ฮูหยินจอมมาร-บทที่ 20 (เล่ม 3 จบ) แผนการร้ายนานา 1

โดย  pusshunkayan

ฮูหยินจอมมาร

บทที่ 20 (เล่ม 3 จบ) แผนการร้ายนานา 1

ตอนที่ 9

ประภัสสรายืนมองภาพสะท้อนจากกระจกเงา คนที่ยืนตรงข้ามเธอนั้นเริ่มดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเมื่ออายุครรภ์ครบสามเดือน น้ำหนักที่เคยลดลงอย่างฮวบฮาบเริ่มทรงตัว และขยับขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ อาจเป็นเพราะกฤษณะคอยดูแลเธอเป็นอย่างดี เอาใจใส่ทุกอย่าง ไม่ขัดใจให้เธอต้องคิดมาก อีกทั้งอาการแพ้ท้องที่เคยรุนแรงในช่วงแรกก็เริ่มทุเลาลง ทำให้หญิงสาวเริ่มดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากกว่าเดิม หน้าท้องที่เคยแบนก็เริ่มนูนออกมาเล็กน้อย ทุกคนในฟาร์มต่างก็ยินดีเมื่อได้รู้ข่าวนี้ แวะเวียนกันมาเยี่ยมอยู่เสมอ ทำให้ว่าที่คุณแม่เริ่มคลายความกังวลที่มีในใจลงไปได้ระดับหนึ่ง

"สรา เสร็จรึยัง จะสายแล้วนะ" เสียงกฤษณะร้องเรียกจากนอกห้องน้ำ วันนี้เธอมีนัดตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอีกแล้ว เธอจะได้รู้พัฒนาการของลูกว่าแข็งแรงสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน

"เสร็จแล้วค่ะ พี่กุน" ประภัสสรายิ้มให้กระจกอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป

สองหนุ่มสาวมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัดครู่ใหญ่ มีเวลาเดินไปที่ห้องตรวจโดยไม่ต้องเร่งรีบ ประภัสสราสวมชุดกระโปรงสีสันสดใส เพราะช่วงนี้เธอท้องใหญ่เกินกว่าจะใส่กางเกงได้เหมือนเดิม เป็นหน้าที่ของคุณพ่อที่จะต้องพาเธอไปเลือกซื้อชุดสวยมาสวมอำพรางหุ่นเอาไว้ และแน่นอนว่าเขาต้องควักจ่ายตามระเบียบ

ตอนที่ฟังผลการตรวจ ทั้งคู่จับมือกันไว้แน่น แม้จะเคยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน กฤษณะก็อดตื่นเต้นไม่ได้ แต่นั่นยังไม่เท่าว่าที่คุณแม่ที่บีบมือเขาจนเจ็บ เธอตั้งใจฟังคำแนะนำจากแพทย์ทุกคำพูด ซักถามทุกข้อสงสัย จนมั่นใจว่าเธอเข้าใจทุกอย่างถูกต้องแล้วจึงขอตัวลา

"คุณหมอใจดีจังเลยเนอะ พี่กุน ให้คำแนะนำดีมากเลย" หญิงสาวคุยจ้อขณะที่นั่งรอชำระค่ายา รู้สึกดีใจที่สุขภาพของเธอและลูกแข็งแรง

"พี่ลืมถามหมอไปเรื่องหนึ่ง เรื่องสำคัญมากเลยด้วย" ชายหนุ่มมีสีหน้าเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

"ถามอะไรคะ ถามสราก็ได้นะ สราพอจะเข้าใจรายละเอียดที่คุณหมอบอกแล้ว" หญิงสาวก็พลอยทำหน้าตาจริงจังตามไปด้วย เมื่อเห็นว่าเขาดูเครียดหนัก

"จะถามว่าต้องรออายุครรภ์กี่เดือน เราถึงจะกินตับกันได้โดยไม่มีความเสี่ยงไปถึงลูก" คนเจ้าเล่ห์กระซิบที่ข้างหู ทั้งยังเป่าลมอุ่น ๆ เย้าเธอให้ขนลุกอีกด้วย

"พี่กุนอ้ะ น่าเกลียด ห้ามถามนะ ห้ามเด็ดขาดเลย" มือน้อยตีที่ต้นเเขนของเขาเต็มแรง หน้าแดงเพราะความเขินอาย

ที่ผ่านมา เขาชอบคึกคักมาก่อกวนเธอแทบทุกคืน แค่ได้กอดได้หอมก็พอใจ หญิงสาวก็รู้สึกเห็นใจเขาอยู่ไม่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อระยะนี้ยังมีความเสี่ยงอยู่

"รอก่อนเถอะ ถึงช่วงที่ทำได้เมื่อไหร่ สราอย่ามาอ้อนขอพี่จากก็แล้วกัน" ที่ถามนั้นไม่ใช่ว่าไม่รู้ เขาจำคำแนะนำของแพทย์ได้ตั้งแต่ตอนที่พาประภัสสิริมาตรวจแล้ว แต่ที่ถามก็เพื่อจะแกล้งคนตรงหน้าเพื่อดูปฏิกิริยาต่างหาก

"เชอะ! คนลามก สราไม่พูดด้วยแล้ว"

ระหว่างที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถ กฤษณะพบกับเพื่อนเก่าซึ่งย้ายกลับมาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้

'วาโย' คือชื่อของนายแพทย์รูปหล่อคนนั้น หนุ่มแว่นวัย 32 ปี เป็นเพื่อนรักของกฤษณะตั้งแต่สมัยมัธยมต้น เขาเพิ่งย้ายกลับมาทำงานที่บ้านเกิดหลังจากที่มารดาเสียชีวิตลงเมื่อสองสัปดาห์ก่อน

ประภัสสราที่ทำความรู้จักกับชายหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย ขอตัวไปรอกฤษณะที่รถ เปิดโอกาสให้สองหนุ่มได้พูดคุยถามไถ่กัน

"เห็นตอนแรก ฉันนึกว่าน้องสิริกำลังจะมีน้องคนที่สองซะอีก" วาโยบอกทันทีที่หญิงสาวเดินลับตา รู้สึกเสียใจที่เขาไม่รู้ข่าวการเสียชีวิตของประภัสสิริ "ฉันเสียใจด้วยจริง ๆ"

"ฉันดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจแกมาก ว่าแต่แกเถอะ กลับมาได้สักทีนะ หายดีแล้วเหรอ "

"ก็เรื่อย ๆ" คุณหมอหนุ่มตอบเสียงอ่อย เข้าใจความหมายที่เพื่อนถาม

"..." กฤษณะไม่พูดอะไรต่อ เมื่อได้เห็นอาการของเพื่อน ได้แต่ตบที่บ่าเบา ๆ "ไว้ว่าง ๆ แกมากินข้าวที่บ้านฉันบ้างสิ"

"..."

"หมายถึงบ้านที่ฟาร์มโน่น ยัยมะแมไม่ค่อยไปที่นั่นหรอก วางใจได้ แต่ว่ายัยนั่นป้วนเปี้ยนอยู่ในเมืองนี้ตลอดนะ ระวังจะเจอเข้าล่ะ"

"พอเลย ไม่ต้องพูดชื่อนี้ให้ฉันได้ยินอีก" ชายหนุ่มปัดมือเพื่อนออกจากไหล่ทันทีที่ได้ยินชื่อของโจทก์เก่า

"ทำไมวะ อารมณ์เสียเหมือนเด็กไปได้"

"ก็แค่ไม่อยากได้ยิน"

"มะแม มะแม มะแม"

"ไอ้กุน แกรีบไปเลยนะ ก่อนที่ฉันจะเตะก้นแก ไอ้เพื่อนตัวดี!"


ด้านประภัสสราที่เดินมายังลานจอดรถได้พบกับเมฆาโดยบังเอิญ ชายหนุ่มเล่าว่าพาเขาคุณย่ามาหาหมอ

"ไม่สบายเหรอครับ แหม มองแว้บแรก ผมนึกว่าพ่อเลี้ยงกุนพาคุณสิริมาหาหมอซะอีกครับ แต่ที่ไหนได้เป็นคุณสรานี่เอง" ชายหนุ่มกล่าวยกความสัมพันธ์ระหว่างกฤษณะกับพี่สาวของเธอขึ้นมาพูด จงใจทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินระหว่างคนทั้งสอง "อย่าโกรธผมเลยนะครับ เมื่อก่อนผมเคยเห็นพ่อเลี้ยงพาเมียมาตรวจครรภ์ที่นี่บ่อย ๆ ก็เลยจำผิดไป คุณสองคนเหมือนกันจนแยกแทบไม่ออกเลย ไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงกุนจะเคยจำผิดแบบผมบ้างไหม แฮะ ๆ" คนพูดมากหัวเราะจนตาหยี ลอบมองอาการของหญิงสาวตรงหน้า

"สรามาตรวจสุขภาพธรรมดานี่แหละค่ะ" หญิงสาวกล่าวเลี่ยง ตาโตหลบมองพื้นเพราะกำลังโกหก กลัวคนนอกจะรู้ว่าน้องเมียอย่างเธอกำลังจะมีลูกกับพี่เขย ทั้ง ๆ ที่พี่สาวเพิ่งจะเสียไปไม่นาน

และพยายามไม่เก็บคำพูดของเมฆามาใส่ใจ

"จริงเหรอครับ ผมก็พาคุณย่ามาตรวจสุขภาพเหมือนกัน แต่ไม่เห็นคุณสราที่หน้าห้องตรวจเลย เอ๊ะ หรือว่าเพิ่งมาครับ" คนนิสัยไม่ดีแสร้งไขสือ เข้าใจว่าการกระทำของตนนั้นแนบเนียน แสร้งถามทั้งที่เขานั้นมองเห็นตั้งนานแล้วว่าเธอกับกฤษณะเดินออกมาจากโซนไหนของโรงพยาบาล

ประภัสสราอ้ำอึ้ง น้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะซัดกลับไปแบบไม่ไว้หน้าแล้ว แต่นี่เธอกลับทำได้เพียงก้มหน้านิ่ง

"เอ่ออออ สรา..." หญิงสาวพยายามคิดหาทางออก แต่คำพูดของเมฆาก็ก่อกวนใจเสียจนเธอไม่มีสมาธิ

"เดี๋ยวผมขอตัวก่อนดีกว่า คุณย่ารออยู่น่ะครับ" ชายหนุ่มเอ่ยลา หลังจากที่เห็นแล้วว่าประภัสสราเสียอาการกับคำพูดของเขามากแค่ไหน

'หยดเชื้อความร้าวฉานลงไปครั้งละนิดก็พอแล้ว'

กฤษณะแยกกับวาโยหลังจากที่คุยกันนานพอสมควร เมื่อเดินกลับมาถึงรถก็พบประภัสสรานั่งรออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวเงียบขรึมจนเข้าสังเกตได้

"อยากไปเที่ยวไร่ส้มไหม " ชายหนุ่มพยายามชวนคุย แต่เธอก็ตอบรับเพียงสั้น ๆ แล้วก็เงียบลงอีก

หญิงสาวว้าวุ่นใจมาตลอดทาง ไม่เข้าใจว่าทำไมเมฆาจะต้องพูดให้เธอคิดมากทุกครั้งที่พบหน้า เขาทำท่าทางเหมือนว่าใสซื่อและบริสุทธิ์ใจ แต่คำพูดกลับดูเหมือนว่าเขามีเจตนาบางอย่างซ่อนเร้นไว้

"พี่กุนคะ คุณเมฆานี่เป็นคนยังไงเหรอคะ" หญิงสาวตัดสินใจถามเขาหลังจากที่คิดทบทวนมานาน เธอนึกสาเหตุของการกระทำที่แสนเสแสร้งนั้นไม่ออกจริง ๆ

"มันมาทำไมอีก!" กฤษณะที่เคยอารมณ์ดีพลันเปลี่ยนท่าทีไปเมื่อได้ยินชื่อเมฆา ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก

"ร...เราบังเอิญพบกันที่ลานจอดรถค่ะ" หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวสีหน้าของเขาในยามนี้ยิ่งนัก เธอไม่เคยเห็นเขาโมโหขนาดนี้มาก่อนเลย

"มันมาพูดอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจใช่ไหม คราวหน้าไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีกนะ" กฤษณะสั่งห้ามราวกับมีตาวิเศษมองเห็นเหตุการณ์ ทำให้ประภัสราอดแปลกใจไม่ได้

"แล้วระหว่างพี่กุนกับคุณเมฆามีเรื่องอะไรกันคะ สรางงไปหมดแล้ว"

"มันป่วย" กฤษณะสรุปสั้น ๆ นึกรำคาญคนที่ตามตื้อเพื่อให้เขาสนใจ "อยู่ห่าง ๆ เอาไว้เป็นดี"

"สราไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ พี่กุน เล่ามานะ" หญิงสาวยังคงรบเร้าไม่เลิก จนกฤษณะต้องเล่าเรื่องราวให้ฟัง


กฤษณะกับเมฆารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล ด้วยว่าครอบครัวของทั้งสองนั้นสนิทกัน เมฆาที่มีท่าทางตุ้งติ้งมักถูกเพื่อนแกล้งอยู่เสมอ แต่ก็ได้กฤษณะช่วยเหลือและคบเป็นเพื่อนมาโดยตลอด จนเด็กชายผู้อ่อนแอรู้สึกชื่นชมกฤษณะเป็นอย่างมาก แรก ๆ ก็เป็นเพียงการชื่นชม แต่นานเข้าก็เริ่มหนักข้อขึ้น ตั้งแต่เดินตามทุกฝีก้าว เมื่อกฤษณะรู้สึกรำคาญและตวาดให้เลิกตาม เมฆาก็ได้แต่แอบมองอยู่ห่าง ๆ

จากอนุบาลเป็นประถม จากประถมเป็นมัธยม ไม่ว่าเขาจะย้ายไปเรียนที่ไหน เมฆาก็จะขอทางครอบครัวย้ายตามไปด้วย จนกระทั่งเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาก็ยังคงตามมาเรียนคณะเดียวกับเขา

กฤษณะจิตตกมากที่ถูกคุกคามมานานเพียงนี้ เมฆาเองก็เคยถูกเขาชกต่อยอยู่บ่อยครั้ง ที่หนักสุดก็ตอนที่มาวุ่นวายกับอิงอัปสร เมื่อเมฆารู้ว่าเขาคบหากับหญิงสาวก็ตามมาราวีจนเธอหวาดกลัว นั่นทำให้กฤษณะเหลืออด พลั้งมือทำร้ายชายที่มีปัญหาทางจิตอย่างอำมหิตจนเขาต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหลายสัปดาห์

ทางครอบครัวของเมฆาพยายามหาทางรักษาอาการของเขา แม้จะพาไปบำบัดแต่ชายหนุ่มก็ไม่ดีขึ้น

เขาเริ่มแสดงละครตบตาทุกคนว่าหายดีแล้ว จากนั้นจึงปรับเปลี่ยนวิธีการจากที่เคยตามแบบโต้ง ๆ ก็เริ่มมีแผนการที่ซับซ้อน แสร้งตีสนิทกับคนใกล้ตัวของกฤษณะ หว่านล้อมให้คนคนนั้นตีตัวออกห่างจากชายหนุ่ม

เมฆาหวังเพียงว่าสักวัน กฤษณะจะไม่เหลือใคร เเล้วจะหันมามีไมตรีกับเขาในที่สุด

"สตอล์กเกอร์" ประภัสสรากล่าวสรุป

"ทำนองนั้น"

"คุณเมฆาน่าสงสารจังเลยนะคะ" หญิงสาวเอ่ยเสียงเศร้าหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด "เขาคงจะเหงามาก"

"คนที่น่าสงสารคือพี่ต่างหาก" กฤษณะส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจกับความคิดของเธอ "หมดทางจะรักษาแล้วล่ะ"

หญิงสาวเริ่มคลายความกังวลเมื่อได้รู้สาเหตุของเรื่องทั้งหมด เมฆาพยายามเข้ามาตีสนิทกับเธอ แสร้งพูดดีโดยแฝงพิษร้ายไว้ในคำพูด ต้องการให้เธอตีตัวออกห่างจากกฤษณะ

'ถ้าคุณคิดจะแย่งพี่กุนไป สราไม่ยอมแน่!'


สองหนุ่มสาวมาที่ไร่ส้มรัตติกุล โดยมีพ่อเลี้ยงกฤษกับกฤษณาคอยต้อนรับอย่างดี

"ว่าง ๆ ก็ไปเยี่ยมหลานบ้างนะครับ คุณอามะเเม กุ๋งกิ๋งเริ่มจำคนได้มากขึ้นเเล้วนะ" กฤษณะถือโอกาสชวนน้องสาวไปเที่ยวบ้าน หลังจากที่ได้พูดคุยกับวาโย เขาก็เริ่มคิดแผนการณ์ที่จะทำให้ทั้งสองหวนกลับมาพบกันอีกครั้ง

"ช่วงนี้งานรัดตัวมากเลยค่ะ เอาไว้มะแมจะรีบเคลียร์งานให้ไวเลยนะคะ" หญิงสาวยังมีท่าทีสดใสดี คงจะยังไม่รู้ว่าวาโยกลับมาทำงานที่นี่แล้ว

"โทรนัดล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ก็แล้วกันนะ" ผู้เป็นพี่ชายกล่าวเหมือนกวนประสาท แต่ใช่เสียที่ไหนเล่า เขาจริงจังสุด ๆ เลยล่ะ การรู้วันเวลานั้นคือสิ่งสำคัญในการชักจูงคนทั้งสองมาพบกัน

"พี่กุนพูดเหมือนหลานของมะแมเป็นคนวัยทำงานแล้วอย่างนั้นล่ะ แต่เอาอย่างงั้นก็ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวจะให้เลขาฯ โทรไปบอก"

"ทำไมไม่ชวนพ่อบ้างล่ะ" ชายอาวุโสเอ่ยขึ้น "มะแมจะไปเมื่อไหร่ก็บอกพ่อด้วยนะ พ่อขอไปด้วย" พ่อเลี้ยงกฤษที่ระแคะระคายบางอย่างเอ่ยดักคอทันที

"พ่อครับ น้องโตแล้วนะ ปล่อยบ้างเถอะ" กฤษณะกล่าวอย่างจริงจัง เป็นการสื่อสารธรรมดาที่แฝงข้อความลับซึ่งรู้กันเพียงสองคน

พ่อเลี้ยงกฤษครุ่นคิดคำขอของลูกชายอยู่นาน ก่อนจะให้คำตอบ

"ไม่!"

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว