กับดักตัณหา-เหตุผลคืออะไร

โดย  uno2009

กับดักตัณหา

เหตุผลคืออะไร

หลังจากรับยามาแล้ว สองพ่อลูกก็ขอบคุณหมอซุนซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งสองคนเดินไปที่นอกเมืองเพื่อเอารถเลื่อน ระหว่างทางเสี่ยวเฉ่าได้ซื้อซาลาเปาเนื้อจากร้านข้างถนนและเอาไปป้อนให้สุนัขทั้งสองตัวกินจนอิ่ม แถมเธอยังใส่น้ำหินศักดิ์สิทธิ์ลงไปในน้ำดื่มของพวกมันสองหยดด้วย


สุนัขทั้งสองตัวก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ขากลับพวกมันลากเลื่อนด้วยความเร็วราวสายฟ้า และถึงขั้นไล่ทันและแซงเลื่อนที่ใช้ม้าลากด้วย คนขับเลื่อนคันนั้นถึงกับร้องอุทานอย่างชื่นชมในความเร็วและความแข็งแรงของสุนัขทั้งสองตัว และพูดว่าม้าของเขาคงไม่สามารถไล่ทันพวกมันได้


ระยะทางประมาณ 25 กม.นั้น สุนัขทั้งสองตัวใช้เวลาวิ่งไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่พวกมันจะถึงทางเข้าหมู่บ้าน สองพ่อลูกได้แวะไปดูกับดักที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเสี่ยวเฉ่าก็ไม่ประหลาดใจเลยที่กับดักเกินครึ่งของพวกเขานั้นดักสัตว์ได้


กับดักใหญ่สองอัน อันหนึ่งถูกทำลาย ส่วนอีกอันจับกวางโรตัวอ้วนพีได้หนึ่งตัว แต่กวางโรตัวนั้นถูกจับเอาไว้นานเกินไป มันจึงตายไปสักพักแล้ว กับดักที่เล็กกว่าอันอื่นก็จับกระต่ายป่ากับไก่ฟ้าได้เป็นส่วนใหญ่ แต่มีอันหนึ่งที่จับตัวหมาหริ่งได้!


เสี่ยวเฉ่าไม่คุ้นเคยกับหมาหริ่ง เธอจึงเอาไม้แหย่ด้วยความอยากรู้อยู่หลายครั้ง หยูไห่ยิ้มน้อยๆแล้วพูดว่า “ขนหมาหริ่งอุ่นมากนะ พอพ่อฟอกหนังมันแล้ว พ่อจะเอาให้แม่ของเจ้าตัดเสื้อให้ลูก เนื้อของมันก็อร่อยมากแล้วยังบำรุงร่างกายด้วย เราน่าจะเก็บไว้กินเอง เจ้าควรเอาไขมันของหมาหริ่งไปไว้ด้วย ตอนท่านหมอโหยวกลับมาจะได้ใช้มันทำครีมรักษาแผลไฟไหม้”


“หมาหริ่งตัวนี้น่าจะหนักอย่างน้อย 20 ชั่ง ต่อให้ประเมินด้วยราคาต่ำสุด ก็น่าจะขายได้สัก 200 อีแปะ ท่านพ่อว่าท่านย่าจะยอมให้เรากินเหรอ?” หยูเสี่ยวเฉ่าตอบโดยไม่ได้คาดหวังมากนัก

“เราเป็นคนจับหมาหริ่งตัวนี้ได้ ถ้าพ่อบอกว่าเราจะกิน เราก็ต้องได้กินซิ” หยูไห่เด็ดเดี่ยวมั่นคงกว่าเมื่อก่อนมาก

พวกเขาได้สัตว์มากองใหญ่เลยทีเดียว รวมๆกันแล้วก็ประมาณ 2-3 ร้อยชั่ง หยูไห่เอาสัตว์พวกนั้นวางบนเลื่อนแล้วตัวเองเดินไปข้างๆ บางครั้งเขาก็จะถามลูกสาวว่าเธอหิวหรือหนาวรึเปล่า


หยูเสี่ยวเฉ่าถูกห่อจนดูคล้ายลูกบอลผ้าฝ้ายลูกใหญ่ นอกจากตากับจมูกแล้วส่วนอื่นๆอยู่ใต้ผ้าทั้งหมด เธออดถอนหายใจไม่ได้ ‘วิธีที่ท่านพ่อทำกับลูกสาวท่านพ่อคนนี้นี่ไม่รู้จะว่ายังไงดีเลย’


สองพ่อลูกไปที่บ้านของท่านลุงของหยูไห่ก่อนเพื่อเอารถเลื่อนไปคืน ระหว่างทางเสี่ยวเฉ่าได้เกลี้ยกล่อมพ่อว่าเขาไม่ควรคืนเงินที่ยืมไปชั่วคราว เมื่อมีหนี้ที่ต้องจ่าย เขาก็จะมีข้ออ้างไม่ให้เงินที่เขาได้มาจากการขายสัตว์ การมีเงินเป็นของตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัวของพวกเขา


เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้หยูไห่เห็นถึงความสำคัญของการมีเงินสดในมือ ภรรยาของเขามีร่างกายที่อ่อนแอตั้งแต่ให้กำเนิดฉีโตว หลายครั้งก็ถึงกับไอเป็นเลือด ถึงลูกสาวคนเล็กของเขาจะบอกว่าเธอสบายดี แต่เขาก็ยังไม่เชื่ออย่างสนิทใจ ถ้าเขาไม่มีเงินอยู่กับตัวเลยสักอีแปะเดียว แล้วเขาจะทำยังไงในอนาคต? เขาจะต้องดูทั้งสองคนทนทรมานตอนที่ป่วยครั้งต่อไปหรือยังไง?


เพราะเหตุนั้นเขาถึงไม่พูดอะไรตอนที่ลูกสาวรับเงิน 50 ตำลึงไปก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นตอนที่ลูกสาวแนะนำให้จ่ายหนี้ช้าลงเขาก็เห็นด้วยโดยไม่ลังเลสักนิด วันหน้าเขาจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อครอบครัว เขาจะไม่กตัญญูอย่างโง่ๆแล้วไม่สนใจครอบครัวของตัวเองอีกต่อไปแล้ว


“ต้าไห่ พาลูกของเจ้าเข้ามาในห้องก่อนเร็ว จะได้นั่งบนเตียงให้ตัวอุ่นๆ วันนี้หนาวมากๆ หลานต้องหนาวแย่เลยใช่ไหม? เป็นยังไงบ้าง? เจ้าดูซีดๆไม่ร่าเริงเลย” หยูลี่ชุนช้อนตัวเสี่ยวเฉ่าขึ้นมาพร้อมผ้าห่มและรีบอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน

อากาศอันอบอุ่นจากในห้องโดนตัวเธอทันที และก่อนที่เธอจะมองสภาพรอบตัวให้ดีๆ เสี่ยวเฉ่าก็ถูกสอดเข้าไปในผ้าห่มที่คลุมเตียงอยู่ มันอุ่นสบายอย่างเหลือเชื่อจนทำให้เธอรู้สึกง่วงขึ้นมา


“ท่านหมอว่ายังไงบ้าง?” หยูเจียง ท่านอาสามของหยูเสี่ยวเฉ่าถามขึ้น เขาถือน้ำขิงร้อนๆมาสองถ้วย หลังจากวางให้หยูไห่หนึ่งถ้วย เขาก็ไปหลอกล่อให้หลานสาวดื่มน้ำขิง


น้ำขิงของตระกูลหยูทำจากขิงสดๆเท่านั้นและใช้เวลาต้มนาน มีรสชาติของขิงเป็นหลักและทิ้งรสเผ็ดเอาไว้ในลำคอ หยูเสี่ยวเฉ่าเบ้หน้าอยากจะหนีความทรมานนี้ แต่อาสามก็ง้างปากเธอแล้วกรอกน้ำขิงลงไป ถึงร่างกายเธอจะอุ่นแล้ว แต่ความรู้สึกทรมานทั้งปากและคอนั้นยังอยู่อีกนาน


หยูไห่กระดกน้ำขิงของเขารวดเดียวหมด เมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของลูกสาวเขาก็หัวเราะเบาๆอย่างชั่วร้ายแล้วพูดว่า “ท่านหมอซุนร้านยาถงเหรินตรวจอาการนางและสั่งยามาสองสามอย่าง ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงหรอก”


เขาจะไม่พูดเด็ดขาดว่าลูกของเขาไม่ได้มีปัญหาสุขภาพอะไรเลย หยูไห่รู้จักนิสัยของนางจางดี เงินคือชีวิตของเธอ! ถ้าไม่ให้เธอเลือดออกซะบ้าง เธอก็คงไม่รู้ว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงเป็นยังไง คราวหน้าหากเธออยากทำเลวๆกับลูกสาวของเขาอีก เธอจะได้คิดถึงผลที่จะตามมาก่อน!


นางซุนเอามันเผาออกมาลอกเปลือกออกและวางลงบนมือของเสี่ยวเฉ่าพร้อมกับพูดว่า “กินนี่ซิ จะได้ช่วยกลบรสในปาก สิ่งสำคัญก็คือหลานสบายดีล่ะนะ หลายปีมานี้เด็กคนนี้ก็เจอเรื่องมาเยอะแล้ว”

“ขอบคุณค่ะท่านย่าใหญ่!” เสี่ยวเฉ่าชอบมันเผามาก แต่น่าเสียดายที่เธอมียัยแม่มดใจร้ายเป็นท่านย่า เธอจึงแทบไม่มีโอกาสได้กินเลย รสชาติที่หอมหวานของมันเผาช่วยลบบาดแผลในใจที่เกิดจากน้ำขิงไปได้


หยูไห่พูดคุยกับท่านลุงใหญ่และลูกพี่ลูกน้องของเขา เมื่อเขาเห็นว่าลูกสาวกินมันเผาหมดแล้วและกำลังขยี้ตาด้วยความง่วง เขาก็ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านลุงใหญ่ครับ ข้าจะคืนเงินให้ท่านลุงก่อนสิ้นปีนี้แน่ และจะจดจำความใจดีของท่านลุงเอาไว้ตลอดไป”


หยูลี่ชุนรีบตอบว่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ ไม่ต้องพูดเรื่องจะจดจำความใจดีอะไรนั่นหรอก! อย่าตำหนิพ่อของหลานด้วย เขาเป็นคนจิตใจอ่อนแอ แม่เลี้ยงหลาน......เฮ้อ อย่าไปพูดถึงเลย! อย่าให้เงินที่ยืมไปเป็นภาระของหลาน ครอบครัวลุงยังไม่ต้องใช้เงินตอนนี้หรอก”


หยูไห่ช่วยลูกสาวของเขาสวมเสื้อหนังอย่างหนา เสื้อนั้นใหญ่มากจนเกือบถึงพื้น และเหมือนว่าเธอจะยังมึนงงอยู่ เสี่ยวเฉ่าเดินสะดุดถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ หยูเจียงยกตัวเด็กน้อยขึ้นมาและเตรียมส่งสองพ่อลูกเดินทางกลับบ้าน

หยูไห่หยิบกระต่ายและไก่ฟ้าตัวอวบอ้วนออกจากกองแล้วพูดกับลุงใหญ่ของเขาว่า “ก่อนเข้าเมืองข้าไปวางกับดักบนภูเขามา คงเป็นเพราะหิมะเลยทำให้พวกสัตว์หาอาหารกันยาก ข้าเลยจับสัตว์มาได้เยอะแยะเลย เอากระต่ายป่ากับไก่ฟ้าตัวนี้ให้ท่านป้าใหญ่จัดการแช่แข็งพวกมันนะครับ งานเลี้ยงปีใหม่จะได้มีอาหารเพิ่ม”



หยูลี่ชุนไม่ยอมรับของขวัญและพูดว่า “ต้าไห่ ไปล่าสัตว์ตอนอากาศหนาวขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ตอนที่เสี่ยวเฉ่ากินยาหมดแล้ว นางอาจจะต้องกินยาเพิ่มอีกก็ได้ หลานควรเก็บสัตว์พวกนี้ไว้เองและเอาไปขายในเมืองพรุ่งนี้......”


“ท่านลุงใหญ่ครับ ถ้าท่านลุงไม่ยอมรับมันก็หมายความว่าท่านลุงดูถูกผมนะ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านลุงให้เงินข้าวันนี้ ข้าก็คงไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี......นี่เป็นการแสดงความเคารพของข้า ท่านลุงต้องรับเอาไว้นะครับ!” หยูไห่แน่วแน่มาก หยูลี่ชุนรู้มานานแล้วว่าหลานของเขามีนิสัยดื้อรั้น ถ้าเขายังปฏิเสธต่อไป ชายตรงหน้าก็คงยิ่งดึงดันมากขึ้นไปอีก


ตอนที่พวกเขาออกจากบ้านของลุงใหญ่ตะวันก็ตกดินแล้ว หยูไห่ก้าวไปบนหิมะที่แข็งตัวแล้วและเดินทางไปยังบ้านของเขา ขณะที่เดินไป หัวใจของเขาก็ค่อยๆเย็นชาขึ้น


ประตูห้องทุกบานปิดสนิท เตาในครัวก็เย็นเฉียบ......เมื่อได้ยินเสียงคนก็มีเพียงประตูห้องตะวันตกเท่านั้นที่เปิดออกอย่างร้อนรน ภรรยาและลูกๆของเขารีบวิ่งเข้ามา เมื่อก่อนเขาช่างโง่จริงๆที่ปล่อยให้ภรรยาของเขาต้องอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนสุดท้ายสุขภาพของภรรยาเขาก็ทรุดโทรมและลูกสาวของเขาก็เกือบตาย


ประตูห้องใหญ่ยังคงปิดสนิท เสียงด่าและเสียงทะเลาะกันดังมาแว่วๆ ในห้องตะวันออก หน้าต่างแอบแง้มเปิดเป็นช่องเล็กๆ เมื่อดวงตาข้างในสบเข้ากับตาของเขาก็หายกลับเข้าไปทันที เสียงหน้าต่างปิดยิ่งดังชัดเจนในความเงียบเช่นนี้


หยูเจียงขมวดคิ้ว เขาวางเสี่ยวเฉ่าที่ง่วงจนจะหลับลงบนเตียงในห้องแล้วออกไปข้างนอก ท่านย่าของเธอไม่ได้เกี่ยวโยงกับเธอทางสายเลือด แต่ท่านปู่ของเธอไม่ได้เป็นอย่างนั้นด้วยนี่ การตัดสินใจของท่านลุงรองในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเลอะเลือนมากขึ้นทุกที!


แต่ครั้งนี้หยูเจียงตำหนิเฒ่าหยูแบบผิดๆแล้วล่ะ หลังจากที่เขากินมื้อเย็นเสร็จ เฒ่าหยูก็แต่งตัวและเดินออกไปข้างนอกหลังจากเห็นว่าลูกชายและหลานสาวยังไม่กลับบ้าน เขาอยากต้อนรับพวกเขากลับบ้านจึงเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่ข้างนอก แต่สองพ่อลูกนั้นกำลังจับสัตว์อยู่บนภูเขา พวกเขาจึงคลาดกัน


ขณะที่หยูไห่กำลังเตรียมยาอยู่ในบ้าน เฒ่าหยูก็กลับมาจากข้างนอกแล้ว ทันทีที่มาถึงบ้านเขาก็รีบไปที่ห้องตะวันตก เมื่อเข้าไปข้างในเขาก็เห็นเสี่ยวเฉ่ากำลังหลับอยู่ เฒ่าหยูถามอาการของเธอด้วยความเป็นห่วงแล้วพูดว่า “กินอะไรกันรึยัง? ไปบอกเมียของเจ้าให้ทำก๋วยเตี๋ยวสักชามสิ แล้วก็ทำไข่ลวกให้เสี่ยวเฉ่าด้วย”


หยูไห่มองไปที่ห้องใหญ่แล้วส่ายหน้า “เราเหลือแป้งขาวอยู่ไม่เยอะ เก็บไว้สำหรับทำเกี๊ยวตอนปีใหม่เถอะครับ วันนี้ข้าจับหมาหริ่งมาได้ เดี๋ยวข้าจะเอาไปทำเนื้อตุ๋นกิน”

เห็นลูกชายมีแผนจัดการกับสัตว์ที่ล่ามาได้ เฒ่าหยูก็เกือบจะพูดอะไรบางอย่างโดยไม่ทันได้คิด ดีที่เขายั้งปากเอาไว้ได้และเปลี่ยนมาพูดว่า “ก็ดีเหมือนกัน! เนื้อหมาหริ่งก็บำรุงร่างกายดีนะ ลูกน่าจะเอาให้เด็กๆกินบ้าง”

พูดจบเขาก็เดินเอามือไขว้หลังกลับไปที่ห้องใหญ่ช้าๆ เฒ่าหยูสัมผัสได้ว่าลูกชายของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาถอนหายใจอยู่ภายในใจ ดูเหมือนครั้งนี้ลูกชายของเขาจะเสียความรู้สึกมากจริงๆ


หยูเสี่ยวเฉ่าตื่นขึ้นเพราะกลิ่นหอมยั่วน้ำลายของเนื้อ ธรรมดาเนื้อหมาหริ่งก็อร่อยมากอยู่แล้ว พอรวมกับฝีมือทำอาหารของนางหลิว เนื้อตุ๋นหม้อนั้นก็สามารถปลุกความเป็นนักกินที่อยู่ในตัวของทุกคนได้เลย

ทั้งครอบครัวนั่งล้อมวงอยู่บนเตียงกินเนื้อตุ๋นกันอย่างเอร็ดอร่อย หยูไห่มองเนื้อในถ้วยแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนจะพูดขึ้นว่า “พ่อจะเอาเนื้อตุ๋นไปส่งที่ห้องใหญ่ 2 ถ้วย”


นางหลิวชะงักมือที่กำลังกินไปนิดนึงก่อนจะก้มหน้ากินต่อโดยไม่พูดอะไร ตรงข้ามกับฉีโตวน้อยที่บ่นออกมาว่า “ท่านย่าไม่อยากให้เงินไปรักษาพี่สามตอนที่ท่านพี่ป่วย ทำไมพ่อยังจะส่งเนื้อตุ๋นไปให้ท่านย่าอีก?”


เสี่ยวเฉ่าเคี้ยวเนื้อในปากก่อนจะกลืนมันลงไป เธอหยิกแก้มเด็กน้อยแล้วพูดว่า “ท่านย่าเป็นผู้ใหญ่ในบ้าน ถึงท่านย่าจะทำไม่ดีกับเรา แต่เราจะไม่เคารพท่านย่าไม่ได้”


หยูไห่มองลูกสาวแล้วพยักหน้าอยู่ในใจ ถูกต้องแล้ว ‘ความกตัญญู’ เป็นกฎที่ยิ่งใหญ่กว่าสวรรค์ ถ้าใครรู้เข้าว่าลูกหลานกินเนื้อกันโดยไม่เอาไปให้ผู้ใหญ่ในบ้านกินบ้าง ชื่อเสียงของพวกเขาคงพังพินาศ นอกจากนั้นครอบครัวของพวกเขาก็มีนางหลี่ผู้ที่ชอบซุบซิบนินทาคนอื่น อะไรที่เธอรู้ โลกก็ย่อมรู้!


หยูไห่เดินถือถ้วยเนื้อตุ๋นออกจากครัว เขาเห็นนางหลี่ยืนอยู่ที่ประตูห้องตะวันออก กำลังชะเง้อคอยาวมาทางครัวและมองไปรอบๆ ลูกชายจอมตะกละของเธอเกาะอยู่ด้านหลังพร้อมกับบ่นว่า “เนื้อตุ๋น! ข้าอยากกินเนื้อตุ๋น! ทำไมพวกห้องตะวันตกแอบกินกันได้แล้วไม่ยอมแบ่งพวกเราบ้างเลย?” หยูต้าชานพยายามดึงสองแม่ลูกกลับเข้าไปในห้อง ขณะที่เขากำลังจะปิดประตู เขาก็มองไปที่หยูไห่แล้วพูดว่า “ต้าไห่ หลานก็แค่ถูกแม่ตามใจมากไปหน่อยน่ะ อย่าใส่ใจเลยนะ......”

“ยังมีเนื้อตุ๋นอยู่ในครัว ถ้าอยากกินก็ไปเอาเอง” หยูไห่เดินเข้าไปในห้องใหญ่พร้อมถ้วยเนื้อตุ๋นในมือ



นางจางหรี่ตามองเขา เสียงของเธอแหลมจนแสบแก้วหู “โอ๊ย! ปีนี้ยัยแก่คนนี้ไม่มีโชคได้กินเนื้อตุ๋นหรอก! ขืนกินเข้าไปคงได้อายุสั้นลงแน่ๆ!”


เฒ่าหยูมองหน้าเธอแล้วพูดว่า “หยุดพูดมากได้แล้ว! ข้าเป็นคนตกลงให้พวกเขาฆ่าตัวหมาหริ่งเอง สะใภ้รองกับเสี่ยวเฉ่าร่างกายอ่อนแอทั้งคู่ ควรกินของที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง กินเนื้อที่ล่ามาเองจะทำให้เราอายุสั้นลงได้ยังไง? ถ้าเจ้าไม่อยากกินงั้นข้ากินเองทั้งสองถ้วยนั้นแหละ!”


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว