ดาวหางหายนะ-ตอนที่ 43 ชลา

โดย  TeeSoyMun

ดาวหางหายนะ

ตอนที่ 43 ชลา

มือหนาปิดประตูห้องนอนให้คนฟัง แล้วหันหลังเดินหายเข้าห้องนอนของตัวเอง จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะอย่างสะใจที่สามารถแกล้งคนสนิทได้

“ช่วยไม่ได้นะแซม นายทำตัวเป็นหมีจำศีลมาหลายปีดีดัก ฉันว่าเซ็กซ์อาจจะทำให้นายมีชีวิตชีวา เลิกทำตัวเป็นโรบ็อตเสียที”

พอลไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนอนของซามูเอล แต่เขาหลับยาวถึงหกโมงเช้า และลุกไปเข้าฟิตเนสเกือบหนึ่งชั่วโมงด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า พอขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดอยู่กับบ้านง่ายๆ ก็เข้าไปนั่งในห้องของบุตรบุญธรรมเพราะอยากเซอร์ไพร้ส์แม่หนูน้อย เกือบแปดโมงเช้าก็ยิ้มกว้างเมื่อร่างน้อยในเปลเริ่มขยุกขยิก

“อรุณสวัสดิ์ คนสวย” ชายหนุ่มทักทายด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ตาทอประกายแห่งความรักใคร่เต็มเปี่ยม

“ปะป๊า!” เด็กหญิงอลิซอุทานลั่นห้อง ลุกพรวดขึ้นมาหาอ้อมแขนที่อ้ารอรับอยู่ทันที

“คิดถึงจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งอาทิตย์ ลูกสาวของปะป๊าโตขึ้นเยอะเลยนะ” เขายกร่างที่หนักเกือบสามสิบห้าปอนด์ขึ้นมาอุ้ม หอมแก้มยุ้ยทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว

“อาลิซ… คิดถึง… ปะป๊า…” หนูน้อยอลิซแตะมือเข้าที่อกของตัวเองก่อนจะเปลี่ยนไปแตะที่อกของคนฟัง

“ปะป๊าก็คิดถึงอลิซเหมือนกัน”

“อ่าน หนางสือ” น้ิวป้อมๆ ชี้ไปยังชั้นวางหนังสือสำหรับเด็กที่อยู่มุมห้องขณะส่งภาษาอังกฤษที่ออกเสียงยังไม่ชัดนักอย่างช้าๆ

“โอเค เราอ่านหนังสือกัน” พอลอุ้มร่างอวบตามแบบฉบับเด็กๆ ไปหาชั้นหนังสือ หยิบเล่มนั้นเล่มนี้มาเสนอจนกระทั่งแม่หนูน้อยชี้บอกว่าต้องการเล่มไหน จึงพากลับไปนั่งโซฟา

‘ปลา!’

“ใช่แล้ว ไม่ใช่ปลาธรรมดาด้วยนะ มันชื่อว่า…ปลาสายรุ้ง” รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นเหนือใบหน้าของคนฟังเมื่อคนบนตักพยายามเปิดหน้าถัดไปจนสำเร็จ

“ปลาสายรุ้งเป็นปลาที่สวยที่สุดในทะเล แต่มันไม่เคยเล่นกับใครเลย มันคิดว่ามันสวยเกินกว่าที่จะเล่นหัวกับปลาตัวอื่น วันหนึ่งปลาสีน้ำเงินมาขอเกล็ดของมัน แต่มันหัวเราะเยาะและบอกว่าฝันไปเหอะ จากนั้นปลาทุกตัวก็ว่ายหนี มันกลายเป็นปลาที่ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครอยากคบ เจ้าปลาหมึกยักษ์บอกมันว่าการให้เกล็ดสวยๆ ของมันกับปลาตัวอื่น อาจทำให้มันสวยน้อยลง แต่มันจะมีเพื่อนมากมายและจะไม่เหงา เจ้าปลาสายรุ้งทำหน้าเศร้าและบอกว่าฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก จู่ๆ เจ้าปลาสีน้ำเงินตัวเดิมก็ว่ายกลับมาหามันอีกครั้ง มันพูดว่า น่านะ ขอเกล็ดสวยๆ นั่นให้ฉันสักอันเถอะ เจ้าปลาสายรุ้งก็คิดว่าให้เกล็ดสักอันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เจ้าปลาสีน้ำเงินดีใจใหญ่ มันทำให้เจ้าปลาสายรุ้งรู้สึกมีความสุข และมันก็ตัดสินใจให้เกล็ดกับปลาตัวอื่นๆ ที่เข้ามาขอ จนสุดท้ายมันเหลือเกล็ดแสนสวยแค่อันเดียว แต่ระหว่างที่ว่ายน้ำเล่นกับเพื่อนๆ มันรู้สึกว่ามันเป็นปลาที่มีความสุขที่สุดในโลก”

หนูน้อยอลิซปรบมือชอบอกชอบใจ แล้วกุลีกุจอปีนลงจากตัก เพื่อไปเลือกหนังสือเล่มอื่นมายื่นให้อีก สองพ่อลูกเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือจนไม่ทันเห็นว่าคนแอบมองจากประตูที่เปิดแง้มทิ้งไว้ถึงกับยิ้มแก้มแทบปริ

ศราวณะเดินฮัมเพลงลงจากชั้นสองของคฤหาสน์ พอเข้าไปชงกาแฟดื่มในครัวก็แจ้งแก่พ่อบ้านด้วยสีหน้าครึ้มอกครึ้มใจว่าต้องการลงมือทำอาหารเช้าด้วยตัวเอง เชฟหลักอย่างเปปเปอร์จึงกลายเป็นลูกมือไปโดยปริยาย

“มิสชอบทำอาหารเหรอคะ”

“ชอบทำเฉพาะเวลาที่อารมณ์ดีสุดๆ เท่านั้นแหละค่ะ ไม่อยากจะโม้เลย แต่ฉันเข้าครัวทีไร หลานชายที่เมืองไทยดีอกดีใจกันมากค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยทำตามสูตรเป๊ะๆ หรอกนะคะ ฉันชอบเติมนั่นเติมนี่เข้าไปจนแม่บ่นว่าสูตรแต่ละเมนูของฉันมันเปลี่ยนไปตลอดเวลา” หญิงสาวเอ่ยกลั้วหัวเราะ

“ไปป์เล่าให้ฉันฟังว่า มิสเตอร์ไวส์แมนกินอาหารเช้าที่มิสทำและฝากไปให้ เกลี้ยงแบบไม่เหลือคราบติดกล่องเลยค่ะ” เปปเปอร์เล่าให้ฟังด้วยสีหน้ายิ้มๆ

“ที่ออฟฟิศเลี้ยงหมาไว้หรือเปล่าคะ” คนทำเอ่ยติดจะขำ

“มิสอย่าพูดแบบนี้ให้มิสเตอร์ไวส์แมนได้ยินเชียวนะคะ ไม่งั้นเขาโกรธมิสแน่” เปปเปอร์หัวเราะจนไหล่สะท้าน

“เราเลิกพูดเรื่องเขากันดีกว่าค่ะ พักนี้สีหน้าของคุณสดใสมาก แถมตาเป็นประกายวิบวับเหมือนคนมีความสุขอยู่ตลอดเวลา คุณกำลังมีความรักหรือเปล่าคะเป๊ป” ที่ถามเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายแต่งตัวสวยออกไปข้างนอกอาทิตย์ละหลายครั้ง แม้แต่ไปเปอร์กับชาร์ลีก็เปรยให้ได้ยินว่าเปปเปอร์คงกำลังอินเลิฟ

“เรียกว่าความรักคงยังไม่ได้หรอกค่ะ ฉันกับเขาเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เราก็เข้ากันได้ดี”

“ฉันเดาไม่ผิดจริงๆ ด้วย”

“ฉันทำตัวผิดปกติขนาดนั้นเลยเหรอคะ” คนพูดลนลานเสียจนอีกฝ่ายหัวเราะ

“เคยได้ยินไหมคะว่าเวลาผู้หญิงมีความรักจะสวยขึ้นเพราะมักใส่ใจดูแลผิวพรรณกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองกว่าปกติ ตาจะเป็นประกายเจิดจ้าเหมือนมีดาวเป็นร้อยดวงอยู่ในนั้น”

“แล้วผู้หญิงที่ไม่สนใจดูแลตัวเองล่ะ เข้าข่ายผู้หญิงเกลียด กลัว หรือว่ากำลังวิ่งหนีความรักหืมห์ ซาร่าห์” เสียงทุ้มนุ่มนวลที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาสองสาวหันขวับ เปปเปอร์ยิ้มอ่อนหวานให้เจ้านายหนุ่มกับหนูน้อยในวงแขนของเขา ขณะที่ศราวณะค้อนเสียจนตาคว่ำ

“หม่ามี้!”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคนสวย นึกว่าเจอคนโปรดแล้วจะลืมหม่ามี้เสียอีก”

“หม่ามี้สวยขนาดนี้ ใครจะลืมลงเนอะอลิซ หอมจัง เช้านี้หม่ามี้ทำอะไรให้เราหม่ำน้า” พอลอุ้มแม่หนูไปชะเง้อชะแง้ดูแม่ครัวใหญ่ซึ่งกำลังทำอาหารเช้าอย่างขะมักเขม้น

“ข้าวต้มทะเลค่ะ” ศราวณะตอบยิ้มๆ เห็นเขาอยู่กับอลิซทีไร เธอก็กลายเป็นพวกบ้ายิ้มทุกที

“หม่ามี้ มอร์นิ่ง คิส” แม่หนูน้อยร้องขอพร้อมกับทำปากจู๋รอจูบ น่ารักเสียจนหญิงยอมผละออกห่างจากหัวแก๊สและยื่นปากไปจุ๊บเสียงดังจ๊วบ

“แล้วมอร์นิ่งคิสของผมล่ะ” พอลทวงบ้าง ดวงตามองเรียวปากสีหวานอย่างมีความหมาย ยังจำรสชาติหวานเกินห้ามใจของจูบเมื่อคืนได้เป็นอย่างดี จำจนเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะว่าถูกเธอลากเข้าห้องนอน

“ไม่มีค่ะ” หญิงสาวหน้าแดงแปร๊ด อายที่เขาขอต่อหน้าต่อตาเปปเปอร์และชาร์ลี

“ใจดำชะมัด” ชายหนุ่มทำหน้าเศร้า

“ปะป๊า เศร้า” หนูน้อยอลิซทำหน้าเป็นห่วงเป็นใยคุณป๋า

“ใช่ ปะป๊าเศร้า เศร้ามาก เพราะหม่ามี้ไม่ยอมให้มอร์นิ่งคิส” พอลเล่นละครโดยไม่แคร์ตาดุๆ อย่างคาดโทษ ของคนที่ตกเป็นจำเลย เขาทำหน้าเหมือนคนที่กำลังร้องไห้ผสมกับแกล้งสะอื้น ไม่นำพาอาการยกไม้ยกมือห้ามของภรรยา แล้วก็ปรับสีหน้าแทบไม่ทันเมื่อคนในวงแขนร้องไห้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“โอ๋ๆ ไม่เอา ไม่ร้องนะคะอลิซ ปะป๊าแฮปปี้ ไม่เศร้า ไม่ร้องไห้แล้วค่ะ” ศราวณะปลอบหลานพลางถลึงตาเอาเรื่องใส่ตัวปัญหาซึ่งยังงงเป็นไก่ตาแตก“วันหลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะคะ เด็กวัยนี้เขาอารมณ์อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ ถ้าใครร้องไห้ เขาก็จะร้องตามทุกที”

“ขอโทษจริงๆ คัปเค้ก ผมไม่รู้ว่าลูกเซ้นสิทีฟขนาดนี้” เขาขอโทษขอโพยเสียงอ่อยขณะซับน้ำตาให้อลิซ

“หม่ามี้ ปะป๊า มอร์นิ่ง คิส!” แม่หนูน้อยสั่งทั้งน้ำตาคลอเบ้า

“เอ่อ… อลิซจ๊ะ หม่ามี้คิดว่าไม่ดีกว่ามั้ง” คราวนี้คุณแม่จำเป็นถึงกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เธอเหลือบมองใบหน้ายิ้มเย้ากึ่งท้าทายของสามีลับๆ แล้วก็บอกคุณลูกเร็วปรื๋อว่า “คือ… เช้านี้หม่ามี้ยังไม่ได้แปรงฟันเลยค่ะ รอให้หม่ามี้แปรงฟันก่อนนะคะ”

“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ เราคงไม่จูบกันถึงขัั้นต้องใช้ธองค์แอ็กชันหรอกมั้ง” ชายหนุ่มดักทางเหมือนอ่านเกมของคนหน้างอออกทะลุปรุโปร่ง “เร็วสิ ไม่งั้นถ้าแปรงฟันเสร็จ จะเจอจูบแบบเมื่อคืน แต่ยกกำลังสองนะ”

“คุณ!”หญิงสาวทั้งโกรธทั้งอายที่เขากล้าเอาเรื่องในที่ลับมาขับในที่แจ้ง

“อลิซปรบมือให้หม่ามี้หน่อยเร้ว ไม่งั้นหม่ามี้ไม่คิสปะป๊านะ” คนเจ้าเล่ห์เรียกเสียงเชียร์พร้อมกับยื่นหน้าไปทางคนที่กำลังถูกต้อนให้จนมุม

“หม่ามี้! คิส!” หนูน้อยอลิซปรบมือส่งกำลังใจให้คุณแม่ ศราวณะไม่มีทางเลือกนอกจากยื่นหน้าเข้ามาแตะปากของจอมบงการด้วยสปีดของความไวแสง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว