใบหน้าผอมแห้งแก้มตอบอยู่ก่อนแล้ว ยามนี้ก็ยิ่งราวกับไม่มีโลหิตไหลเวียนขึ้นไปหล่อเลี้ยง กระทั่งหัวใจยังแทบจนหยุดเต้น “ทะ...ท่านผู้อำนวยการ ข้ากำลังปรับตำรับสุราสูตรใหม่ หมายจะมอบให้ท่านเป็นของขวัญอายุครบ 220 ปี ขะ...ข้าก็เลยจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรที่มากขึ้นมาอีกหน่อย...”


“ไม่ต้องมาแก้ตัว!! ทุกการเคลื่อนไหวของทุกคนในสถาบันฯ เพียงแค่ข้าหลับตาขอบเขตสัมผัสลมปราณก็ล้วนปกคลุมทั้งหมด ไหนเลยที่ข้าจะไม่รู้ไม่เห็นว่าเจ้ากระทำการสิ่งใดบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าข้าจะเอ่ยพูดหรือไม่เท่านั้น!!


เรื่องครั้งนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนของพรรคมังกรฟ้าอีกด้วย เจ้ากำลังนำพาความเสื่อมเสียมาสู่สถาบันฯ ของเรา และยังชักนำคนนอกเข้ามาร่วมเสื่อมเสียด้วย!! ดังนั้นจำเป็นลงโทษเจ้าด้วยมาตรการระดับสูง ข้าจะลดตำแหน่งผู้อาวุโสของเจ้าให้เหลือเพียงชนชั้นผู้ฝึกสอน อีกทั้งยังจะจำกัดบริเวณเจ้า 10 ปีเต็ม!!”


!!!!!!!!!!!” ฟู่เหว่ยหลุน อ้าปากค้างในทันที ต่อให้ตนนั้นได้ทำผิดจริง แต่ก็ไม่คิดว่า เนี่ยคุน จะสั่งลงโทษหนักถึงเพียงนี้… ชายผู้เป็นที่ครั่นคร้ามหวาดกลัวไปทั้งสถาบันฯ เมื่ออยู่ต่อหน้า เนี่ยคุน ก็เปรียบเสมือนลูกนกลูกกาตนหนึ่งเท่านั้น จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด


“ทะ...ท่านผู้อำนวยการ ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” ฟู่เหว่ยหลุน โขกศีรษะอย่างไม่นึกอาย เพราะ ฟู่เหว่ยหลุน ถูกเลี้ยงให้เติบโตมาในสถาบันฯ ตั้งแต่แบเบาะ จึงเห็นผู้อำนวยการ เนี่ยคุน เสมือนญาติผู้ใหญ่ที่ต้องเคารพอีกคนหนึ่ง


ขณะที่อีกฝ่ายกำลังโขกคำนับหน้าผากแนบพื้น... ผู้อำนวยการ เนี่ยคุน ก็แอบหันไปยิ้มเยาะกับ ฟู่จื่อหลิน ราวกับว่าสองชายชราได้วางแผนเรื่องนี้ร่วมกันมา ตั้งแต่ก่อนที่ ฟู่เหว่ยหลุน จะมาถึงที่แล้ว... จากนั้น เนี่ยคุน ก็ได้กระแอมไอขึ้นมาเล็กน้อย ๆ เอ่ยปากเนิบช้าออกไป


อันที่จริง หากเจ้าสามารถทำเรื่อง ๆ หนึ่งได้

ข้าจะยินยอมลบล้างความผิดทั้งหมดให้กับเจ้า”


ฟู่เหว่ยหลุน ดวงตาเบิกกว้างอย่างคนมีความหวัง เผยประกายระยิบระยับขึ้นมาโดยพลัน

“เชิญว่ามาได้เลย!! ต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ข้าก็พร้อมกับทำเพื่อสถาบันฯ!!”


“ไม่ต้องทำเป็นพูดดีไป เจ้าคงเป็นคนสุดท้ายในสถาบันฯ แล้ว ที่จะสามารถพูดว่าทำเพื่อสถาบันฯ ได้เต็มปาก... อันที่จริงเรื่องมันก็มิได้ยุ่งยาก ข้าเพียงแค่ต้องการให้เจ้าชักนำคน ๆ เข้ามาเป็นศิษย์ของสถาบันฯ เราอย่างเต็มตัว... ซึ่งคนนั้นก็คือ ซุน เด็กหนุ่มที่คอยร่วมก่อเหตุกับเจ้าในช่วงนี้” เนี่ยคุน กล่าวด้วยใบหน้าเคร่งครึม


ฟู่เหว่ยหลุน ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับใจเต้นรัว...

“หะ...ให้ข้าชักนำน้องซุน เข้าสู่สถาบันฯ งั้นหรือ?! เพื่ออะไรกัน”


“เรื่องเหตุผลข้ายังไปอาจบอกได้... แต่ทั้งหมดล้วนเพื่อสถาบันฯ ของเราทั้งสิ้น...” เนี่ยคุน เอ่ยเน้นย้ำที่ละคำ บ่งบอกถึงความแน่นหนักจริงจัง


ฟู่เหว่ยหลุน ได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าลังเลขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แน่นอนว่าเรื่องนี้มันอาจกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์และความไว้เนื้อเชื่อใจ แต่หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว หาก ซุน เข้าร่วมกับสถาบันฯ จริง ๆ ก็ยิ่งนับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตน... ทั้งยังได้รับคำชวนจากปากของผู้อำนวยการสูงสุดเช่นนี้ด้วยแล้ว ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับคำตอบของ ซุน เท่านั้น...


ในขณะที่กำลังครุ่นคิด สายตาของ ฟู่เหว่ยหลุน ก็ชำเลืองมองไปยังสองชายชราและหนึ่งหญิงชราที่ยังอยู่ภายในห้อง... ฟู่เหว่ยหลุน ค่อนข้างประหลาดใจที่คนทั้งสามอยู่ที่นี่ด้วย แต่ผู้อำนวยการ เนี่ยคุน ก็ยังสามารถกล่าวเรื่องภายในได้อย่างไม่จำเป็นต้องกลัวว่าความลับจะรั่วไหล


ฟู่จื่อหลิน ราวกับอ่านสายตาของหลายชายออก จึงเอ่ยแนะนำอย่างเป็นทางการ... “ทั้งสามผู้อาวุโสก็คือ สามผู้เฒ่าแห่งสมาพันธ์ทำเนียบยุทธภพ ตำแหน่งสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง เจ้าเองก็รีบทำความเคารพเสียสิ...”


ฟู่เหว่ยหลุน ได้ยินเช่นนั้นก็พลันตื่นตะลึง... หากกล่าวถึงสมาพันธ์ทำเนียบยุทธภพ เหล่าผู้เฒ่าทั้งเก้าคน ถือว่าเป็นจุดสูงสุดของสมาพันฯแล้ว ซึ่งโดยปกติแล้วเหล่าผู้เฒ่าทั้งเก้าคนจะไม่ปรากฏโฉมหน้าออกมาให้ใครได้เห็น เว้นเสียแต่จะมีการประลองจัดลำดับครั้งสำคัญขึ้นมาในยุทธภพ จึงจะมาเป็นสักขีพยาน...


แต่ก็ยังถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่ดี เพราะถึงแม้ในอีกไม่กี่วันจะเกิดการประลองชิงตำแหน่งราชันย์รุ่นเยาว์ ทว่าการส่งคนระดับผู้เฒ่าทั้งเก้ามาเพียงคนเดียว ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติที่มากมายแล้ว... การปรากฏตัวถึงสามคนพร้อมกันเช่นนี้ ทั้งยังอยู่ร่วมโถงประชุมกับ เทพราชันย์ เนี่ยคุน และ เทพปรมาจารย์ลำดับที่ 2 ของทวีปมังกรฟ้า ฟู่จื่อหลิน ย่อมบ่งบอกได้ถึงวิกฤตบางอย่างที่รุนแรง ถึงขั้นยุทธภพต้องโยกคลอนเป็นแน่...


ฟู่เหว่ยหลุน รู้สถานะของตนเองดีว่ายังไม่ควรเอ่ยถามอะไร จึงเพียงแค่ทำความเคารพผู้เฒ่าทั้งสามอย่างสุภาพ... จากนั้นก็หันกลับมานึกถึงเรื่องของ ซุน ต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะหันไปให้คำตอบที่แน่นหนักกับ เนี่ยคุน


“ท่านผู้อำนวยการ ถึงข้าจะไม่อาจรับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะชวน ซุน เข้าร่วมสถาบันฯ ได้สำเร็จ แต่ข้าจะพยายามให้ดีที่สุดก็แล้วกัน... ข้าเชื่อว่า ซุน มันน่าจะเห็นถึงความสัมพันธ์ของข้าบ้างไม่มากก็น้อย อย่างไรเสียข้าก็ได้ชื่อว่า ยกตำแหน่งผู้สืบทอดวิถีแห่งสุราฟ้าดินให้กับมันโดยไร้เงื่อนไขไปแล้ว...”


เสียง โครม! ดังขึ้น เมื่อ ฟู่เหว่ยหลุน กล่าวจบประโยค... ก่อนที่ทุกคนจะหันมองไปยังต้นทางของเสียงนั้น และพบว่าเป็น ฟู่จื่อหลิน ที่ลุกยืนขึ้นอย่างพรวดพราด จนเป็นเหตุให้เก้าอี้ที่เคยนั่งนั้น หงายล้มตึงลงไปด้านหลัง...


สีหน้าของชายชราที่มองมายังหลานชาย เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ... นัยน์ตายังสั่นไหวตื่นตระหนกอย่างชัดเจน “จะ...เจ้าว่าอะไรนะ!! เจ้ายกตำแหน่งผู้สืบทอดวิถีแห่งสุราฟ้าดิน ให้กับ ซุน ไปงั้นหรือ!!”


ฟู่เหว่ยหลุน เห็นท่าทีของปู่ตนเองเป็นเช่นนั้นก็ยังต้องผงะไปเล็กน้อย ไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างแจ่มแจ้ง “ชะ...ใช่แล้วท่านปู่ ทว่าถึงแม้ ซุน มันจะยังไม่ใช่คนของสถาบันฯ แต่เจ้านั้นก็มีความสามารถมากพอนะ ทักษะต่าง ๆ แห่งวิถีก็ยังเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้ข้าเองยังต้องอึ้งนับครั้งไม่ถ้วน...”


แม้ว่า ฟู่เหว่ยหลุน จะพยายามอธิบายให้ปู่ตนเองฟัง... แต่คล้ายว่าสีหน้าของ ฟู่จื่อหลิน จะไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยสักนิดเดียว ชายชราถึงกับกุมขมับ รู้สึกราวกับศีรษะถูกค้อนหนัก ๆ กระแทกเข้าใส่ “เจ้าหลานโง่เอ้ย... เจ้าจะยกตำแหน่งผู้สืบทอดให้ใครก็ได้มันเป็นสิทธิ์ของเจ้า ทว่าเจ้ากลับเลือกคนเพียงหนึ่งเดียว ที่ไม่สามารถยกตำแหน่งผู้สืบนี้ให้ได้!! ข้าล่ะอยากจะบ้าตายเสียจริง”


ฟู่เหว่ยหลุน เผยแววตาที่สับสนงุนงงในทันที... ก่อนจะมีมือข้างหนึ่งตบลงที่ไหล่ของเขาเบา ๆ ซึ่งเป็นมือของ เนี่ยคุน ที่ใบหน้ามีรอยยิ้มเบาบางประดับอยู่ “เจ้าไม่รู้งั้นหรือ?! ว่า ซุน เป็นผู้สืบทอดวิถีแห่งเซียนเมรัย คู่แข่งในสายวิถีแห่งสุราหนึ่งเดียวของเจ้า...”


“อะไรนะ!!!!!”

เสียงคำรามกร้าวของ ฟู่เหว่ยหลุน แทบจะเขย่าคลอนตำหนักแห่งนี้


.....................................................


ซุน นั้นรู้ถึงตำแหน่งที่พักของ กลุ่มพิชิตมังกรอยู่ก่อนแล้ว หากแต่ตลอดเวลายี่สิบกว่าวันนับตั้งแต่ที่เข้ามาในสถาบันฯ ตนนั้นก็ไม่เคยมาที่นี่เลย เหตุผลก็เพียงแค่ว่ากลัว เตียมู่หยง จะจับตนกักบริเวณเอาไว้


แต่ในตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงแค่ห้าวัน ก็จะถึงศึกการประลองชิงตำแหน่งแล้ว ผนวกกับเรื่องของ ฟู่เหว่ยหลุน ที่ค่อนข้างกะทันหันเกินไป ซุน นั้นยังคิดไม่ออก ว่าจะแก้ต่างเรื่องนี้อย่างไรจึงตัดสินใจถอยกลับมาตั้งหลักก่อน...


พอมาถึงที่นี่แน่นอนว่าย่อมหนีไม่พ้น ถูกชายชรา เตียมู่หยง ตำหนิสวดยับติดต่อกันเกือบสองชั่วยาม กว่าจะรวบรัดสิ่งต่าง ๆ ที่ ซุน ได้สร้างความลือเลื่องไปทั่วสถาบันฯในช่วงที่ผ่านมา ทำเอาแก้วหูของชายหนุ่มด้านชา... จากนั้น เตียมู่หยง ก็สั่งเด็ดขาดให้ ซุน ใช้เวลาที่เหลือฝึกซ้อมกันคนอื่น ๆ


ซึ่ง ณ เวลานี้ทั้ง เฉียงตงฟาง เจี่ยโย่วเทียน และ ลั่วชิงเหอ สามชายหนุ่มนั้นราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังรวบรวมพลัง เพื่อรอการระเบิดปะทุออกมาในการประลองชิงตำแหน่งอีกไม่กี่วันข้างหน้า... ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซุน เอาแต่มุ่งเน้นไปที่การฝึกวิถีแห่งสุราฟ้าดิน เพราะ ซุน คิดว่ามันเป็นโอกาสเดียวที่จะได้เรียนรู้ จึงไม่ได้ฝึกซ้อมวรยุทธเพิ่มเติมเลยแม้แต่น้อย...


แต่พอได้มาเห็นสหายทั้งสามที่กำลังฝึกซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่ตนไปก่อความวุ่นวายที่ด้านนอก ก็อดที่จะรู้สึกผิดต่อพวกพ้องขึ้นมาไม่ได้... และหลังจากหันมองซ้ายขวาอย่างละเอียด ซุน ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ไป๋หู่จิวหรง นางไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย...


“องค์รัชทายาท ออกไปพบคนรู้จักที่สวนด้านหลัง...” สาวงาม ฉู่อ้ายเยว่ กล่าวตอบขึ้นขณะที่นางเดินเข้ามาใกล้ ซุน ด้วยรอยยิ้ม มือสองข้างของนางถือถาดไม้ที่วางแก้วชาอุ่น ๆ เพื่อยกมามอบให้ชายหนุ่ม...


“คนรู้จัก?! องค์รัชทายาท นางมีคนรู้จักนอกเหนือจากพวกเราที่สถาบันฯ ด้วยงั้นหรือ?!” ซุน เอ่ยถามด้วยความสงสัย


“เรื่องนั้นพวกเราก็ไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดนัก แต่เห็นองค์รัชทายาทกล่าวว่าเป็นรุ่นน้องของนางในหน่วยมือปราบเทพพยัคฆ์ ก่อนที่จะย้ายมาสังกัดอยู่ในสถาบันฯ ภายหลัง…” หญิงสาวตอบขึ้นตามตรง


ซุน ที่ได้ยินเช่นนั้น ก็พลันเกิดความรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อย จึงตัดสินใจเดินไปที่สวนด้านหลังเพื่อให้แน่ชัดว่า ไป๋หู่จิวหรง นางไปพบเจอผู้ใดกันแน่...


....................................................

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว